Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 11 Apr 2009 วันนี้เป็นวันเสาร์คุณพ่อและคุณแม่เพื่อนเลยพาไปดู Taiko Drum Festival ที่วัด Narita-san เทศกาลนี้จะจัดขึ้นแค่ครั้งเดียวในฤดูใบไม้ผลิช่วงเสาร์อาทิตย์ที่สองของเดือนเมษายน เสียดายที่ไปสายแล้วเลยต้องมองดูจากทางด้างหลังของคนตีกล้องแทน แล้วก็ไม่ได้ดูพาเรดที่ถนนด้วย แต่เสียงกลองในวัดก็สนุกและเร้าใจสุดๆเหมือนกัน มีผู้คนมาชมเยอะแยะเลยค่ะ คนตีกล้องก็มีมากมาย หลายทีม หลายวัย ทั้งนักเรียน นักศึกษา แล้วก็ทีมที่มาจากต่างประเทศด้วย เช่นทีมนี้ค่ะมาจากศรีลังกาเป็นที่ชื่นชอบของคุณญี่ปุ่นมากๆ มีคนขอถ่ายรูปเยอะสุดๆ อาจจะเป็นเพราะการแต่งกายของเค้าดูโดดเด่นกว่าทีมอื่น พองานเลิกมีขบวนของพระเดินเข้าวิหารด้วยค่ะ ฝ้ายเลยวิ่งตามไปถ่ายรูป ส่วนรูปสุดท้ายคุณพ่อเพื่อนไปบอกน้องๆทีมนี้ว่าฝ้ายมาจากประเทศไทยนะ อยากขอถ่ายรูปด้วย ทุกคนก็เต็มใจมาโพสท่าน่ารักถ่ายรูปร่วมกัน ตอนกลางวันคุณพ่อเพื่อนขับรถพาไปทานอาหารร้านที่อยู่ใกล้ๆทะเล ขับไปไกลเหมือนกัน ร้านดูธรรมดาแต่คนเยอะมากๆ ฝ้ายถามคุณพ่อเพื่อนว่าทำไมเราต้องทานที่ร้านนี้ คุณพ่อเพื่อนบอกว่าร้านนี้ติดทะเลเพราะฉะนั้นอาหารก็มาจากทะเลสดๆ และที่สำคัญราคาถูก ฝ้ายกับคุณแม่สั่งข้าวหน้าปลาหมึกชุบแป้งทอดคนล่ะชาม อร่อยสุดๆ แถมมีปลาหมึกอยู่ในชามสามชั้น ทานไปชั้นเดียวก็อิ่มมากๆเลยค่ะ อดชิมซูชิเลยของพ่อเลย กลับมาหลายเดือนแล้วก็ยังคิดถึงรสชาติของปลาหมึกทอดชามนั้นอยู่ อยากกินอีก ขากลับเราแวะชมวิวกันที่ Tokyo Bayoasis หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Umi Hotaru ("sea firefly") เป็นเกาะกลางอ่าวโตเกียวที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่จอดรถและพักผ่อน มีร้านค้าและร้านอาหารอยู่ด้วยค่ะ เป็นจุดชมวิวที่สวยทีเดียว ตอนต่อไปจะพาไปดูดอกไม้ที่ Hanami Yama และเที่ยวอ่าว Matsushima   Create Date : 06 กรกฎาคม 2552     Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:03:42 น. Counter : 905 Pageviews.   9 comment Share Tweet

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 10 Apr 2009 วันนี้จะไปชมปราสาท Matsumoto หนึ่งในสามปราสาทที่สวยงามและสมบรูณ์ที่สุดของญี่ปุ่น ระหว่างรอรถไฟคุณเพื่อนโทรมาเลยบอกเค้าว่าวันนี้ฉันจะกลับบ้านเธอนะหลังจากไป Matsumoto เพราะฉันเดินมากเลยปวดขา แต่เหตุผลจริงๆคือนอนโรงแรมกินข้าวคนเดียวมาสองวันแล้วเหงาค่ะ พอถึง Matsumoto ก็เดินออกจากสถานีรถไฟจะไปขึ้นรถ Town Sneaker ไปปราสาทแต่ว่าดูตารางแล้วรอนานเลยตัดสินใจเดินไปเอง ใช้เวลาเดินประมาณยี่สิบนาทีค่ะ แว๊บแรกที่เห็นก็ตะลึงในความงามของปราสาทและวิวทิวเขาแอลป์ญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ปราสาท Matsumoto เป็นปราสาทแบบ Hirajiro ซึ่งหมายถึงปราสาทที่สร้างบนพื้นที่เรียบแทนที่จะสร้างบนเนินเขาหรือภูเขา พอเดินผ่านประตูของกำแพงปราสาทก็เจอกับต้นซากุระเลยค่ะ ปราสาท Matsumoto เป็นปราสาทโบราณที่ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ พื้นของปราสาทเป็นไม้ทั้งหมด ดูเก่าแก่และมีมนต์ขลังดี เบาะสี่เหลี่ยมที่มีป้ายไม้วางอยู่ คุณพ่อเพื่อนบอกว่าเป็นที่นั่งของจักรพรรดิ์ ในปราสาทมีการแสดงอาวุธที่ใช้รบในสมัยก่อนด้วยค่ะ ช่องเล็กๆที่เห็นเจาะไว้สำหรับยิงธนูและยิงปืนค่ะ ตอนแรกฝ้ายนึกว่าช่องทั้งหมดมีไว้สำหรับชมวิวซะอีก วิวที่มองออกมาจากปราสาทก็สวยงามดั่งที่เห็นในรูป ก่อนออกไปชมสะพานไม้แดงของปราสาทก็ถ่ายภาพซากุระที่นี่เป็นที่ระลึกซะหน่อย ฝ้ายชอบวิวปราสาทและต้นไม้รอบๆที่สะท้อนกับน้ำมากๆ สวยงามจริงๆ วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่อากาศดีมีเด็กนักเรียนประถมมานั่งวาดรูปปราสาท และก็มีคุณแม่บ้านหลายครอบครัวที่พาลูกมาปิคนิคด้วย เด็กญี่ปุ่นน่ารักแก้มแดงเห็นแล้วมีความสุขจังเลย บอกลาปราสาทแล้วหันหลังเดินกลับไปสถานีรถไฟ ขึ้นรถไฟกลับไปชิบะ ทานข้าวเย็นที่บ้านเพื่อนพร้อมเสียงหมาเห่า ไม่เหงาแล้วเรา ตอนต่อไปจะพาไปชมงานตีกลองและแวะเที่ยวที่ Tokyo Bayoasis   Create Date : 04 กรกฎาคม 2552     Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:06:04 น. Counter : 858 Pageviews.   6 comment Share Tweet

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 09 Apr 2009 หลังจากที่เมื่อวานเดินมากและเห็นว่าดอกซากุระที่ Nara ไม่ค่อยมีแล้ว วันนี้ฝ้ายเลยยกเลิกแผนที่จะไป Yoshinoyama เพื่อดูดอกซากุระ โดยเปลี่ยนเป็นนั่งรถไฟไปเกียวโตเผื่อไปศาลเจ้า Fushimi Inari แทน การเดินทางไปง่ายมาก จากสถานีรถไฟเกียวโตเพียงสองสถานีก็จะถึงสถานี Inari ศาลเจ้าจะอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย ศาลเจ้า Fushimi Inari เป็นศาลเจ้าของเทพเจ้า Inari เทพเจ้าเเห่งข้าวในศาสนาชินโต โดยมีสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกในศาลเจ้าแห่งนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะว่ามีประตู Torii สีแดงเรียงรายมากมายขึ้นไปบนเขา นอกจากนี้ก็ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง The Last Samurai อีกด้วย ตอนที่ฝ้ายเดินชมเจ้าประตูสีแดงอยู่ ก็ได้ยินไกด์คนไทยที่พากรุ๊ปทัวร์เล็กๆมาเที่ยวอธิบายว่าที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีประตู Torii มากมายเป็นเพราะว่าคนญี่ปุ่นชอบมาขอพรให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เมื่อสมหวังก็จะมาสร้างประตู Torii เรียงต่อไปเรื่อยๆ ศาลเจ้าแห่งนี้ก็เหมือนศาลเจ้าอื่นๆในญี่ปุ่นมีเซียมซีให้เสี่ยงทาย แต่ป้ายไม้ที่ให้เขียนคำอธิษฐานเป็นหน้าสุนัขจิ้งจอกซึ่งเราจะต้องวาดหน้าให้สุนัขจิ้งจอกเองด้วยค่ะ ส่วนรูปสุดท้ายเป็นหินที่ให้ยกเสี่ยงทายว่าคำอธิษฐานของเราจะสมหวังหรือไม่ ฝ้ายเดินอยู่จนเกือบเที่ยงก็ยังไปไม่ถึงสุดทางของประตู Torii เลย ก็เลยตัดสินใจเดินกลับเพราะจะต้องไป Nagoya ต่อ พอถึงสถานีรถไฟ Nagoya ก็เอาของไปเก็บที่โรงแรม เสร็จแล้วก็ไปนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปปราสาท Nagoya ค่ะ ปราสาท Nagoya เป็นปราสาทในเมืองที่ภายในได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่เหมือนในปราสาท Osaka ถ้าใครต้องการชมปราสาทที่ยังคงอนุรักษ์รูปแบบญี่ปุ่นสมัยเก่าอยู่คงจะไม่ชอบที่นี่แน่นอนเลยค่ะ จุดมุ่งหมายของฝ้ายที่นี่ก็เพื่อมาชมดอกซากุระค่ะ เสียดายที่ดอกซากุระเริ่มร่วงแล้ว เหลือแต่ดอกซากุระพันธุ์ที่บานช้าแต่ก็สวยงามมากๆเช่นกันค่ะ พอขากลับฝ้ายก็ไม่รู้ว่าทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดินไปโรงแรมไปทางไหน ก็เลยโผ่ลขึ้นมาแบบมั่วๆอีก เหมือนเดิมค่ะหลงทาง เดินจนเมื่อยกลับไปตั้งต้นที่สถานีรถไฟ Nagoya ถึงจะหาโรงแรมเจอ เช้าวันรุ่งขึ้นไปเดินชมรอบๆสถานีรถไฟ Nagoya เป็นสถานีที่ใหญ่ทีเดียว ตอนต่อไปฝ้ายจะพาไปชมปราสาท Matsumoto ค่ะ   Create Date : 27 มิถุนายน 2552     Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:07:40 น. Counter : 1615 Pageviews.   11 comment Share Tweet

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 08 Apr 2009 วันนี้เป็นวันเริ่มต้นใช้ JR Pass และวางแผนจะไม่กลับมาพักบ้านเพื่อนอีก 7 วัน ก็เลยต้องแบกเป้และหิ้วกระเป๋าอีกใบไปขึ้นรถไฟ จาก Ueno นั่ง Shinkansen ไป Kyoto แล้วต่อรถไฟไป Nara มาถึง Nara ก็บ่ายแก่ๆแล้วค่ะ ไปขอแผนที่และสอบถามข้อมูลพร้อมทั้งเอากระเป๋าไปฝากในล็อคเกอร์ แค่นี้ก็พร้อมเดินชม Nara Park กันแล้วค่ะ Nara เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยซึ่งวันนี้ฝ้ายจะพาไปเที่ยว 3 แห่งด้วยกัน ที่แรกคือวัด Kofukuji เดินจากสถานีรถไฟ Nara มาไม่ไกลนัก จุดเด่นของวัดนี้คือเจดีย์ห้าชั้น (Five-Story Pagoda) ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ของเมือง Nara ก่อนจะเดินไปถึงเจดีย์ห้าชั้นทุกคนจะได้พบกับซากุระต้นนี้ซึ่งบานสะพรั่งสวยงามมากๆ ที่ที่สองที่จะไปคือวัด Todaiji ระหว่างเดินไปวัดจะผ่านประตู Great South Gate ซึ่งเป็นประตูหลักของวัด จะมีรูปปั้นยักษ์แกะสลักเฝ้าประตูอยู่ วัด Todaiji เป็นวัดที่ก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในวิหารมีรูปปั้นพระ (Daibutsu) องค์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นประดิษฐาน อยู่ รูปอยู่ตรงกลางนะค่ะ รูปสุดท้ายเก็บตกจากภายในวิหารและข้างนอกค่ะ รูปที่มีเด็กลอดท่อนไม้ออกมาเค้าเชื่อกันว่าถ้ารอดผ่านแล้วจะโชคดีค่ะ ส่วนพระพุทธรูปไม้แกะสลักเค้าใหอธิษฐานแล้วเอามือไปลูบที่องค์พระแล้วคำอธิษฐานจะสัมฤทธิ์ผล ออกจากวัดก็มาเจอหนุ่มสาวคู่นี้น่ารักดี ผู้หญิงเค้ามานั่งวาดรูปวัดค่ะ กวางก็เป็นสัญญาลักษณ์หนึ่งของเมือง Nara เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าแปลกใจถ้าเดินในเมืองนี้แล้วจะพบกวางเดินร่วมทางกับเรา อาหารของน้องกวางคือ Senbei หรือ Rice Cracker นั่นเอง ระหว่างเดินไปศาลเจ้า Kasuga Taisha ซึ่งเป็นที่ที่สามที่จะไป ศาลเจ้า Kasuga Taisha เป็นศาลเจ้าที่สวยงามและมีชื่อเสียงในเรื่องของตะเกียงไฟ มีตะเกียงแขวนอยู่รอบๆศาลเจ้า และมีห้องมืดให้ชมลวดลายของตะเกียงตอนจุดไฟด้วยนะค่ะ ปิดท้ายด้วยรูปทางเข้าศาลเจ้า ฝ้ายเดินกลับไปสถานีรถไฟเพื่อเอากระเป๋าและเดินไปสถานี Kintetsu Nara เผื่อต่อรถไฟ local ไปโรงแรมที่จองไว้ หลงทางไปโรงแรมด้วยเพราะออกจากสถานีผิดทาง เดินอยู่นานทั้งที่โรงแรมห่างจากสถานีแค่ 5 นาที ในที่สุดก็ตัดสินใจถามคุณน้าที่กำลังเก็บร้าน lotto อยู่ ได้ความว่าเดินข้ามสถานีรถไฟไปเจอ เซอร์จริงๆเลยเรา วันนี้อากาศร้อนและเดินเยอะมาก โชคดีที่ใส่รองเท้าบูธไป รองเท้ามีแต่ฝุ่นจับ เข้าโรงแรมได้สักพักคุณเพื่อนก็โทรมาเช็ค แล้วบอกว่าเธอจะกลับมาบ้านเมื่อไรก็ได้นะ ทุกคนรอเธอเสมอ เที่ยวคนเดียวมันเหงานะ ฟังแล้วรู้สึกดีมากๆ ตอนต่อไปจะพาไปเที่ยว Kyoto และ Nagoya ค่ะ   Create Date : 21 มิถุนายน 2552     Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:08:34 น. Counter : 786 Pageviews.   9 comment Share Tweet

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 07 Apr 2009 วันนี้เข้าโตเกียวไปชมซากุระที่สวน Ueno เป็นวันที่อากาศค่อนอบอุ่น แดดแรงมาก แต่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส มีคนมาเดินชมดอกซากุระเยอะมากเลย ดอกซากุระที่นี่บานเต็มที่แล้ว (Full Bloom) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Mankai เห็นแล้วประทับใจ สวยสุดๆเลยค่ะ หลังจากเต็มอิ่มกับการชมซากุระก็นั่งรถไฟใต้ดินไปเสี่ยงเซียมซีที่วัด Sensoji หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม Asakusa Kannon ฝ้ายเคยมาที่นี่เมื่อสี่ปีที่แล้ว วันนี้กับสี่ปีที่แล้วก็ไม่ต่างกัน ยังคงมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ นอกจากมาเสี่ยงเซียมซีแล้ว ฝ้ายมีเป้าหมายจะมากิน Age Manjyu ของที่ร้าน Asakusa Kokonoe พอลองทานก็ติดใจค่ะ อร่อยมาก แต่ต้องทานตอนร้อนๆนะ ส่วนรูปที่เป็นกระดิ่งห้อยๆ เป็นร้านขายของที่ระลึกจำพวกกระดาษญี่ปุ่น สติ๊กเกอร์ สมุด มีแต่ลายสวยๆทั้งนั้นเลย ออกจากวัดก็ขาดไม่ได้ที่จะแวะไปชมดอกซากุระที่ริมแม่น้ำ Sumida และทักทายกับเจ้าฟองเบียร์ Asahi เป้าหมายสุดท้ายของวันแต่ยังไม่ท้ายสุดคือ Shinjuku Gyoen ระหว่างเดินไปหาสวนก็เดินผ่านตึกสองตึกที่ดูเก๋ดีแต่รู้ชื่อแค่ตึกทางขวามือคือ Tokyo Metropolitan Government Office ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นได้สมัครเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2016 ด้วย ฝ้ายก็ขอให้ญี่ปุ่นชนะเผื่อจะได้มีโอกาสไปดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกับเค้าบ้าง เดินมาถึงสวนแล้วแต่หาทางเข้าสวนที่ไปชมซากุระสวยๆไม่เจอค่ะ มารู้ทีหลัวว่าสวนที่ไปคือ Central Park ไม่ใช่ Shinjuku Gyoen เดินมั่วๆไปเจอศาลเจ้า Kumano เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่มีดอกซากุระสวยเช่นกันค่ะ ศาลเจ้านี้น่าจะเป็นที่รู้จักของคนแถวนี้ เห็นมี salary man เดินมาทำความเคารพศาลเจ้าอยู่เรื่อยๆค่ะ ท้ายสุดของวันนั่งรถไฟผ่าน Shibuya รีบลุกจากที่นั่งแทบไม่ทัน ลืมไปว่าต้องแวะซื้ออัลบัมของ Tohoshinki ให้พี่บี bjstar ออกจากสถานีก็เจอกับน้องหมา Hachiko น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ด้วย ที่เค้าบอกกันว่า Shibuya เป็นย่านของเด็กวัยรุ่นคงจะจริงค่ะ มีดาราหรือนักร้องก็ไม่รู้มาถ่ายรายการ เด็กวัยรุ่นวิ่งตามกันใหญ่เลย ฝ้ายก็วิ่งตามด้วยแต่ดูแล้วก็ไม่รู้จัก ถ่ายรูปมาก็เห็นแต่ข้างหลัง นึกแล้วก็อายเหมือนกันที่ไปยืนหาอัลบัม Tohoshinki ในร้าน Tsutaya เดินไปเดินมาหาไม่เจอ จะถามคนขายก็กลัวเค้าจะฟังไม่รู้เรื่อง โชคดีที่หาเจอในที่สุด แต่ตอนจ่ายเงินก็มึนอยู่ดีคนขายพูดอะไรก็ไม่รู้ คิดในใจยังไงก็ได้แต่ฉันจะเอาอัลบัมนี้ สุดท้ายก็ได้มา นั่งรถไฟลั่นลากลับบ้านเพื่อน ตอนต่อไปจะพาไปเที่ยว Nara Park นะค่ะ   Create Date : 16 มิถุนายน 2552     Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:10:09 น. Counter : 1444 Pageviews.   10 comment Share Tweet

• WeLComE to CoTTonY
• BLoG TaGs
• BlissfuLNess
• MooDiNess
• SHopAhoLiC GaL
• BeauTY HaLL
• DREssinG RooM
• BoN VoYagE
• EnJoY EaTinG
• BlyThE RooM
• No GrouP
• SeCreT WinDoW
• LasT UpDaTE

• Webmaster - BlogGang

• Blithe-BerrY
• BlogGang.com