Group Blog
All Blog
|
Updateชีวิตแมลงสาบ หลังว่าที่สามีหนีออกนอกประเทศ-_-'' บอกไว้ในบล็อกที่แล้ว ว่าจะมาอัพเดทชีวิตหดหู่หลังจากว่าที่สามีกลับไปเมกา.. จริงๆว่างมาตั้งนานแล้ว แต่บอกตรงๆว่าไม่มีอารมณ์จะเขียนเรื่องนี้ต่อเอาซะเลย.. เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้จิตตก ร้องไห้ออกมาได้ง่ายๆถ้าต้องนึกถึง.. ตอนนี้ดีขึ้นมาเยอะแล้ว เลยสามารถมาบอกได้ว่า วันที่21ต.ค.2551 ที่พี่วิทย์กลับไป.. เป็นวันที่อิชั้นร้องไห้หนักมากที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิต จริงๆมันเริ่มตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว.. อิชั้นพยายามไม่นึกถึงวินาทีที่ต้องหันหลังกลับเพื่อจะไม่ต้องเห็นพี่วิทย์เดินเข้าGate.. พยายามพูดมาก ร่าเริง ชวนคุยโน่นนี่ๆเรื่อยเปื่อย.. ตลอดช่วงเวลาชั่วโมงกว่าๆที่นั่งรอเรียกเข้าGate.. แล้ววันนั้นคุณพ่อคุณแม่พี่วิทย์ก็ไปส่งด้วย.. แถมบ้านนี้เค้าไม่รู้ยังไง.. ทั้งคุณพ่อคุณแม่คุณลูก ไม่มีใครร้องไห้ ไม่เศร้า ไม่มีอาการอะไรเลย เหมือนกับว่าเค้าชินกันแล้วยังงั้น-_-'' มารู้ทีหลังว่า ครั้งแรกที่พี่วิทย์ต้องจากบ้านไปอยู่ที่โน่น.. เค้าก็ไม่ร้องไห้กันเลยซักแอะ ทั้งๆที่รู้ว่า พี่วิทย์อาจจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก อย่างต่ำๆก็น่าจะ4-5ปี.. ใจแข็งกันจริงๆ พับเผื่อย-_-'' เห็นยังงี้ อิชั้นจะมานั่งร้องไห้ มาสคาร่าละลาย อายแชโดว์ไหลเยิ้มอยู่ก็ใช่ที่.. เลยยิ้ม หัวเราะ ชวนคุยอะไรไปเรื่อยๆ.. ไม่นึกถึงวินาทีที่จะต้องจากกันจริงๆ.. หวังว่าเวลานั้นจะไม่ต้องมาถึง.. หวังว่าเครื่องจะดีเลย์ ชั่วโมงนึง 2ชั่วโมง ยังไงก็ได้.. (ไม่ได้นึกเลยว่าพี่เค้าจะลำบากมั้ยตอนไปต่อเครื่อง.. ขอโทษนะคะ-_-'') หวังว่าเค้าจะไม่ต้องไป.. แต่สุดท้ายสิ่งที่อิชั้นหวังก็ไม่มีวันเป็นจริง.. วินาทที่พี่เค้าพูดออกมาว่า อืม ต้องไปแล้วล่ะ.. ในใจเหมือนโดนบีบ.. อยากร้องไห้.. ที่หน้าGateที่จะมีแค่เค้าเท่านั้นที่เข้าไปได้.. อิชั้นไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าใคร.. ไม่อยากมองหน้าเค้า.. ต้องทำเป็นมองไปที่อื่น หันไปมองรอบๆ มองเข้าไปในGate.. ไม่อยากเห็นพี่วิทย์กอดลาคุณพ่อคุณแม่ ไม่อยากให้เค้ามากอดอิชั้น เพราะมันเป็นการกอดลา กอดเพื่อที่จะไม่ได้กอดอีก.. อย่างน้อยก็อาจจะเป็นปี.. และมันจะทำให้อิชั้นร้องไห้.. แล้วอิชั้นก็ร้องออกมาจริงๆ.. ในอ้อมกอดอุ่นๆแน่นๆ กอดเดิมที่กอดอิชั้นบ่อยๆ ในช่วงเวลาที่เค้าอยู่ที่นี่.. ความรู้สึกมันท่วมท้นจริงๆนะ.. วินาทีที่กอด.. ความรัก ความสุข สัมผัส ความทรงจำดีๆที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มันล้นออกมา แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาได้ในเวลาไม่ถึง3วินาที-_-'' พี่วิทย์กระซิบบอกอะไรบางอย่างกับอิชั้น2-3คำ.. ซึ่งอิชั้นได้แต่รับคำทั้งน้ำตา ยิ่งกอดก็ยิ่งร้องไห้.. ได้แต่งึมงำๆบอกเค้าว่า ถึงแล้วโทรมาบอกด้วยนะ อย่าลืมนะ.. พอเราคลายกอด.. อิชั้นหันหลังกลับแทบจะทันทีโดยไม่หันกลับไปมองเค้าอีก.. รู้สึกผิดที่ไม่ได้ยืนส่งเค้าจนเค้าเข้าไปในGate.. แต่อิชั้นทำไม่ได้จริงๆ.. อิชั้นร้องไห้จนเกือบจะเป็นสะอื้นแล้ว.. คุณพ่อคุณแม่(ซึ่งก็ยังไม่ร้องไห้เหมือนเดิม-_-'')ก็พยายามชวนคุยเรื่องอื่น.. อิชั้นเห็นแบบนี้เลยต้องรีบกลั้นสะอื้น เช็ดน้ำตา ชวนเค้าคุยเรื่องทางกลับจากสนามบินซะยังงั้น.. ยังโชคดีที่วันนั้นคุณแม่ติดรถกลับมาลงที่อนุสาวรีย์ชัยฯ แถมชวนอิชั้นคุยตลอด.. ทำให้อิชั้นไม่ต้องร้องไห้ตลอดทางจากสุวรรณภูมิถึงอนุสาวรีย์ฯ แต่พอคุณแม่ก้าวลงจากรถพร้อมคำพูดน่ารักๆว่า "ว่างๆก็อย่าลืมแวะเข้าไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันอีกนะลูก" ใจของอิชั้น(ซึ่งมันรออยู่แล้ว)ยวบลงมาทันที.. อิชั้นร้องไห้ออกมาแบบกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป.. ขับรถไปร้องไห้ไป ร้องๆๆๆๆ แซงเค้า ปาดเค้า รถติด รถวิ่งเอื่อยๆ วิ่งเร็วๆ อิชั้นก็ไม่สนใจ.. ร้องไห้จนรู้สึกปวดๆร้าวๆในอก ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะสามารถทนความรู้สึกเจ็บปวดในใจได้ขนาดนั้นโดยที่ไม่ตาย-_-'' อิชั้นขับรถมาถึงที่ทำงานได้ยังไงก็ยังงงๆอยู่ เพราะร้องไม่หยุดจริงๆ.. มาถึงที่จอดรถแล้วก็ยังร้องต่อไปอีกเกือบชั่วโมง.. วันนั้นอิชั้นบอกHRไว้ว่าจะออกไปคุยงานข้างนอกตอนเช้า.. แล้วกลับเข้ามาบ่าย.. ด้วยสภาพที่เพิ่งร้องไห้เสร็จแถมยังทำท่าจะร้องอยู่เรื่อยๆ.. โชคดีที่HRไม่อยู่เค้าเลยไม่เห็น ไม่งั้นเค้าต้องคิดว่าอิชั้นไปโดนลูกค้าดักตบมาแน่ๆ-_-'' เพราะตลอดช่วงเวลาที่พี่วิทย์อยู่ที่นี่.. อิชั้นใช้ชีวิตdaily lifeกับพี่เค้าตลอดเวลา.. มาทำงาน กินข้าวเช้า กินข้าวกลางวัน ทานข้าวเย็น กลับบ้าน เดินเล่น ถ่ายรูป.. พอถึงวันหนึ่งที่มันไม่มีชีวิตที่มีความสุขแบบนั้นอีกต่อไป อิขั้นก็ร้องไห้ออกมาแบบหยุดไม่อยู่จริงๆ.. มานึกว่าต่อไป.. อิชั้นไม่ต้องตั้งหน้าตั้งตารอเวลาเที่ยง เพื่อที่จะวิ่งลงไปเจอผู้ชายตัวสูงๆคนนั้น ยืนฟังเพลงจากหูฟังรออยู่.. อิชั้นก็ร้องไห้.. ไม่ต้องรอให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ เพื่อจะลงไปเจอเค้ามารอรับเดินกลับไปด้วยกัน.. ก็ร้องไห้.. ไม่มีคนให้เดินจับมือ จูงมือเดินไปด้วยกัน.. ก็ร้องไห้.. วันนั้นขับรถกลับบ้านทางเดิมที่ปกติมีเค้าคอยนั่งบอกทางให้ทุกวัน.. แต่วันนี้ไม่มีแล้ว อิชั้นขับรถคนเดียว.. ที่นั่งข้างๆก็ไม่มีเค้าแล้ว.. ไม่มีคนชวนคุยเวลาเราง่วงนอนตอนขับรถอีกแล้ว.. อิชั้นก็ร้องไห้ออกมาอีก.. ร้องตลอดทางกลับบ้านเกือบ2ชั่วโมง ไม่หยุดเลย.. กลับถึงบ้านเห็นเตียงนอนในห้องอิชั้นที่เค้าเคยมาอาศัยนอนอยู๋2-3หน.. เวลาที่ต้องออกไปไหนด้วยกันแต่เช้ามืด อิชั้นก็ร้องไห้.. วันรุ่งขึ้นขับรถผ่านแถวบ้านเค้าที่อิชั้นเคยมาจอดรถรอรับเค้าทุกๆเช้า.. อิชั้นก็ร้องอีก.. ยิ่งคิดถึงบ้านเค้าที่เราชอบไปฝากท้องทานข้าวเย็นด้วยบ่อยๆ.. มีพ่อแม่ พี่วิทย์ น้องชาย พี่เลี้ยง.. และน้ำตาล หมากระแดะเอาแต่ใจ.. ที่รักพี่วิทย์ที่สุดในบ้าน.. และคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนอิชั้นมากที่สุดแล้วในเรื่องนี้.. น้ำตาก็ไหลไม่ยอมหยุด.. คอนแทคเลนส์ไม่ต้องพูดถึง.. มันสามารถหลุดออกมาจากตาได้เฉยๆ แค่เพียงอิชั้นนั่งเหม่อๆแค่แป๊บเดียวเท่านั้น.. พี่ทำงานเคยทักหลังจากนั้น2-3วัน.. ว่าอั้มดูไม่เศร้าเลยเนอะ.. แค่ขาดคำ อิชั้นที่นั่งอยู่เฉยๆมาตั้งนาน ก็ร้องไห้น้ำตาหยดแหมะๆ ออกมาได้ซะยั้งงั้น-_-'' อิชั้นร้องไห้ให้กับทุกอย่างในชีวิตได้จริงๆ-_-'' . . . อิชั้นก็เป็นแบบนี้อยู่ซักอาทิตย์นึงได้.. หากว่าเราจากกันโดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดรัก อิชั้นคงทำใจง่ายกว่านี้.. วันเดียวก็คงเลิกร้อง.. แต่นี่มันไม่ใช่.. เลยร้องไห้จนลืมวันลืมคืนไปอีกแล้ว.. เพิ่งมาสำเหนียกได้ไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง ว่าพี่เค้าเพิ่งไปได้แค่... 2 อาทิตย์เองเหรอ อิชั้นจมอยู่กับความโศกมากมายจนคิดว่ามันน่าจะผ่านมาเป็นเดือนๆได้แล้ว.. ช่วงเวลาที่แสนเศร้ามันยาวนานจริงๆ เชื่อละ-_-'' แต่อย่างไรก็ตาม.. อิชั้นดีขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าตอนที่อัพบล็อกนี้ก็ยังร้องได้อยู่.. แต่ก็ไม่ถึงขั้นหยุดไม่ได้.. อิชั้นรักพี่เค้าเนอะ-_-'' หลังจากผ่านไปแค่2อาทิตย์ รู้สึกว่าเรา2คนจะยังรับมือกับความเคว้งได้ไม่ดีเท่าไหร่ จนเหวี่ยงใส่กันไปหลายหน.. แต่วันนี้มานั่งเขียนบล็อกนี้.. ยิ่งทำให้คิดได้ว่า เรารักกันขนาดไหน แล้วจะทะเลาะกันไปทำไมนะ.. ข้อความข้างบนนั่น.. ฝากถึงคนที่คุณก็รู้ว่าเป็นตัวเองนั่นแหละนะคะ อิอิ :P อาทิตย์หน้าเราจะเจอบททดสอบความเหวี่ยงแบบใหม่ อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน.. นั่นคืออิชั้นต้องไปมาเลเซียอาทิตย์นึงเต็มๆหรืออาจจะนานกว่านั้น.. ที่นั่น ยังไม่รู้จะคุยโทรศัพท์กันยังไง เมื่อทุกวันนี้เราโทรคุยกันแทบจะทั้งวัน ก็ยังดีที่มาเลเรามีwireless.. โน้ตบุ๊คของคุณพี่ที่ซื้อให้จะได้มีประโยชน์เต็มๆก็คราวนี้.. แมลงสาบจะโกอินเตอร์(ใกล้ๆและสั้นๆ) ก็หวังว่าจะมีกำลังใจจากมิตรรักแฟนบล็อก และจากที่รักตามไปด้วยเสมอๆเหมือนอย่างเคย.. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอิชั้นและทั่นพี่ที่รักจะไม่เอาความคิดถึง ที่เกิดจากเพราะคุยกันได้น้อยลงมาเปลี่ยนเป็นแรงเหวี่ยงใส่กัน.. เพราะอิชั้นอยากเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ที่ได้ไปทำงานที่มาเลย์ 1 อาทิตย์ เดินช้อปปิ้งซื้อของให้แฟน พ่อแม่แฟน และแม่ตัวเอง.. โดยมีคุณแฟนคอยให้กำลังสนับสนุน(ทั้งทางการเงินและทางใจ 5555)เหมือนปกติ สาธุ(-/|-) ปล. จบซะงั้น -___-'' ^
^ ดีใจจังมีคนมาเม้นท์ ก็ว่าทำไมcounterมันขึ้นทุกวันเลย แต่commentเป็น0 มีพลังเงียบอยู่แถวนี้น่ะเอง อิอิ ปล. ถ้าแต่งเมื่อไหร่จะมีอัพบล็อกครั้งใหญ่เลยค่ะ^^ แล้วจะส่งลิ้งค์เทียบเชิญไปให้นะ เอิ๊กกกก โดย: แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:17:43 น.
อ่านแล้วเศร้าเนอะ สัมผัสได้ว่ารักเค้ามาก ๆ เลยนะนั่นหน่ะ
โดย: ANGEL_CS วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:41:14 น.
อ่านแล้วเศร้าค่ะ...
อารมณ์เดียวกับออมเลย ออมก็เพิ่งจะจากกับเพื่อนที่ออมรักมากที่สุดคนนึงในชีวิตเหมือนกัน โดย: *~LiTtlE SpAce~* วันที่: 10 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:07:50 น.
หายเศร้าไวๆแล้วมาเขียนบล็อกสนุกๆให้อ่านเร็วๆนะครับ
โดย: kirofsky วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:12:44 น.
|
แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] ผู้หญิงที่เลยวัยใสไปเรียบร้อยแล้ว.. แต่พยายามจะแบ๊วอย่างสุดความสามารถ.. ไม่เชื่อดูมันทำหน้าในรูปนี่ก็ได้.. -____-'' Friends Blog
Link |
เมื่อไหร่แต่ง บอกด้วยเน้อ...รอชมภาพแห่งความสุข
ของคุณอั้ม กะพี่วิทย์นะจ๊ะ จุ๊บๆ