ที่ทุกคนควรทราบคือ...
มีไข้ไม่จำเป็นต้องเป็นไข้เลือดออกเสมอไป
เราอาจจะเป็นหวัด หวัดใหญ่ ท้องเสีย ปอดบวม หรือแม้แต่ลมแดด ก็มีไข้ได้ค่ะ!
ดังนั้นที่เราควรทำเมื่อเป็นไข้คือ??...
ผิดค่ะ! ไม่ใช่ไปหาหมอ
ที่คุณควรทำคือ...
1.ลดไข้ด้วยตัวเอง
เช่น เช็ดตัวเป็นระยะ ทานยาลดไข้ โดยควรรับประทานพาราเซตามมอล(ควรอ่านปริมาณยาที่ควรรับประทานตรงฉลากนะคะ โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็ก)
และ---ห้ามทานชนิดแอสไพรินเด็ดขาด---เพราะหากคุณเป็นไข้เลือดออกจริงๆจะทำให้มีโอกาสเลือดออกผิดปกติอย่างรุนแรงได้
2.สังเกตอาการตัวเอง
เช่น เช็ดตัวและทานยาลดไข้มา 2-3 วันแล้วแต่ไข้ยังไม่ลดลงเลย ไข้วันเว้นวัน? ไข้ทุกวัน? ไข้เฉพาะกลางคืน?
มีอาการผิดปกติอย่างอื่นด้วย อย่างท้องเสีย หอบเหนื่อย มีผื่นขึ้น ตาแดง อะไรพวกนี้
แต่ถ้าคุณคิดว่า...บ้าสิ ป่วยก็ต้องไปหาหมอ!
เรามีบัตรทอง ไงก็รักษาฟรีอยู่แล้ว ไปให้หมอดูหน่อยละกัน
ถ้าทุกคนคิดแบบเดียวกัน...เป็นไข้ 1 วันแล้วไปหาหมอ ผลที่ได้ก็คือ....
ผู้ป่วยล้นรพ.!!! รอคิวน๊านนานกลับบ้านไปได้แค่พารา หมอบางคนก็มีแถมผงเกลือแร่มาให้ เป็นอะไรก็ไม่รู้ บอกแค่ว่าผลเลือดปกติ/ดูเหมือนจะติดเชื้อ ฯลฯ
เฮ้อ! ทำไมหมอประเทศนี้พึ่งพาไม่ได้เลย ห่วยชะมัด!
ใครเจอแบบนั้นคงคิดว่าหมอรักษาแย่ หมอไม่เก่ง แหม่...อยากให้ไปที่คลินิกก็ไม่บอก! อะไรก็ว่ากันไป
แต่คุณรู้มั๊ย ถ้าคุณเป็นไข้แค่ 1 วัน ไม่มีอาการอย่างอื่น ไปหาหมอคนไหนส่วนใหญ่ก็ตอบแบบนี้ทั้งนั้น
เพราะอะไรรู้มั๊ยค่ะ? เพราะอย่างที่บอกไป มีไข้อย่างเดียวคุณเป็นได้สิบล้านโรคเลยค่ะ
ที่คุณหมอทำได้คือให้ยาลดไข้และสังเกตุอาการค่ะ
เพราะงั้นเราจะไปเสียเวลารอตรวจทำไมตั้งครึ่งค่อนวัน นอนพักอยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ?
เพราะอะไรการสังเกตอาการเองถึงสำคัญน่ะเหรอ?
แน่นอนที่สุด...ประวัติการเจ็บป่วยสำคัญมาก!!
หมอวินิจฉัยโรคได้โดยใช้การซักประวัติ ตรวจร่างกาย และผลตรวจเพิ่มเติม ประกอบกัน
วิชาแพทย์สอนมาแบบนี้ หมอที่ประสบการณ์มากจะใช้เวลาน้อยกว่าเพราะถามได้ตรงประเด็นกว่า ตรวจชำนาญกว่า แปลผลการตรวจเพิ่มเติมชำนาญกว่า
แต่ไม่ว่าหมอใหม่หมอแก่หรือแม้แต่อาจารย์หมอก็ต้องใช้ 3 อย่างนี้ประกอบกันเพื่อวินิจฉัยโรค
บางคนคิดว่ายิ่งส่งตรวจเยอะๆยิ่งดี แต่คุณทราบรึเปล่า....
สิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดไม่ใช่labหรือx-rayใดๆ แต่คือการซักประวัติและตรวจร่างกาย!!
อาจารย์หมอบางคนถึงกับสอนนักศึกษาแพทย์ว่า"ถ้าน้องมั่นใจว่าน้องซักประวัติและตรวจร่างกายแม่นจริง ไม่ต้องส่งlabยังได้! ส่งไปก็แค่confirmว่าสิ่งที่น้องคิดน่ะถูก"
แล้วเมื่อไหร่ควรไปรพ.ล่ะ?
ใช้ common sense คือเมื่อไหร่ที่คุณคิดว่า...ไม่ไหวแล้ว!นั่งรอหมอตรวจ 5-6 ชั่วโมงก็เอาฟระ!
อย่างเช่น
ไข้สูงตลอดมา 3-4 วันแล้ว กินยาก็แล้ว เช็ดตัวก็แล้วแต่ไข้ไม่ลดลงเลย
ไข้สูงจนชัก
อ้วกเยอะกินอะไรไม่ได้เลย ปากงี้แห้งไปหมด
เริ่มมีเลือดออก อย่างเลือดออกตามไรฟัน ฉี่มีเลือดปน อึสีแปลกๆทำไมมันดำๆเหนียวๆนะ?ทำไมมีเลือดออกมาด้วยล่ะ? ยังไม่ถึงรอบเดือนทำไมประจำเดือนถึงมาแล้วล่ะ? เป็นต้น
เชื่อว่าทุกคนเข้าใจความรู้สึกนั้น ความรู้สึกที่ว่า..."ไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยย"
เอ...แล้วเมื่อไหร่จะต้องนอนรพ.?
บางคนอาจจะเจอแบบว่า...เจาะเลือดเสร็จมาพบหมอที่ห้องตรวจอีกรอบแล้วหมอบอกว่า....
"คุณเป็นไข้เลือดออกนะครับ วันนี้กลับบ้านได้ เดี๋ยวนัดมาตรวจเลือดพรุ่งนี้อีกรอบนะครับ"(พร้อมยิ้มหวานแม้ใต้ตาจะดำปิ๊ดประหนึ่งหลินปิงก็ตาม)
อ่าวเฮ้ยยยย....ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา ไม่ใช่ๆ
อ่าวเฮ้ยยยย เป็นไข้เลือดออกนะเฟ้ย ตายได้นะเฟ้ย ทำไมไม่ให้นอนรพ.ล่ะ?
ใจเย็นๆค่ะ อย่าเพิ่งไปปรี๊ดใส่คุณหมอนะคะถ้าเค้าไม่ให้นอนโรงพยาบาล
เพราะโรคไข้เลือดออกมีความรุนแรงหลายระดับ---"ไม่จำเป็น"---ต้องนอนรพ.ทุกรายค่ะ
ส่วนใหญ่ในรายที่เป็นไม่มากหมอเค้าจะนัดมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกเป็นระยะๆ เมื่อพิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจึงจะให้นอนรพ.ค่ะ
แต่ถ้าคุณดื้อจะนอนรพ.ให้ได้ละก็...
เข้ารพ.ไปก็ไปนอนทานพาราทานน้ำเกลือแร่และให้คุณพยาบาลวัดไข้วัดความดันแค่นั้นเองค่ะ
คุ้นๆมั๊ยคะ? ไม่ค่อยต่างอะไรจากมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกแล้วนอนอยู่บ้านเลยใช่มั๊ย? อย่างนั้นนอนอยู่บ้านสบายๆไม่ดีกว่าเหรอคะ?
หรือใครติดใจพี่พยาบาลคนสวยอยากเจอหน้าบ่อยๆก็อีกเรื่องนึงนะคะ 5555
สุดท้ายนี้
- อยากให้ทุกคนรู้จักวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นที่ถูกต้องค่ะ
เพราะระบบสาธารณสุขของบ้านเรายังต้องพัฒนาอีกมาก คนไข้เยอะ หมอน้อยตรวจช้า เตียงเต็ม ก็หงุดหงิดทั้งหมอทั้งคนไข้ ดังนั้นอะไรที่ช่วยตัวเองได้ก็ควรทำค่ะ
-ที่อยากแนะนำคือLinkข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับไข้เลือดออกของสำนักโรคติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขค่ะ
ใครอยากอ่านเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้เลยค่ะ ข้อมูลครบถ้วนและมีประโยชน์มากๆ ^ ^
แนวทางและคู่มือปฏิบัติการโรคไข้เลือดออกเดงกี
RealCPK