Street Hypnotherapist นักสะกดจิตบำบัดข้างถนน ^^
 

Phobia ... ความกลัวที่ไร้เหตุผล

ความกลัวเป็นการตอบสนองทางระบบประสาทขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์ สัญชาติญาณการเอาตัวรอดผลักดันให้ระบบประสาทสร้างสภาวะอารมณ์กลัวขึ้นเพื่อให้กระตุ้นให้มนุษย์หลีกห่างจากอันตรายหรือสิ่งที่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เช่นเมื่อ 4 ล้านกว่าปีก่อนครั้งมนุษย์ยังคงดำรงอยู่ในป่าไม่ต่างไปจากลิง มนุษย์ย่อมถูกจระเข้คาบไปกินนักต่อนักแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้มนุษยชาติถูกจระเข้คาบไปกินจนหมด ระบบประสาทของมนุษย์จึงต้องสร้างสภาพอารมณ์กลัวขึ้นทุกครั้งที่มนุษย์มองเห็นจระเข้หรือระแคะระคายว่าอาจจะมีจระเข้อยู่บริเวณนี้


โดยปรกติแล้วมนุษย์จะเกิดความกลัวได้สองประการด้วยกันโดยทั้งสองประการล้วนเกี่ยวพันธ์กับความอยู่รอดปลอดภัยของชีวิตทั้งสิ้น ประการที่หนึ่งคือกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้แน่ว่าจะปลอดภัยหรือไม่จึงคำนวนเผื่อไว้ก่อนว่าสิ่งนั้นอาจจะอันตรายได้ และประการที่สองก็คือกลัวเพราะประจักษ์แจ้งแล้วว่าสิ่งนั้นอันตรายต่อชีวิตแน่ๆ

ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าหากใครซักคนหนึ่งจะกลัวเมื่อกระโดดตูมลงไปในสระว่ายน้ำแล้วบังเอิญไปเห็นจระเข้ตัวใหญ่แอบงีบอยู่ที่ก้นสระ หรือเราอาจจะกลัวไม่กล้าลงไปไหว้น้ำเล่นในคลองเพราะได้ยินข่าวว่าช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมีจระเข้หลุดลงคลองไปหลายตัว

แต่ในหลายกรณี...ความกลัวกลับเกิดขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล

คนบางคนอาจจะกลัวเข็มหมุดอันเล็กๆ กลัวกล้วยหอม กลัวความสูง กลัวที่แคบ กลัวกระดุม กลัวเปลือกเงาะแห้ง กลัวลูกเจี๊ยบ กลัวกระต่าย กลัวสามแยก และกลัวได้อีกหลายอย่างที่ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล ทั้งๆ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถประจักษ์แจ้งได้ทั้งสิ้นว่าไม่มีอันตรายต่อชีวิตเหมือนอย่างจรเข้ตัวโตๆ แต่ใครก็ตามที่มีอาการกลัวในลักษณะอย่างนี้เขาก็ห้ามใจห้ามระบบประสาทไม่ให้กลัวสิ่งเหล่านี้ได้จริงๆ

นอกจากจะห้ามไม่ให้กลัวไม่ได้แล้วความกลัวที่เกิดขึ้นยังมีมากมายมหาศาลเกิดกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้อีกต่างหาก บางคนเพียงแต่มองเห็นนกตัวเล็กๆ ก็อาจจะร้องกรี๊ดลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นหรือวิ่งหนีกระโดดพุ่งออกจากหน้าต่างอย่างไม่คิดชีวิต บางคนเพียงแต่คิดถึงผีเสื้อตัวเล็กๆ บินมาเกาะที่แขนก็อาจจะร้องไห้ตัวสั่นไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป

ในทางจิตวิทยาเราเรียกอาการกลัวอย่างรุนแรงและไร้เหตุผลเหล่านี้ว่า “โฟเบีย” (Phobia)

โฟเบียนั้นหมายถึงอาการกลัวอย่างรุนแรงไร้ขีดจำกัด และไร้เหตุผล โดยปรกติเราจะแบ่งโฟเบียออกเป็นสองลักษณะใหญ่ด้วยกัน นั่นก็คือ Specific Phobia และ Social Phobia โดย Specific Phobia นั้นหมายถึงอาการกลัวต่อสิ่งหนึ่งสิ่งโดยเฉพาะ เช่น กลัวสัตว์ กลัวแมลง กลัวสิ่งของ ส่วน Social Phobia นั้นหมายถึงอาการกลัวที่เกิดจากการตอบสนองต่อสังคม เช่น กลัวการอยู่ในที่ๆ มีคนมาก กลัวการพูดต่อคนจำนวนมาก กลัวการรู้จักคนแปลกหน้า หรือกลัวการพูดคุยกับคนอื่นเป็นต้น

สาเหตุอันเป็นปฐมเหตุที่แท้จริงของการเกิดอาการโฟเบียนั้นความจริงแล้วยังไม่สู้จะแน่ชัดนัก แต่จากการวินิจฉัยโดยทั่วไปแล้วพบว่าอาการโฟเบียเกือบจะทั้งหมดเกิดจากการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลเองทั้งสิ้น เช่นกลัวทะเลเพราะเคยนั่งเล่นน้ำทะเลแล้วถูกคลื่นซัดจมน้ำ กลัวนกเพราะเคยโดนฝูกนกรุมทึ้งตอนกำลังโปรยอาหารนก หรือกลัวที่แคบเพราะเคยติดอยู่ในลิฟทั้งคืน อะไรทำนองอย่างนี้เป็นต้น

มาถึงตรงนี้แล้วคงต้องกล่าวต่อไปว่า ความจริงแล้วมนุษย์แต่ละคนต่างก็ใช้เวลาทั้งชีวิตในการเรียนรู้อยู่แล้ว ทุกๆ วัน ทุกๆ เวลาเราเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งใดอันตรายหรือไม่อันตราย หลายๆ คนคงเคยถูกมีดบาดหรือเคยถูกสุนัขกัด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เกิดอาการโฟเบียกลัวมีดหรือกลัวสุนัขแต่อย่างใด นอกจากจะไม่กลัวแล้วหนำซ้ำยังเรียนรู้อีกว่าจะใช้มีดให้ปลอดภัยขึ้นได้อย่างไรหรือจะเล่นกับสุนัขอย่างไรไม่ให้มันกัดเอาได้

คำถามก็คือว่า แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เป็นโฟเบีย

คำตอบของคำถามนี้ก็ต้องย้อนกลับไปที่กลไกการเรียนรู้ของมนุษย์ ตามทฤษฏีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) ได้แบ่งจิต (ผลจากการทำงานของสมองและระบบประสาท) ออกเป็นสองส่วนสำคัญ เรียกว่าจิตสำนึก (Conscious Mind) และจิตใต้สำนึก (Subconscious Mind) โดยจิตสำนึกนั้นก็คือความรู้สึกนึกคิดในส่วนที่เป็นตรรกะเหตุผล และจิตใต้สำนึกนั้นเป็นส่วนของสภาพอารมณ์และสัญชาติญาณ

โดยปกติแล้วทุกๆ ประสบการณ์ของมนุษย์จะถูกบันทึกและเก็บไปสร้างเป็นส่วนที่เราเรียกว่าจิตสำนึก โดยจิตสำนึกเองจะทำหน้าที่เป็นตัวกรองไม่ให้จิตใต้สำนึกเกิดการเรียนรู้ที่มากเกินไปนัก ทั้งนี้ก็เพราะว่าจิตใต้สำนึกทำงานโดยปราศจากเหตุผลอันจะส่งผลถึงการอยู่รวมกันเป็นสังคมของมนุษย์ได้

แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้จิตใต้สำนึกมีเงื่อนไขที่เหมาะสมที่จะได้รับการเรียนรู้โดยตรงเช่นกัน เช่น
ช่วงเวลาในวัยเด็ก (จิตสำนึกหรือตัวกรองข้อมุลยังไม่พัฒนาเต็มที่)
บุคลิกภาพเฉพาะตัวบางอย่าง เช่นบุคคลที่มีบุคลิกอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าภายนอกได้ง่าย หรือบุคคลที่มีบุคลิกแบบสมบูรณ์ แบบ (Perfectionist) เป็นต้น
การเรียนรู้ต่อประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของชีวิตอย่างรุนแรง
การเรียนรู้ในช่วงเวลาที่จิตสำนึกลดบทบาทการทำงานลง
การเรียนรู้ซ้ำ

ดังนั้นหากบุคคลใดก็ตามเกิดได้ประสบกับเหตุการณ์ที่จะทำให้ได้เกิดการเรียนรู้ที่จะกลัวต่อบางสิ่งในช่วงเวลาที่มีเงื่อนไขอันเหมาะสมดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ การเรียนรู้นั้นก็จะเกิดการฝักรากลึกลงไปในส่วนของจิตใต้สำนึกและพัฒนาขึ้นเป็นอาการของโฟเบียอย่างไม่ยากเลย

แบบนี้แล้วเราควรทำอย่าไร อาการโฟเบียจะสามารถบำบัดรักษาได้หรือไม่

คำตอบก็คือว่าอาการโฟเบียนั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างแน่นอน ขอเพียงให้ผู้ที่เป็นโฟเบียนั้นตระหนักได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตัวเขาเองและพร้อมที่จะเข้ารับการบำบัดปัญหาอย่างแท้จริงเท่านั้น โดยการบำบัดรักษาอาการโฟเบียที่เป็นที่ยอมรับในสากลประเทศว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด นุ่มนวลที่สุด และได้ผลมากที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ ...

การสะกดจิตบำบัด (Hypnotherapy)

การสะกดจิตสามารถบำบัดอาการโฟเบียได้อย่างไร หลักการนั้นก็เช่นเดียวกับการเกิดของโฟเบียคือโฟเบียนั้นเกิดจากการเรียนรู้ที่จะกลัวในช่วงเวลาที่มีเงื่อนไขเหมาะสม ทำให้การเรียนรู้นั้นพัฒนาขึ้นมาเป็นโฟเบีย ดังนั้นสิ่งที่นักสะกดจิตจะทำก็คือ การสร้างเงื่อนไขการเรียนรู้เพื่อเปิดช่องทางการเรียนรู้ให้กับจิตใต้สำนึก จากนั้นจึงทำการป้อนข้อมูลเพื่อให้จิตใต้สำนึกเกิดการเรียนรู้ใหม่ เรียนรู้ที่จะรู้จักว่าสิ่งที่เขากลัวอยู่เดิมนั้นเป็นความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล เป็นความกลัวที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อเจ้าตัวเลย เมื่อเกิดการยอมรับต่อสิ่งที่เคยกลัวและเกิดการเรียนรู้ในระดับจิตใต้สำนึกว่าสิ่งนี้ไม่ควรกลัวหรือความกลัวได้หมดสิ้นไปเช่นนี้แล้ว อาการโฟเบียจึงบรรเทาเบาบางลงไปจนกระทั้งหมดไปในที่สุด นี่จึงนับว่าเป็นการบำบัดโดยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยแท้จริง




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2554 13:46:09 น.
Counter : 1076 Pageviews.  

ประโยชน์ของการสะกดจิตบำบัด (Hypnotherapy)

1. พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้
2. สร้างความร่ำรวย
3. เลิกเหล้า
4. เลิกสูบบุหรี่
5. เลิกเสพยาเสพติด
6. สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้
7. ควบคุมอาการเจ็บร้าวบริเวณหัวใจ
8. รักษาอาการหอบหืด
9. เลิกปัสสาวะรดที่นอน
10. ลดอาการตื่นเต้น
11. ลดอาการหน้าแดง
12. ควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
13. เพิ่มพลังให้กับชีวิต
14. เพิ่มพลังให้กับสมอง
15. เพิ่มความคิดสร้างสรรค์
16. เพิ่มขนาดหน้าอก
17. ลดความอ้วน
18. ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
19. ทำให้ออกกำลังกายมากขึ้น
20. เสริมสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง
21. เพิ่มสมาธิ
22. รักษาอาการสมาธิสั้น
23. เพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง
24. รักษาอาการท้องผูก
25. เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นให้กับตนเอง
26. รักษาอาการหดหู่ ซึมเศร้า
27. ทำให้ลืมใครสักคน
28. รักษาโรคนอนไม่หลับ
29. รักษาโรคเครียดเรื้อรัง
30. รักษาอาการกลัวต่าง ๆ (Phobia)
31. ควบคุมความเจ็บปวด
32. ช่วยลดความกลัวก่อนการผ่าตัด
33. ช่วยลดความเครียดหลังการผ่าตัด
34. ช่วยลดความเจ็บปวดจากการคลอดลูกตามธรรมชาติ
35. ช่วยรักษาอาการเบื่ออาหาร
36. ช่วยลดความเครียดก่อนเข้าสอบ
37. เตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งาน
38. ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเงิน
39. รักษาภาวะกามตายด้านในผู้ชาย
40. รักษาอาการหลั่งเร็ว
41. รักษาอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัว
42. รักษาภาวะกามตายด้านในผู้หญิง
43. รักษาอาการเกร็งช่องคลอด
44. รักษาอาการกลัวการมีเพศสัมพันธ์
45. เพิ่มสมรรถภาพและอารมณ์ทางเพศ
46. เพิ่มความสามารถในการมุ่งไปสู่เป้าหมายที่หวังไว้
47. รักษาความดันสูง
48. ช่วยพัฒนาศักยภาพการได้ยิน
49. ช่วยให้ความรู้สึกผิดในตัวเองลดลง
50. ปรับปรุงบุคลิกภาพ
51. เสริมสร้างความมุ่งมั่น
52. ลดความหึงหวง
53. ทำให้เลิกกัดเล็บ
54. ทำให้เลิกดึงผมตนเอง
55. ลดความวิตกกังวล
56. ลดความหมกมุ่น
57. สะกดจิตระลึกชาติ
58. เสริมศร้างศักยภาพการทำงานจนถึงขีดสุด
59. เลิกผลัดวันประกันพรุ่ง
60. รักษาอาการติดอ่าง
61. ทำให้กล้าพูดต่อหน้าชุมชน (คนหมู่มาก)
62. สามารถผ่อนคลายได้มากขึ้น
63. เพิ่มความกล้า
64. รักษาอาการนอนกรน
65. รักษาอาการนอนกัดฟัน
66. เพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง
67. รักษาอาการคันเรื้อรัง
68. รักษาอาการไมเกรน
69. รักษาอาการปวดหัวเรื้อรัง
70. รักษาอาการแพ้ท้อง
71. รักษาอาการคลื่นไส้-อาเจียน
72. รักษาอาการประหม่าในที่สาธารณะ
73. รักษาอาการนอนละเมอ
74. เพิ่มความเร็วในการอ่านหนังสือ
75. บำบัดปัญหาการทำร้ายตนเอง
76. บำบัดอาการอยากฆ่าตัวตาย
77. บำบัดความสัมพันธ์ทุกรูปแบบให้ดีขึ้น
78. ลดความเจ็บปวดตามข้อ กล้ามเนื้อ และกระดูก
79. บำบัดอาการตื่นเวที
80. ทำให้รักการกินผัก
81. ทำให้ดื่มน้ำมากขึ้น
82. ทำให้ประหยัดและเก็บเงินได้มากขึ้น
83. ทำให้สามารถให้อภัยคนที่เราโกรธแค้นได้
84. เสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ป่วย
85. แก้ปัญหาวัยทอง
86. เสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์
87. เปลี่ยนแปลงความเชื่อที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
89. เสริมสร้างความมั่นใจเรื่องโชคชะตา
90. เพิ่มศักยภาพด้านการกีฬา
91. เพิ่มความมั่นใจในการรักษาสิทธิประโยชน์ของตน
92. แก้ปัญหาความสัมพันธ์ในชีวิตคู่

และอื่นๆ อีกมาก




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2553    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2554 13:46:29 น.
Counter : 840 Pageviews.  

การสะกดจิตตัวเองแบบ Affirmation

เนื่องจากการสะกดจิตตัวเองมักจะพบปัญหาหลับก่อนที่จะได้บรรจุข้อมูลเสมอ ดังนั้นหากเป็นการสะกดจิตตัวเองจึงควรใช้เทคนิคที่เรียกว่า Affirmation

การ Affirmation เป็นการพูดคำสั่งสะกดจิตกับตัวเองเป็นถ้อยคำสั้นๆ อย่างไม่เป็นพิธีรีตองมากนัก โดยจะพูดคำสั่งสะกดจิตที่สั้นกระชับได้ใจความในช่วงเวลาที่ตัวเองกำลังในภาวะที่ผ่อนคลายเช่นขณะเพิ่งตื่นนอน ก่อนนอนหลับ ขณะนั่งสมาธิ หรือขณะที่ฟังเพลงเบาๆ ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าผลของเทคนิคจะไม่เท่ากับการสะกดจิตเต็มรูปแบบ แต่หากได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจะให้ผลได้ดีทัดเทียมกัน อีกทั้งการทำ Affirmation นี้ใช้เวลาน้อย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากจึงสามารถทำได้ทุกวันทำได้บ่อยๆ โดยที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไร

สำหรับปัจจัยสำคัญสำคัญในการทำ Affirmation จะประกอบไปด้วย
• ความผ่อนคลายของร่างการและจิตใจ อาจจะไม่ต้องเต็มรูปแบบเหมือนอย่างการการสะกดจิตเต็มรูปแบบแต่สภาพร่างกายและจิตใจต้องอยู่ในภาวะผ่อนคลาย
• ถ้อยคำ Affirmation จะต้องสั้น กระชับ มีความหมายชัดเจน
• กล่าวถ้อยคำ Affirmation ซ้ำๆ
• สภาพอารมณ์จะต้องสอดคล้องกับถ้อยคำ Affirmation




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2553    
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 9:59:05 น.
Counter : 1545 Pageviews.  

การสะกดจิตระลึกชาติ

เรื่องชาตินี้ชาติหน้าดูจะเป็นปัญหาที่หาข้อสรุปไม่ได้อีกอย่างหนึ่งที่มานานแสนนาน เรื่องแบบนี้คนที่เชื่อก็บอกว่ามีส่วนคนไม่เชื่ออย่างไรก็ไม่เชื่อวันยันค่ำ นักจิตวิทยาระดับปรมาจารย์หลายท่านเช่น คาล กูสต๊าฟ จุง ก็เชื่อเรื่องชาติภพก่อนๆ ว่ามันอยู่จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่หลักฐานอะไรที่เราจะเอามาใช้ยืนยันได้ว่าเรื่องชาติภพนั้นมันมีอยู่จริงหรือเปล่า ก็ได้แต่หวังว่าซักวันหนึ่งคงจะงานงานทดลองหรืองานวิจัยอะไรซักอย่างสามารถสรุปออกมาเป็นรูปธรรมได้ว่าเรื่องชาติภพนี้มีจริงหรือไม่

สำหรับในวงการนักสะกดจิตแล้ว เรื่องการสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานว่ามันเท็จจริงมากน้อยขนาดไหน เรื่องของเรื่องปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าในหลายๆ กรณีเราพบว่าการสะกดจิตแบบทั่วไปก็ยังไม่สามารถรักษาบำบัดได้ ถึงแม้ผู้ได้รับการบำบัดจะมีการรับข้อมูลได้ดีก็ตาม และเจ้ากรรมที่ว่ากรณีแบบนี้มักจะบำบัดให้หายจากปัญหาได้จากการสะกดจิตระลึกชาติ กรณีแบบนี้พบเจอกันไม่บ่อยนักแต่ก็มีให้พบเห็นกันอยู่เรื่อยๆ นักสะกดจิตบางคนเชื่อถือกับเรื่องนี้มากในขณะที่หลายคนก็ปฏิเสธเทคนิคการบำบัดแบบนี้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือตรงกันว่าเป็นเทคนิคบำบัดแบบท้ายๆ ที่นักสะกดจิตบำบัด (ที่ดี) จะเลือกใช้ โดยจะใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้นเพราะวิธีการนี้มันหมิ่นเหม่ไสยศาสตร์ในสายตาของคนทั่วไปซักหน่อย แถมยังอาจจะทำให้ผู้ได้รับการบำบัดเชื่อถืออะไรต่อไปเป็นตุเป็นตะได้ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วก็ยังสรุปจริงจังไม่ได้ว่าภาพที่เห็นจากการสะกดจิตระลึกชาตินั้นมาจากไหน

เรามาดูกันสักหน่อยว่าการสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) นี้เป็นอย่างไร สมมุติว่า (ความจริงเคสนี้ไม่ได้สมมุติค่ะ) มีชายคนหนึ่งมีอาการหวาดกลัวน้ำเป็นอย่างมาก ไม่สามารถรับกับสภาพที่จะต้องมีน้ำท่วมตัวได้ ดังนั้นเรื่องไปเล่นน้ำทะเลไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่นอนแช่น้ำร้อนในอ่างก็แทบจะรับไม่ได้แล้ว ในที่สุดชายคนนี้ก็เข้ารับการบำบัดด้วยการสะกดจิตในขั้นแรกผลที่ได้นั้นล้มเหลวครับทั้งๆ ที่การสะกดจิตก็เป็นไปได้ด้วยดี ผลก็คือสุดท้ายจึงได้ตัดสินใจเล่นของยากกัน นั่นก็คือการสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) นั่นเอง

การสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่นนักสะกดจิตอาจจะเริ่มต้นจากการสะกดจิตย้อนอดีตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับไปสู่ความรู้สึกขณะอยู่ในท้องแม่แล้วก็ย้อนเลยไปถึงชาติที่แล้วโดยจะย้อนไปเป็นช่วงๆ เพื่อหาว่าเหตุการณ์อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด
ปัญหาในชาตินี้ พอมาถึงขั้นนี้ส่วนใหญ่จะเจอกับต้นตอของปัญหาครับ เช่นกรณีของชายที่กลัวน้ำนี้พบว่าเขาจมน้ำตายในชาติที่แล้ว ทำให้ความกลัวฝังใจตามมาถึงชาตินี้ มาถึงตรงนี้ฝรั่งกับไทยจะเล่นกันต่างนิดหน่อย เพราะฝรั่งจะให้ทราบและยอมรับในสิ่งที่เกิดเพื่อเป็นการแก้ปัญหาของชาตินี้ ส่วนพี่ไทยเรามีวิธีการแบบไทยๆ เช่นให้เจ้าตัวแผ่เมตตา ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร (ในภวังค์สะกดจิต) เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในชาตินี้ ซึ่งก็ได้ผลในการบำบัดที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน สำหรับกรณีของชายที่กลัวน้ำนี้ได้ใช้วิธีการให้เขาขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ผลก็คือคราวนี้พอตื่นขึ้นมาจากภวังค์ อาการที่เคยติดหล่มบำบัดกันไม่ได้ด้วยวิธีปรกติกลับหายไปเสียอย่างนั้น

เรื่องผลของการบำบัดนั้นคงไม่ต้องพูดถึง แต่ประเด็นคือภาพที่เห็นจากการสะกดจิตนั้นเป็นภาพจากชาติที่แล้วจริงๆ หรือ นั่นเป็นสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาในชาตินี้ หรือเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่เป็นผลจากการทำงานของจิตใต้สำนึกที่เรียกว่า “ความทรงจำปลอม” เป็นจินตนาการที่จิตใต้สำนึก
สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนเง้าของปัญหาให้ออกมาเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ สามารถเข้าถึงและบำบัดได้ง่าย

แต่ก็นั่นแหละครับ ถึงแม้ว่าเรื่องชาติที่แล้วจะมีจริงแท้แน่นอนแล้วก็ตาม นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าภาพที่เราเห็นในภวังค์การสะจิตระลึกชาติจะเป็นภาพจากชาติที่แล้วจริงๆ ความจริงแล้วชาติที่แล้วอาจจะมีแต่ภาพที่เราเห็นนั้นมันอาจจะเป็นเพียงภาพที่จิตใต้สำนึกของเราสร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของปัญหาให้เราสามารถจับต้องมันได้ง่ายก็ได้อยู่ดีนั่นเอง ดังนั้นในฐานะของนักสะกดจิตแล้วก็ต้องขอบอกว่าอย่าไปเอาสาระกับภาพในภวังค์สะกดจิตระลึกชาติมากเลยครับ ถึงแม้ว่ามันจะสามารถทำให้การบำบัดเกิดผลดีอย่างมากก็ตาม ให้คิดเสียว่ามันเป็นเพียงแค่กุศโลบายในการบำบัดแบบหนึ่งก็พอการที่เราจะไปยึดถือภาพจากภวังค์เหล่านี้จริงจังมากก็คงไม่ไหว ส่วนท่านที่คิดจะใช้วิธีนี้เจาะเวลาหาอดีตไปดูชาติที่แล้วๆ มาของตัวเองเพื่อเอาไปเมาส์กับคนอื่นแล้ว
ก็ไม่ขอแนะนำอีกเช่นค่ะ นอกจากจะงมงายเสียเวลาแล้วยังอาจจะโดนคนไม่เชื่อตอกหน้าหงายกลับมาได้ง่ายๆ อีกต่างหาก




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2553    
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 9:56:34 น.
Counter : 2773 Pageviews.  

การสะกดจิตระลึกชาติ

เรื่องชาตินี้ชาติหน้าดูจะเป็นปัญหาที่หาข้อสรุปไม่ได้อีกอย่างหนึ่งที่มานานแสนนาน เรื่องแบบนี้คนที่เชื่อก็บอกว่ามีส่วนคนไม่เชื่ออย่างไรก็ไม่เชื่อวันยันค่ำ นักจิตวิทยาระดับปรมาจารย์หลายท่านเช่น คาล กูสต๊าฟ จุง ก็เชื่อเรื่องชาติภพก่อนๆ ว่ามันอยู่จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่หลักฐานอะไรที่เราจะเอามาใช้ยืนยันได้ว่าเรื่องชาติภพนั้นมันมีอยู่จริงหรือเปล่า ก็ได้แต่หวังว่าซักวันหนึ่งคงจะงานงานทดลองหรืองานวิจัยอะไรซักอย่างสามารถสรุปออกมาเป็นรูปธรรมได้ว่าเรื่องชาติภพนี้มีจริงหรือไม่

สำหรับในวงการนักสะกดจิตแล้ว เรื่องการสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานว่ามันเท็จจริงมากน้อยขนาดไหน เรื่องของเรื่องปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าในหลายๆ กรณีเราพบว่าการสะกดจิตแบบทั่วไปก็ยังไม่สามารถรักษาบำบัดได้ ถึงแม้ผู้ได้รับการบำบัดจะมีการรับข้อมูลได้ดีก็ตาม และเจ้ากรรมที่ว่ากรณีแบบนี้มักจะบำบัดให้หายจากปัญหาได้จากการสะกดจิตระลึกชาติ กรณีแบบนี้พบเจอกันไม่บ่อยนักแต่ก็มีให้พบเห็นกันอยู่เรื่อยๆ นักสะกดจิตบางคนเชื่อถือกับเรื่องนี้มากในขณะที่หลายคนก็ปฏิเสธเทคนิคการบำบัดแบบนี้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือตรงกันว่าเป็นเทคนิคบำบัดแบบท้ายๆ ที่นักสะกดจิตบำบัด (ที่ดี) จะเลือกใช้ โดยจะใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้นเพราะวิธีการนี้มันหมิ่นเหม่ไสยศาสตร์ในสายตาของคนทั่วไปซักหน่อย แถมยังอาจจะทำให้ผู้ได้รับการบำบัดเชื่อถืออะไรต่อไปเป็นตุเป็นตะได้ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วก็ยังสรุปจริงจังไม่ได้ว่าภาพที่เห็นจากการสะกดจิตระลึกชาตินั้นมาจากไหน

เรามาดูกันสักหน่อยว่าการสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) นี้เป็นอย่างไร สมมุติว่า (ความจริงเคสนี้ไม่ได้สมมุติค่ะ) มีชายคนหนึ่งมีอาการหวาดกลัวน้ำเป็นอย่างมาก ไม่สามารถรับกับสภาพที่จะต้องมีน้ำท่วมตัวได้ ดังนั้นเรื่องไปเล่นน้ำทะเลไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่นอนแช่น้ำร้อนในอ่างก็แทบจะรับไม่ได้แล้ว ในที่สุดชายคนนี้ก็เข้ารับการบำบัดด้วยการสะกดจิตในขั้นแรกผลที่ได้นั้นล้มเหลวครับทั้งๆ ที่การสะกดจิตก็เป็นไปได้ด้วยดี ผลก็คือสุดท้ายจึงได้ตัดสินใจเล่นของยากกัน นั่นก็คือการสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) นั่นเอง

การสะกดจิตระลึกชาติ (Past Live Hypnotherapy) สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่นนักสะกดจิตอาจจะเริ่มต้นจากการสะกดจิตย้อนอดีตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับไปสู่ความรู้สึกขณะอยู่ในท้องแม่แล้วก็ย้อนเลยไปถึงชาติที่แล้วโดยจะย้อนไปเป็นช่วงๆ เพื่อหาว่าเหตุการณ์อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด
ปัญหาในชาตินี้ พอมาถึงขั้นนี้ส่วนใหญ่จะเจอกับต้นตอของปัญหาครับ เช่นกรณีของชายที่กลัวน้ำนี้พบว่าเขาจมน้ำตายในชาติที่แล้ว ทำให้ความกลัวฝังใจตามมาถึงชาตินี้ มาถึงตรงนี้ฝรั่งกับไทยจะเล่นกันต่างนิดหน่อย เพราะฝรั่งจะให้ทราบและยอมรับในสิ่งที่เกิดเพื่อเป็นการแก้ปัญหาของชาตินี้ ส่วนพี่ไทยเรามีวิธีการแบบไทยๆ เช่นให้เจ้าตัวแผ่เมตตา ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร (ในภวังค์สะกดจิต) เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในชาตินี้ ซึ่งก็ได้ผลในการบำบัดที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน สำหรับกรณีของชายที่กลัวน้ำนี้ได้ใช้วิธีการให้เขาขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ผลก็คือคราวนี้พอตื่นขึ้นมาจากภวังค์ อาการที่เคยติดหล่มบำบัดกันไม่ได้ด้วยวิธีปรกติกลับหายไปเสียอย่างนั้น

เรื่องผลของการบำบัดนั้นคงไม่ต้องพูดถึง แต่ประเด็นคือภาพที่เห็นจากการสะกดจิตนั้นเป็นภาพจากชาติที่แล้วจริงๆ หรือ นั่นเป็นสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาในชาตินี้ หรือเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่เป็นผลจากการทำงานของจิตใต้สำนึกที่เรียกว่า “ความทรงจำปลอม” เป็นจินตนาการที่จิตใต้สำนึก
สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนเง้าของปัญหาให้ออกมาเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ สามารถเข้าถึงและบำบัดได้ง่าย

แต่ก็นั่นแหละครับ ถึงแม้ว่าเรื่องชาติที่แล้วจะมีจริงแท้แน่นอนแล้วก็ตาม นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าภาพที่เราเห็นในภวังค์การสะจิตระลึกชาติจะเป็นภาพจากชาติที่แล้วจริงๆ ความจริงแล้วชาติที่แล้วอาจจะมีแต่ภาพที่เราเห็นนั้นมันอาจจะเป็นเพียงภาพที่จิตใต้สำนึกของเราสร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของปัญหาให้เราสามารถจับต้องมันได้ง่ายก็ได้อยู่ดีนั่นเอง ดังนั้นในฐานะของนักสะกดจิตแล้วก็ต้องขอบอกว่าอย่าไปเอาสาระกับภาพในภวังค์สะกดจิตระลึกชาติมากเลยครับ ถึงแม้ว่ามันจะสามารถทำให้การบำบัดเกิดผลดีอย่างมากก็ตาม ให้คิดเสียว่ามันเป็นเพียงแค่กุศโลบายในการบำบัดแบบหนึ่งก็พอการที่เราจะไปยึดถือภาพจากภวังค์เหล่านี้จริงจังมากก็คงไม่ไหว ส่วนท่านที่คิดจะใช้วิธีนี้เจาะเวลาหาอดีตไปดูชาติที่แล้วๆ มาของตัวเองเพื่อเอาไปเมาส์กับคนอื่นแล้ว
ก็ไม่ขอแนะนำอีกเช่นค่ะ นอกจากจะงมงายเสียเวลาแล้วยังอาจจะโดนคนไม่เชื่อตอกหน้าหงายกลับมาได้ง่ายๆ อีกต่างหาก




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2553    
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 9:56:26 น.
Counter : 672 Pageviews.  

1  2  3  4  5  
 
 

dear143
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




สาวตัวน้อย ๆ นักบำบัดด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อรักษาอาการป่วยโรคกาย โรคใจ ปวดหัวเรื้อรัง ไมเกรน เครียด หมกมุ่น ฟุ้งซ่าน อาการกลัว (phobia) ลดความอ้วน แก้ไขพฤติกรรม อกหักรักคุด ลืมแฟนไม่ได้ รักใครไม่เป็น การแ้ก้ไขที่จิตใต้สำนึกช่วยคุณได้ สอบถามไ้ด้ค่ะ hypno_therapist@hotmail.com
[Add dear143's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com