ขอเล่าประสบการณ์ลูกคนเดียว ที่ต้องดูแลแม่ที่เริ่มสมองเสื่อม
เราขอเท้าความว่า เราเป็นลูกคนเดียว อยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก ๆ  พ่อเราเสียไปตั้งแต่เราได้แค่ขวบเดียว แม่ไม่ได้แต่งงานใหม่ แม่เราเป็นคนเก่งในสายตาเรา แม่ทำงานหาเงินเลี้ยงเรา แม่ทำงานไม่เคยหยุด เพื่อให้มีเงินพิเศษ มาส่งเราเรียนจนจบ ที่บ้านเรามีแค่แม่กับน้า 

ตอนนี้เราทำงานแล้ว หน้าที่ความรับผิดชอบ ก็เพิ่มมากขึ้น แถมมีภาระที่เราหามาเพิ่มคือ บ้าน เราอยากมีสมบัติเป็นที่ของเราไว้สักหนึ่งชิ้น เรามีบ้าน เรามีรถ นั่นคือ ภาระ ที่เราต้องรับผิดชอบ 

แต่เมื่อสามปีก่อน แม่เราเข้าโรงพยาบาล เพราะสืบเนื่องจากขาที่เขาไปหกล้ม มาสองปี แล้วด้วยความที่แม่ ไม่ได้รักษาต่อเนื่อง จนสุดท้าย ขาแม่บวม และติดเชื้อ จนเป็นไข้ และเพ้อ นั่นคือ เหตุการณ์ที่เราเสียใจมาก เราทำงานอย่างเดียว โดนไม่สนใจว่า แม่อยู่บ้าน ทำอะไรบ้าง แม่เป็นอย่างไรบ้าง กินยาครบไหม (แม่มีโรคประจำตัวพวกความดัน ต้องกินต่อเนื่อง) 
จนวันที่แม่เข้าโรงพยาบาล

พอแม่เข้ารับการผ่าตัด เราก็ดูแม่เอง ค่อยคุมอาหาร คุมยาให้แม่ ให้แม่กินครบ และตรงเวลา ตอนเย็นเราก็ให้น้าช่วยดูเรื่องอาหาร พอเรากลับมาบ้านเราก็ให้ยามื้อเย็น 

สิ่งที่เกิดกับแม่หลังจากรักษาขาหาย แม่เริ่มมีการอาการหลงลืม อาจจะเพียงเล็กน้อย ตามอายุของคนสูงอายุ แม่มักจะถามวันที่ซ้ำ ๆ  เช่น วันนี้วันอะไร ผ่านไปยังไม่ถึงห้านาทีดี แม่ก็ถามอีก ช่วงนั้นยอมรับว่า เรารำคาญ ไม่ได้นึกว่า เป็นอาการสมองเสื่อมขั้นเริ่มต้น 

จนเมื่อปลายปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ที่เรียกว่า เปลี่ยนทั้งชีวิตเราและชีวิตแม่ 

ก่อนหน้านี้ แม่ได้ลื่นล้ม ตรงหน้าห้องน้ำ หัวแม่กระแทกกับขอบประตู แต่ด้วยแม่เป็นคนที่ มีอะไรจะไม่พูดไม่บอก เราเลยไม่รู้ว่าหัวแตก จนเย็นถึง ได้รู้ว่า แม่หัวแตกด้วย เลยต้องเรียก รถพยาบาล เพราะจากการที่แม่ล้ม ตอนเช้า แม่ลุกไม่ขึ้น แม้แม่จะบอกไหว ๆ ก็ตาม

หลังจากรักษาแผลมาสองอาทิตย์ แม่ก็พอลุกได้บ้าง แต่จุดเปลี่ยนคือ วันหนึ่ง แม่ขึ้นบันได แล้วจังหวะจะก้าวขึ้น ขั้นสุดท้าย ก่อนเข้าห้อง แม่ดันก้าวข้ามไปขั้น ทำให้แม่ค้างอยู่ตรงบันได เพราะก้าวไม่พ้น แม่ค้างอยู่ตรงบันไดไม่รู้นานแค่ไหนกว่า น้าจะมาเจอ ดีว่าไม่ร่วงลงมา

น้าพาแม่ค่อยคลานลงมาที่พักบันไดด้านล่าง แล้วแม่ก็เดินไม่ได้เลย ลุกไม่ขึ้น จนต้องเรียกรถพยาบาล แต่ก็ได้แค่ยาคลายกล้ามเนื้อมากิน พอเช้าแม่ก็ลุกได้ เดินได้ ก็สบายใจ แต่พออีกวัน แม่ลุกไม่ขึ้น บอกเจ็บหลัง เลยต้องพาไปโรงพยาบาลอีกรอบ ก็ไม่ได้นอนอีก หมอฉุกเฉิน ได้นัดหมอกระตูกให้แม่ สรุป กระดูกหลังแม่ยุบ หมอได้ให้ยาแคลเซียมเพิ่ม และให้แม่ทำกายภาพบำบัด

แต่จุดเปลี่ยนคือ แม่เริ่มมีอาการเกรี้ยวกราด รุนแรง แม่เริ่มสื่อสาร ไม่เข้าใจ พูดจับประโยคไม่ได้ว่า อยากได้อะไร 

ด้วยความที่ว่า เราต้องทำงาน กลับบ้านดึกทุกวัน ตอนนี้คือต้องหาคนมาดูแลแม่ เราเลือกหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุช่วงพักฟื้น จนเราไปเจอที่หนึ่ง อยู่แถวกาญจนาภิเษก ไมได้ไกลบ้านมาก แต่เราต้องหลอกแม่วา ต้องพาแม่มารักษาที่นี่นะ แม่จะได้หาย 

เราให้แม่อยู่ ที่นี่ประมาณเกือบเดือน แล้วเราก็รับแม่กลับมา ที่บ้าน ที่เราจัดเตรียมไว้ให้ เราซื้อเตียง สำหรับรองรับผู้สูงอายุให้แม่ เราจัดบ้านใหม่ ให้เรียบร้อย 

ตอนไปรับแม่ แม่เดินได้ แต่ไม่แข็งมาก ต้องพยุง เราจ้างคนมาดูแลแม่ วันเดียวกับที่รับแม่มา จากศูนย์ที่เพื่อนของเพื่อนแนะนำ แต่คนที่ได้กลับไม่ถูกใจแม่ และกลายเป็นได้คนไม่ดี เราพบว่า เขามาขโมยของในบ้าน เพียงแค่มาอยู่ได้สองวัน แล้วเขาอ้างว่า เขาไม่อยากทำ เพราะทำได้ไม่เต็มที่ ขอออก เราเลยให้ไป โดยไม่ได้แจ้งจับ เพราะของที่เขาเอาไป ไม่ได้มีค่ามีราคาอะไรมากมาย แต่เราไม่ไว้ใจที่ให้เขาดูแลแม่อีกแล้ว 

สุดท้าย เราต้องลางานยาว ช่วงปีใหม่ เพื่อดูแลแม่ ก่อนตัดสินใจคุยกับแม่อย่างเปิดใจ ถึงเหตุผลความจำเป็นในการพาแม่กลับไปอยู่ศูนย์เดิม 

การคุยกันครั้งนี้ เราคุยกับแม่หลายรอบมาก เพราะอาการทางสมองด้วย เราเลยตัดสินใจ พาแม่ไปตรวจเช็คอย่างละเอียด หมอสรุปว่า แม่สมองฝ่อ เป็นอาการตามวัยของแม่ ไม่มียาอะไรรักษาหายได้ ช่วงที่แม่รักษาหลัง แม่ต้องมากายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล เราเลือกเป็นวันเสาร์ เพราะสะดวกกว่า เราได้ไปรับแม่ จากศูนย์ แล้วพาไปโรงพยาบาลก่อนพามานอนบ้าน 

เราพาแม่มาบ้านทุกวันเสาร์ แล้วกลับวันอาทิตย์ ส่วนวันธรรมดา น้าจะไปเยี่ยม แรก ๆ  แม่จะตามกลับ ก็ต้องหลอกล่อกัน 

การที่แม่ไปอยู่ศูนย์ เราไม่สบายใจ เราห่วงแม่สารพัด แต่โชคดีเราได้ศูนย์ทีดี ติดอันดับสามของปี 2019 ในราคาไม่แพงมาก 

เรานอนกับแม่ตั้งแต่เด็ก พอแม่ต้องไปอยู่ศูนย์เราไม่คุ้นเลย เราต้องปรับตัวหลายอย่าง แม่เคยเป็นทีปรึกษาในวันที่เราเศร้า เราเครียด เราได้กอดแม่ แต่วันนี้เราต้องอยู่คนเดียว เราเครียด เราเศร้า  เราก็ไม่มีใคร แล้วยิ่งช่วงนี้  มีโรคระบาด ทางศูนย์งดเยี่ยม งดพากลับบ้าน เราไม่ได้เจอแม่มาตั้งแม่เมษา 



สิ่งที่เรากลัวคือ เรากลัวแม่คิดว่าเราทิ้งเขา เพราะเขาไม่เห็นเราไปหา ไปเยี่ยม เราไม่รู้ว่าคนดูแล อธิบายไปว่า ตอนนี้เกิดเหตุการณ์อะไร แล้วเขาจะเข้าใจไหม เพราะด้วยความสมองเสื่อม เขาจะเริ่มเหมือนเด็ก เช่น เราบอกแม่ว่า แม่อย่าเดินนะ นั่งรอเราก่อน แม่รับคำ แต่ไม่ทันขาดคำ แม่ก็ลุกเดิน บางวันแม่ลุกได้ บางวันก็ลุกไม่ได้ น่าจะเป็นที่สมองสั่งการ 

ตอนนี้เรากำลังคิดว่า เราอยากลาออก แล้วรับแม่มาอยู่บ้าน เราอยากดูแลแม่ แต่ด้วยภาระที่ยังมี ทำให้เราต้องคิดให้รอบคอบ 

นี่คือสิ่งที่เราอยากถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ แชร์ประสบการณ์ บางคนอาจจะโชคดี ที่สามารถดูแลพ่อแม่ที่บ้าน แต่บางคนด้วยภาระหน้าที่ ทางเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าได้ศูนย์ดีก็ถือว่าโชคดีมาก 

อาการสมองเสื่อมของแม่ เรารู้สึกแม่เริ่มเป็นตั้งแต่ เพื่อนสนิทแม่เสียไป เพราะเพื่อนแม่คนนี้จะโทรมาคุยกับแม่ทุกวัน พอตั้งแต่เขาเสียไป ไม่มีใครโทรมาคุย แม่ก็เงียบ ๆ ไป ซื้อหนังสือมาอ่านมากขึ้น แม่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใคร สมองก็เลยเริ่มทดถอย 

แล้วด้วยความที่เขา เคยทำอะไรได้ด้วยตัวเอง พอตอนนี้เริ่มทำไม่ได้ เขาจะไม่พอใจ หงุดหงิด ทุกครั้งที่ถาม แม่ไหวไหม เจ็บไหม จะได้คำตอบว่า ไหว ไม่เจ็บ จนต้องบอกว่า แม่ถ้าเจ็บแม่บอก ไม่ไหวแม่บอก ไม่ต้องเกรงใจเรา  เหมือนแม่กลัวเราลำบาก เหมือนกลัวต้องเป็นภาระ แต่สำหรับแม่ไม่ใช่ภาระ ปัจจุบัน เรายังรู้สึกว่า เรายังตอบแทนแม่ได้ไม่มากพอ แต่เราจะทำให้ดีที่สุด



Create Date : 03 มิถุนายน 2563
Last Update : 5 มิถุนายน 2563 9:23:12 น.
Counter : 675 Pageviews.

0 comment
ทำไมต้องรักหมามากมายขนาดนี้
หลังจากเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับหมา ทั้งหมาของตัวเอง หมาที่ช่วยเหลือ เคยคิดแล้วถามแม่ว่า "ทำไมเราถึงต้องรักหมาขนาดนี้นะ" รักแล้วเป็นทุกข์ด้วย บางครั้งเห็นหมาบางตัวที่เราช่วยไม่ได้เลย แต่อยากจะช่วย ก็เป็นทุกข์มากมาย แต่พยายามปลงว่า เป็นกรรมของแต่ละคน เขาโชคร้ายที่เกิดมาเป็นหมา เราโชคดี (หรือเปล่า)ที่ได้เกิดมาเป็นคน

อย่างหมาที่บ้าน มีอยู่สองตัว ที่ไม่ได้เลี้ยงกันแต่อ้อนออก รับมาเลี้ยงตอนครึ่งชีวิตเขา แต่ยอมรักว่าเราเขามากนะ เหมือนเลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เรามาคิดว่า ทำไมคนที่เลี้ยงเขามา เอาเขามาปล่อยไว้ได้นะ ขนาดเราเลี้ยงเขาแค่ครั้งชีวิตเขา เรายังไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาเลย

เรียกว่า เลี้ยงเขาจนสิ้นอายุขัยนั่นล่ะ แล้วคิดว่าคงร้องไห้ให้เขายามที่เขาจากไปเหมือนกับหมาตัวอื่น ๆ ที่เราเลี้ยงหมาแต่อ้อนออก

เรียกว่า ความผูกพัน มั้ง เราเป็นคนผูกพันกับอะไรง่าย ๆ ด้วย ยิ่งหมายิ่งแล้วใหญ่ บางครั้งเครียดเพราะว่าจนเป็นทุกข์ แม่ต้องบอกให้ปลง ว่าเราช่วยตัวไหนได้ เราก็ช่วย ช่วยให้เต็มที่ แต่ถ้าตัวไหนช่วยไม่ได้ ก็ต้องแล้วแต่เวรกรรม

คิดไว้นะ ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่าอยากจะถูกล๊อตเตอร์รี่แจ๊กพอตไปเลย สัก 40-50 ล้าน แบบคนอื่น จะเอาไปซื้อต่างจังหวัด ประมาณหลายร้อยไร่ ทำเป็นที่พักพิงให้หมายากไร้

แต่ก็เป็นได้แค่ฝัน เลยคิดว่าทำได้แค่ปัจจุบันก็ดีถมไปแล้ว

อยากบอกหมาทุกตัวบนโลกนี้ว่า "รักนะตัวเอง"



Create Date : 04 สิงหาคม 2552
Last Update : 4 สิงหาคม 2552 13:03:37 น.
Counter : 1392 Pageviews.

7 comment
ส่งน้องหมาหาบ้านตอน 2
คราวนี้เหลือกัน สามหนอ ตอนแรกคิดว่ามีตัวเมียตัวหนึ่ง ปรากฎว่าเป็นตัวผู้ทั้งหมดเย้ย

ติดต่อน้องในพันทิพ เธอยินดีรับไปทั้งสองตัว ส่วนพี่ปอ อีกคนก็รับไปอีกหนึ่ง นัดรับน้องหมาในวันเดียวกัน

ไปส่งสองตัวตอนบ่ายที่รพส.จุฬา ส่วนพี่ปอ มารับที่บ้าน ได้เจ้าอ้วนไป เหตุที่ให้สองตัวไปกันน้องเพราะว่า เจ้าหมาสองตัวนี้ รักกัน มันเล่นกัน สนิทกัน เลยเหลือให้น้องไป แม้จะกระมุกกระมอมกว่าตัวอื่น ๆ และมีโรคผิวหนัง เพราะเขาอยู่วัด

ส่วนเจ้าอ้วน ไม่สุงสิง เงียบ ๆ เลยยกให้พี่ปอไปแทน

จากนั้นติดตามข่าวของสามตัว น้องที่เอาไป เธอไม่ทันระวัง หมาที่บ้านกัดหมาอีกตัวตายไป เราเสียใจมาก ร้องไห้ ทำใจไม่ได้ อยากจะเรียกคืนอีกตัว แต่น้องเขายืนยันจะเลี้ยง และจะระวังให้ดี เราก็เชื่อใจน้อง และติดตามผลอยู่ สรุป น้องเขาเลี้ยงดีมาก มีกรงเล็ก ๆ ให้อยู่ ดูแลเป็นอย่างดี สบายใจมากมาย น้องเขาตั้งชื่อให้เป็นฝรั่งว่า "มิกกี้"

ส่วนพี่ปอ ตอนแรกก็ห่วงเพราะมีเลี้ยงหมาอีกตัว แต่เขาแก่กว่าเจ้าตัวเล็ก เดือนนึง ที่ห่วงเพราะเขาบอกว่าผสมกับร๊อตไวเลอร์มา ไอ้เราก็กลัวจะมากัดตัวเล็กเรา แต่ปรากฎว่า เข้ากันได้ดี ไอ้ตัวเล็กนี่สิ ไม่มีกลัวเขา กัดเขาซะอีก ตอนนี้เป็นคู่ซี้กันไปแล้ว พี่ปอตั้งชื่อว่า "ไดมอนด์"



Create Date : 28 กรกฎาคม 2552
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 18:59:49 น.
Counter : 514 Pageviews.

2 comment
ประสบการณ์ส่งน้องหมาครั้งแรก
เป็นครั้งแรกทีได้ไปส่งหมาให้กับคนที่ใจบุญ และจะเลี้ยงอุปการะมัน เป็นลูกหมาสองตัว ที่แม่หมามันมาออกลูกอยู่ที่วัดแถวบ้าน ตัวแม่ก็ถูกปล่อยมาอีกทีตั้งแต่เด็ก พอเริ่มสาวก็มีลูกแล้ว เพราะแถววัดมีแต่ตัวผู้ มีมันตัวเมียตัวเดียว

ออกลูกมา 7 ตัว ก็มีคนเอาไปเลย 1 ตัว ก็เหลือ 6 ตัว พอไม่นานสักสองอาทิตย์ก็มีคนมาเอาอีก 1 ตัว ทำให้ลูกหมาเหลือ 5 ตัว พอเอามาลง Internet ในเวบพันทิพ ก็มีคนสนใจติดต่อเข้ามา แต่สุดท้ายพวกที่ติดต่อรายแรก ๆ ก็ยกเลิกไปกันหมด คนที่ได้ไปก็เลยกลายเป็นคนที่ติดต่อมาล๊อตหลัง

ล่าสุดคือคุณเอ๋ ติดต่อมาแต่เป็นคนที่ส่งให้คนแรกเลย คุณเอ๋ ทำงานกรุงเทพฯ แต่จะกลับบ้านที่นครปฐมทุกอาทิตย์ อยากได้น้องหมาไปสองตัว ตอนแรกบอกว่าอยากได้ตัวเมีย แต่พอวันจะไปเอาลูกหมาจากแม่ แม่มันไม่ยอมสู้กันร่วมชั่วโมง พูดกล่อมกันไปมา (แหม ยังกับแม่หมาจะเข้าใจ) สรุป เลยได้ผู้ 1 เมีย 1 มาแทน ซึ่งคุณเอ๋ ไม่ขัดข้อง

ก็เลยนั่งแท๊กซี่จากบ้านไปสถานีรถไฟหัวลำโพง สอบถามเจ้าหน้าที่เขาบอกให้คนไปตีตั๋วฟรีไปนครปฐม ส่วนหมาให้ไปที่ตีตั๋วหมาที่ด้านนอก หมาเสียตังค์ไป 90 บาท โอ้ แม่เจ้า แพงนะเนี่ย

ความเข้าใจแรกคือ ตั๋วฟรีจะนั่งตรงไหนก็ได้ถ้ามีที่นั่ง เหมือนกับรถเมล์ แต่ปรากฎว่า ไม่ใช่ ถ้าเจ้าของที่นั่งมา เราต้องลุก เลยต้องมีลุ้นกันตลอด เวลาจอดสถานีใหญ่ ๆ แต่โชคดีได้นั่งจนถึงนครปฐม

เจ้าตัวเล็กสองตัวก็นอนกันบ้าง ตื่นบ้าง รอนิดหน่อยแต่ไม่นาน ให้กินนมพอกินเสร็จก็นอน คงมึน ๆ แล้วหลับยาวเลย

พอไปถึงก็โทรหาคุณเอ๋ ไม่เกิน 10 นาที เธอก็มาพร้อมด้วยเพื่อนชาย เธอยังมีน้ำใจให้หมูหยอง กับหมูแผ่นอีก พอเราเปิดให้เธอดูเด็ก ๆ ทั้งเธอและเพื่อนต่างดีใจและยิ้ม ทำให้เรารู้ว่าเราส่งเด็กๆ ให้ไม่ผิดบ้านแน่ ๆ รู้สึกโล่งดีจัง

ตอนนี้ได้ข่าวว่าเด็กสบายไปแล้ว อยู่สุขสบาย คุณเอ๋ดูแลดี ทานโจ๊กได้ ไม่ค่อยร้อง เพราะเขามีเพื่อนเล่นกันสองคนไปมา ต้องขอบคุณคุณเอ๋ค่ะ

ส่วนเรารู้สึกอิ่มบุญที่ได้ทำบุญครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากทำมาแล้วหลายครั้ง ไม่เคยช่วยหมาหาบ้านเลย เป็นครั้งแรก ต้องทำให้ดีที่สุด



Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 10:17:04 น.
Counter : 472 Pageviews.

5 comment
ชีวิตที่มีแต่หมา
ตอนนี้หาบ้านให้หมาแถวบ้านอยู่ เป็นหมาวัด ตัวแม่ถูกปล่อยมาอีกที ออกลูกมา หกตัว กำลังหาบ้านให้ มีคนมาจองแล้วสองตัว อยากให้คนใจบุญช่วยรับไปเลี้ยงทีนะคะ เน้นว่าเอาไปเฝ้าบ้านนะ

เลี้ยงหมาตั้งแต่เด็กๆ ในชีวิตเลี้ยงมาทั้งหมด 8 ตัว เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก สี่ตัว

ตัวแรกชื่อ Candy เป็นมาพันธุ์สปริท ถูกขโมยไป ตอนแก่ด้วย จำได้ว่าร้องไห้ออกตามหา ท่ามกลางสายฝน แม่ไปตามถึงเทศบาล แต่ก็ไม่เจอ

ต่อมานำมาเลี้ยงสองตัว ชื่อ โบว์ พันธุ์ผสม หมาจูกับเทอเรีย น่ารัก ดื้อ ด้วย แต่ก็แก่ตายไปแล้ว อีกตัวชื่อ บุ๊ค เป็นหมาพันธุ์สปริต อีก ตัวนี้แม่รักมาก ยอมให้มานอนในห้องนั่งเล่นประจำ (เพราะเปิดแอร์) เป็นโรคตาย แต่เขาก็แก่มากแล้ว

ช่วงที่เลี้ยงสองตัวนี้ มีหมาหลงมา ไม่เชิงหลงหรอก แต่ว่าเจ้าของเอามาปล่อย มันก็น่ารัก ช่างประจบ แต่ดันท้อง ออกลูกที่ข้างบ้าน ก็เลยต้องหาคนเลี้ยง มีเพื่อนมาเอาไปสามตัว ส่วนตัวแม่ก็รับเลี้ยงมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งชื่อว่า หนูหลง ต่อมาก็ท้องอีก เพราะยังไม่ได้ทำหมัน ออกลูกมาสี่ตัว ทับตายไปสองตัว แบ่งให้คนไปหนึ่ง เลี้ยงไว้หนึ่ง ตั้งชื่อว่า มันนี่ เป็นตัวผู้ ไม่เคยเลี้ยงหมาตัวผู้เลย แต่ดีตรงที่เขาไม่ฉี่เรี่ยราด เพราะเขาอยู่กับแม่ ก็เลยฉี่ตามแม่คือนั่งฉี่ แต่ก็อยู่ไม่นาน ก็ตายไปเดราะเป็นโรคหนอนหัวใจ รู้สึกเสียใจ เลี้ยงไม่ดี

ตอนนั้นแม่ก็ไปเจอหมาที่แก่แล้ว แต่เป็นเรื้อน แม่รักษาจนหาย ขนสวย เป็นสีน้ำตาลทอง ตั้งชื่อว่า มอมแมม ตัวนี้ชอบอาบน้ำมาก ไม่อิดออดเลย เวลาพาไปอาบน้ำ แต่ก็ตายไปอีก

ช่วงนั้นเลยเหลือแต่หนูหลงตัวเดียว แล้วแม่ก็พาหมามาใหม่ เป็นลูกหมาวัด แม่มันออกลูกมา พี่น้องมันมีคนเลี้ยงหมด เหลือแต่มัน เพราะว่าตาบอดข้างหนึ่ง คือไม่ลูกกะตา อีกข้างมองเห็นปกติ เลยตั้งชื่อว่า วัน แม่พาไปหาหมอ รักษา ฉีดยา เพราะว่าตอนนั้นท้องเสีย ใกล้จะตาย แต่ก็รอดมาได้ เป็นตัวผู้ ฉี่ไปทั่วบ้าน อยู่กันมาจากสิบปีแล้ว

ส่วนแม่เรากับเราก็ช่วยกันดูหมานอกบ้านด้วย ให้ข้าวทุกวัน พอเที่ยงก็ช่วยกันผสมอาหารเตรียมไปให้หมาแล้ว มีในซอยข้างบ้าน ตอนแรกประมาณ สี่-ห้าตัว แต่ตอนนี้ตายไปสองตัวแล้ว แก่ตาย กับถูกทำร้ายจนตาย ตัวนี้แม่เสียใจมาก เพราะมันน่าสงสารมีแค่สามขา

ในซอยนี้มีหมาทั้งหมดห้าตัว แต่ตอนนี้เหลือสามตัว แดง หมาแก่ ตัวเล็ก หมารุ่นตัวผอม โดยทิ้งแต่เด็ก และนวล หมาผสมลาบาร์ดอร์ ใจดี ทั้งหมดเป็นตัวผู้ แม่ก็ให้ข้าวอยู่ ส่วนนวลชอบไปนอนวัด พระไม่ไล่เพราะพันธุ์ดี แต่ถ้าเป็นหมาวัดธรรมดา พระไม่สนใจ

ถัดมาเป็นศาลเจ้า มีหมาน่าสงสารประมาณสามสีตัว แก่ ๆ แล้วก็เป็นเรื้อน แม่ก็เอาข้าวไปให้ประจำ

ล่าสุดที่บ้านรับเลี้ยงมาตัวหนึ่งชื่อ น้ำตาล เป็นหมาวัด หนีเทศบาลมาที่บ้าน เลยรับเข้าบ้าน ทำที่ให้อยู่ สุขสบาย อ้วนท้วน สมบูรณ์ดี



Create Date : 28 มิถุนายน 2552
Last Update : 29 กรกฎาคม 2552 10:37:13 น.
Counter : 514 Pageviews.

1 comment

Colina-Angel
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Everything In This World Can Happen......