เที่ยวเมือง พ่อขุนราม....สุโขทัยเมืองเก่า
.
อาณาจักรสุโขทัย หรือ รัฐสุโขทัย เป็นอาณาจักร หรือรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม เป็นชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคเหล็กตอนปลาย จนกระทั่งสถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1800 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งทำการเป็นผลสำเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อยๆตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด

ก่อนจะไปเทียวชมเมืองเก่า..
ก็เเวะกินก๋วยเตียวสุโขทัยก่อน....อร่อยมาก..ขอบอก.น่ะขอบอก


กินกับสะแต๊ะ...อร่อยมาก...รู้สึกย้อนอดีต..ไปถึง..สมัยพระร่วงอ่ะไรอย่างั้น..กำลังอิน..อินจัด..


วัดสรศักดิ์
เจดีย์ประธานรูปช้างล้อม ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ก่อด้วยอิฐ รอบฐานประดับด้วยปูนปั้นรูปช้าง จำนวน 25 เชือก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพาหนะของพระเจ้าจักรพรรดิ (ชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า) เป็นตัวแทนของสัตว์พาหนะที่ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ฐานเจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยมหน้ากระดานยกสูง ประดับด้วยปูนปั้นรูปช้างทั้งสี่ด้าน ส่วนบนเป็นฐานกลม ลดหลั่นเป็นชั้นขึ้นไปถึงชั้นบัวถลา เหนือระฆังเป็นบัลลังก์ ก้านฉัตรและปลียอด








เเอบถ่ายอี..นู๋.....แหม่ม......



เเอ๋บ..ถ่ายกลับจักกระยาน..ไอ้ฝร้่งมันก็มอง..ว่าเราจะเอารถมันไปทำอะไรหรือเปล่า...อุอุ



<วัดพระพายหลวง..มีคลองน้ำรอมรอบสวยงาม...เเต่สุดโสมมาก..ยังมีวัด..พระอาศัยอยู่..

.....................................








วัดมหาธาตุ...เป็นวัดหนึ่งที่..คนไปเยียมเยือน..เมืองสุโขทัยเเล้วจะตั้งไป..ถ้าใครไม่ได้ไปถ่ายรูปหรือไปดู..ในความคิดของผมน่ะ...ไปไม่ถึงสุโขทัย....อิอิ








ตอนนี้ฝนตกเเรงมากที่วัดมหาธาตุ..เเต่ก็มีร่ม..เดินถ่ายรูปต่อ..นี้หล่ะ..เราจะได้ภาพที่คนอื่นไม่มี..อิอิ





...................................................







วัดศรีชุม หรือ วัดฤๅษีชุม เป็นโบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ตัววัดเป็นโบราณสถานตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ นอกกำแพงเมืองสุโขทัย วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป พระพุทธอจนะ เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย ..

เป็นวัดหนึ่งอีกเหมือนกันที่..คุณไปสุโขทัย..เเล้วต้องไปเยียมชม..ถ้าไม่ได้ไป เเปลว่าไปไม่ถึง ความคิดของของผม..เพราะมันสวยมาก..ถึงมันจะเป็นเก่าๆๆ..เเต่มันมีมนต์เสน่ห์..ที่จะบรรนยายไม่ได้ เป็นวัดที่ผมเคยเห็นคนถ่าย..จัดฉากมีเณร..นั่งบนฐานพระพุทธรูป ผมเห็นเเล้วมันเป็นภาพที่สวยมากผมยังจำภาพนี้ได้....
.มันทำให้ผมอย่ากมาก...


สาธุ.....จัดฉากหน่อย......
วัดศรีชุม






ผมชอบภาพนี้มาก...กดซัตเ้ตอร์เเถบไม่ทัน..พอดีฝรั่งปั่นจักยาน..ผ่านมาพิดี..สวยเลย..ก่อนกำลังจะกลับ..ฝนก็จะหยุดตกพอดี..สวยครับ





ฝนตก..เเต่ไม่เเรงมาก..เเตกก็เปลียกอ่ะน่ะ..ไหนๆๆเล้วก็ขออาบน้ำฝนที่สุโขทัย..ไปเลย..เย็นสบาย..เเล้วก็กราบงามๆๆ


รูปนี้อารมณ์เสีย..ให้เรานั่งถ่ายรูป..เเต่ไม่บอกเรา..ว่าถ่ายเสร็จ..โอ้ย..







นิดหนึ่งก่อนกลับ.....























Create Date : 26 กรกฎาคม 2554
Last Update : 26 กรกฎาคม 2554 6:18:56 น.
Counter : 1440 Pageviews.

4 comment
เที่ยว..วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร....เชียงใหม่
.
ประวัติ

พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ราชวงศ์เม็งราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1888 ขั้นแรกให้ก่อสร้างเจดีย์สูง 23 วา เพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดา ต่อมาอีก 2 ปี จึงได้สร้างพระอาราม เสนาสนวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร และกุฏิสงฆ์ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทรงตั้งชื่อว่า "วัดลีเชียงพระ" สมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ขึ้นครองนครเชียงใหม่ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองเชียงราย เมื่อขบวนช้างอัญเชิญมาถึงหน้าวัด ช้างก็ไม่ยอมเดินทางต่อ พระเจ้าแสนเมืองมา จึงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐาน ณ วัดลีเชียงพระ ประชาชนทางเหนือนิยมเรียกพระพุทธสิหิงค์ ว่า "พระสิงห์" จึงเป็นที่มาของชื่อ "วัดพระสิงห์" ในปี พ.ศ. 2360 พระญาธัมมลังกา หรือพระเจ้าช้างเผือกธรรมลังกา พระอนุชาของพระเจ้ากาวิละ โปรดให้บูรณะพระอุโบสถและพระเจดีย์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์สุดท้าย พร้อมด้วยครูบาศรีวิชัย และประชาชนชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมกันบูระฃณะปฏิสังขรณ์วัดพระสิงห์อีกครั้ง และได้มีการขึดพบสิ่งของมีค่ามากมาย อาทิ แผ่นทองคำจารึกเรื่องราวต่างๆ โกศบรรจุอัฐิพระญาคำฟู แต่สิ่งของเหล่านี้สูญหายไปในช่วงสงครามเอเชียบูรพา และในปี พ.ศ. 2493 วัดพระสิงห์ ได้รับโปรดเกล้าให้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร






ลวดลายพญานาค.....ศิลปะ ประจำวัดไทย.....





พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย
สมัยเชียงแสน โครงสร้างทำด้วยไม้เนื้อแข็ง สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นเมื่อราวจุลศักราช ๑๒๕๑ - ๑๒๕๒ (พ.ศ.๒๔๓๒ - ๒๔๓๓)


อันนี้น่าจะเป็นโคมไฟ..ศิลปะเชียงเเสน....




พระประธานในพระอุโบสถวัดพระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง เนื้อสำริดปิดทอง ปางมารวิชัย สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ มีหน้าตักกว้าง ๒๐๔ เซนติเมตร สูงทั้งฐาน ๒๘๔ เซนติเมตร ที่ฐานมีอักษรล้านนาจารึกว่า "กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา"





วิหารจตุรมุข





ภายในวิหารจตุรมุข นี้จะมีมณฑปอยู่ตรงกลาง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ด้าน...






วิหารลายคำ




วิหารลายคำ เป็นวิหารพื้นเมืองศิลปะล้านนาขนาดเล็ก ภายในเป็นที่ประดิษฐาน"พระพุทธสิหิงค์" ขนาดหน้าตักกว้าง ๓๑ นิ้ว สูงจากขอบฐานถึงยอดพระเมาลีบัวตูม ๕๑ นิ้ว เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง" และมีภาพจิตรกรรมที่สวยงาม








ภาพจิตรกรรมที่สวยงาม......
















Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 24 กรกฎาคม 2554 4:17:58 น.
Counter : 1734 Pageviews.

2 comment
เที่ยว..วัดโสธรวรารามวรวิหาร.. ฉะเชิงเทรา..



วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
วัดโสธรวรารามวรวิหาร เดิมชื่อว่า วัดหงษ์ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง
ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริดปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ มีรูปทรงสวยงามมาก ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน
แต่เดิม หลวงพ่อพุทธโสธรประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่นๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ ทรงมีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระจริปุณโญ ด. เจียม กุลละวณิชย์ อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 [1]
การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิม โดยใช้เทคนิควิศวกรรมสมัยใหม่ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธร และพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์ [1]
ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล


>

การเดินทาง ----- จากรุงเทพ..ใช้เส้นทางหลวงพิเศษสายกรุงเทพ-ชลบุรี/ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ประมาณ 71.7 กม. – ประมาณ 53 นาที
เเล้วเลียวซ้ายเข้า 314..อีกประมาณประมาณ 16.7 กม. – ประมาณ 23 นาที....เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพ..เลย
เเค่วันเดียวก็เที่ยวได้.....





ไปถึงช่วงเย็น..อากาศดีมาก..ไม่มีเเดดท้องฟ้า..กลายเป็นสีฟ้า..สวยมาก..ที่วัดกำลังทำวัดเย็นสวดมนต์ มีชาวบ้านบริเวณนั้นนุ่งขาวห่มขาว..มาทำวัดสวดมนต์ด้วย เยอะมาก..เป็นปกติของคนบริเวณนั้น..ทุกวัน..มีเสียงสวดมนต์ไพเราะมาก..ประสานเสียงกันเลยที่เดียว..ชาวบ้านเเม่ค้าคงได้ยินเป็นประจำทุกวัน






สนามหญ้ายังสวยเลย....พอดีทางวัดเปิดไฟ...สวยมากครับ..เเนะนำให้ไปเทียวตอนเย็นๆ..น่ะครับ..ถ่ายรูปไปฟังธรรมไป..







ขนาจศาลาน่ะเนีย...

ภาพนี้ผมชอบมาก..น่าจะเป็นศาลาที่ทำมาจากไม้ ลวดหลายสวยมาก





-------

ถ้าใครอย่าไปเที่ยวตอนงานเทศกาลนมัสการหลวงพ่อโสธร..มีสามช่วง

-งานเทศกาลเดือน 5 เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 15 ค่ำ ถึงแรม 2 ค่ำ รวม 3 วัน 3 คืน เป็นงานฉลองสมโภชในวันที่อาราธนาหลวงพ่อโสธรขึ้นจากน้ำมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้

-งานเทศกาลเดือน 12 เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ ถึงแรม 1 ค่ำ เนื่องจากในปี พ.ศ. 2433 เกิดโรคฝีดาษระบาดทั่ว ชาวบ้านจึงบนบานต่อหลวงพ่อโสธร ขอให้หายและได้จัดพิธีสมโภชจนกลายเป็นประเพณีสืบต่อกันมา ปัจจุบันทางจังหวัดฉะเชิงเทราและทางวัดโสธรฯ ได้ร่วมกันจัด "งานนมัสการพระพุทธโสธร และงานกาชาดฉะเชิงเทรา" ขึ้นเป็นประจำ มีการเฉลิมฉลองและการจัดขบวนแห่หลวงพ่อโสธรจำลองทั้งทางบกและทางน้ำ

-งานเทศกาลตรุษจีน จัดโดยสมาคมชาวจีน พร้อมด้วยพ่อค้าประชาชน และข้าราชการ เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงขึ้น 5 ค่ำ ( ตามจันทรคติของจีน ) รวม 5 วัน 5 คืน








รูปพระโสธร...เสียได้ไม่ได้เข้าไปข้างใน..เพราะก็มากช่วงเย็นเเล้ว..ข้างในเขาก็ทำพิธีกันอยู่....แค่นี้ก็สุขใจเเล้ว....




พอดีเย็น..ก็ไปหาอะไรกินท้องมันร้อง.. พอดีเดินไปเจอร้าน..ชวนมา..ชื่อเก๋ มาก ก็เลยเเว่ะ..จัดร้านได้โอเคมาก...เเบบย้อนยุคดี..ติดริมน้ำปางประกงน้ำชึ่นๆ ขึ่น ลงๆ ฮ่าๆๆ




ชมวิว..ครับ.....ท้องฟ้ากำลังมืดฟ้าอ่อนๆๆ.....ตากลมสบาย..


โฆษณาเบียร์..ไปไหนตัว...เกิ๊ก..
.





Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 23 มีนาคม 2555 14:00:52 น.
Counter : 965 Pageviews.

0 comment


บัวปริ่มน้ำ47
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



โกรธง่าย หายเร็ว คิดมากฝั่งใจ ไม่ชอบเห้นคนโดนเอาเปรียบ.ชอบเเกล้งโง่ !เหี้ยเเล้วกู..ฮ่า ฮ่า ฮ่า //หวัดดีครับ...