Group Blog
 
All blogs
 
โมอาย

เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยได้ยินเรื่องราวของเกาะอีสเตอร์กัน อีสเตอร์เป็นเกาะเล็กๆ และโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเกาะนี้ ชนิดที่ว่าเอ่ยถึงเกาะอีสเตอร์เป็นต้องนึกถึงเจ้านี่ ก็คือแท่งหินขนาดยักษ์ แกะสลักเป็นรูปหน้าคน ใช่แล้วครับ เรารู้จักกันในนามของโมอาย

เมื่อก่อนเกาะนี้ไม่ได้ชื่ออีสเตอร์หรอกครับ มันมีชื่อพื้นเมืองว่า "Te Pito O Te Henua" ซึ่งความหมายคือ "Navel of The World" หรือ สะดือของโลก จนกระทั่งเรือของชาวตะวันตกได้มาขึ้นฝั่งที่นี่เมื่อปี 1722 อันเป็นวันอีสเตอร์พอดี ชาวพื้นเมืองของเกาะนี้ มีอารยธรรมและภาษาเป็นของตนเอง (ราปา นุย) พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากชาวโปลิเนเช ี่ยน และดำรงชีพแบบง่ายๆ ตั้งแต่โบราณมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีประชากรอยู่เพียงหยิบมือ เรียกได้ว่า แทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้ใครต่อใครสงสัยกัน ท่านที่เห็นรูปของโมอายคงจะแปลกใจกันนะครับ ว่าดีไซน์ รูปร่างใหญ่โต และน้ำหนักขนาดนั้น ลำพังชาวเกาะอีสเตอร์ จะเอาเครื่องไม้เครื่องมือที่ไหนมาสลัก แล้วลากลงมาจากภูเขาไปตั้งทิ้งไว้ที่ชายหาดได้ มีนักวิชาการหลายท่านครับ ที่พยายามอธิบายถึงวิธีการสร้างโมอายเหล่านี้ หลายคนถึงกับลงมือสาธิตด้วยตนเอง ถึงกระนั้นหลายๆคนก็ยังปักใจเชื่ออยู่ดีว่า เจ้ารูปสลักหินนี่ ต้องมี "อะไรๆ" เกี่ยวพันกับอารยธรรมนอกโลกอยู่ นักวิชาการหลายคน ถึงกับลงมือขุดค้นเข้าไปในตำนานของชาวเกาะ เพื่อจะหาที่ไปที่มาของโมอาย แต่ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องราวอะไรนัก พอถามชาวเกาะที่มีอายุ และมีความทรงจำเกี่ยวกับความเป็นมาของเกาะดู ก็ได้รับคำตอบอย่างเป็นที่น่าพอใจว่า "มันเดินกันลงมาเอง" แน่ล่ะสิครับ รูปสลักใหญ่โตขนาดนี้ ใครล่ะจะเชื่อว่าชาวเกาะโบราณ จะใช้แรงงานของพวกเขาขนย้าย ด้วยการลากลงมาเอง อย่าว่าแต่ลากเลยครับ แค่วิธีแกะสลักเนี่ย ก็ลำบากมากแล้ว ชาวโพลิเนเชี่ ยนเหล่านี้ เค้าเอาอะไรมาสลักหินภูเขาไฟก้อนเบ้อเริ่มให้ออกมาเป็นศิลปกรรมหน้าตาประหลาดแบบนี้ได้ ลิ่มหรือครับ หรือว่าขวานหิน? อีกอย่างนะครับ ดีไซน์ของเจ้าโมอาย ดูแปลกและแตกต่างไปจากศิลปกรรม,สิ่งสักการะทางศาสนา และ วัฒนธรรมของโปลิเนเซี่ ยนโดยสิ้นเชิง บนเกาะอีสเตอร์ยังเหลือโมอายที่ทำไม่เสร็จ ทิ้งไว้ตามชายหาดอยู่จำนวนมาก เหมือนกับว่าคนสร้างได้รีบทิ้งถิ่นพำนัก
แล้วจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วนซะอย่างนั้น นอกจากนี้บนเกาะอีสเตอร์ยังมีตำนานเก่าแก่ เป็นตำนานของมนุษย์ปักษี ( Birdman) ที่เชื่อกันว่าเป็นกลุ่มชนที่รอดตายจากทวีปมู เล่าขานต่อๆกันมา ต่างคนก็ต่างใจครับ นักวิชาการบางคนเริ่มเอนเอียงที่จะเชื่อว่า อารยธรรมบนเกาะอีสเตอร์ มีส่วนเกี่ยวพันกับเอเลี่ยนนอกโลก ในขณะที่บางคนก็พะอืดพะอมที่จะรับฟัง และพยายามหาเหตุผลที่ฟังขึ้นกว่านี้มาอธิบาย อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับแหละครับว่า
รูปสลักบนเกาะอีสเตอร์นี้พิสดารอย่างหาที่เหมือนไม่ได้จริงๆ แถมยังมีการนำมาตั้งเรียงรายบนชายหาดในลักษณะของรันเวย์ซะอย่างนั้น คนที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวก็เชื่อไปเถอะครับ ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็ยกให้เป็นเครดิตของบรรพบุรุษเราดีกว่า ภูมิปัญญาของคนโบราณไงครับ…

มาดูรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของโมอายกันอีกว่า

สิ่งก่อสร้างนี้ตั้งอยู่บนหมู่เกาะอิสเตอร์ ประเทศชิลี อยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มีพื้นที่ประมาณ 50 ตารางไมล์ ห่างจากเกาะชิลีราว 1,100 ไมล์ บริเวณชายฝั่งของเกาะมีรูปหินสลักโบราณ ประมาณ 200 ชิ้น เป็นลักษณะรูปหน้าโผล่มาแต่ศรีษะ เป็นมนุษย์ผู้ชายหน้าตาดุร้ายสูงราว 6 ฟุตเศษ ถึง 30 ฟุต บางรูปมีนํ้าหนักถึง 50 ตัน เป็นหินแท่งๆ ซึ่งวางเรียงอยู่โดยไม่ทราบว่าผู้ใดสร้างและสร้างไว้เพื่อเหตุผลใด ปัจจุบันยังเป็นสิ่งลี้ลับมหัศจรรย์ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่านำหินเหล่านี้มาจากไหน














Create Date : 24 มีนาคม 2549
Last Update : 29 มีนาคม 2549 0:46:59 น. 2 comments
Counter : 568 Pageviews.

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 24 มีนาคม 2549 เวลา:20:40:42 น.  

 
งืม เจ๋งดีคับ ชอบอ่านแนวนี้
//www.deadsharingboard.cjb.net/


โดย: 666 IP: 58.8.58.212 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:20:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กขับเรือ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





กลับมาอัพเดทแล้วครับ หลังจากที่หายไป 5 เดือน ช่วงนั้นงานหนักมากมาย เลยไม่มีเวลามาอัพบล็อค + ขี้เกียจ - - คนเข้ามาดูก็หายไปโดยพริบตา.... ต่อจากนี้ไป ผมจะตระเวนประชาสัมพันธ์บล็อคให้ทั่วเลย (^^)"๐"

ปล. ใครเข้ามาดูขอความกรุณาช่วยสละเวลา CommenT ให้ทีนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูงสุด... _/|\_

ปล2.ขอขอบคุณบอร์ดเว็ป pramool.com เป็นอย่างสูงที่เอื้อเฟื้อทุกสิ่งทุกอย่างครับ


font>
Google
Friends' blogs
[Add เด็กขับเรือ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.