Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

... ความสุข ความทุกข์ ราคาเสมอกัน ... ว. วชิรเมธี



ความสุข ความทุกข์ ราคาเสมอกัน


ว. วชิรเมธี



.............................

วัน หนึ่งผู้เขียนได้รับหนังสือแจกในงานศพของใครคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้มาบริจาคไว้ที่ห้องสมุดที่วัด พลิกดูผ่านๆ พลันก็ได้พบกับคำคมของหลวงพ่อชา สุภัทโท พระวิปัสสนาจารย์ผู้มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วโลก และเพราะคำคมของท่าน ทำให้ต้องกลับมาพลิกอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อไปจนจบ

หลวงพ่อชา กล่าวว่า

“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”

คำของหลวงพ่อ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่อุดมด้วยเนื้อหาแห่งสัจธรรมที่ไม่อาจปฏิเสธ

ด้วยประโยคง่ายๆ นี้เอง ทำให้นึกถึงพระพักตร์ของพระพุทธองค์ที่มักจะทรงแย้มสรวลด้วยความผ่อนคลายและ เปี่ยมด้วยเมตตาอยู่เสมอ ยามที่มีสัตว์โลกผู้ถูกความทุกข์ท่วมทับจนทุกข์หนักหนาสาหัสแทบล้มประดาตายเ ข้าไปกราบขอให้พระองค์ทรงเป็นที่พึ่ง

แต่ทุกครั้งที่มีสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยากเข้าไปเฝ้าขอพึ่งพระบารมี ไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่พระองค์จะทรงตกพระทัย หรือทรงเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่จนทรงสูญเสียปกติภาพ ตรงกันข้าม พระองค์กลับทรงปฏิสัมพันธ์ต่อความสุข ความทุกข์ ของมนุษยชาติด้วยราคาเดียวกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ที่เป็นเช่นนี้ นั่นคงเป็นเพราะทรงตระหนักเป็นอย่างดีว่า

“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”


คราวหนึ่งมีสตรีชาวบ้านคนหนึ่งถูกความทุกข์ อันเนื่องมาจากการสูญเสียลูกชายครอบงำจนวิกลจริต เธอไม่อนุญาตให้มีการฌาปนกิจศพลูก เพราะเชื่อมั่นว่า ลูกยังไม่ตาย หรือถึงตายไปแล้ว แต่ก็ต้องมียาวิเศษที่จะชุบชีวิตลูกให้ฟื้นขึ้นมาจนได้

วันหนึ่ง เธออุ้มศพลูกน้อยที่เริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นซมซานไปจนถึงพุทธสำนัก เมื่ออยู่ต่อพระพักตร์พระพุทธองค์แล้ว เธอจึงได้สติ พลางกราบทูลถามว่า พระองค์สามารถจะเยียวยาลูกชายของเธอให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาดังเดิมได้หรือไม่

ทรงทอดพระเนตรดูเธอผู้กรมเกรียมเพราะถูกไฟแห่งความพลัดพรากแผดเผามายาวนาน พลางแย้มพระสรวลด้วยเมตตา ตรัสแก่เธอว่า

“น้องหญิง เราสามารถชุบชีวิตลูกชายของเธอได้ แต่ว่า เธอต้องไปหาเมล็ดผักกาดจากเรือนที่ยังไม่เคยมีคนตายมาก่อนมาให้เราสักหนึ่งก ำมือเถิด ถ้าได้เมล็ดผักกาดจากเรือนที่ยังไม่เคยมีคนตายมาแล้ว เราตถาคต จะปรุงยาชุบชีวิตลูกชายของเธอด้วยเมล็ดผักกาดนั้น”

หญิงสาวดีใจจนน้ำตาไหล เธอออกเดินทางจากพระอาราม มุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้าน เพื่อขอเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ยังไม่เคยมีคนตาย แต่จนแล้วจนรอด เธอกลับได้รับแต่คำตอบปฏิเสธ จากทุกหลังคาเรือนที่เธอเอ่ยปากถาม

เมล็ดผักกาดนั้น จะหาจากเรือนหลังไหนก็ได้ แต่พอเธอเสงอเงื่อนไขที่สองที่ว่า “จากบ้านที่ยังไม่เคยมีคนตาย” เมล็ดผักกาดก็กลายเป็นของหายากขึ้นมาทันที

คุณแม่ยังสาวผู้สูญเสียลูกชาย อุ้มศพลูกน้อยเดินขึ้นเดินลงจากเรือนหลังนั้นสู่หลังนี้ แต่ทุกหลังคาเรือนที่เธอไปเยือน ล้วนแต่มีคำตอบปฏิเสธ เรือนหลังไหนๆ บ้านหลังไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่เคยมีคนตายมาก่อนแล้วทั้งนั้น

ในที่สุด ทุกๆ คำตอบปฏิเสธ ก็ได้สอนบทเรียนบทหนึ่งให้แก่เธอว่า

“ความตายเป็นของธรรมดา ใช่แต่เพียงลูกชายของเราเท่านั้น ที่ต้องตาย แท้ที่จริง คนในโลก ล้วนแต่จะต้องตายเหมือนกันทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น”

พลันที่จิตตื่นรู้อันเป็นผลจากประสบการณ์ตรงที่เกิดแต่การเที่ยวหาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ยังไม่เคยมีคนตาย เมฆหมอกแห่งความทุกข์ก็คลี่คลายหายห่างออกไปจากชีวิตของเธอ หญิงสาวยินยอมให้มีการเผาศพลูกชายโดยดุษฎี จากนี้จึงตรงไปเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงให้ทรงทราบ

สิ้นเสียงกราบทูลรายงานความคืบหน้าในทางธรรมของเธอแล้ว พระบรมครูทรงแย้มพระสรวลน้อยๆ พระพักตร์เจือด้วยพระเมตตาเต็มเปี่ยม นาทีนั้น หญิงสาวเข้าใจทันทีว่า สำหรับพระองค์แล้ว ความทุกข์ ความสุข มีราคาเดียวกันจริงๆ

นับแต่นั้นเป็นต้นมา อดีตคุณแม่ผู้ถูกความพลัดพรากจู่โจมจนวิกลจริต จึงหันหน้าเข้าเส้นทางธรรม อุทิศตนบวชเป็นภิกษุณีในพระธรรมวินัย และกลายเป็นพระอรหันต์ภายในเวลาไม่นานนัก



คำของหลวงพ่อชาที่ว่า

“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”

เป็นถ้อยคำสำคัญมาก คำๆ นี้ เปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วมากต่อมาก มิน่าเล่า เมื่อแรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา จึงทรงเริ่มมรรคมีองค์ ๘ ด้วย “สัมมาทิฐิ”

“สัมมาทิฐิ” คือ การเห็นชอบ การเห็นถูก การเห็นตรง (ตามความเป็นจริง)

การเห็นชอบ = การเห็นถูก การเห็นถูก = การเห็นตรง การเห็นตรง = การเห็นไม่ผิด ที่ว่าเห็นไม่ผิด คือ เห็นสอดคล้องกับความจริงที่เป็นจริงของมันอย่างนั้นเอง

“ทุกชีวิตเกิดมาล้วนต้องตาย”

นี่เป็นความจริงอันเป็นสัจธรรมของโลก

หาก คนส่วนใหญ่เห็นความตายตามความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมา ความทุกข์เพราะความตาย คงไม่ใช่ความทุกข์อันยิ่งใหญ่ หรือบางที อาจไม่เป็นความทุกข์เลยด้วยซ้ำ


ปราชญ์ทางพุทธธรรมท่านหนึ่งกล่าวว่า

“มีแต่ความตาย ไม่มีผู้ตาย”


นี่เป็นความจริงที่ลึกซึ้งกว่าข้อความข้างต้นอีกชั้นหนึ่ง หากเราทุกคนมองเห็นความจริงตามความเป็นจริงเช่นนี้ได้ ความตายคงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละ การเห็นตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องง่าย และเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนั่นเอง ความตายจึงยังคงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนทั่วไปอยู่จนทุกวันนี้

ทว่าสำหรับผู้ฝึกตนจนมีสัมมาปัญญาแล้ว ท่านเหล่านั้นล้วนปฏิสัมพันธ์ต่อความสุข ความทุกข์ด้วยราคาเดียวกัน

สุขก็ธรรมดา

ทุกข์ก็ธรรมดา

มีแต่ธรรมดาเท่านั้นเกิดขึ้น

มีแต่ธรรมดาเท่านั้นดำรงอยู่

มีแต่ธรรมดาเท่านั้นแตกดับไป

นอกจากธรรมดาแล้ว ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ

ใครเห็นธรรมดา คนนั้น เห็นธรรม ใครเห็นธรรม คนนั้นเห็นธรรมดา

ใจที่เห็นธรรมดา เป็นใจที่ไม่หวั่นไหวเพราะสุขและทุกข์อีกต่อไป เนื่องเพราะ สุขและทุกข์ ไม่ใช่สองด้านของเหรียญอันเดียวกัน แต่เป็นด้านเดียวกันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ไปสร้างสมมุติซ้อนขึ้นมา ว่าสุขและทุกข์เป็นด้านทั้งสองของเหรียญแห่งชีวิตอันเดียวกัน....


ส่งโดย: ๐ พ ว ง แ ก้ ม








Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2552 18:31:00 น. 0 comments
Counter : 1264 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]