Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

" พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน "... พงศ์พัฒน์ วชิรบรรจง.. ถูกใจจริง ๆ






ผมได้รับเมล์มา หลังจากอ่านและดูวิดีโอ หลายรอบ ... ถึงแม้ว่าจะมีคนโพส หลายที่หลายบล็อก .. แต่ผมก็อยากจะนำมาลงไว้ อีกสักครั้ง .. เพื่อเป็นบันทึกความทรงจำ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต รู้สึกอย่างไร



ด้าน “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง “พระจันทร์สีรุ้ง” โดยระหว่างที่ขึ้นรับรางวัลดังกล่าว นายพงษ์พัฒน์ ซึ่งรับบท “อารักษ์” พ่อผู้อาภัพในละครเรื่องพระจันทร์สีรุ้ง ได้กล่าวขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้อง และว่าในเมื่อละครเรื่องนี้ตนได้รับรางวัลจากบทพ่อ จึงขอกล่าวเกี่ยวกับพ่อสักเล็กน้อย

“... เป็นรางวัลที่ได้รับบทบาทจากผู้ที่เป็นพ่อนะฮะ ก็ขออนุญาตพูดถึงพ่อนิดหนึ่งก็แล้วกันครับ พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมานี่บ้านหลังนี้ก็สวยงามมากแล้ว สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน"

“ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกไปบอกกับคนๆ นั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ ...”

นายพงษ์พัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะเมื่อกล่าวถึงตรงนี้เหล่าดารา นักแสดง และคนในวงการบันเทิงก็เริ่มปรบมือและโห่ร้องให้การสนับสนุน ขณะที่ "นก" ฉัตรชัย เปล่งพานิช เพื่อนนักแสดงถึงกับซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตากับคำกล่าวของพงษ์พัฒน์

จากนั้นนักแสดงผู้ประกาศตนอย่างชัดเจนว่า รัก เทิดทูนและพร้อมจะปกป้องในหลวงก็กล่าวย้ำอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงปรบมืออันกึกก้องว่า

“เพราะที่นี่คือ แผ่นดินของพ่อ ... ผมรักในหลวงครับ ... และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน”


เรารักในหลวง เรารักในหลวง เรารักในหลวง







พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์@รางวัลนาฏราช
https://www.youtube.com/watch?v=qtgJMOEREMw


ความฝันอันสูง สุด @ งานนาฏราช ( AF & The Star )

https://www.youtube.com/watch#!v=OmvYxLDochI


ทรงพระเจริญ


โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นผงธุลี ไต้เบื้องยุคลบาท




Create Date : 17 พฤษภาคม 2553
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 15:31:23 น. 2 comments
Counter : 4864 Pageviews.  

 
src=https://www.bloggang.com/emo/emo14.gif>

ซาบซึ้ง ปลาบปลื้ม ตื้นตันใจ กับคำพูดของพี่อ๊อฟจริงๆค่ะ
โดยเฉพาะ....
"พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน"

รักในหลวงค่ะ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน



โดย: อ้อค่ะ (morkor ) วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:59:54 น.  

 

//www.thairath.co.th/content/ent/83562

ไทยรัฐออนไลน์
* โดย นวัตกร สุขชาญ
* 18 พฤษภาคม 2553, 05:30 น.



'คนเกลียดในหลวง...เป็นศัตรูกับผม' ความใน (หัว) ใจ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง

"... เป็นรางวัลที่ได้ รับบทบาทจากผู้ที่เป็นพ่อนะฮะ ก็ขออนุญาตพูดถึงพ่อนิดหนึ่งก็แล้วกันครับ พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมานี่บ้านหลังนี้ก็สวยงามมากแล้ว สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน"

"ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกไปบอกกับคนๆ นั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ ..."

"เพราะ ที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ... ผมรักในหลวงครับ ... และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน"

กลายเป็น "ทอล์กออฟเดอะทาวน์" ไปแล้วกับประโยคเด็ดที่จับใจ และกระแทกหัวใจใครหลายคนบนเวทีการแจกรางวัล "นาฏราช" ครั้งที่ 1 ประจำ ปี 2552 โดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ที่ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 หลังจากที่ พงษ์พัฒน์ คว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมใน "บท พ่อ" กับละครเรื่อง "พระจันทร์สีรุ้ง" ไทยรัฐออ นไลน์ มีโอกาสสัมภาษณ์หลังจาก ดารามากฝีมือคนนี้ได้เปล่งประโยคทองของครึ่งปี 2553 ออก มา...


Q: เป็นความตั้งใจแรก เลยใช่ไหมที่คุณจะพูดถึงเรื่องในหลวงบนเวทีหลังจากที่ได้รับรางวัลในคืน นั้น...?


A: จริงๆ แล้วทั้งปีนี้ผมพูดเรื่องพ่อมาตลอดและที่ผมพูดเรื่องพ่อเพราะว่ามันเป็น รางวัลที่ได้รับในบทบาทของการเป็นพ่อ ฉะนั้นก็เลยถือเป็นโอกาสที่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องพ่อขึ้นมา


Q: ก่อนหน้านี้ในหลาย เวทีที่คุณได้รางวัลก็เห็นคุณก็เคยมีความพยายามทีี่จะพูดถึงเรื่องราวของพ่อ ทำนองนี้เหมือนกัน แต่โดนทางช่องตัดบทพูดเรื่องนี้ของคุณทิ้ง...?

A: เป็นเรื่องที่อยู่ในใจมาตลอด เพราะผมเป็นคนรักพ่อ และบางคนก็ไม่ชอบพ่อไม่รักพ่อมีคนที่ด่าพ่อ ผมไม่ได้พูดถึงแผนผังของการล้มเจ้าตามทางหน่วยงานราชการเขาพูดกันไม่เกี่ยวกัน เราแค่พูดถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ด่าพ่อไม่ชอบพ่อ

บางครั้งมันก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องลุกขึ้นมามาปกป้องพ่อของแผ่นดินบ้าง เพราะ ผมรู้สึกว่า ทุกวันนี้มันเกินไปแล้วที่มีคนกล่าวล่วงเกินท่านมากไปแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้ออกมาโต้ตอบอะไรเลย ซึ่งประเด็นของผมมันเป็นการแสดงออกถึงความรักของพสกนิกรที่มีต่อในหลวง ผู้คนในวงการบันเทิงก็ทำกันมากนะครบ อย่างพี่เบิร์ด-ธงไชย เมดอินไตย ก็ร้องเพลงให้แก่ในหลวง หรืออย่างคุณบอย-โกสิยพงษ์ ก็แต่งเพลงให้พระองค์ท่าน อีกทั้งยังทำกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเชิดชูพระองค์ท่านตลอด

อย่างของผมนี่จะเน้นไปทางของการปกป้องพระองค์ ที่มีการก้าวล่วง ซึ่งเเมื่อมีการกล่าวในที่สาธารณะมันก็เลยกลายเป็นประเด็น กระจายกันออกไป

ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องรู้สึกแบบนี้ ทุกคนอยากจะตะโกนประโยคเดียวกับที่ผมพูด คือ “ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกไปบอกกับคนๆ นั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ ...”


Q: เป็นประโยคที่ทุกๆ คนคิดและรู้สึกไม่แตกต่างกัน เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาดังๆ คุณจึงเป็นเหมือนตัวแทน...?

A: ผม ก็บอกไปบนเวที หลังจากที่พูดจบแล้วว่า อย่าอายที่จะบอกว่ารักชาติ อย่าอายว่าจะบอกว่ารักศาสนา และรักในหลวง เหมือนเวลาที่เราจะบอกรักพ่อ แม่เรามันเป็นสิ่งที่พวกเราควรที่จะทำ อย่าอายที่จะกอดท่านมันก็เหมือนกันกับเรื่องนี้แหละ อย่าอายที่จะรักชาติ และคิดว่าทุกคนก็คงจะคิดเหมือนกันกับผม แต่ไม่มีโอกาสที่จะพูด ไม่งั้นคงจะไม่มีคนที่นั่งฟังแล้วร้องไห้

ผมบอกได้เลยว่าในวงการบันเทิงเนี่ยเรารัก ในหลวงกันทุกคนแหละ ทำกิจกรรมอะไรเพื่อเทิดทูนในหลวงตลอด ภาพที่พวกเราเห็นมาตลอดคือ เป็นในหลวงเพียงองค์เดียวในโลกที่ท่านพายเรืออยู่ในน้ำ เป็นกษัตริย์องค์เดียวที่อยู่ในนา เดินตากฝน เดินป่า

ผมว่าไม่ต้องเป็นกษัตริย์หรอกแค่เป็นคนธรรมดาที่มีเงินสัก 100 ล้านก็ไม่คิดจะมาทำตัวอย่างนี้แน่นอน แล้วคนที่ด่าท่านล่ะทำอะไรให้กับแผ่นดินบ้าง

จำได้ว่าพอผมลืมตามาก็เห็นบ้านหลังนี้สงบสุขแล้ว ก่อนที่บ้านเมืองนี้จะสงบ กษัตริย์ทุกพระองค์ต้องออกรบมา เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธว่าที่นี่คือบ้านท่าน และพวกเราคือผู้อาศัย มัน ก็แปลกนะที่จะลุกขึ้นมาปกป้องแล้วก็ช่วยกัน ผมขอ อนุญาตหาแนวร่วมเลยแล้วกัน อย่าปฏิเสธว่าวันนี้ไม่มีคนด่าท่าน ก้าวล่วงท่าน แม้กระทั่งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ที่มีเจ้าหน้าที่ที่เอาคำพูดไปลง ก็จะมีคนมาพูดว่าต่างๆ นาๆ มันก็เป็นเรื่องจริงที่มันปรากฏ เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธความจริงแล้วหันมาก็ช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลเท่านั้น

Q: มีคนสงสัยว่าคำพูด บนเวทีเป็นการเตี๊ยมกัน หรือมีสคริปต์ให้ท่อง ความเป็นจริงเป็นอย่างไร...?

A: ผม พูดออกมาจากใจ พูดออกมาด้วยหัวใจไม่มีการนัดแนะแต่อย่างใดครับ

Q: เห็นสถานการณ์การ เมืองจากฝ่ายล้มสถาบันที่ใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกันแบบนี้ คุณมองสงครามที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลทั่วเมืองแบบวันนี้ว่าอย่างไร..?

A: พูดตรงๆ นะว่า ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง หลากสีออกมาเยอะๆก็ดี มันคือประชาธิปไตย แต่ควรจะเคารพเสียงส่วนใหญ่ และอยู่ในกฎระเบียบ และเคารพกฎหมายเท่านั้นเอง บางสิ่งที่เลยไปก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะปราบปราม อย่าง "บางครั้งคุณอภิสิทธิ์ก็อาจจะช้านิดหนึง" แต่ในเมื่อเราไว้ใจท่านแล้ว ก็ต้องให้ ท่านทำงาน

แต่สำหรับผมก็เสียดายเวลาที่จะเอามาบริหารบ้านเมือง เพราะเชื่อว่าความสามารถของคุณอภิสิทธิ์สามารถที่จะนำพาบ้าน เมืองไปได้ไกลกว่านี้เยอะ แต่ก็ต้องมีบ้างนะที่จะเสียเวลาในการถางหญ้ามันก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตย เรื่องของกฎหมายนะ

Q: เห็นต่างได้ แต่ต้องเคารพกฎหมาย-ประชาธิปไตย-เสียงส่วนใหญ่ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ความรุนแรง?

A: กฎหมายว่าผิดไม่ผิด ผมก็ไม่รู้ก็ว่ากันไปตามที่กฎหมายมี กองกำลังไม่ทราบฝ่ายคืออะไร อย่างนี้ก็ผิดกฎหมายแล้ว


Q: คำพูดต่างๆ ที่คุณกล่าวบนเวทีเป็นการสื่อสารไปถึงใครโดยตรงไหม เช่น พวกเสื้อแดงหรืออดีตผู้นำ-ทหาร-ตำรวจ-นักการเมืองใหญ่...?

A: ไม่เกี่ยวเลยนะ เพราะผมเรียนไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่เกี่ยวกับแผนผังกระบวนการล้มชาติที่เกิดขึ้น เพราะตรงนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง อยู่ในขั้นตอนของการกล่าวหา ฟ้องร้องขึ้นศาลก็ว่ากันไป คนพวกนี้ไม่เกี่ยวเลย

ไปเปิดดูในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บที่เกี่ยวข้องบางที่ต่างหากครับที่ผมเห็นแล้วผมไม่กล้าดู เพราะผมรู้สึกตลอดเวลาว่าคนพวกนี้ทำอะไรให้กับแผ่นดินบ้าง เขาถึงได้มาด่าคนที่สร้างผลประโยชน์ให้กับแผ่นดินอย่างมหาศาลอย่างนี้ และทั้งที่ชีวิตคุณทำอะไร แล้วคุณมาด่าคนที่เขาทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทยทั้งชีวิต เป้าหมายของผมอยู่ที่คนกลุ่มนี้

Q: คุณกำลังจะบอกว่า สิ่งที่คุณทำมาตลอด จนกระทั่งประกาศบนเวทีมอบรางวัลนั้น คุณมองไปไกลกว่าตัวละครที่รัฐบาล หรือ ศอฉ. ระบุว่าอยู่ในแผนล้มเจ้าใช่ไหม...?

A: ใช่ มาถามผมว่าคุณทักษิณไม่รักในหลวงเหรอ ผมไม่รู้ พล เอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผมไม่รู้ ถ้าหากพิสูจน์ออกมา แล้วว่าท่านคิดจะล้มเจ้าจริงก็ค่อยว่ากัน ก็เป็น อีกเรื่องนึง คำพูดของผมก็ต้องกระแทกใจท่านแหละ คุณจตุพร ณัฐวุฒิ ก็ไม่รู้สึก ก็ต้องเห็นด้วยกับผม ถ้าหากว่ารักในหลวงเมื่อไหร่ใครก็ตามที่ด่าในหลวงก็ต้องโกรธ

Q: อย่าโกรธอยู่ในใจ อย่างเดียว โกรธแล้วต้องออกมาปกป้องพ่อด้วย...?

A: ถูก ผมมุ่งเป้าหมายไปที่ใคร อย่างที่เห็นชัดๆ เลย คือที่เฟซบุ๊กในอะไรต่อมิอะไร ซึ่งรัฐบาลเฝ้าปราบปราม มันก็ไม่หมดหรอก ฉะนั้นเราจึงต้องออกมาพูดบ้างก็ดี

Q: ครอบครัวพูดอย่าง ไร และมีดารา-นักแสดงคิดแบบคุณเยอะไหม..?

A: ผม คิดว่านักแสดงทุกคนๆ ก็รักในหลวงมากมาย เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะได้พูด อาจจะเป็นเรื่องความกล้าหรือไม่กล้า ไม่เกี่ยว มันอยู่ที่โอกาสมากกว่า

Q: หลาย คนถามด้วยความเป็นห่วงว่า ออกมาพูดแบบนี้ไม่กลัวเหรอ เพราะปัจจุบันเสมือนว่าเราอยู่ในยุคที่อันธพาลครองเมือง

A: ไม่กลัวครับ ผมต้องกลัวอะไรหรือครับ หรือแม้กระทั่งเรื่องกลัวว่าจะโดนแบน ผมบอกได้เลยว่าอย่าไปกลัวครับ เพราะว่าศีรษะของผมได้ถวายให้ในหลวงไปแล้วครับ "คนที่เกลียด ในหลวง...ก็คือคนที่เป็นศัตรูกับผมแค่นั้นเอง"

ใครมาด่าพ่อ เราเป็นลูกเราก็ต้องปกป้อง ถามว่าผมผิดตรงไหน ฉะนั้นใครก็ตามที่ด่าเขา ก็อยู่ตรงกันข้ามของผมแค่นั้นเอง

Q: ไม่กลัวกระทบเรื่อง งานเช่น สังกัดไม่เข้าใจ ไม่ให้ทำละคร ไม่ให้แสดง วงการหนังไม่ให้กำกับหนัง...?

A: ในช่องไม่มีใครที่ไม่รักในหลวงครับและคนทำหนังมีใครไม่รักในหลวงบ้างครับ ประเทศไทยส่วนมากที่รักท่าน มี แต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่รักท่าน เพราะส่วนมาก มีแต่คนที่คิดเหมือนกับผมทั้งนั้นแหละ

วันนี้ รายการเกือบทุกรายการช่อง 3 – 5 – 7 - 9 - NBT - ไทยทีวี ได้เอาภาพของผมที่พูดไปออกอากาศผมถามว่านี่ คือการแบนหรือว่าเป็นการส่งเสริมสร้างความเข้าใจให้ผู้ที่คิดได้และกล้าที่จะออกออกมาพูด ลุกขึ้นมาได้แล้วครับ เพราะถ้าเรา โดนกันมาขนาดนี้แล้วยังนิ่งเฉยอยู่ ผมว่าบางครั้ง เราต้องโทษตัวเองแล้ว

Q: ถ้า มีคนบอกว่าเป็นกลางไม่ใช่ฝ่ายไหน มีอะไรที่อยากบอกกับคนที่ปล่อยให้คนด่าพ่อของตัวเองโดยไม่ทำอะไรเลยบ้าง..?

A: ก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่อย่าด่าโดยไม่มีข้อมูลเพราะเราทนไม่ได้เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเห็น และสิ่งที่เราเทิดทูนกันทั้งหมดเนี่ยนะครับมันน้อยมากกับสิ่งที่ท่านทำ เพราะตั้งแต่เราเกิดมา สิ่งแรกของภาพที่เราเห็นท่านทำอะไรอยู่ เราเห็นมาตลอด 60 ปี และผมถามว่ากษัตริย์ในโลกนี้พระองค์ไหนบ้างที่ทำแบบพระองค์ท่าน เอาแค่เนี่ย...

Q: วันนี้บ้านหลังนี้ในสายตาคุณเป็นอย่างไร บ้าง...?

A: ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็เห็นบ้านหลัง นี้สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้บรรพบุรุษของพ่อต้องเอาเลือดเนื้อและชีวิตแลกมาถึงจะได้บ้านหลังนี้ แต่พวกเราที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นบ้าน หลังนี้อบอุ่นสวยงามอยู่แล้ว

ผมจึงอยากบอกว่าพวก คุณที่ด่า ที่เกลียด ลืมตามาก็เห็นบ้านหลังนี้เป็น แบบนี้แล้ว ถูกไหมครับ

ผมบอกว่าบ้านของเรามีบรรพบุรุษ สร้างมาเราอย่าปฏิเสธ เมื่อก่อนออกรบ ปกป้องประเทศชาติสืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน เพราะฉะนั้นบ้านหลังนี้เป็นของใคร นี่คือบ้านของพ่อ แต่พวกคุณคือผู้อาศัย แล้วคุณก็มาด่าพ่อ ผมเปรียบเทียบเหมือนบ้านหลังหนึ่ง แล้วเรามาด่าพ่อ แล้วมาไล่พ่อออกจากบ้าน ทำได้อย่างไร

Q: แล้ววันนี้บ้านหลัง เดิมที่น่าอยู่ในสมัยก่อน ถึงวันนี้เราต้องยอมรับ ว่ามันขัดแย้งกันมาก คิดว่ามันจะสามารถกลับไปเป็น บ้านหลังเดิมที่อบอุ่นได้ไหม...?

A: ได้ ครับ ผมยังเชื่อในความเป็นคนไทย และเชื่อว่าสุดท้ายคนไทยรักกัน เพราะผมเชื่อว่ามันมีมากกว่าชาติอื่น ความเห็นต่าง และความแตกระแหงคงเป็นวิบากกรรมที่มันอาจจะเข้ามาในช่วงหนึ่งของชีวิต ประเทศนี้มันก็เหมือนกับชีวิตเรา ที่ บางครั้งก็มีอุปสรรคอะไรก็ไม่รู้ สุขบ้างทุกข์บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่สุดท้ายผมเชื่อว่าบ้าน หลังนี้จะอบอุ่นและสวยงามเหมือนเดิม เพราะว่าผมยัง เชื่อในความรัก ความสามัคคีของคนไทย ซึ่งพ่อเราสอน มาตั้งแต่เราลืมตา คำว่าสามัคคีเราได้ยินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่ว่าในวันนี้เราเห็นความคิดต่าง บางครั้ง กิเลส ตัณหามันเข้ามาครอบนำก็อาจทำให้หลงไปบ้าง แต่ สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดความดีมันจะชนะทุกอย่างและเราจะกลับมายิ้มเหมือนเดิม

Q: อยากฝากอะไรไปถึง ลูกๆ ที่ทำตัวเลวด่าพ่อโดยไม่ฟังเหตุผลรอบด้านบ้างไหม...?

A: ถ้า จะเปรียบเทียบพวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนพี่น้องเราครับ เราก็คงได้แค่โกรธ แต่ผมไม่ทำร้าย สิ่งที่ผมจะทำได้คือสอนให้เค้าเข้าใจว่าให้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยที่พ่อทำ ให้เรามาทั้งชีวิต นี่คือสิ่งที่ผมจะทำ ผมคงไม่ไปทำร้ายเขา

ถามว่าโกรธมั้ย โกรธแน่ๆ ครับ เพราะผมถือว่าผมเข้าใจและผมเห็นมาและผมก็จะให้เข้าใจว่าทำไม ความไม่เข้าใจของผมก็จะถูกชะล้างความรู้สึกที่สงสาร และก็อยากสร้างความเข้าใจให้เค้า หันมาเห็นความดีของพ่อให้ได้ อันนั้นคือหน้าที่ของผม และไม่ไช่ผมคนเดียวที่ต้องทำ สื่อก็ต้องช่วยทำ เพราะว่าบางครั้งประเด็นของความรักความจงรัก การแสดงถึงความจงรักภักดีต่อท่าน

แต่ในประเด็นที่มีการก้าวล่วงประเด็นของเว็บไซต์ต่างๆ อะไรต่อมิอะไรที่มันเกิดขึ้นที่เราก็เห็นกันอยู่บางครั้งก็ถูกลืม บางครั้งเรามีความรู้สึกที่ว่าเราแตะต้องได้ไหม เราต้องอย่ารู้สึกลังเล ที่จะปกป้องคนที่กล่าวล่วงคนที่ด่าพ่อ เราต้องหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาคุยด้วย แต่เราอย่าเกลียดกันอย่าทำลายกัน ที่สำคัญอย่างปล่อยให้พ่อโดดเดี่ยว


Q: ถ้าเป็นไปได้ คุณอยากจะฝากอะไรกับคุณ ทักษิณ ชินวัตรบ้าง..?

A: ผมไม่พูดถึงดีกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ถวายชีวิตให้พ่อ ผมคิดว่าทหารทุกๆ นาย ประชาชนทุกๆ คน และผมคิดว่ามีคนที่รักในหลวงมากกว่าผมอีกเยอะ เยอะ มากๆ โดยเฉพาะพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นี่ถวายชีวิตให้ท่านมาทั้งชีวิต

Q: จะลงเล่นการเมืองไหม...?

A: ผม ไม่ถนัด ผมยังไม่พร้อม เหมือนกับการเล่นฟุตบอล ถ้าไปเล่นกับคนที่เก่งๆแล้วเราคงสู้เขาไม่ได้ เรา ก็ไม่ควรไปทำอะไรที่เราไม่ถนัด แต่อนาคตไม่แน่ครับ

Q: ถ้าเป็นไปได้ในฐานะลูก อยากจะพูดอะไรกับพ่อในวันที่พ่อทุกข์ใจ...?

A: คนไทยทุกคนรักท่าน เท่านี้แหละ ครับ ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นพลังรักในหลวง ซึ่ง พลังงานของความรักมันยิ่งใหญ่มหาศาลมาก เพราะพลังงานความรักของเราทุุกคนจะเป็นเกราะคุ้มกันให้ท่านไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว

Q: สำหรับในหลวงคืออะไรในชีวิตของคุณ...?

A: พ่อ ก็เป็นพ่อ ไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าพ่อ และไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ามากกว่าคำว่า "พ่อ"



โดย: หมอหมู วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:39:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]