..อย่าถามว่าโลกได้ให้อะไรกับคุณ ลองถามดูว่าคุณได้ให้อะไรกับโลกบ้าง..

THE SEED STORY..อยากให้อ่าน






THE SEED Story

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเริ่มแก่ตัวลง
และต้องการหาคนมาสืบทอดธุรกิจ แทนที่เขาจะเลือก
ผู้อำนวยการ หรือ ลูกของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป


เขาเรียกนักบริหารหนุ่มๆ ในบริษัทของเขา มารวมกัน และพูดว่า
ถึงเวลาที่ฉันจะวางมือและเลือกคนที่จะเป็น CEO คนใหม่แล้วหล่ะ
และฉันก็จะตัดสินใจเลือกคนหนึ่งในพวกคุณเนี่ยะแหละ
พวกหนุ่มต่างรู้สึกช๊อกกันใหญ่ เขาพูดต่ออีกว่า
วันนี้ผมจะให้เมล็ดพืชแก่พวกคุณคนละเมล็ด เป็นเมล็ดพิเศษ
คุณต้องดูแลและรดน้ำ นับจากวันนี้ไปอีก 1 ปี กลับมา และผมจะตัดสิน


จากต้นไม้ที่เจริญเติบขึ้น ที่พวกคุณนำมาให้ผม
คนที่ผมเลือกจะได้เป็น CEO คนต่อไป "
นักบริหารหนุ่ม คนหนึ่ง ชื่อ จิม เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มๆ
ที่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น เขาได้รับเมล็ด มา 1 อัน
และกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น เขาบอกภรรยา และช่วยกันเตรียมกระถาง
ดิน และปุ๋ย เพื่อเตรียมปลูกต้นไม้ พวกเขาดูแล รดน้ำมาตลอด
ผ่านไปสามสัปดาห์ พวกนักธุรกิจหนุ่มคนอื่น ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเมล็ดพื่ชที่เขาได้รับ
และเริ่มเจริญเติบโต . แต่จิม ก็เฝ้าดูทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีต้นอะไรงอกออกมา


3 สับดาห์ ผ่านไป ...
4 สับดาห์ ผ่านไป ...
5 สับดาห์ ผ่านไป ก็ยังไม่เห็นอะไรในกระถาง
ตอนนี้หนุ่ม ๆ ได้พูดถึงต้นไม้กันอีกแล้ว
แต่จิม ไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขาไม่เห็นต้นไม้ของเขา เขาเริ่มรู้สึกว่าล้มเหลว
ผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา


เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาได้ทำลายเมล็ดนั้นไปซะแล้ว
ตอนนี้ทุก ๆ คนมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้น ยกเว้นจิม ที่ไม่มี
แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน
แต่เขาก็ยังเฝ้าดูแล รดน้ำ มันมาตลอดเวลา ผ่านไปครบ 1 ปี
ทุกคนก็ได้นำต้นไม้ ไปให้ CEO ได้ตัดสิน
แต่จิมพูดกับภรรยาว่า ผมจะไม่เอากระถางเปล่าๆใบนี้ไปแน่
แล้วภรรยาบอกเขาว่า ให้พูดความจริงออกไป ว่ามันเป็นยังไง
จิมรู้สึกว่าท้องปั่นป่วนไปหมด เป็นวินาทีที่เขารู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต
แต่เขาก็คิดว่าภรรยาของเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงถือกระถางเปล่าๆ
เข้าไปในห้องทีได้นัดหมายกันไว้ เมื่อจิมมาถึง เขาแปลกใจมากว่า
ทำไมต้นไม้ของคนอื่นถึงสวย และแข็งแรงกันหมดทุกคน
เมื่อพวกเขาเห็นกระถางของจิม ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะเยาะ
มี 2-3 คนเท่านั้นที่แสดงความเห็นใจ


เมื่อท่านประธานเข้ามาถึง เขาได้ทักทายทุกๆ คน แต่จิมก็แอบหลบอยู่ข้างหลัง
โอ ทำไมต้นไม้ของพวกคุณถึงได้สวยกันเหลือเกิน เอาละ
หนึ่งในพวกคนจะได้เลื่อนเป็น CEO กันวันนี้แหละ
แต่พอท่านประธานเห็นกระถางของจิม ที่อยู่ข้างหลังห้อง
เขาก็บอกให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเรียกจิม ขึ้นมาข้างหน้า
จิมรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าท่านประธานคงคิด
ว่าเขาล้มเหลว และเขาอาจจะถูกไล่ออก เมื่อจิมเดินมาหน้าห้อง
ท่านประธานก็ถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ของคุณ
จิมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
แล้วท่านประธานก็บอกให้ทุกคนนั่งลง ยกเว้นจิม
ท่านมองมาที่จิม และก็ประกาศว่า CEO คนต่อไปก็คือ ....... จิม "


จิมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะต้นไม้ของเขาก็ไม่มี
เขาจะได้เป็น CEO ได้อย่างไร
และท่านประธานก็พูดว่า เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ให้เมล็ดพืชกับพวกคุณทุกคน
ให้พวกคุณดูแล รดน้ำมันทุกๆ วัน แต่มันเป็นเมล็ดที่ต้มแล้ว
ดังนั้น มันจะงอกเป็นต้นไม้ได้อย่างไร พวกคุณทุกคนยกเว้นจิม
นำต้นไม้ที่ สวย งาม มาให้ผม นี่ก็แสดงว่า
เมื่อพวกคุณพบว่า เมล็ดมันไม่งอก พวกคุณก็เอาเมล็ดอื่นปลูกแทนน่ะสิ
จิม เป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับความจริง
และนำกระถางเปล่าพร้อมกับเมล็ดที่ผมให้ มาให้ผม
ดังนั้น ผมจึงแต่งตั้ง จิม ให้เป็น CEO คนต่อไป

คติธรรม ที่ได้
เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ
เมื่อคุณปลูกความดี คุณก็จะได้รับมิตรภาพ
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับความยิ่งใหญ่
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกความพิจารณา คุณก็จะได้รับความละเอียดละออ
เมื่อคุณปลูกความทำงานหนัก คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกการให้อภัย คุณก็จะได้รับการคืนดี
ดังนั้น ตรองดูซักนิด ว่า คุณจะปลูกอะไร คุณก็สามารถกำหนดสิ่งที่คุณจะได้รับได้



เรื่องราวดี ดี จากเมล์ฟอร์เวิด




 

Create Date : 23 เมษายน 2551    
Last Update : 27 เมษายน 2551 21:50:22 น.
Counter : 961 Pageviews.  

..ทุก ๆ สิ่ง มันไม่ใช่เรื่องยากเลย..





หากกำลังท้อแท้ ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะ

ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคน นั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะ แห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า
ไม่ชอบสังคมและ ล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ "อัล เบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู

ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น... ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายาม เป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้ เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์"
ผู้พิชิตแปซิ ฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง

ชายกลุ่มหนึ่งเป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคน หนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ต้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ ว่า
"เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา
และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลัง จะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่ง ตำนาน

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียน มัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไม เคิล จอร์แดน"
หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก

ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถ ในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคน นั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคน นั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก

ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมา ตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุ แล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคน นั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษา ระดับกลางเท่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนใน วิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"

ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอ เพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย
แกควร กลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"

หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้ กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริ ษัท
บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า
"เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯหรือไม่ ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จัก กันในนาม "มาริลีนมอนโร" นั่นเอง

ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อ มา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจ โคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์ รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคน นั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของ โลก

ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับ คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้า คอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบัน คือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคย ถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่ สาม หรือที่รู้จักกันในนาม
"บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐี อันดับหนึ่งของโลก
ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ

เชื่อว่าทุกคนเคยแพ้
เชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว
แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ ล้มเหลว
คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก







 

Create Date : 22 เมษายน 2551    
Last Update : 22 เมษายน 2551 22:28:48 น.
Counter : 808 Pageviews.  

กำลังท้อแท้อยู่ใช่ไหม อ่านเรื่องนี้ดูสิ..อาจคิดอะไรได้บ้างนะ





พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ
เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ขณะอายุ 16 ปี
ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง

เขาแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคน
แต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความ สุขอยู่ได้ไม่นานนัก อายุ 20 ปี ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไป
เพราะทนใช้ชีวิตกับ เขาไม่ได้

ช่วงอายุ 18-22 ปี เขาประกอบอาชีพเป็นคนขายตั๋วรถไฟแล้วก็ล้มเหลว
แต่เขาก็ยัง ต่อสู้กับชีวิตด้วยการหาโอกาสให้ชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลว เหมือนเดิม

เขาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกมา
หันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถอันเอกอุ เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

แล้วเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน แน่นอนที่สุด เขาล้มเหลวอีกครั้ง (แล้ว)

แค่เกริ่นมาข้างต้นก็คงไม่ต้องบอกว่า ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !
แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด
สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร
ดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้าน
กาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา

ชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควร
แต่เขา กลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา
เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ
เขาเปลี่ยนความ คิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอ
เพราะเขา รักและคิดถึงเธอเหลือเกิน
เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตน
เขาวางแผน ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว
ในที่สุดแผนการอันแสนยาวนานก็เสร็จสิ้นลง
เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณพ่อวัยรุ่นผู้น่าสงสารซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาของ
เขา
เฝ้ามองลูกสาวของเขาเล่นอยู่หน้าบ้านและเตรียม พร้อมที่จะ "ลักพาตัวเธอ!"

แล้ววันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนก
อยู่บ้าง
แต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขา มีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจา
...
วันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลย

แม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว
เขารู้สึกเหมือนคนที่ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า
และเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะ ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต

แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้
พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาเกษียณ ตอนอายุ 65
ปี

วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์
( ราวสี่พันบาท)
เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้
ชีวิต ของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน

เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล
เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่า " จะฆ่าตัวตาย "
เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่ง
นั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม

แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญา
เขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่
เหลืออยู่
เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสัก
อย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)

เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้
บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหาร
ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง
ในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

เขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน
และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา

เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกัน
สังคมฉบับต่อไปของเขา
ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและ ไก่จำนวนหนึ่ง

จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงาน
ที่ร้านกาแฟนั้น

เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา

แล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส
ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง

ตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี
เขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ

เรื่องราวชีวิตของผู้พันแซนเดอร์ส เป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จ
ที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากใต้ต้นไม้วันนั้น
ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก
ตำนานไก่ทอดสะท้านโลกก็คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกัน

จริงอย่างที่เขาว่า ความสำเร็จกับความล้มเหลวห่างกันเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะ "สู้ต่อ" หรือ "ยอมแพ้"

สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จ

แล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ?
****




ขอขอบคุณ นิตยสาร Financial Freedom เอื้อเฟื้อบทความ





 

Create Date : 08 มกราคม 2551    
Last Update : 8 มกราคม 2551 15:55:12 น.
Counter : 623 Pageviews.  

สำหรับคนขวัญอ่อน กระหม่อมบาง กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ...เราอยากบอกคุณ







วิธีการป้องกันเมื่อผีมาจ้า....

• อย่านอนเตียงที่มีใต้เตียงโล่ง ถ้ากลัวมากๆก็ให้ไปนอนใต้เตียงแทนปล่อยผีนอนบนเตียงไป
• ถ้ากลัวผีช่องแอร์ให้เปิดหน้าต่างนอน ให้กระสือมาหลอกแทน
• ถ้ากลัวไฟปิดเปิดเองได้ ให้ถอดหลอดไฟออกทุกดวง เช่นเดียวกับก๊อกน้ำเปิดเองก็ให้เปิดมันทิ้งไว้
• ถ้าอยู่ดีๆได้กลิ่นธูป ให้คว้าการบูนมาดม
• ถ้าอยู่ดีๆได้ยินเสียงเพลงไทย ให้เอา ipod มาเปิด hip hop ฟัง

• ถ้าอยู่ดีๆ ได้ยินเสียงเด็กหรือผู้หญิงร้องไห้ ให้ลุกขึ้นมาปลอบใจผี
• ถ้าเพื่อนโดนผีเข้าให้เมินมันแล้วไปนอน พอไม่มีใครสนใจผีก็จะเซ็งออกไปเอง
• ถ้ามีเงาอะไรผ่านหน้าต่างไป ให้ไปยืนแถวๆหน้าต่าง ทำเงาผ่านย้อนไปบ้าง
• ถ้ากลัวจะมีใครมายืนอยู่ปลายเตียง ก็ให้นอนเอาหัวมาไว้ปลายเตียง (ดูซิจะไปยืนไหน)
• ถ้าผีมาขอส่วนบุญ ให้ถามว่าสามารถโอนเข้าบัญชีได้ที่วัดไหน สาขาอะไร รับบัตรเครดิตหรือเปล่า?

• ถ้าผีจะมาให้หวย ให้บอกไปว่ารับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ?โอกาสหน้ามาใหม่นะคะ
• ถ้าผีจะตามกลับไปอยู่ที่บ้านบอกให้ผีไปทำเรื่องย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในฐานะผู้อยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฏหมายเสียก่อน
• ถ้าไปแถวพัทยา อย่าลืมเอา Dict ไปด้วย เพราะอาจเจอผีฝรั่ง
• ถ้าเปิดทีวีแล้วเจอภาพบ่อน้ำ ให้เอาทีวีไปวางบนขอบระเบียง (ในกรณีที่เป็นชั้น3 ขึ้นไป) ผีที่คลานออกมาจากทีวีจะตกระเบียงตายเอง
• ถ้าอยู่ดีๆน้ำฝักบัวที่อาบกลายเป็นเลือด ให้เอาถุงมารองแล้วนำเลือดไปขายตามโรงพยาบาล

• ถ้าอยู่ดีๆภาพหน้าตัวเองในกระจกเป็นหน้าผี อย่าตกใจ ให้รีบหาสีเมจิกมา 1แท่งแล้วเติมหนวดลงไปในกระจก
• ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับผีในตู้เสื้อผ้าเขียนป้ายแปะไว้ว่า "ที่หมานอน"
• กลัว ผีนั่งทับตัวกลางดึก ให้นอนคว่ำหน้า (ถ้าคิดว่าจะหายใจไม่ออก ให้ใส่ถัง SCUBA นอน) หลังจากนี้ต่อให้ผีมานั่งทับก็จะไม่อึดอัด แถมยังสบายตัวคล้ายนวดกดจุด
• ถ้ากลัวผีในลิฟท์ ให้ยกของหนักๆไปด้วย ผีจะตามมาด้วยไม่ได้เพราะน้ำหนักจะเกิน
• ถ้าถ่ายรูปแล้วติดผี ให้นำหน้าผีไปตัดต่อกับภาพโป๊ ผีจะอายไม่กล้ามาหลอกอีก

• ถ้าคุณเริ่มเอะใจว่าผู้หญิงที่โบกรถมากับคุณจะเป็นผีหรือเปล่า ให้เรียกเก็บค่าโดยสารก่อนที่เธอจะหายไป
• ถ้าคุณเห็นภาพผู้หญิงอยู่บนกระจกรถแวะเข้าปั๊ม แล้วเรียกเด็กมาเช็ดกระจก
• ถ้าอยู่ดีๆคุณเห็นคนนั่งมาตรงเบาะหลังบนกระจกมองหลัง ถามไปว่า "สรุปไปพัฒพงษ์" ใช่ไหมครับ?
• ถ้าคุณพบผีเปรตในวันฝนฟ้าคะนอง ให้ก้มตัวต่ำ ฟ้าจะผ่าโดนผีก่อน
• ถ้าคุณทำตามนี้ได้หมดผีจะไม่มาหลอกคุณเลยเพราะเชื่อได้เลยว่าคุณบ้ากว่าผีอีก!!!





 

Create Date : 20 ธันวาคม 2550    
Last Update : 20 ธันวาคม 2550 9:44:24 น.
Counter : 1270 Pageviews.  

หน้าปาร์ตี้แระ จะทำไงดี ไม่ให้อ้วน







10 เคล็ดเด็ดรักษาเชพช่ว่งปาร์ตี้ชุก
ที่มา
เคล็ดเด็ด 1 กินเล็กกินน้อย
วิธีที่ทำให้คุณกินไม่จุในช่วงที่อาหารเหลือเฟือนี้ก็คือ การเริ่มต้นกินอาหารปริมาณน้อยๆก่อน แล้วรอสัก 20 นาทีก่อนจะคิดเติม เพราะกว่าร่างกายจะสื่อกับสมองว่าอิ่ม คุณอาจกำลังกินจานที่สองใกล้หมดแล้วก็ได้ และถ้าคุณได้รับเชิญให้ไปกินในร้านอาหารซึ่งจัดเป็นเซ็ตเมนู ก็มักทำให้คุณอิ่มจนจุก ดังนั้น จึงควรฉลาดในการเลือกเซ็ตอาหาร โดยให้เริ่มต้นด้วยซุปใส หรือสลัดก่อน จานหลักให้เป็นปลา หรือเนื้อสัตว์ปีกก่อนจะจบท้ายด้วยผลไม้ หรือไอศกรีมเชอร์เบ็ต

เคล็ดเด็ด 2 ไม่ต้องงดขนมหวาน
จริงอยู่ว่าของหวานๆจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและทำให้หิวบ่อย แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ความอยากของหวานๆในช่วงปีใหม่พุ่งกระฉูดจนตบะแตกก็ขอให้คุณเลือกรับประทานคุ้กกี้ขิงเผ็ดร้อนประจำเทศกาลหรือช็อคโกแลตที่ระบุว่า มีส่วนผสมของโกโก้ 60-70% ซึ่งจะมีผลกับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่าช็อกโกแลตแบบอื่น หรือเลือกขนมหวานไทยๆที่ใสๆ เช่น วุ้นหรือน้ำแข็งใสแทนขนมหวานที่เน้นกะทิและไข่แดง

เคล็ดเด็ด 3 กดจุดชะลอความหิว
โดยใช้นิ้วกดบริเวณร่องระหว่างใต้จมูกกับเหนือริมฝีปากบนสัก 20 วินาทีก่อนเริ่มต้นรับประทานอาหาร ก็จะช่วยให้คุณมีสติกับรสชาติอาหารทุกรสในขณะรับประทาน

เคล็ดเด็ด 4 ชะลอการรับประทาน
หลังจากงานฉลอง 2-3 วันผ่านไป ก็ถึงเวลาต้องคืนความบริสุทธิ์ให้กับร่างกายอีกครึ้ง เพื่อลดอาการหิวค้าง และลดการทำงานนของอวัยวะย่อยทุกชนิด แล้วค่อยๆจิบเครื่องดื่มสำหรับเสริมอาหรที่สกัดจากหางนมตลอดวัน ร่วมกับน้ำผลไม้หรือชาสมุนไพร ถ้าได้ดื่มน้ำ wheat grass อีกสัก 50 มล. ร่วมด้วยก็จะช่วยการทำงานของหางนมได้ดีขึ้น ถ้าหิวก็ให้รับประทานผลไม้

เคล็ดเด็ด 5 ชามะละกอผสมขิงลดความพอง
ให้ฝานขิง 1 แผ่น แล้วสับก่อนจะคั้นเอาน้ำ แล้วเคี่ยวกับน้ำ 1 ลิตรสัก 10 นาที บี้เนื้อสับปะรดและมะละกออย่างละ 1/2 แว่น ให้แหลกแล้วนำไปปั่นรวมกับน้ำขิงที่เคี่ยวเสร็จ อุ่นอีกทีก่อนดื่ม ชาสูตรนี้ช่วยเผาผลาญไขมันและลดความอยากของหวานๆได้ดี

เคล็ดเด็ด 6 ธรรมชาติสกัดความป่อง
ชาเปปเปอร์มินต์จะมีกรดตามธรรมชาติที่ช่วยย่อยอาหาร

เคล็ดเด็ด 7 ดื่มน้ำต้านความพอง
ใส่ขิง 1 แว่น ลงในน้ำดื่ม 1 แก้ว แช่ทิ้งไว้สักพักก่อนดื่ม น้ำมันธรรมชาติที่กระจายออกมาจากขิงจะช่วยลดกรดในกระเพาะ กระตุ้นการย่อยอาหาร ทั้งยังลดอาการพองของหน้าท้องจากอาการรับประทานจนท้องอืดท้องเฟ้อ

เคล็ดเด็ด 8 กลิ่นสยบความอยาก
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน คุณก็มักจะได้กลิ่นขนมอบ ขนมเค้ก และช็อกโกแลตตลอดเวลาซึ่งมักทำให้คุณน้ำลายสออยากหม่ำเจ้าของกลิ่นอยู่เสมอ แต่ก็มีวิธีหยุดยั้งอารมณ์เปลี่ยวสุดอันตรายต่อทรวดทรงนี้ก็คือ การจุดเทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาว มะกรูด ส้ม วานิลลา หรือซินนามอน เพราะกลิ่นเหล่านี้ จะช่วยลดความอยากในการรับประทาน เพราะสมองสั่งร่างกายว่ายังอิ่มอยู่

เคล็ดเด็ด 9 เกมกีฬาในหมู่มิตร
พวกเราส่วนใหญ่จะปล่อยตัวขี้เกียจออกกำลังกายช่วงปาร์ตี้ชุก ปัญหานี้อาจทำให้หน้าท้องขยาย ฉะนั้น คุณจึงควรชวนเพื่อน คนใกล้ตัวหรือเฮโลทั้งครอบครัวไปเดินเล่นวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ หรือเลือกเล่นเกม เล่นกีฬาร่วมกันในช่วงรวมญาติประจำปี กิจกรรมนี้ช่วยให้คุณได้ทั้งความอบอุ่นในหัวใจ และความฟิตทางร่างกาย

เคล็ดเด็ด 10 อาบให้ตัวเบาสบาย
หากคุณรู้สึกอึดอัดตัวเหลือเกิน ก็ลองใช้สมุนไพรสำหรับอาบน้ำที่ช่ว่ยทำให้คุณรู้สึกตัวเบาสบาย ด้วยการใส่ใบชาเขียวให้เต็มถุงกรองชา แล้วแช่ในน้ำร้อนในอ่าง พร้อมทั้งใส่น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาว 2-3 หยด ก่อนหยอดน้ำผึ้งอีกสัก 1-2 ช้อนชา เพื่อให้ความชุ่มชื่นผิว คนให้ละลาย แล้วก็ลงไปแช่ให้สบายอารมณ์สัก 20 นาที และเมื่อความผ่อนคลายมาเยือน คุณจะรู้สึกว่าตัวเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

และนี่คือเคล็ดไม่ลับทั้ง 10 ประการ ที่จะช่วยให้คุณสาวๆไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาพุงป่องดูไม่สวยดั่งใจ สำหรับช่วงเวลาแห่งการโชว์หุ่น และหลังจากงานสังสรรค์นับครั้งไม่ถ้วน




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2550    
Last Update : 17 ธันวาคม 2550 11:02:56 น.
Counter : 987 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

ดอกหญ้าสีน้ำเงิน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เมื่อเริ่มเดินทาง
ฉันรู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมาย
รอให้ฉันได้ไปค้นหา ไปสัมผัส
ฉันมองเห็นแสงทองของคืนวัน
ที่รอคอยฉันอยู่
แต่เมื่อฉันเริ่มเดินมาไกล
ฉันกลับรู้สึกว่า
ไม่มีแสงทองของที่ไหน ดูสวย
ดูงดงามเหมือนที่ที่ฉันจากมา
...

มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ
ที่เราจะมองหาสิ่งสวยงามจากฟ้าที่อยู่ไกล
จนลืมที่จะมองสิ่งที่อยู่ใกล้
กว่าจะรู้ตัวว่านี่คือสิ่งสำคัญ
ก็เกือบจะสายเกิน

ออนไลน์

ก้าวที่พลาด จะเป็นก้าวที่ทรงคุณค่ามหาศาลสำหรับผู้ที่รักตนเองอย่างยิ่ง ตอนผิดหวัง เราร้องไห้ได้ แต่เราไม่หมดหวัง

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ดอกหญ้าสีน้ำเงิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.