|
|
|
|
|
|
หลักการการสั่งจิตใต้สำนึก - ไม่ยากเท่าที่คิด
การบำบัดด้วยการสั่งจิตใต้สำนึก (หรือที่รู้จักกันในนามทั่วไปว่าสะกดจิตน่ะแหละค่ะ) ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไร ไม่ว่าใครก็ทำได้หากรู้หลักของการบำบัด ต้องเริ่มก่อนว่าจิตของคนเราเนี่ยท่านฟรอยด์ (Sigmund Freud นักสะกดจิตตัวพ่อ) ซึ่งเป็นผู้เริ่มศาสตร์การบำบัดด้วยการสั่งจิตใต้สำนึก ได้จำแนกระดับของจิตไว้เป็น 3 ระดับคือ
1. จิตสำนึก 2. จิตกึ่งสำนึก 3. จิตใต้สำนึก
ณ ทีนี้เราจะ focus กันแค่จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกนะคะ
ถ้าหากให้อธิบายอย่างง่าย ๆ ให้ลองสมมติว่าสมองของเราเนี่ยเป็นคอมพ์พิวเตอร์เครื่องหนึ่ง แล้วจิตสำนึกของเราก็คือ RAM เป็นตัวรับข้อมูลมาเก็บไว้เป็นด่านแรก แล้วค่อยส่งข้อมูลต่าง ๆ ไปเก็บไว้ใน Harddisk ซึ่งก็คือจิตใต้สำนึกของเรา ๆ เนี่ยแหละค่ะ
จิตใต้สำนึกของคนเราเนี่ย เป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอดเลยนะคะ สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ตั้งแต่เราเกิดเลยเชียว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงใด มันจะถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกทั้งสิ้น จิตใต้สำนึกจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราคือใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร กลัวอะไร ขี้อาย กล้าแสดงออก พูดน้อย พูดเก่ง ฯลฯ พูดง่าย ๆ ก็คือข้อมูลที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของคนเราก็เปรียบได้กับ program ที่เราเอาไปลงไว้ในเครื่องนั่นแหละค่ะ
ทีนี้ถ้าหากว่าเรามีพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์เช่นว่า ชอบกินจุกจิก ขี้โมโห ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก้าวร้าว เกลียดชัง ขี้อิจฉา เจ้าชู้ สมาธิสั้น ไม่ชอบกินผัก ขี้เกียจ ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ก็คือ virus คอมพ์พิวเตอร์ค่ะ ถ้าเราปล่อยไว้นานคอมพ์ก็จะยิ่งทำงานได้แย่ลงเรื่อย ๆ
ทางแก้ก็คือจะต้องหา Anti-virus ใส่เข้าไปในเครื่อง เพื่อลบไวรัสพวกนี้ออกไป
เจ้าจิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกเนี่ย มันจะผลัดกันตื่น ผลัดกันทำงาน เมื่อยามที่เราตื่นมีสติรู้สึกตัวตอนนั้นจะเป็นจิตสำนึกทำงานแล้วเจ้าจิตใต้สำนึกก็จะหลับอยู่ แต่ก็ยังคอยเก็บข้อมูลตามที่จิตสำนึกส่งไปให้เก็บอยู่เรื่อย ๆ ในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงที่เราเคลิ้มจะหลับจนถึงหลับสนิท ช่วงเวลาเหล่านั้นจิตสำนึกจะหลับแล้วจะเป็นจิตใต้สำนึกที่ตื่นมาทำงานค่ะ เพราะฉะนั้นเหล่าความฝันทั้งหลายพวกนั้น ก็คือการที่จิตใต้สำนึกเป็นตัวสร้างภาพขึ้นมายามที่เราหลับ ส่งให้เราเห็นภาพเหล่านั้นหรือก็คือความฝันนั่นเอง
ส่วนกระบวนการ run Anti-virus หรือลบนิสัยพฤติกรรมที่ไม่ดีออกไปแล้วใส่สิ่งที่เราต้องการเข้ามา ก็คือการบำบัดด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกค่ะ ทำได้โดยการที่นักบำบัดจะต้องทำให้คนไข้/ผู้รับการบำบัดเข้าสู่ภวังค์ หรือทำให้จิตสำนึกหลับแล้วก็ปลุกจิตใต้สำนึกให้ตื่น เมื่อจิตใต้สำนึกตื่นแล้วทีนี้ก็ค่อยสั่งลบนิสัย/พฤติกรรมที่ไม่ดีออกไป แล้วก็ค่อยลงโปรแกรม/คำสั่งที่ดีเข้ามาแทน
ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจเหนือมนุษย์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อาจจะต้องมีสมาธิที่ค่อนข้างนิ่ง ถึงจะเป็นผู้บำบัดที่ดีได้ค่ะ
Create Date : 20 มกราคม 2553 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2553 15:54:50 น. |
|
31 comments
|
Counter : 23414 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Chulapinan วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:14:14:26 น. |
|
|
|
โดย: dear143 วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:15:48:01 น. |
|
|
|
โดย: ปลา IP: 114.128.160.150 วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:21:05:11 น. |
|
|
|
โดย: thumb IP: 110.33.223.182 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:53:32 น. |
|
|
|
โดย: นับก้าว IP: 202.91.18.201 วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:20:12:25 น. |
|
|
|
โดย: ap IP: 101.108.187.71 วันที่: 4 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:18:12 น. |
|
|
|
โดย: Yumi IP: 115.87.109.74 วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:22:02:19 น. |
|
|
|
โดย: dear143 วันที่: 5 ตุลาคม 2554 เวลา:21:43:26 น. |
|
|
|
โดย: wihog IP: 118.175.72.107 วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:9:40:04 น. |
|
|
|
โดย: b_B IP: 223.206.3.102 วันที่: 7 มกราคม 2555 เวลา:17:12:59 น. |
|
|
|
โดย: dear143 วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:17:58:11 น. |
|
|
|
โดย: บราลี IP: 183.89.121.173 วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:11:44:47 น. |
|
|
|
โดย: dear143 วันที่: 15 มีนาคม 2555 เวลา:23:19:09 น. |
|
|
|
โดย: คนธรรมดา ธรรมดา IP: 110.49.251.143 วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:38:21 น. |
|
|
|
โดย: รัชชดา IP: 101.108.168.143 วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:22:45:44 น. |
|
|
|
โดย: dear143 วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:13:57:19 น. |
|
|
|
โดย: อยากลบ IP: 117.136.23.25 วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:14:25:46 น. |
|
|
|
โดย: เนยค่ะ IP: 202.28.118.120 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:36:18 น. |
|
|
|
โดย: แนน IP: 1.0.236.186 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:15:22 น. |
|
|
|
โดย: แสงธรรม IP: 79.217.85.182 วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:3:49:51 น. |
|
|
|
โดย: dear143 วันที่: 2 มกราคม 2556 เวลา:19:12:06 น. |
|
|
|
โดย: 111 IP: 217.225.200.104 วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:20:17:42 น. |
|
|
|
โดย: พิมพ์ IP: 27.55.172.243 วันที่: 18 มิถุนายน 2556 เวลา:18:44:39 น. |
|
|
|
โดย: พิมพ์ค่ะ IP: 27.55.172.243 วันที่: 18 มิถุนายน 2556 เวลา:18:59:07 น. |
|
|
|
โดย: จตุรพันธุ์ IP: 180.180.111.242 วันที่: 12 สิงหาคม 2556 เวลา:17:42:37 น. |
|
|
|
โดย: พรทิพย์ IP: 49.230.131.225 วันที่: 22 ธันวาคม 2556 เวลา:21:47:24 น. |
|
|
|
โดย: แทน IP: 1.47.34.13 วันที่: 4 มิถุนายน 2557 เวลา:7:20:46 น. |
|
|
|
โดย: รันตา IP: 183.89.117.2 วันที่: 11 ตุลาคม 2557 เวลา:17:11:08 น. |
|
|
|
โดย: ริซาละห์ IP: 27.55.160.205 วันที่: 25 ตุลาคม 2557 เวลา:15:57:10 น. |
|
|
|
โดย: หน่อย IP: 182.232.18.49 วันที่: 28 มิถุนายน 2559 เวลา:13:12:27 น. |
|
|
|
โดย: หชลน่อย IP: 182.232.18.49 วันที่: 28 มิถุนายน 2559 เวลา:13:30:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
การสั่งจิตใต้สำนึกทำไดด้อย่างเดียวค่ะ คือ ถือศีล ทำสมาธิ แล้วปัญญาจะเกิด ปัญญานั่นแหละค่ะ คือ ตัวเรียกคามจำจากจิตใต้สำนึก ยังไม่พอ ปัญญายังทำให้หยั่งรู้อนาคต เพราะจิตสื่อกันถึงจิต แล้วเลยรู้ว่าการปฏิบัติต่อกันของจิตนั้นจะเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น จิตใต้สำนึก ไม่จำเป็นต้องถูกบำบัด แต่ทำจิตเราให้เข้มแข็งมากพอดีกว่า
ส่วน ฟรอยด์ รายนั้นเข้าถึงธรรมค่ะ สมาธิจิตแข็งพอจะรำลึกอดีตที่เก็บไว้ในจิต แล้วเขาก็เข้าใจว่าคนธรรมดาทำยาก เลยคิดทฤษฎีขึ้นมาเพื่อเป็นอุบายให้คนทำสมาธิค่ะ
เชื่อจุฬาภินันท์เถอะ จุฬาภินันท์ก็จิตเข้มแข็งค่ะ ตอนนี้แข็งกว่า ฟรอยด์ ซะอีก