Group Blog
 
All blogs
 
แค่อยากจะเขียน… ครั้งหนึ่ง เราก็เคยอยากไปเมืองนอกแบบ “มากมาย” version กระทู้ด๋อยห้องไกลบ้านค่ะ (7)

และแล้วนังพี่โอ้กับนังเจ๋อก็เปิดตัวควงกันเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนตัวเราก็ได้กลับไปใช้ชีวิตทำงานงกๆ เหมือนเดิม รวมทั้งกลับไปขายอีเบย์เหมือนเดิม
ว่าแล้วการขายอีเบย์ เป็นการเริ่มต้นการขายของในอินเตอร์เนตของเราเลยก็ว่าได้ เดี๋ยวจะเล่าใน part ต่อๆ ไปเกี่ยวกับการทำเงินในเนตโดยการขายของ ไม่ใช่แบบคลิ๊กแล้วได้เงินนะ ฮ่าๆ


จะขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับการขายของในอีเบย์เผื่อผู้ที่สนใจกำลังอยากจะขายค่ะ การขายนั้นไม่ยาก สำหรับคนที่ไม่รู้จะขายอะไร เราลองสำรวจตัวเองก่อนว่า ตัวเองสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ของไทยเอาไปขายเมืองนอกได้สบายมากเพราะต้นทุนต่ำ มีโอกาสได้กำไรจากการขายค่อนข้างสูง (แต่ก็ไม่เสมอไปนะคะ 55) ปัญหาของคนส่วนมากที่คิดจะขายคือ ขาดทักษะในการเขียนบรรยายสิ่งของที่จะขายเป็นภาษาอังกฤษ แต่นั่นจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หนูสามารถค่าาาา...


วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเข้าไปดูของสิ่งเดียวกันกับที่เราจะขายว่าคนอื่น เค้าเขียนแนวไหน ยังไง แต่อย่าลอกมาทั้งดุ้นนะ ต้องทำประมาณว่าลอกของหลายๆ คนมารวมกัน (ออกแนวเหมือนลอกการบ้านสมัยเรียน ต้องลอกของเพื่อนหลายๆ คน หรือลอกในเนตหลายๆ เวปมารวมกันเดี๋ยวครูจับได้) ฮ่าๆ แผนชั่วอีกแล้วเรา


กลับมาต่อเรื่องเดิม ถึงแม้เราจะบอกตัวเองว่าทำใจได้ แต่ทำไมเวลาเห็นพี่โอ้กับนังเจ๋อทีไรใจมันหวิวๆ ทุกทีไป นังเจ๋อนี่ก็ช่างโอ้อวดเสียนี่กระไร ทุกวันหลังจากกลับจากทำงาน ชีจะต้องเล่าถึงเรื่องพี่โอ้ ว่าไปที่นั่นที่นี่ ไปกินนั่นกินนี่ (เหมือนจะกระแทกแดกดันให้เราได้ยิน) ไอ่เราก็ต้องทำเป็นนั่งเล่นเนต ดูทีวี ทำเหมือนไม่สนใจที่นังเจ๋อเล่า แต่หูมันมีหน้าที่รับฟังเสียงนิ่ เลยอดไม่ได้ที่จะได้ยิน แล้วเสียงนังเจ๋อเนี่ยใช่จะเบาซะที่ไหน :p


มีอยู่วันนึงนังเจ๋อเล่าว่าพี่โอ้พาไป outlet แถมซื้อกระเป๋า coach ให้ด้วย เรื่องนี้ทำให้เราเฟวสุดๆ คิดดูสิ ที่ที่นั้นผู้ชายคนนี้เคยพาเราไป เคยซื้อของให้เรา (ที่ยังไม่ได้เปิดดูจนถึงบัดนี้) แล้วพอมาวันนี้เค้ากลับพาอีกคนนึงไป แถมซื้อของให้ ทำอะไรต่อมิอะไรให้คนอื่นเหมือนกับที่เคยทำกับเรา มันน่าน้อยใจมั๊ยล่ะ คิดแล้วก็ดีเหมือนกันที่เค้าเลือกที่จะไปจากเราตอนนี้ ก่อนที่ "ใจ" ของเราจะถลำลึกไปกับผู้ชายคนนี้ แต่นั้นมันก็เป็นแค่ความคิด ซึ่งถ้าเค้ากลับมาง้อเรา เราก็คงตัดเค้าไม่ได้ง่ายๆ เหมือนที่เราคิดไปเองหรอกใช่มั้ย??


ว่าแล้วก็หยิบถุงที่พี่โอ้ซื้อมา ให้แอบเอาไปแกะที่ทำงาน ในนั้นก็มีกระเป๋าแบบธรรมดาๆ แอบเป็นแนวเฉิ่มนิดๆ ฮ่าๆ พี่โอ้นั่นซื้อให้แม่ใช้ได้เลยนะเนี่ย แกะออกมาแล้วก็ฮา คิดแล้ว.. ถ้าเราแกะของชิ้นนี้เมื่อเดือนที่แล้ว เราคงจะมีความสุขกว่าเก็บไว้แล้วมาแกะวันนี้มากโขเลยว่ามั้ย เพราะมาแกะเอาตอนนี้ คนที่ให้กระเป๋าใบนี้กับเราใจเค้าก็ไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว วันนี้เราเลยต้องมาันั่งแอบแกะ และดีใจอยู่ลึกๆ คนเดียว...


วันนี้เกิดอาการเซงจัดเลยไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มา เก็ตกับเพื่อนฝรั่งที่ร้าน เดินไปเดินมาก็ได้ยินเสียงคนพูดภาษาไทยลอยมา เรารีบหันไปตามเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว เห็นคนไทยประมาณสองสามคนยืนคุยกันอยู่ ไอ่เราก็หันหน้าไปยิ้มๆ กับคนไทยกลุ่มนั้นพร้อมกับถามว่าคนไทยหรอคะ ? ไม่รู้เป็นอะไรเวลาเจอคนไทยที่เมืองนอกต้องถามคำถามนี้ทุกที (พูดแก้เขินไปงั้น แฮ่ะๆ) (ถ้าเค้าไม่ใช่คนไทยแล้วจะพูดภาษาไทยมั๊ยล่ะแกนี่) พี่กลุ่มที่เราเจอบอกว่ามาเรียนแถวนี้ แล้วก็บอกชื่อโรงเรียนอะไรมาสักอย่างเนี่ยแหละ ไอ่เราก็เออ ออไปทำหน้าเหมือนรู้จักสุดริด (แต่จริงๆ แล้วไม่เคยได้ยินมาก่อน 55) พี่พวกนั้นก็ยืนคุยกับเราอย่างถูกคอ แลกอีเมลกับเบอร์โทรจากนั้นก็แยกย้ายกันไป..


เย็นวันนั้น หนึ่งในพี่กลุ่มที่เจอที่ซุปเปอร์โทรมาหาเราที่บ้าน พร้อมกับชวนไปเที่ยว(กลางคืน) ด้วยความว่างงานเราจึงตอบตกลงไปโดยที่ไม่ต้องคิด (ลืมบอกไป พี่คนนั้นเป็นผู้หญิงนะคะ) พอไปถึงที่ร้านเที่ยวเราก็ไปเจอคนไทยอีกคนนึง รวมแล้วที่โต๊ะมีคนไทยทั้งหมดสี่คนรวมเราด้วย คุยกันไปคุยกันมา ความจึงมาแตกว่าพี่คนไทยกลุ่มนั้นเคยเป็น Au Pair มาก่อนแต่ว่าหนีออกมาจากบ้านโฮสก่อนเสร็จสิ้นโครงการ


ก่อนอื่นต้องขออธิบายเรื่องโครงการ Au Pair ก่อน เผื่อบางคนยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
โครงการ Au Pair พูดง่ายๆ คือเป็นโครงการไปเลี้ยงเด็กยังต่างประเทศ ส่วนมากคนก็จะฮิตไปอเมริกากันซะส่วนใหญ่ ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ Au Pair ได้ต้องเป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมหรือมหาวิทยาลัย การไปก็ดูเหมือนจะไม่ยาก และแค่ใช้จ่ายค่อนข้างถูก ที่สำคัญคือเราจะได้รับเงินค่าจ้างจากการไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วย


สำหรับตัวจขกทแล้วคิดว่า Au Pair เป็นโครงการที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูก แถมยังได้ไปฝึกภาษา (ไปแบบนี้คงจะต้องพูดได้อย่างแน่นอน เพราะต้องคุยต้องอยู่กับโฮสเลี้ยงลูกให้เค้าเป็นปีๆ) และได้เงินค่าจ้างอีกต่างหาก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคงจะไม่สวยหรูแบบที่คิดหรอก เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไปใช้ชีวิตอยู่กับ host family ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน แถมต้องไปเลี้ยวลูกให้เค้าอีกต่างหาก ถ้าเจอ host ไม่ดีนี่ก็แย่เลย แบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนอย่างที่เค้าว่ากัน :)



Create Date : 08 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 9:16:08 น. 0 comments
Counter : 233 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

couponcode
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Couponcode Blog
ShoutMix chat widget
Friends' blogs
[Add couponcode's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.