Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

เอามาแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ " ในหลวงฯในสายตาของ ชาวต่างชาติ " ..นำมาฝากจากห้องไกลบ้าน


คัดลอก มาบางส่วน .. นำมาฝากกัน ..

//www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H10706896/H10706896.html


เอามาแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ " ในหลวงฯในสายตาของ ชาวต่างชาติ "



ได้อ่านบทความนี้จากเพื่อนใน FB ค่ะ เลยอยากจะเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ๆ ลุง ป้า น้า อา ในห้องได้อ่านกันด้วยค่ะ




จากคุณ Pattama Fumfuang

ขอบคุณมาก ซึ้งจริงๆซึมเลยเรา เราคนไทยเองยังไม่คิดลึกซึ้งเท่านี้เลย ขออนุญาตส่งต่อนะคะอยากให้ทุกคนได้อ่าน



ในหลวงฯในสายตาของ ชาวต่างชาติ

ไหน จะเขมร พม่า น้ำท่วม พายุ คลิป เสธหนั่น การประท้วง.. ที่สำคัญการโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามหน้าwall และในหลายเว็ปไซด์....พาทั้งผมและคนไทยเครียดกันเป็นแถบๆ ถ้าไม่ให้ตกเทรนคงต้องคุยกันแต่เรื่องพวกนี้ แต่วันนี้มีเรื่องเล่าให้หายเครียดกับบรรยากาศบ้านเมือง แต่คนทำให้หายเครียดกลับไม่ใช่คนไทย กลายเป็นคนต่างชาติไปซะนี่...แปลก ซึ้ง แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง...ถ้ามีฝีมือใ นการถ่ายทอดพอคงได้ เห็นน้ำตาซึมออกมา เพราะความปีติอีกครั้ง...ตามมาครับ



เมื่อวัน ก่อน พอดีมีโอกาสต้อนรับนักธุรกิจชาวอังกฤษหนึ่งท่าน ที่มาตามงานที่เขาสั่งไว้..ตามภาษาคนทำ ธุรกิจเลยต้องรับขับสู้ให้ดี ที่สุดเพื่อโชว์ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ....เรื่องมันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร มื้อค่ำครับ....เราก็ทานกันไปตามปรกติมาอีตอน ท้ายๆการสนทนาครับ...จำได้ว่า เราคุยกันเรื่องการลงทุนนี่แหละครับ...

อยู่ดีๆ ฝรั่งตาน้ำข้าวก็พูดขึ้นมา ว่า..."คุณรู้ไหม ทำไมคนต่างชาติหลายๆประเทศทำไมตัดสินใจมาลงทุน ที่เมืองไทย "..เราก็ตอบไป ตามสไตล์คนอยากรู้ว่า ...ไม่รู้

เข้าทางฝรั่งเลยครับ เขาพูดขึ้นมาว่า "ส่วนมาก แล้วจะประเมินกันว่าแรงงานประเภทงานฝีมือคนไทยมี ศักยภาพสูงสุดในแถบเอเซีย สูงกว่าญี่ปุ่นเสียอีก ตอนนี้จะพอมีใช้ได้ก็เวียดนาม แต่ยังห่าง"....

แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักนะครับ เพราะสิ่งที่นักธุรกิจคนนี้พูดต่ออกมาคือ....."แต่ปัจจัย หลักที่พวกเขา ตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทยเป็นเพราะ "ในหลวงฯ.."..เริ่มอึ้งไป ชั่วขณะเพราะงง..จึงถามกลับไปว่าทำไมจึงเป็น เพราะ ในหลวงฯ...มาฟังคำตอบชัดๆเลยครับ..



"ก็เพราะ ประเทศคุณมี king of king...(แปลไม่ถูก เพราะหัวใจมันพองโตขึ้นมาในทันใด)...พวกเราเป็น ที่รู้กัน มาตลอดว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายแค่ไหน มันจะผ่านไปได้ทุกครั้ง แม้นกระทั้งความรุนแรงหรือความแตกแยกทางความคิดใดๆ หากเกิดขึ้น...เพียงในหลวงฯของคุณบอกให้ จบทุกอย่างจะจบ ด้วยความสงบสันติ"...

แล้วผมก็ถาม กลับไปว่าตอนนี้เรายังมีปัญหาอยู่เลย..เขา ตอบกลับทันทีว่า "เรื่องการจราจลเผาเมืองที่ผ่านมาเขาตามข่าวมาตลอดด้วยความเป็นห่วง แต่ที่แปลกใจก็คือครั้งนี้ในหลวงไม่ออกมา แต่นั้นทำให้เขารู้ว่า..ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องความ"แตกแยก"แต่เป็นเรื่อง"การเมือง" ในหลวงฯจึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว"......


...จบตอนนี้ผม อึ้ง ทึ่ง สมองสั่งการให้เห็นแสงสว่างขึ้นมาทันทีว่า..จริงด้วยเราหลงทางหรือเปล่าที่ คิดว่าเราแตกความสามัคคี จริงๆแล้วเป็นเรื่องการเมือง ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น....คิดได้เท่านั้นทุกอย่างก็หยุดลง เพราะคำว่า"ในหลวง"ที่มี คุณูปการมากมายที่มีต่อคนไทย จนคนไทยอย่างเราเองคาดไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าคนต่างชาติมาลงทุนบ้านเราเพราะพระบารมีของพระองค์...

ผมกับคุณพ่อเริ่มออกอาการซึมเพราะมันรู้สึกตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูกเวลานั้น..... ทุกอย่างแห่งความซาบซึ้งน่าจะจบลงตรงนั้นแต่แล้ว..น้ำตามันซึมออกมาเองอีก ครั้ง...เมื่อตอนคนมาเก็บเงินค่าอาหาร...ในตอนที่ เอาเงินส่งให้พนักงาน...ฝรั่งคนเดิมพูดขึ้นมาอีก ว่า....

"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา"....ผมกับพ่อ หันไปมอง คราวนี้พ่อผมถามเองเลยว่า..คุณรู้ได้อย่างไร เขาตอบกลับทันทีเลยว่า...."ก็ผมเห็น ธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร เห็นเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นเวลาคนไทยไปไหน ในหลวงฯจะอยู่กับคนไทยตลอดเวลา ไม่เคยห่างกัน ผมยังสงสัยเลยว่า ทำไมรัฐบาลคุณไม่ พิมพ์คำว่า.."เรารักในหลวง" ลงไปในธนบัตร.."..

ทั้งผม ทั้งพ่อน้ำตากลั้นไม่ ไหวจริงๆครับ มันซึมออกมาแบบไม่อายเลย น้ำลายมันก็กลืนไม่เข้าเวลานั้น....."เท่ห์" มากครับ ที่เกิดเป็นคนไทย หัวใจมันพองโต จนรู้สึกว่าตายกี่ชาติต่อกี่ชาติ ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทยทีเถิด....



ส่งแขก เสร็จกลับบ้านกับพ่อสองคน..ตลอดทางไม่พูดกันซักคำ ต่างคนต่างเงียบ ผมก็ได้แต่นั่งคิดถึงคำพูดไอ้ฝรั่งคนนี้มาตลอดทาง มันเป็นความสุขที่ได้รับแบบคาดไม่ถึงจริงๆครับ ....พอถึงบ้านจอดรถให้พ่อลงที่หน้าบ้านเห็นแม่มายืนรออยู่...พอพ่อลงรถคำแรก ที่พ่อพูดกับแม่คือ..ถามลูกมันดูซิว่า แกรรี่เค้าพูดถึงในหลวงว่ายังงัย.....จบครับ เป็นอันว่าตลอดทางที่กลับบ้านพ่อผมคิดถึงแต่เรื่องในหลวงฯแน่นอน.....



เรื่อง ทั้งหมดที่เล่าคงอธิบายความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดทั้งหมดไม่ได้ แต่อยากแบ่งปันครับ....แบ่งปันให้พวกเราเก็บ เรื่องดีๆนี่ไว้ในความทรงจำ เพื่อแบ่งปันกันต่อจากรุ่นสู่รุ่น...ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนอื่นมองเห็นเราชัดเจนกว่าตัวเราที่เป็นคนไทย ซะอีก...คำว่า เป็นเรื่อง"การเมือง" ไม่ใช่ เรื่องความ"แตกแยก"....อาจเป็นคำ ตอบให้คนไทยกลับมาคิดทบทวนกันอีก ครั้งว่า..เราแตกแยกกันจริงหรือ..เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่ สุด จนคนทั้งโลกยังอิจฉาแต่เราบางคนกลับมองไม่เห็น......

เพิ่งรู้ และสัมผัสกับคำว่า หัวใจพองโต...มันคับฟ้าคับแผ่นดิน..จริงๆนะ ครับ..ที่สำคัญคือ..การที่รู้สึก แบบนี้ได้เป็นเพราะ..ผมเป็นคนไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดเป็น "พ่อของ แผ่นดิน"..พระองค์ฯ ต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้คนไทยทั้งแผ่นดินตลอด ไป ....จริงไหมครับ..????

จากคุณ : bear hunt [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 19:27:09 [แก้ไข]




ความคิดเห็นที่ 94

เคยได้เข้าเฝ้าพระองค์ ตอนปีที่มีพระมหากษัตรย์หลายพระองค์จากหลายประเทศ มาดูเห่เรือ

วันนั้นเป็นวันเห่เรือ เราดูที่เชิงสะพานปิ่นเกล้า พอดูเสร็จ ก็จะกลับบ้าน แต่เห็นมีคนมากมายรออยู่แถวนั้นไม่ยอมกลับ บอกว่าในหลวงจะเสด็จผ่านทางนี้

เราก็ไม่รู้หรอกว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็รอนะ หลายชม. ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าท่านจะเสด็จผ่านหรือเปล่า แต่ก็รอ

รอเพื่อสักครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน แม้สักเสี้ยววินาทีก็ยังดี

พอถึงเวลา ทุกคนก็ได้เห็นขบวนรถพระที่นั่งของกษัตรย์ทุกพระองค์ผ่าน


กษัตรย์ของทุกประเทศ ท่านจะโบกมือทักทานให้คนที่มาเข้าเฝ้า

กษัตรย์จิกมี่ ตอนนั้นท่า่นยังเป็นมกุฏราชกุมาร ท่านยกมือรับไหว้ทุกคนที่เข้าเฝ้า แบบว่า เอามือยกรับไหว้ค้างไว้เลย ไม่ได้รับไหว้แบบพนมมือแต่หลังตรงนะ อันนี้รับไหว้แบบก้มหัวด้วย เราเห็นนี่สะดุ้งอยากจะก้มลงไปกราบเลย

จักรพรรดิญี่ปุ่นและจักรพรรดินี ท่านเปิดกระจกออกมาหมด และยืดมือออกมาสุดแขน เพื่อโบกมือทักทายคนที่มาเข้าเฝ้า

ทุกพระองค์ยิ้มแย้มแจ่มใส

รถพระที่นั่งทุกคันขับช้ามาก เืพื่อให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าและชื่นชมพระบารมีของทุกพระองค์อย่างใกล้ิชิดที่สุด

พอถึงราชวงค์จักรี

เราได้เข้าเฝ้าในหลวงแล้ว รถของพระองค์ขับช้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะเราเคยเห็นในทีวี ที่รถพระที่นั่งจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่นี้ รถของพระองค์ผ่านไปช้ามากๆๆๆ และพวกเราที่เข้าเฝ้า เข้าใกล้พระองค์ห่างแค่1เลนส์ถนน ก็ประมาณสามเมตรได้มั้ง

เราเห็นพระพักตร์ของท่านชัดเจน ท่านหันมามองพสกนิกรของพระองค์และยิ้มให้

หันมาไม่ได้หันแค่หน้า แต่ท่านหันมาทั้งไหล่ทั้งตัว เพื่อที่จะเอี้ยวมองพสกนิกรได้ถนัดชัดเจน

ท่านยิ้ม ไม่ได้ยิ้มแค่มุมปาก แต่ยิ้มทั้งปากทั้งตาทั้งใบหน้า เหมือนรอยยิ้มของพ่อที่ชื่นใจที่เห็นลูกหลานพร้อมหน้า เป็นรอยยิ้มที่เราไม่ค่อยได้เห็นทางทีวี

ณ เวลานั้นเรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลย ได้แต่ตะโกน

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ


เราคิดว่าพระองค์ท่านคงจะได้ยิน แ่ต่เราอยากตะโกนให้ดัง ดังเข้าไปให้ท่านมั่นใจว่ามีพสกนิกรที่รักท่านยิ่งกว่าชีวิตอยู่ตรงนี้

จากคุณ : เต้าหู้ซ่าส์ [FriendFlock]






เป็นบุญ ที่ได้เกิดมาเป็น ผงธุลี ไต้เบื้องยุคลบาท ..


Create Date : 23 มิถุนายน 2554
Last Update : 23 มิถุนายน 2554 15:38:11 น. 6 comments
Counter : 1564 Pageviews.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
ขอทรงพระเจริญค่ะ

ไปเยี่ยมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ ThaiLand Travel l สถานที่ท่องเที่ยว


โดย: nonguide วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:15:50:42 น.  

 
น้ำตาซึม ปลื้มปิติ เป็นที่สุด ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


โดย: pippojuve วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:17:02:58 น.  

 
ใช่ค่ะ ตอนนั้นได้มีโอกาสรอรับเสด็จฯ อยู่แถวสะพานพระปิ่นฯ ด้วย ได้เห็นภาพอย่างที่บรรยายไว้ ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกตื้นตันไม่หาย ฉันพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเสียใจเลยที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทยและใต้พระบรมโพธิสมภาร เพราะมีความสุขและร่มเย็นค่ะ แม้การเมืองจะมีเรื่องวุ่นวายบ้างแต่ก็ไม่ได้เลือกข้างหรือเชียร์ใคร เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าเราคิดแค่ว่าทำยังไงในหลวงถึงจะมีความสุข และลงมือทำ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น บ้านเมืองจะสุขสงบร่มเย็นจนทั่วโลกอิจฉาเลยล่ะค่ะ

เงินทองเป็นมายา ข้าวปลาเป็นของจริงนะคะ มีเท่าที่ใช้ กินเท่าที่อิ่ม มีเหลือก็เผื่อแผ่เพื่อนร่วมโลกบ้าง เท่านี้ก็สุขใจสุด ๆ แล้วค่ะ


โดย: นีระพารถ วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:17:05:52 น.  

 
วันนั้นฉันก็ไปดูค่ะ ได้เห็นพระองค์ท่าน แล้วตะโกนก้องในใจว่า ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


โดย: คล้ายดาว วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:18:13:17 น.  

 
อ่าน แล้วก็ อึ้งทำให้คิด อะไรเหมือนกันค่ะ..
ทรงพระเจริญ..


โดย: tifun วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:18:35:53 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ที่แบ่งปันเรื่องดีๆ

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย


โดย: [[[Ruby Deep Ocean]]] วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:21:54:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]