Honey Happy Fairy
 
 

อัพเดตรูปฌอน หนุ่มน้อยอายุ 6 ขวบ

ตอนฉลองวันเกิด เมื่อเดือนกรกฎา ที่ผ่านมา


ตอนนี้ ฌอนกำลังคลั่งไคล้เพลงเกาหลีมาก โดยเฉพาะ SJ

ดื้อได้ใจมากค่ะ หนุ่มน้อยคนนี้

มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะเลย แต่วันนี้ ขอลาไปนอนก่อน ตี 4 แล้ว

กลายเป็นคนนอนเกือบเช้ามานานมากแล้วค่ะ

ยังมีรูปของ ลูก 2 ทั้งสองอีกเพียบเลย

ก็ตั้ง สองปีแล้วนี่นา

ความทรงจำช่วงที่ผ่านมามันบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ

รู้แต่ว่า ลูกนี่แหละ คือ คนที่ทำให้เราผ่านช่วงทุกข์มาได้
โดยเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดเท่าที่แม่คนนี้ จะมองหาได้ในความมืดมนกับชีวิตช่วงนึง




 

Create Date : 17 กันยายน 2552   
Last Update : 17 กันยายน 2552 4:10:11 น.   
Counter : 651 Pageviews.  


เรื่องของฌอน ตอนเฉพาะกิจ : ไปนอนโรงพยาบาล

ช่วงนี้ อากาศเปลี่ยนแปลง ลามมาตั้งแต่เมื่อสักสามสัปดาห์ที่แล้วได้ ที่กลับมาหนาวอีกครั้งตอนปลายมกรา
ทำให้เด็กๆที่โรงเรียนลูกป่วยกันระนาว ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาแม่ๆ รวมทั้งเราด้วย แต่เราก็แค่เจ็บคอ ไอ ธรรมดา พี่ซาช่านั้น ไอโขลกๆ ก็หยุดเรียนไปไม่กี่วัน ก้ได้ทานยาแก้อักเสบจนได้ (เราไม่ค่อยชอบให้ลูกทานยาแก้อักเสบ เพราะรู้สึกว่า ร่างกายจะดื้อยาขึ้นเรื่อยๆ )

สำหรับฌอนก็สบายดี พอมาเริ่มเมื่อพุธที่ผ่านมา 14 กุมภา พี่ซาช่าตัวร้อนจี๋ ดีนะ ที่เราไม่ได้ออกไปไหน เพราะสามีก้ไม่อยู่ แล้วจะแจ๋นไปดินเน่อร์กับใครได้ล่ะ.....
ก็หยุดเรียนในวันรุ่งขึ้น ฌอนก็ยังสบายดีอยู่อีก พอเช้าวันศุกร์ ที่โรงเรียนให้เด็กๆ แต่งชุดสีแดงไป และมีการแสดงเล็กน้อย ลูกสาวเราก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเธอมีบทพูด เป็นเจ้าหญิง ที่ต้องคอยสั่ง.ให้สัตว์ทั้งหลายที่ทะเลาะกัน เพราะต้องการมีชื่อลงท้ายด้วย Ry หยุดทะเลาะ กัน ด้วยความรับผิดชอบ สูง The Show must go on (เลือดแม่แรงค่ะ) เธอก็ขอไปโรงเรียนแค่ช่วงเช้าเพื่อแสดง และก็กลับบ้านเลย แต่ก้ดีค่ะ เธอเลยได้ดูเชิดสิงโตที่ทางโรงเรียนว่าจ้างมาก่อน รอน้องชายเลิกเรียนตอนเที่ยง

วันเสาร์ ฌอนก็ยังสบายดี ออกไปเรียนดนตรี ที่ BMAS กับมี้สองคน นานๆทีจะได้ไปกันเอง โดยไม่มีพี่เลี้ยง และพี่สาว ก็สนุกดี

พอวันอาทิตย์มี้พาลูกสองคนไป ที่มศว.ประสานมิตร ที่โครงการสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้ที่มีความสามารถพิเศษและเด็กที่มีความต้องการแห่งชาติ (ฝ่าย Gifted) ตอนเช้าเป็นคลาสเด็กเล็ก 3-5 ขวบ 10.00 -12.00 แล้วก็พักกลางวัน
ช่วง 13.00-15.00 เป็นคลาสพี่ซาช่า คือ 6-10 ปี ก็ให้เด็กๆไปเล่นของเล่น และจะมีนักจิตวิทยามาคอยสังเกตุการณ์และดูเด็กแต่ละคน ในสิ่งที่แกชอบเล่น และพฤติกรรมต่างๆ ดูอยู่ 12 ครั้งค่ะ ถึงจะสรุปข้อดี ข้อด้อยของลูกเรามาให้
สิ่งที่ได้ ก็คือ ผู้ปกครองจะรู้ว่าลูกมีความถนัดด้านใด จะได้ส่งเสริมให้ถูกต้อง ไม่ได้หมายความว่าลูกเราจะเป็นเด็กอัจฉริยะ อะไรหรอกค่ะ แต่หลายครั้ง ก้ได้เจอเพชรเม็ดงามค่ะ ที่อาจารย์ ที่เป็นผู้อำนวยการเล่าให้ฟังตอนวีคแรก
เราสมัคร โครงการนี้มาเกือบสองปีแล้วมั้งคะ กว่าเค้าจะเรียกมา เพราะช่วงนั้น เค้ากำลังจะย้ายสถานที่จาก รพ.จุฬา(สภากาชาด) มาที่ใหม่ จนเราก็เกือบลืมไปแล้ว พอดีมีน้องจากโครงการโทรไปตามก้เลยมา ไหนๆก็รอมานานซ้าขนาด

น้ำล้วนๆ มาเข้าเนื้อกันดีกว่า เรื่องโครงการที่ว่าจะมาเล่าอีกที เป็นหัวข้อหนึ่งไปเลยดีกว่า

วันนั้นฌอนก็เริ่มแย่แล้ว แต่มี้ก็ยังนึกว่าเค้าแพ้อากาศธรรมดา ก้ให้ทานยาตามปกติ ตกเย็นตัวเริ่มร้อนจัด ก้เช็ดตัวให้ทานยาลดไข้ไป เช้ดตัวไป

พอตื่นมาเช้าวันจันทร์ ไข้ขึ้นสูงทั้งวัน ไม่ทานอะไรเลย พอให้ดื่มนม ก็อาเจียนออกมาหมด อาการคล้ายเพื่อนหลายๆคนที่โรงเรียนเลยลูกเอ๊ย ( แม่ๆมาเม้าให้ฟังกัน)
มี้ก็ยังใจเย็น แต่ก็โทรหาคุณหมอเจ้าประจำที่หากันอยู่ จริงๆก้ไปหาแกมาแล้วทีนึง เมื่อศุกร์ พาซาช่าไป

พอสักสี่โมง มี้กับแดดดี้ก็เห็นว่า คงไม่ไหวแล้ว กินยาเข้าไป ไข้ก็ยังอยู้ที่ 39 องศากว่า ๆตลอด พอใกล้จะหมดฤทธิ์ยา ตัวร้อนก็พุ่งไปแตะ 40 องศา มี้พาไปadmit ดีกว่าเพราะไข้สูงถ้าเช็ดตัวแล้วเย็นลงก็น่าจะโอเค แต่ถ้าอาเจียนตลอด ก็คงต้องไปให้น้ำเกลือ อันนี้ คุณหมอเป็นคนบอกนะคะ

ดีที่ว่าแดดดี้กลับมาจากปากช่องพอดี มี้ก็เลยนอนโรงพยาบาลกับฌอน พร้อมพี่แว (พี่เลี้ยง) อีกคน ส่วนพี่ซาช่านั้น แดดดี้ดูแล ได้ (คู่นั้น เค้าเลิฟกัน) หน้าฌอนจะดูโทรมมาก ดูจากรูปได้ค่ะ



หน้าเซียวมั่กๆ






คืนนั้น พี่พยาบาลก้เข้ามาเช็คไข้ทุกชั่วโมง
ซึ่งตอนเย็นที่เข้ามานั้น หมอก็สั่งให้ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้อักเสบโดยการฉีดเข้าเส้น พยาบาลก้อัญเชิญทุกคนออกไปรอ ถ้าเราอยู่ คงน้ำตาไหลไปกับลูกด้วยแน่ๆ

พอกลับมานอนที่ห้อง ฌอนก็ร้องไห้ตลอด ถ้าพยาบาลเปิดประตูเข้ามาดุอาการ หรือวัดไข้ และรีบบอกให้พี่พยาบาลออกไป ยังไม่พอ สั่งให้มี้ รีบล้อคประตูทันที่ ที่เค้าลับตาไป งานนี้ คงเข็ดและกลัวพยาบาลและโรงพยาบาลไปอีกนาน ก็เจ็บใช่มั้ยลูก มี้เข้าใจนะแต่ก็อดขำไม่ได้

หนึ่งคืนผ่านไป ไข้ก็ลด ฌอนก็ซ่าส์ทันที เริ่มกระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียง โวยวายพอซาช่ามากับแดดดี้ตอนสายๆ ยิ่งหนักเข้าไปอีก สองคนทะเลาะกัน แย่งของกันอยู่บนเตียงนั่นแหละ


ทำไมหนอ ผ่านไปหนึ่งวัน พอยาฆ่าเชื้อหมดฤทธิ์ ฌอนคนเดิมก็กลับมาทันที มาเร็วไปปะจ๊ะ แต่เห็นฌอนซึม มี้ก็ไม่ชอบอีกนั่นแหละ ยอมก็ได้ฟะ ที่ซนเป็นลิงนี่แหละ ตัวจริงเสียงจริง

มี้กับแดดดี้ หนีออกไปทานข้าว และซื้อสีที่จะเอาไปทากระท่อมน้อยของเราที่ปากช่อง พอกลับมา ก็เห็นลูกโป่ง ที่น้าเลคนสวยส่งมาให้ พอดี ฌอนก็กำลังเตรียมตัวกลับบ้านพอดี คุณหมอจะให้อยู่ดูอาการอีกวัน มี้ บอก อย่าดีกว่า กลัวจะได้เย็บหัวที่จะแตกมากกว่า เพราะอยู่ไม่สุขเลย พอมีแรงลุกขึ้นมาได้ แล้วไข้ก้ลดลงมาจนเกือบปกติแล้วด้วย แดดดี้ก็จะได้กลับปากช่องอย่างสบายใจ มี้ก็โล่งใจ ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะหัวโหม่งพื้น

ยิ้มแป้นกับลูกโป่งที่น้าเลส่งมา (แย่งหมีกับพี่ซาช่าอีกแล้ว)


ขอเป็นครั้งแรกนะจ๊ะลูก และถ้าจะมีครั้งที่สอง ก็อีกนานๆเลยนะจ๊ะ มี้สงสารฌอนจังเลย (ใจนึงก็ เออ ดีเหมือนกัน สงบลงไปได้ อิอิ ) ดีแล้วที่มี้ไม่ได้เข้าไปเห็นฉากเจาะน้ำเกลือ น่ะ

ลืมบอกค่ะ ว่า ฉันได้อะไรจาการเป็นแอร์ตอนที่สี่ มาแล้วนะคะ เพิ่งอัพวันนี้ เอง แต่ดันsave draft ตั้งแต่วันที่ 15 เขียนไว้บางส่วนค่ะ แต่ไม่จบ วันนี้ก็ เลยไม่ขึ้นที่หน้าเวบให้แล้ว เราก็เพิ่งรู้นี่แหละ โง่มาก่อนฉลาดนิ




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2550   
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2550 23:45:49 น.   
Counter : 2187 Pageviews.  


เรื่องของฌอน ตอนที่ 2

ดูรูปอุปกรณ์ของพี่ฌอนที่หอบหิ้วไปโรงเรียนวันนี้กันดีกว่า มีผ้าห่มเน่าๆ อายุเกือบสิบปี มรดกตกทอด ของพี่มายน์ ที่เป็นลูกสาวของป้าแอน ลูกพี่ลูกน้องของมี้เอง และที่ขาดไม่ได้ คือ หมอนนุ่มนิ่มสีฟ้าสองตัวที่มีหัวเป็นวัว แต่ดั๊น ชื่อ ฮอสซี่ เพราะฌอน เรียกตามหมอนของพี่ช่า ที่มีหัวเป็นม้า หมอนใบนี้ เมื่อตอนก่อนปีใหม่ ฌอนเสียจริต ไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลย ถ้าจะช่วยหยิบให้ ก็ต้องใช้แค่นิ้วโป้งและนิ้วชี้ คีบขึ้นมาให้ ถ้าหยิบเต็มมือ คนนั้นโดนโวยให้เอาหมอนไปเช็ดให้สะอาด โดยการไปถูกับผ้าห่มของเรา อาการหนักเลย ลูกเอ๊ย ตอนนี้หายแล้วคร่า





อยากเล่าให้ฟังถึงเรื่องแอสเพอร์เกอร์ ต่อ หลังจากพิมพ์ไปได้ยาวมากๆแล้วถึงสองครั้งแต่อยู่ดีๆ มือไปโดนอะไรก็ไม่รู้ ก็หายไปซะงั้น เซ็งจิงวุ้ย

เราขอไปนำข้อสรุปของปัญหาของเด็กในวัยอนุบาลที่เป็นแอสเพอร์เกอร์มาประกอบ จากหนังสือ ชื่อ ผมไม่ใช่ออทิสติก 100 % " เปิดประตูสู่แอสเพอร์เกอร์วซินโดรม " เขียนโดยคุณงามตา พัวศิริรักษ์ (สุดยอดคุณแม่ เราขอคารวะจากใจ ถ้าใครได้อ่าน ก็คงเห็นด้วยกับเราแน่ๆ )
ปัจจุบัน เธอดำรงตำแหน่ง ประธานชมรมเพื่อบุคคลแอสเพอร์เกอร์ที่เป็นการรวมตัวของพ่อแม่ของน้องๆที่เป็นโรคนี้ สำหรับหนังสือนั้น เค้าจั่วหัวไว้ว่า เป็นหนังสือที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กต้องอ่าน! เราเห็นด้วยอย่างแรง เพราะสมัยนี้ เค้าแบ่งแยก อาการได้เฉพาะเจาะจงกว่าสมัยก่อนมาก เมื่อสักสิบปีที่แล้ว ก็จะได้ยินแต่เด็กเป็นออทิสติก หรือ เด็กเอ๋อ ซึ่งในกลุ่มอาการของโรคพัฒนาการบกพร่องอย่างรุนแรงในเด็ก ก็จะมีหลักๆอยู่สามสภาวะ คือ ออทิสติก แอสเพอร์เกอร์ และพีพีดีเอ็นโอเอส ซึ่งจะแยกสภาวะทั้งสามนี้ออกจากกันมีทั้งคล้ายและแตกต่าง ในรายละเอียด ต้องไปหาอ่านเองถ้าจะดี เดี๋ยวเราจะกลายเป็นนักวิชาการซะอีกคน เหอ เหอ

เอาละนะ เข้าเรื่องซะที
ปัญหาของวัยอนุบาลที่เป็นแอสเพอร์เกอร์
- หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน
- มีแบบแผนในชีวิตประจำวัน
- ต่อต้านการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง
- ให้ความสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
-ไม่สามารถควบคุมวุฒิภาวะทางสังคมและอารมณ์เมื่อโกรธหรือเครียด
- ทักษะการสื่อสารไม่สมวัย (เนื้อหาไม่สมบูรณ์ ตีความหมายคำพูดชองผู้อื่นไม่ดี ฯลฯ)
- แสดงท่าทางแปลกๆ

เราว่าเราเจอผู้ใหญ่หลายคนมาก ที่มีอาการเหล่านี้ ครบถ้วน จริงมั้ยคะ แต่ตอนคนพวกนั้นยังเล็กๆ คงไม่มีใครพาไปหาจิตแพทย์แน่ๆ เพราะสมัยนั้นคงไม่มีใครนึกถึง อิอิ โตมาก้ยังไม่ละทิ้ง ดังนั้นจำจะต้องพาไปหาคุณหมอ แต่ยังเล้กๆนะคะ เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรม และแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง เพื่อจะโตไปเป็นคนที่สามารถปรับตัวและเคารพสิทธิ์ของคนอื่น ในเวบที่เข้าไปอ่านมา คุณหมอบอกไว้ว่า คนพวกนี้จะไม่รู้ว่าการพูดตรงๆจะไปกระทบความรู้สึกใครบ้าง ขอยกตัวอย่าง เช่น โห ทำไมหน้าตาน่าเกลียดนักล่ะ แต่งตัวหยั่งงี้ได้ไงอ่ะ อ้วนซะขนาดนี้ แล้วยังจะใส่ชุดแบบนี้อีกเหรอ เหล่านี้ คือตัวอย่าง คุณคงเคยเจอคนประเภทนี้มากันบ้างไม่มากก็น้อย คือ พูดออกมาโดยไม่มีการกลั่นกรอง นี่แหละค่ะ เข้าข่ายแอสเพอร์เกอร์เลยละ


ว่ากันถึงฌอนมั่ง มีบางอย่างที่ฌอนเข้าเค้า
แอสเพอร์เกอร์มากๆ ตอนเทอมที่แล้ว ที่เกริ่นไว้เมื่อเช้า เปิดเทอมแรกของ KG (เทียบเท่า อนุบาล 1 ของไทย ) ตอนช่วงเดือนสิงหา ฌอนเพิ่งครบสามขวบไปตอนต้นกรกฎา) ฌอนเข้าห้องเรียน โดยการเดินเข้าไปหามุมโปรดของตัวเอง ทุกวันจะเป็นมุมทำอาหาร หรือไม่ก็บ้านไม้เล็กๆ ไม่สนใจใยดีใครทั้งสิ้น ครูเรียกให้เข้ามานั่งล้อมวง เพื่อที่จะทักทาย หรือ อ่านนิทานให้ฟัง ฌอนก็ไม่สน ครูเค้าก็น่ารัก พยามเรียกทุกวัน ก้น้อยครั้งที่จะทำ

พอปลายเทอมก็ยอมเดินเข้ามาแบบตัดรำคาญที่ครูตื๊อเหลือเกิน (ไม่เคยบังคับค่ะ แค่บอกอย่างเดียว) ก็นั่งเอามืออุดหูซะงั้น ดูทำเข้าซิ ลูกใครหว่า

ระหว่างวัน ก็จะมีอาการวิ่งจู๊ดหนีหายไปดูกระต่ายอยู่คนเดียว ไปวิ่งไล่จับนกในสนามบ้างละ ไปยืนคุยกับพี่ยาม ถามหาแมว หรือไปขอร้องให้เค้าเปิดพัดลม สารพัด ที่จะไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนๆในห้อง


- สำหรับการมีแบบแผนนั้น ก็จะมีในเรื่อง เส้นทางการขับรถ ลุงแมน (คนขับรถ) จะต้องใช้เส้นทางเดิมเท่านั้น ที่จะพาฌอนกลับบ้าน (ฌอนเลิกเที่ยง)
เทอมที่แล้วจะกลับมาก่อน เพื่อให้นอนช่วงบ่าย แล้วเราก็จะออกไปรับซาข่าอีกรอบตอนบ่ายสองโมง ดังนั้นลุงแมนจะรู้ใจฌอนดี เรื่องเส้นทาง แวะตรงไหน ก้จะโวยวาย จะกลับบ้านท่าเดียว และต้องขึ้นสะพานเท่านั้น ซึ่งจะไปยูเทิร์นกลับมาก้จะเสียเวลากว่าอีกทางนึง แต่เพื่อรักษาหูไว้ ก็ต้องยอม เพราะไม่งั้น ฌอนจะร้องไห้ เสียงดัง น้ำตาไหลพรากๆเป็นสาย ...เว่อมั่กๆ ตั้งแต่จุดนั้น จนถึงบ้าน ซึ่งก็เป็นเวลากว่า 20 นาที แดดดี้ไม่เชื่อเคยเจอมากับตัวแล้ว เราเองก้อยากจะให้เค้ายืดหยุ่นบ้างนะ แต่แพ้เสียงค่ะ ตอนนี้เลยใช้วิธีการข่มขู่ เวลาดื้อ ว่าจะไม่ขึ้นสะพานแล้วนะ ซึ่งก้ได้ผลมั่ง ไม่ได้มั่ง
เวลานอน พอทุ่มครึ่งปั๊บ เธอจะหอบฮอสซี่ มาเรียกทันที "มี้ครับ (หรือ พี่แวครับ ...พี่เลี้ยง ) ถึงเวลานอนแล้วครับ ทุกคืน ถามว่าดีมั้ย ก้ดีนะ เธอเหมือนนาฬิกา เช้าขึ้นมาก็กระเด้งตามเวลา ทำอะไรเป็นroutine ไปหมด ผิดกับแม่มากๆ ที่ทำอะไรตามใจไปเรื่อยเปื่อย หาความแน่นอนไม่ได้ สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

-เรื่องให้ความสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
ของฌอน ก็คือ พัดลม ตั้งแต่พูดได้มา ก็จะชี้หาแต่พัดลมอย่างเดียว และรู้ว่าถ้าแหย่นิ้วเข้าไป นิ้วจะขาดเพราะ เราใช้วิธีที่ค่อนข้างตรงไปตรงมามากๆ เพราะเห็นลูกคลั่งไคล้พัดลมขนาดนั้น กลัวว่าวันนึงแกอยากจะลองเอานิ้วแหย่เข้าไปน่ะ ก้จะทำไงดีล่ะ ก้ไปซื้อพัดลมเล็กๆที่พกติดดัวได้ ใบพัดจะเป้นแผ่นพลาสติกบาง โดนไงก้ไม่เจ็บ แค่สะดุ้ง เราก็จัดการเอานิ้ว (จริงๆ คือเล็บน่ะ มันไม่เจ้บเลย) แหย่ให้ดูแล้วร้องจ๊าก ลูกทำหน้าเหยเก แล้วร้องลั่นเลยที่เห็นแม่ทำแบบนี้ เราก็เลยบอกว่าเห้นมั้ยฌเอน มี้โชคดีมากเลยที่ นิ้วไม่ขาด มี้ไม่ระวังเองแหละ ฌอนต้องไม่เอานิ้วแหย่เข้าไปนะครับ แค่ดูเฉยๆนะครับ แกก็พยักหน้า แบบหวาดเสียว แล้วก็เที่ยวไปบอกใครต่อใครว่า รู้มั้ย ห้ามเอานิ้วแหย่พัดลมนะ เดี๋ยวนิ้วขาดนะ ต้องระวังนะ เรียกว่า กีอปคำพูดเราไปเต็มที่เลย ...ดีมากจ้ะ

ทุกวันนี้ก็ยังไปส่องดูพัดลมทุกชนิด อยู่ ไม่ว่าจะไปที่ไหน เห็นเป้นไม่ได้ ต้องไปกดเปิดทันที หรือไม่ก้ขอร้องเค้าให้เปิดให้หน่อย ด้วยวิธีการสารพัด แล้วแต่จะงัดออกมาได้
ซึ่งก็จะได้ผลทุกครั้ง เพราะเธอจะเข้าไปออดอ้อน " เปิดพัดลมให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ " , " พัดลมมันเสียหรือครับ " , " ฌอนร้อนครับ" ฯลฯ

แต่ที่โปรดปรานมาก คือ พัดลมใน คอมเพรสเซอร์แอร์ค่ะ จะชอบมาก โปรดดูรูปประกอบ






และยิ้มร่าที่ได้อยู่ใกล้ อาการหนักค่ะ อิอิ


แต่ฌอนจะจำทางแม่นมาก รู้หมดว่าจะไปไหน อาจจะเป้นเพราะจำจากตึกที่ขับผ่านไปมาด้วยรึป่าว ไม่ทราบ เพราะฌอนจะชอบตึกด้วยเช่นกัน

ตอนไปค้นคว้าเรื่องนี้ เข้าไปอ่านในเวบ ก็เจอบทสัมภาษณ์คุณหมอท่านนึงที่ลูกชายแกเป้นโรคนี้ อาการเดียวกับฌอนเด๊ะ คือ ชอบพัดลม ชอบตึก และจะชั่งจดชั่งจำแต่น้องคนนั้น เก่งมากๆ สามารถรู้วันในปฏิทินได้หมด
สำหรับการจำของฌอนนั้น แกจะใช้วิธีเชื่อมโยงเหตุการณ์ เพื่อให้ระลึกถึงบุคคลนั้นๆได้ เช่น ถ้าพูดถึงเพื่อนแม่คนนี้ ฌอนก็จะมีเรื่องต่ออกมาว่า อ๋อ ป้าคนนั้น บ้านแมงเม่าไง( ตอนไปหาเค้าแมงเม่าบินว่อน) ป้าคนนี้ ที่ให้ร่มฌอนมาไง ชื่อนี้ ชื่อนั้น ก็ว่าไป เออ เราก้ว่าแปลกๆ เพราะลูกสาวไม่เป็น แต่ก้ไม่ได้คิดมาก ตรงจุดนี้ คิดว่าเป็นระบบความจำของเค้าเอง

แต่วันที่ครูเรียกไปพบว่า อยากให้คุณแม่คุยกับคุณหมอ และแกจะมาดูพฤติกรรมในห้องเอง และเรียกเราไปคุยภายหลังนั้น เราก็ใจตุ๊มๆต่อมๆ วันที่คุยกับหมอ แกก้พูดขึ้นมาว่า คุณแม่ ผมว่าอาการคล้ายๆ แอสเพอร์เกอร์นะครับ แล้วแกก้ถามนู่น ถามนี่ เวลาที่อยู่ที่บ้าน ว่าเป็นไงมั่ง เล่นเกมแล้วรู้จักการรอคอยมั้ย ผลัดกันมั้ย เล่นสมมติบ้างมั้ย คำถามทุกคำถามเป้นคำถามเพื่อเด้กแอสเพอร์เกอร์ทั้งสิ้น แต่คุณหมอ แกก้ให้วิธีมาลองทำดูแล้วรอดูอีกสักสองเดือน แล้วมาสรุปกันอีกที แกไม่ฟันธงมาแบบหมอลักษณ์ เราก้ดีใจจะตายชักแล้ว ตอนนั้น คือ ต้นเดือน พฤศจิกา

ฌอนปิดเทอมก่อนคริสต์มาสแล้วมาเปิดอีกที 8 มกรา
beleive it or not ฌอนเปลี่ยนไปเป้นอีกฌอนเลย ครูถึงกับงง อึ้ง ตลึง ตึง ตึงไป เข้าห้องไปก้ say hello ทักทายเพือนฝูง ครูเรียกก็มาแต่โดยดี มีเพื่อนซี้เป็นสาวน้อยตัวอวบอั๋น ลูกเพื่อนสนิทเราเอง (สนิทเพราะลูกนี่แหละ)

แต่อาการวิ่งมาเล่นคนเดียว ยังมีอยู่ในตอนเช้า ใครๆเค้าออกกำลังกายกัน ฌอนไม่สน จะปีนป่ายเครื่องเล่นในสนามอยู่คนเดียว
พัดลม ก็ยังเครซี่อยู่ เรื่องเส้นทางก้ไม่งอแงแล้ว (มีบ้าง)
ครูก็แฮปปี้ มาบอกเราว่า คุณแม่ขา ทำยังไงคะ ถึงได้เปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ เราก้หัวเราะ บอกว่า พระเจ้าคงเห็นใจเรามั้ง
รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆก็เปลี่ยนไป แต่ความแสบและความเกเร มีมากขึ้น สรุปว่าอาจจะเป้นแค่เด้ก(โคด)ดื้อ หรืออาจจะมีอาการแอสเพอร์เกอร์อยู่นิดๆ แต่ยังไงก้ตาม เราก็คงยังต้องพาไปเทสต์ที่ รพ.รามา (ดีที่สุดของไทยแล้วในขณะนี้) อีกที ให้ชัวร์ๆค่ะ ไม่นิ่งนอนใจเด็ดขาด

คุณๆขา ช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ แต่รุ้สึกว่ากว่าคิวที่รามาจะว่าง อาจจะสามเดือนแน่ะค่ะ พรุ่งนี้ต้องโทรไปจองซะแล้ว ลืมบอกไปว่าอาการแอสเพอร์เกอร์นี่จะแสดง ในช่วงสามขวบไปแล้วค่ะ แล้วไว้จะมาเล่าให้ฟังตอ่ ถ้ามีอะไรเด็ดๆ จากหนุ่มน้อยของเรา สงสัยต้องต่อเรื่องแอร์ซะแล้ว เดี๋ยวจะหลงประเด้น




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2550   
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2550 10:20:03 น.   
Counter : 573 Pageviews.  


เรื่องของฌอน ตอนที่ 1

วันนี้ ฌอน ลูกชายวัย สามขวบครึ่ง ต้องเอาเครื่องนอนไปโรงเรียนด้วย เพราะกำลังเรียนเรื่อง ตัวอักษร P = Pyjama ชุดนอน เลยต้องหอบหิ้วไปด้วยแล้วไปนอนกันจริงๆ ในห้องเรียนรวมทั้งอุปกรณ์ของเล่นนิ่มทั้งหลายรวมถึง p...puppet ที่เป็นของโปรด ซึ่งprop ของฌอนจะเยอะสุด และโดนเพื่อนเข้ามามะรุมมะตุ้มมากสุด (เพราะแม่จะขึ้นชื่อ เรื่องอุปกรณ์ดีเด่นค่ะ)

ทุกวันจะมีข้อความเขียนลงในสมุดcontact book (ที่ส่งกลับมาบ้านทุกวันพร้อมหนังสือที่จะให้อ่านก่อนนอน 1 เล่ม บอกเล่าว่า ลูกเรียนอะไรบ้าง เพื่อนคนโปรดของลูกเป็นใคร ครูภูมิใจกับการกระทำอะไรของลูกบ้างในวันนี้ และต้องเตรียมการอะไรบ้าง สำหรับกิจกรรมที่มีวันรุ่งขึ้น หรือ ภายในสัปดาห์นั้นๆ เช่น ศุกร์นี้ ให้เด้กๆในห้องKG .ใส่เสื้อกลับด้านหน้าเป็นหลัง เพราะเรียนเรื่อง backward อยู่ หรือขอร้องให้ผู้ปกครองจัดหา Jar เพราะวีคนั้น เรียนเรื่อง ตัว J เป็นต้น

โรงเรียนที่ฌอนกับซาช่าเรียนอยู่ เป็นโรงเรียนเล็กๆ เจ้าของเป็นชาวอังกฤษที่แต่งงานกับชายไทย และมาอยู่ที่นี่เกือบ 40 ปีแล้ว เคยสอนอยู่ที่บางกอกพัฒนา คุมคลาสเด็กเล็กอยู่ และลูกสาวคนโตก็จบทางด้านนี้จากอังกฤษ
เราชอบที่นี่มาก เพราะคิดว่าในวัย1-6 ปี เด้กควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สบายๆ เล็กๆ อบอุ่น เหมือนอยู่บ้าน และไม่ต้องเน้นเรื่องเรียนมากมาย ซึ่งที่นี่ ก็ใช่เลย

เทอมที่แล้ว ฌอนขึ้น KG ( เทียบเท่าอนุบาล 1 ) ทั้งเทอม ครูจะบอกว่า ฌอนไม่ค่อยจะ ให้ความร่วมมือ กับการทำกิจกรรมต่างๆ ในห้องเรียน ชอบหลบเข้าหามุมโปรดของตัวเอง ช่วงเวลาที่ทุกคนต้องมานั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม หรือ circle time ฌอน ก็จะไปนั่งอยู่ตามหลืบ ตามมุมของห้อง และฟังมั่ง ไม่ฟังมั่ง แล้วแต่อารมณ์ จนอยู่มาวันนึง ครูทนไม่ได้ หลังจากผ่านไปเกือบสามเดือน มาคุยกับเรา บอกว่า ขอให้คุณหมอ ที่เป็นสามีของแก (เป็นคุณหมอด้านจิตวิทยาเด้กโดยตรง และเชี่ยวชาญเรื่องแอสเพอร์เกอร์(เป็นอาการอีกแบบหนึ่งที่อยู่ในหมวด ออทิสติก)มาดูฌอนหน่อยได้มั้ย แค่ดูพฤติกรรมในห้องเรียน เราก็ ไอ๊หยา เอาแล้วซิ ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เพราะใจก็แอบคิดอยู่ลึกๆ ว่าฌอน ไม่ธรรมดา
สังหรณ์ใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ทันนึกไปถึงแอสเพอร์เกอร์

ไว้ตอนเย็นจะมาเล่าให้ฟัง ว่า แฮมเบอร์เกอร์ ที่ว่านี้ รสชาติเป็นยังไง (ฟังดูคล้ายๆนะ เลยเรียกว่าแฮมเบอร์เกอร์ซะเลย
1 กพ.50
แต่บอกข่าวดีไว้ก่อนว่า ฌอนอาจไม่ได้เป็น Asperger ค่ะ แค่มีบางอย่างที่ไปคล้ายค่ะ เฮ้อ โล่งอก




 

Create Date : 31 มกราคม 2550   
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2550 23:16:59 น.   
Counter : 329 Pageviews.  



crazybee
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคุณแม่ลูกสอง เป็นอดีตภรรยาของหนุ่มผมทองตาสีฟ้าที่เคยหล่อ หุหุ
อดีต เคยเป็นประธานสมาคมแม่บ้านต่างชาติ ของแอร์ ประจำสายการบินแห่งชาติ (ชาติที่สนามบินแห่งใหม่กำลังมีปัญหาอับอายไปทั่วโลก) แต่ในที่สุดต้องลาออกจากตำแหน่งพร้อมๆกับลาออกจากการเป็นแอร์(อดไปใช้สนามบินใหม่เยย ) เพราะทนคิดถึงลูกน้อยหอยสังค์ไม่ไหว
ปัจจุบัน โสดสนิทค่ะ
[Add crazybee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com