Group Blog
 
All blogs
 

สกัดกลิ่นหอมจากพืช

กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้นานาพันธุ์ล้วนเกิดจากน้ำมันหยดเล็กๆที่พืชหลั่งออกมา เรียกว่าน้ำมันหอมระเหย (essential oil)

พืชผลิตน้ำมันหอมระเหยด้วยเหตุผลต่างๆกัน บ้างเพื่อใช้ล่อแมลงให้มาผสมเกสร บ้างเพื่อป้องกันพวกกาฝากและสัตว์อื่นรบกวน ต้นไม้นับพันๆชนิดในโลกของเรานั้น มีเพียง 200 ชนิดเท่านั้นที่ผลิตน้ำมันหอมระเหยได้

น้ำหอมแต่ละชนิดมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยต่างกัน บ้างก็อาจผสมน้ำมันหอมระเหยเพียงไม่กี่ชนิดไปจนถึงนับเป็นร้อยชนิด อย่างไรก็ตามน้ำหอมทุกชนิดมีองค์ประกอบที่สำคัญเพียง 3 ประการคือ “กลิ่นนำ” (top note) ซึ่งประกอบด้วยหัวน้ำมันหอมที่ระเหยง่าย ส่งกลิ่นกระทบฆานประสาทอย่างได้ผลในฉับพลัน ต่อมาคือ “กลิ่นตาม” (middle note) ซึ่งช่วยปรุงแต่งกลิ่นที่กระทบฆานประสาทในตอนแรกนั้นอีกทีหนึ่ง กลิ่นนี้เป็น “เนื้อแท้” (perfume body) ของน้ำหอม และท้ายที่สุดคือ “กลิ่นหลัก” (base note) เป็นกลิ่นที่หอมทนทาน ประทับใจยาวนาน

ชาวโรมันและกรีกโบราณผลิตน้ำหอมโดยการ แช่ดอกไม้ ใบ และราก ในน้ำมันสัตว์หรือน้ำมันมะกอก เพื่อให้ดูดซับกลิ่นหอมจากพืชนั้น น้ำมันหอมนี้ใช้กันทั้งหญิงและชาย มีราคาค่อนข้างแพง เมื่อครั้งที่พระนางคลีโอพัตราเสด็จออกต้อนรับ มาร์ค แอนโธนี ก็ทรงให้ใช้น้ำหอมชโลมผ้าสีม่วงที่ใช้เป็นใบเรือที่ประทับเพื่อความเย้ายวนใจ

นักบุญเซนต์ลุก ได้เอ่ยถึงสตรีนางหนึ่ง (ซึ่งนักปราชญ์บางท่านกล่าวว่าคือแมรี แมกดาลีน) โดยเล่าว่าเธอผู้นี้ใช้น้ำมันชนิดหนึ่งชโลมพระบาทของพระเยซูเมื่อครั้งพระองค์เสด็จเยือนบ้านของชาวฟาริซี (Pharisee) ผู้หนึ่ง น้ำมันนี้เชื่อว่าคงมีส่วนผสมของสไปก์นาร์ด (spikenard) ซึ่งเป็นน้ำมันหอมที่สกัดจากต้นลำเจียก (Indian valerian tree)

ชาวอาหรับเป็นพวกแรกที่รู้จักสกัดน้ำมันหอมด้วยวิธีกลั่น (distillation) ปัจจุบันก็ยังมีการใช้วิธีคล้ายกันนี้ กล่าวคือนำดอกหรือใบของไม้หอมมาหั่นหรือบดให้ละเอียด แล้วอบด้วยไอน้ำเพื่อให้น้ำมันหอมกลายเป็นไอ ลอยไปที่หลอดแก้ว เย็นลง และกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ แม้จะได้ผลผลิตต่ำมาก คือปกติได้ปริมาณไม่ถึง 1/1,000 ของวัตถุดิบที่นำมากลั่น แต่ก็ได้กลิ่นหอมที่เข้มข้นมากจนแม้ผสมให้เจือจางลง 100 ก็ยังส่งกลิ่นหอมจัด

LF

การสกัดน้ำมันหอมด้วยวิธีกลั่นไม่อาจนำมาใช้กับพืชได้ทุกชนิด เพราะความร้อนลำลายกลิ่นไม้หอมบางชนิดได้ ที่เมืองกลาสส์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำหอมของเขตโพรวองซ์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ยังคงสกัดกลิ่นหอมด้วยวิธีที่เรียกว่า “อองเฟลอราจ” (enfleurage) คือนำดอกไม้ไปโรยไว้บนไขมันสัตว์หรือไขมันหมูซึ่งบริสุทธิ์มาก แล้วจึงนำไปไว้ในห้องเย็นที่มืดสนิทเป็นเวลาประมาณ 1-3 วัน ให้ไขมันดูดซับน้ำมันหอมจากดอกไม้ ผลผลิตที่ได้เรียกว่า “โปมาด” (Pomade) จากนั้นจึงบใส่แอลกอฮอล์เพื่อละลายไขมันที่ไม่ต้องการ ผลก็คือจะได้น้ำมันหอมในสารละลายแอลกอฮอล์ พร้อมที่จะนำไปผสมทำน้ำหอมต่อไป

หัวน้ำหอม (perfume oil) มักผลิตกันแบบธุรกิจในครอบครัวตามชนบทที่ห่างไกลโดยไม่เปลี่ยนวิธีการผลิตเลยนับเป็นเวลาร้อยๆปี ประเทศบัลแกเรียยังคงผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นกุหลาบได้ถึง 70% ของผลผลิตทั่วโลก คนงานจะมาชุมนุมกัน ณ หุบเขาแห่งเทือกเขาบัลคาลตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพราะต้องเด็ดกลีบกุหลาบก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่ากลิ่นหอมยังคงอยู่ กลีบกุหลาบกว่า 2,000 กลีบใช้ผลิตหัวน้ำหอมได้เพียง 1 กรัม

แหล่งผลิตตามที่ต่างๆ มักผลิตหัวน้ำหอมได้ปีละไม่กี่ตัน มีพ่อค้าคนกลางมาซื้อเพื่อนำไปขายให้แก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตน้ำหอม ผู้ผลิตน้ำหอมจะนำน้ำมันหอมระเหยไปปรุงแต่งเป็นกลิ่นต่างๆด้วยวิธีการอันเป็นศิลปะที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนยิ่ง

น้ำหอมประเภทกลิ่นไม้ดอกมักผสมกลิ่นกุหลาบหรือกลิ่นดอกพุด (gardenia) เป็นสำคัญ ส่วนน้ำหอมประเภทกลิ่นอายตะวันออก กลิ่นสมุนไพรหรือกลิ่นเครื่องเทศ มักผสมกลิ่นอบเชยจากจีน พม่า และศรีลังกา หรือลูกจันทน์เทศจากอินโดนีเซียและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก น้ำหอมหลังโกนหนวดมักมีกลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นไม้หรือกลิ่นหนังสัตว์เป็นกลิ่นเด่น

วิธีทำให้น้ำหอมมีกลิ่นติดทนนานต้องอาศัยสารคงสภาพ (fixative) ในสมัยก่อนสกัดสารนี้ได้จากส่วนประกอบหรือผลิตผลจากสัตว์ เช่น ขี้ปลาวาฬ(ambergris)ซึ่งได้จากลำไส้ของปลาวาฬสเปิร์ม ชะมดเชียง(musk)ได้จากถุงในท้องกระจงตัวผู้ ชะมด(civet)จากสารที่หลั่งจากต่อมของตัวชะมด และคาสทอเรียม(castoreum)หรือน้ำมันละหุ่ง(castor)ที่หลั่งจากต่อมของตัวบีเวอร์ ในปัจจุบันมักผลิตสารกันระเหยด้วยวิธีสังเคราะห์ทางเคมี

น้ำหอมที่ปรุงแต่งกลิ่นเสร็จแล้วมักประกอบด้วยหัวน้ำหอมระเหยอย่างน้อยที่สุด 20-30 ชนิด หรืออย่างมากอาจถึง 300 ชนิด เมื่อปรุงเสร็จแล้วก็นำไปขายในรูปแบบต่างๆกัน น้ำหอมประเภทโคโลญ (cologne) หรือ โอ เดอ ตัวแลตต์ (eau de toilette) มีหัวน้ำหอมประมาณ 2-6 % ละลายอยู่ในแอลกอฮอล์ ส่วนน้ำหอม (perfume) มีความเข้มข้นกว่า คือจะมีหัวน้ำหอมประมาณ 10-25 % ละลายอยู่ในแอลกอฮอล์

เมื่อนักเคมีวิเคราะห์สารต่างๆที่ทำให้เกิดกลิ่นใดได้สำเร็จ เขาก็จะสังเคราะห์กลิ่นนั้นได้ กลิ่นสังเคราะห์มีราคาถูกกว่าน้ำหอมที่ผลิตจากวิธีธรรมชาติ เขาจึงนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่ น้ำยาสระผม น้ำยาขัดเงา ฯลฯ

ที่มา : รีดเดอร์ส ไดเจสท์ รู้รอบ ตอบได้ พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2539




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2553    
Last Update : 8 ธันวาคม 2553 11:34:17 น.
Counter : 3249 Pageviews.  

น้ำหอมดาราตอนที่ 23 เสนอ Lollipop Bling จาก Mariah Carey

สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานกับการอัพเดทน้ำหอมดาราใหม่ๆ เพราะงานยุ่งมากไม่ค่อยมีเวลามาอัพค่ะ

วันนี้มาอัพเดทสักหน่อย เพราะช่วงที่ผ่านมาน้ำหอมดาราออกมาเยอะเหมือนกัน วันนี้อัพไม่หมดค่ะ เดี๋ยวจะทยอยอัพนะคะ

อย่าเคืองถ้าอัพเดทน้ำหอมดาราตอนนี้ ษาจะเขียนน้อย เพราะษาได้ข้อมูลน้ำหอมใหม่ของป้ามาลัยมาจำกัดจำเขี่ยเหลือเกิน

Lollipop Bling Ad.

Mariah Carey ออก collection น้ำหอมใหม่ภายใต้ concept ลูกกวาดหรรษา เอาใจบรรดาสาวน้อยและสาวเหลือน้อยทั้งหลาย (ซึ่งจริงๆแล้วษาไม่เห็นว่าจะต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ กลิ่นก็ขนมๆเหมือนกลิ่นอื่นๆที่ชูโรงด้วย Marshmallow ซึ่งหอมแนวขนมอยู่แล้ว ดีไซน์ขวดก็ไม่สร้างสรรค์สไตล์ใหม่เลย และโปสเตอร์โปรโมทที่ดูไม่ลงทุน)

อย่างไรก็แล้วแต่ เราไปรู้จักน้ำหอมใหม่จากป้ามาลัยกัน

เริ่มกันด้วยกลิ่นแรก

Lollipop Bling Honey

Lollipop Bling Honey ขวดสีเหลือง ประกอบด้วยกลิ่นเหลืองๆอย่าง Pineapple และ Honey

กลิ่นที่ 2

Lollipop Bling Mine Again

Lollipop Bling Mine Again ขวดสีแดง ประกอบด้วยกลิ่น Mexican Chocolate, Carribbean Magnolia และ Raspberry

และกลิ่นสุดท้าย(ซะที)

Lollipop Bling Ribbon

Lollipop Bling Ribbon ขวดสีฟ้าเหลือบชมพู ประกอบด้วยกลิ่นลูกกวาด และ White Flowers

เอ้อ...ษาไม่ตื่นเต้นเลยกับคอลลเล็คชั่นนี้ของป้ามาลัยแก

อยากจะถามป้าแกเหมือนกันนะคะว่า “หมดมุขแล้วเหรอค๊า........”

ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆนี้ค่ะ มีเซเลปอีกหลายคนเหมือนกันที่ออกน้ำหอมมาใหม่ รับรองตื่นตาตื่นใจค่ะ




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2553    
Last Update : 23 สิงหาคม 2553 11:21:28 น.
Counter : 1440 Pageviews.  

น้ำหอมที่มี-ที่อยากได้-ที่เคยมี

ไม่มีอะไรคะ แค่ทำเล่นๆ เลยเอามาแปะ (เผื่อมีใครอยากดู) อิอิ

ใครอยากทำมั่ง แนะนำเข้าไปที่ //www.fragrantica.com แต่ต้องสมัครสมาชิกก่อนนะคะ

perfume tabe




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 10:20:00 น.
Counter : 751 Pageviews.  

อะไรคือ Notes ต่างๆในน้ำหอม ???

หลายๆคนคงจะเคยสงสัยว่า Notes ต่างๆในน้ำหอมนั้น ทำหน้าที่ของมันอย่างไร ?? ทำไมในน้ำหอมขวดเดียวกัน จึงมีกลิ่นที่ต่างกันในช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน ??

ษาเคยสงสัยในความมหัศจรรย์ของความหอมว่า "เอ๊ะ เราก็เห็นๆอยู่ว่ามันมาจากขวดเดียวกัน แต่ทำไมเช้าเป็นอีกกลิ่น เที่ยงเป็นอีกกลิ่น เย็นเป็นอีกกลิ่น...เค้าทำได้อย่างไรกันนะ ??...น่าทึ่งจัง"

Notes ของน้ำหอมทำให้เราหลงรักน้ำหอม เราไม่ได้ซื้อน้ำหอมสักขวดเพราะชอบขวดแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้เสียเงินราคาแพงเพื่อนำมาเป็นเครื่องประดับบนโต๊ะเครื่องแป้ง หากแต่มันต้องเป็นเครื่องประดับเรือนกายเราด้วย

GUCCI ENVY ME

นอกจาก Notes จะทำให้เราตัดสินใจลงทุนกับน้ำหอมสักขวดแล้ว Notes ยังเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงกันไม่ได้ ดังนั้น น้ำหอมปลอมจะไม่มี Notes ได้ซับซ้อนเหมือนน้ำหอมแท้

มาทำความรู้จักกับ Notes ระดับต่างๆกันค่ะ

Aroma Chart

Top notes เป็นกลิ่นหอมที่รับได้จากการสูดดมในระยะแรก โดยกลิ่นนี้เกิดจากสารเคมีที่ระเหยได้ในอุณหภูมิต่ำกว่าชนิดอื่น ซึ่งโดยมากเป็นกลิ่นหอมแหลม

Middle notes เป็นกลิ่นหอมที่ติดตามต่อมาจากกลิ่นแรก จึงเป็นกลิ่นหอมเนื้อแท้ของกลิ่น กลิ่นสภาพนี้จะเกิดจากสารเคมีที่ระเหยช้ากว่ากลุ่มแรก ซึ่งโดยมากเป็นกลิ่นหอมที่นุ่มนวล

Base notes เป็นกลิ่นหอมที่ได้หลังสุด หลังจากกลิ่นแหลมและกลิ่นปานกลางไปหมดแล้ว กลิ่นนี้เกิดจากสารเคมีทื่ระเหยยากมาก และมีลักษณะเป็นกลิ่นทึมและทึบติดทนนาน

เมื่อเราทราบกันดีแล้ว ว่ากลิ่นในระดับต่างๆของน้ำหอม ระเหยในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงไม่สามารถรับรู้กลิ่นที่แท้จริงได้จากการดมน้ำหอมจากขวด

SNIFF

ดังนั้น เมื่อเราไปลองเทสน้ำหอมเพื่อที่จะซื้อ เราควรสเปรย์ลงบนผิวของเรา เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายของเราพลักดันให้ Notes ในระดับต่างๆชัดเจนขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถรับรู้กลิ่นที่แท้จริงของน้ำหอมได้ค่ะ

SPRAY

ขอให้ทุกท่านที่รักน้ำหอม ได้น้ำหอมกลิ่นที่ถูกใจในการซื้อครั้งต่อไปนะคะ







 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 14:52:17 น.
Counter : 847 Pageviews.  

My 5 Celeb Scents

ก็อกๆ....เคาะประตูบ้านตัวเอง เนื่องจากไม่ได้เข้ามานานมาก แอ๊ดดด (เสียงประตูบ้านฝืดๆ) บ้านรกหน่อยนะคะ ขอปัดฝุ่นทำความสะอาดนิดนึง......

ไม่รู้จะมีคนตามอ่านบล็อกเราอยู่ป่าวนะ เล่นหายไปทีเป็นเดือนๆแบบนี้ อิอิ

วันนี้เอาของเก่ามาเล่า เป็นน้ำหอมเดิมๆ แต่คราวที่แล้วอาจจะเล่าโดยอ้างอิงจากเว็บ คราวนี้รีวิวเอง จากการใช้จริง และให้คะแนนด้วย (บอกไว้ก่อน ษาให้คะแนนง่ายมาก ไม่มีหลักอะไร ชอบเยอะก็ให้เยอะ)

เริ่มด้วยกลิ่นแรก น้ำหอมเซเล็บขวดแรกในชีวิต อยู่กับษามาแล้วประมาณ 2-3 ปี จำแน่นอนไม่ได้ เป็นแม่ที่คลอดลูกน้ำหอมดาราขวดอื่นๆมาให้ษาฟูมฟักและเสียเงินเป็นเนืองนิจ 555+

Heiress

Heiress by Paris Hilton

ประเภท : Eau de Parfume

แนวกลิ่น : Floral Fruity

Top Notes : Passion Fruit, Orange, Juicy Peach, Mimosa, Champagne

Middle Notes : Star Jasmine, Tiare Lily, Ylang-Ylang, Honey Suckle, Grenadine

Base Notes : Violet Leaf, Tahiti Tonka, White Woods

Review จากการใช้จริง : หลงรักกลิ่นนี้ตรงที่ความหวานจี๊ดเหมือนหมากฝรั่งเนี่ยแหละ ฟืดแรกที่ฉีดนี่ก็ใช่แล้ว แต่ยิ่งหลงรักมากขึ้นทุกทีเมื่อกลิ่นเปลี่ยนสเต็ป มันจะหวานนุ่มขึ้นเรื่อยๆ คล้ายๆกับผู้หญิงที่ตอนแรกเราอาจจะมองว่าเธอเป็นสาวเปรี้ยวแต่พอคบกันไปนานๆเรากลับค้นพบว่าเธอมีความเป็นผู้หญิงหวานๆซ่อนอยู่ น้ำหอมกลิ่นนี้เหมือนจะเปล่งประกายได้ มันสปาร์คปิ๊งๆปั๊งๆระยิบระยับไปหมด ยิ่งวันไหนอากาสดีๆ เย็นๆ กลิ่นนี้ทำให้ถอนตัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว ความติดทนนี่ยกให้อีกกลิ่น สำหรับผิวษานะ ติดทนทั้งวันค่ะ

คะแนนส่วนตัว : 10 เต็ม 10 คือษามีความทรงจำดีๆกับกลิ่นนี้ค่อนข้างมาก ใช้เป็น Signature Scent ช่วงนึงเลยทีเดียว และกลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นแรกที่ทำให้ครอบครัวน้ำหอมของษาขยายใหญ่ขึ้นๆ

-----------------------------------------------------------------------------

กลิ่นต่อมา ยังคงเป็นของ คุณปา(เตา)รีด อยู่

Fairy Dust

Fairy Dust by Paris Hilton

ประเภท : Eau de Parfume

แนวกลิ่น : Floral

Top Notes : Peony, Orange Blossom

Middle Notes : Gardenia, Lotus, Peach

Base Notes : Patchouli, Musk, Vanilla

Review จากการใช้จริง : กลิ่น Gardenia เด่นมากๆค่ะ ฟุ้ง ขจรขจาย ออกแนว Sparkling สมชื่อ Fairy Dust จริงๆ เพราะเวลาใส่กลิ่นนี้ จะรู้สึกเหมือนตัวเองเปล่งประกายระยิบระยับได้ เสียแต่ว่า กลิ่นมันไม่ค่อยซับซ้อน มี Gardenia เด่นอย่างเดียวเลย และสำหรับคนที่ชอบกลิ่นดอกไม้อ่อนๆหรือออกแนวธรรมชาติ ษาว่าไม่น่าจะชอบกลิ่นนี้นะ แต่กลิ่นติดทนดีค่ะ ติดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ถ้าใส่ตอนอากาศเย็นๆหรือในห้องปรับอากาศ มันจะหอมกว่าใส่ตอนอากาศร้อนนะคะ

คะแนนส่วนตัว : .ให้ 8 เต็ม 10 เพราะมันฟุ้งและทนดี แต่กลิ่นไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ และถ้าบางคนไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ฟุ้งๆก็อาจจะไม่ชอบค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------

ดาราคนต่อมา ทำน้ำหอมได้หอมมาก กลิ่นส่วนใหญ่ที่ออกมาก็โดนๆทั้งนั้น

เจ๊พะโล้

Live Luxe

Live Luxe by Jennifer Lopez

ประเภท : Eau de Parfume

แนวกลิ่น : Floral Fruity

Top Notes : Melon, Peach, Pear

Middle Notes : Honeysuckle, Pink Freesia, Lilly of the Valley

Base Notes : Sandalwood, Amber, Musk, Vanilla

Review จากการใช้จริง : เป็นกลิ่นหอมและหวานของผลไม้หลากหลายชนิด สดใสมากๆค่ะ ใส่แล้วร่าเริง กระฉับกระเฉง รู้สึกตัวเองดี๊ด๊าและวัยรุ่นมาก กลิ่นค่อนข้างฟุ้งดีทีเดียว แถมติดทนอีกต่างหาก แต่ก็ยังมีข้อตินะ ษาว่ากลิ่นมันไม่ซับซ้อนมาก หอมหวานดี แต่น่าจะแยก Top, Middle และ Base ให้แตกต่างมากกว่านี้หน่อยน่ะค่ะ

คะแนนส่วนตัว : 9 เต็ม 10

-----------------------------------------------------------------------------

พะโล้ แช่แข็ง

Live Platinum

Live Platinum by Jennifer Lopez(Limited Edition 2008)

ประเภท : Eau de Parfume

แนวกลิ่น : Floral Fruity

Top Notes : Marzipan, Grapefruit, Plum

Middle Notes : Rose, Heliotrope, Orange Blossom

Base Notes : Vanilla, Amber, Musk, Cedar

Review จากการใช้จริง : กลิ่นคล้ายน้ำแข็งในช่องฟรีซและพีชผสมกัน เอ๊ะหรือจะบอกว่ากลิ่นเหมือนพีชแช่แข็งดีนะ กลิ่นนี้ไม่เหมาะกับอากาศร้อนเลย ใช้แล้วเวียนหัว แต่ใส่ช่วงอากาศเย็นๆ หอมดีค่ะ น่ารักๆ เหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง

คะแนนส่วนตัว : วันอากาศร้อน 4/10
วันอากาศเย็นหรือในห้องแอร์ 8/10

-----------------------------------------------------------------------------

กลิ่นสุดท้ายของนักร้องโปรดของษา อาหวิว

Black Star

Black Star by Avril Lavigne

ประเภท : Eau de Parfume

แนวกลิ่น : Floral Fruity Gourmand

Notes : Pink Hibiscus, Black Plum, Dark Chocolate

Review จากการใช้จริง : กลิ่นเปิดหวานฟุ้งของดอก hibiscus พอเปลี่ยนไปช่วง middle แล้วมันหวานตันๆ น่าจะมาจาก plum ผสม chocolate และช่วง base เป็นกลิ่น chocolate ติดทนทั้งวัน ถ้าอากาศร้อนมีมึนจริงๆจังๆ หว๊านหวาน แนะนำให้ใส่น้อยๆ

คะแนนส่วนตัว : 7/10 ต้องอากาศเป็นใจด้วยถึงจะหอม แนะนำสำหรับคนที่จะซื้อ ซื้อไซส์เล็ก 30 หรือ 50 ml. ก็พอค่ะ ษาว่าไม่ค่อยเหมาะกับอากาศบ้านเรา ใช้ทุกวันไม่เหมาะ

-----------------------------------------------------------------------------

จริงๆน้ำหอมดาราที่ษาชอบมีมากกว่า 5 กลิ่นนี้นะคะ โดยเฉพาะของเจ๊พะโล้ หอมมากมายหลายกลิ่นเลย เพียงแต่ษายังไม่มีโอกาศได้ซื้อได้หามาครอบครองเท่านั้นเอง

ที่ชอบมากกกกก แต่หมดไปแล้วคือ Glow ของ เจ๊พะโล้ ซึ่งคาดว่าจะรีเทริ์นเข้าคลังรอบสองเร็วๆนี้ อิอิ ไว้จะมาอวดทีลังนะคะ

ขอบคุณที่แวะเข้าบ้านค่ะ







 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 13:55:13 น.
Counter : 1063 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

SS_Sity
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add SS_Sity's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.