ยินดีต้อนรับสู่ club.bloggang.com
...magazine online โดยหนุ่มสาวชาว =Neo=
เมื่อคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์

วันหนึ่ง เพื่อนผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำคนหนึ่งของผมได้ถามขึ้นมา

"...ถามอะไรหน่อยสิ... ผมใช้โน้ตบุคเป็นประจำ แล้วก็ชอบวางไว้ที่หน้าตัก โน้ตบุคร้อนๆ จะทำให้เป็นหมันไหมเนี่ย"

ผมมองหน้าเพื่อนคนนั้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวล

"..คิดมากไปได้..." ผมตอบ "แต่ถ้านายมัวแต่ใช้คอมไม่ยอมไปหาแฟนเลย อย่างนี้ถึงไม่เป็นหมันก็คงไม่มีลูกล่ะมั้ง.."



จากบทสนทนาวันนั้น ทำให้ผมได้กลับมานั่งคิดว่า ...เอ.. การใช้อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งเป็นเวลานานๆ มักจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ....แล้วการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ล่ะ จะมีโทษบ้างหรือไม่

วันนี้ ผมกลับมานั่งทบทวนดู จากอดีตนับตั้งแต่เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาในแวดวงคอมพิวเตอร์ ผมได้พบกับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บอันเนื่องมาจากการใช้คอมพิวเตอร์หลายอย่างด้วยกัน และบางอย่าง ผมก็ประสบกับตนเองเสียด้วยซ้ำ หลังจากที่มานั่งแจงรายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง ก็ได้รายการเด่นๆ ดังต่อไปนี้

-ต้อเนื้อ

- ตาแดง แสบตา และอาการทางสายตาอื่นๆเช่นสายตาสั้นขึ้นเร็วอย่างผิดปกติ

- การปวดหลัง และต้นขา

-อาการปวดคอ ไหล่ และข้อศอก

-อาการปวดกระดูกข้อและนิ้ว อาการนิ้วยึด



ต้อเนื้อ... กล้ามเนื้อสายตาทำงานหนักเกินไป



เมื่อราวสิบปีมาแล้ว ตอนที่ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยใหม่ๆ ช่วงนั้นจอคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มีค่าความเร็วในการรีเฟรชอยู่ที่ 60Hz และเป็นแบบ interlaced ซึ่งความถี่ขนาดนี้เท่ากับที่ใช้ในทีวีประเทศสหรัฐ (ของไทยเราอยู่ที่ 50Hz) ใครที่นั่งดูทีวีหลายๆ ชั่วโมงต่อวัน จะรู้สึกว่ามีอาการล้าดวงตาเป็นอย่างมาก

ผมได้พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งมีอาชีพเป็นธุรการ นั่งพิมพ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมงติดต่อกัน หลังจากที่เธอผู้นั้นทำงานไปได้ราวเจ็ดแปดปี เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดต้อเนื้อที่ลุกลามขึ้นมาจนเกือบปิดตาดำ อันเป็นผลจากการที่สายตาต้องเพ่งขนาดหนัก เป็นเวลานานๆ

ในปัจจุบัน จอภาพที่เราใช้กันอยู่มีอัตราความเร็วการรีเฟรชสูงขึ้นตั้งแต่ 72Hz ไปจนถึงราวๆ 90Hz และเป็นแบบ non-interlaced(หรือแสดงภาพเต็มเฟรมต่อรอบการรีเฟรช)รวมทั้งระบบปฏิบัติการในปัจจุบันส่วนใหญ่จะสามารถตรวจจับขีดความสามารถในการรีเฟรชและพยายามปรับระบบให้ทำงานที่ค่าสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้อาการต้อเนื้ออันเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานนั้นแทบจะไม่พบอีกเลย



อาการเกี่ยวกับตาอื่นๆ



แม้ว่าเราๆ ท่านๆที่ใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน คงไม่ต้องพะวงกับการเป็นต้อเนื้อแล้ว แต่ยังไม่อาจจะสบายใจกับอาการทางตาอื่นๆได้ครับ

คนส่วนใหญ่ที่ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เล่นเกมนานๆ จะมีอาการตาแดง เคืองตา ซึ่งเกิดจากการที่ดวงตาไม่ได้กระพริบบ่อยๆ เพราะต้องเพ่งสายตาที่หน้าจอ ทำให้ผิวดวงตาแห้ง เด็กบางคนชอบเล่นเกมในห้องมืดๆ เพราะรู้สึกว่าได้อารมณ์กว่าการเล่นเกมในห้องที่สว่าง บางคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง อาจจะมีอาการตาพร่าและสายตาสั้นขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่มีอาการสายตาสั้นอยู่แล้ว






ดังนั้น หลายท่านจึงแนะนำให้เล่นเกมคอมพิวเตอร์ในแต่ละช่วงไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เช่น ใช้งานประมาณ 45 นาที และพักสายตาอีก 10-15 นาที เป็นต้น เพื่อให้สายตาได้มีการพักผ่อนบ้าง ส่วนความสว่างของห้องก็มีผลมาก ควรจัดแสงสว่างภายในห้องให้มีความสว่างที่พอเหมาะ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังของจอภาพ และควรลดความสว่างของจอลงให้ใกล้เคียงกับสภาพรอบข้าง การปรับให้จอมีความสว่างมากในขณะที่สภาพรอบห้องมืดนั้น จะทำให้ดวงตาต้องทำงานหนัก

สำหรับคนที่มีอาการสายตาสั้นขึ้น ผมแนะนำให้พักการใช้คอมพิวเตอร์ลงเสีย หรือใช้งานให้น้อยที่สุด และมีช่วงพักผ่อนมากขึ้น ในช่วงที่พักควรมองออกไปยังทิวทัศน์นอกห้องที่ไกลๆ หรือเปลี่ยนอิริยาบถ ลุกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ครับ



อาการปวดหลัง และต้นขา



อาการนี้เกิดจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่นั้นไม่มั่นคง หรือไม่ได้ระดับ งอเข่าต่อเนื่องนานๆ และพนักพิงไม่เหมาะสม

ท่านสามารถลดอาการเหล่านี้ได้โดยการเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงที่สามารถปรับระดับให้รองรับกับแผ่นหลังได้ดี ไม่นั่งคุดคู้ และควรมีที่ด้านล่างเก้าอี้ให้สามารถยืดขาได้เพื่อลดการงอเข่าต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ

การลดอาการปวดหลังและต้นขาที่ดีที่สุดก็คือ พักทุกๆ ชั่วโมงโดยลุกยืนเปลี่ยนอิริยาบถ และออกกำลังกายเป็นประจำครับ



อาการปวดคอ ไหล่ และข้อศอก...ตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม



เคยรู้สึกใช้คอมแล้วปวดคอบ้างไหมครับ... ผมเชื่อว่าหลายคนคงกำลังมีอาการปวดคออยู่ตอนนี้เสียด้วย บางคนอาจจะบอกว่า ตอนตกหมอนมาเมื่อคืน แต่ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนหมอนไปกี่ใบ อาการก็ยังไม่หายไป แถมรุมเร้ามาด้วยการปวดไหล่ ปวดข้อศอก

อาการดังกล่าวสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เช่นเล่นเกมติดต่อกันหลายๆ ชั่วโมง หรือนั่งท่องเน็ตหลายๆ ชั่วโมง เกิดจากการจัดวางจอภาพและความสูงของโต๊ะที่ไม่เหมาะสม

การวางจอคอมพิวเตอร์ที่ดี ควรจะวางให้ต่ำกว่าระดับสายตา และหันจอขึ้นตอบรับกับแนวสายตา ส่วนความสูงของโต๊ะนั้น เมื่อคุณนั่งเก้าอี้แล้ว ข้อศอกควรจะมีระดับความสูงพอๆกับความสูงของแป้นพิมพ์และเมาส์ โต๊ะส่วนมากจะมีระดับความสูงมากกว่านี้ ทำให้คุณต้องเกร็งข้อศอก และยกหัวไหล่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการปวดเมื่อยบริเวณหัวไหล่ กล้ามเนื้อคอ และข้อศอก

การแก้ไขอาการปวดคอ ไหล่และข้อศอกจึงต้องอาศัยโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบให้มีรางเลื่อนแป้นพิมพ์และเมาส์ที่มีระดับสูงพอเหมาะและการใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับให้มีความสูงรับกับระดับรางเลื่อนของแป้นพิมพ์และเมาส์ และระดับความสูงของขอบบนจอภาพควรจะต่ำกว่าระดับสายตาโดยหันจอให้เงยขึ้น ให้ใกล้เคียง กับระดับที่คุณใช้อ่านหนังสือ หากบางท่านอาจจะนึกไม่ออกว่าควรจะวางอย่างไร ผมขอแนะว่าให้คุณลองนั่งลงที่เก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ และเล็งแนวสายตาให้มีมุมก้มประมาณ 20-30องศาจากแนวระนาบ แนวดังกล่าวถือว่าเป็นแนวที่เหมาะสมของกึ่งกลางหน้าจอภาพของคุณจากนั้นหันหน้าจอให้มีมุมเงยรับกับระนาบการมอง




อาการปวดกระดูกข้อ นิ้ว และอาการนิ้วยึด



อาการนี้เป็นอาการที่พบได้กับผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องพิมพ์บนแป้นพิมพ์หลายๆชั่วโมงต่อวัน ซึ่งรวมทั้งผมด้วยเช่นกัน อาการนี้เกิดจากการที่ข้อมือต้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมและเกร็งอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลานาน รวมทั้งการที่นิ้วต้องมีการขยับไปมาตลอดเวลา ทำให้เกิดการเสื่อมของหมอนรองกระดูกข้อเร็วกว่ากำหนด จนในรายที่มีอาการมาก อาจจะเกิดอาการที่ไม่สามารถจะกำนิ้วหรือยืดนิ้วได้อย่างเต็มที่หรือหากจะพยายามทำก็จะเกิดอาการเจ็บปวดมาก อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการขยับข้อไปมาบ่อยๆนี้เรียกว่าRepetitive Strain Injury (RSI) และอาการปวดโพรงกระดูกข้อที่เกิดจากการขยับข้อไปมาบ่อยๆมีชื่อเรียกว่า Carpal Tunnel Syndrome (CTS)

คราวนี้ผู้อ่านหลายท่านคงถามผมแน่ว่า ...ขนาดผมเองยังมีอาการนี้ แล้วจะมาแนะนำท่านๆ อย่างไรกันดีล่ะ...

ผมคงต้องบอกว่า กรณีของผมนั้นเป็นอาชีพที่ต้องพิมพ์ข้อความและโปรแกรมเป็นจำนวนมากกว่าคนทั่วไปหลายๆเท่า ด้วยอาชีพจึงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงอาการนี้ได้ แต่ผมมีวิธีลดอาการครับ



เปลี่ยนท่าการพิมพ์เพื่อลดอาการ

เริ่มจากการเปลี่ยนแป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ดที่คุณใช้ก่อนครับ แป้นพิมพ์บางแห้นมีระยะการกดแป้นพิมพ์ที่ลึกเกินไป ควรจะหาแป้นที่มีระยะพิมพ์สั้นลงแต่มีการตอบรับการกด และแป้นพิมพ์ที่ดีจะต้องไม่มีระยะห่างของคีย์ที่เล็กเกินอย่างในโน้ตบุคขนาดเล็กที่ระยะแป้นพิมพ์จะชิดมากจนพิมพ์ลำบาก ถ้าเป็นไปได้ หาแป้นพิมพ์ที่มีการโค้งหรือแยกตรงกลาง ซึ่งจะรับกับการพิมพ์สัมผัสได้ดีกว่า หรือหากหาไม่ได้ คุณควรจะต้องปรับการวางนิ้วในการพิมพ์สัมผัสใหม่ โดยจัดข้อมือไม่ให้บิดงอ ซึ่งการวางดังกล่าวจะทำให้การวางนิ้วบนแป้นอาจจะไม่สะดวกในระยะแรก แต่เมื่อปรับใช้งานไปได้ระยะหนึ่งจะเกิดความเคยชิน และอาการปวดข้อจะลดลงไปครับ





อาการปวดข้อมือขวาและไหล่ขวาจากการใช้เมาส์

บางคนอาจจะไม่ได้มีอาการปวดข้อมือทั้งสอง แต่ปวดเพียงข้อมือทางด้านขวาและลามไปยังไหล่ขวาและข้อศอกด้านขวา โดยเฉพาะผู้ที่ใช้เมาส์ในการทำงานเป็นหลัก ผสมผสานกับการพิมพ์

ผมได้อ่านในเว็ปบอร์ดหลายแห่งในต่างประเทศ มีผู้แนะนำวิธีแก้ซึ่งน่าสนใจมาก และหลายคนได้ใช้และบรรเทาอาการหรือได้แก้ไขอาการปวดข้อมือด้านขวา วิธีการก็คือ ให้เปลี่ยนการใช้เมาส์มาเป็นมือซ้าย สาเหตุที่มีการปวดข้อด้านขวามาก มาจากสาเหตุสองประการ ประการแรก การออกแบบแป้นพิมพ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันไม่ว่าภาษาไทยหรืออังกฤษนั้น จะมีการใช้คีย์ทางด้านขวามากกว่าคีย์ทางด้านซ้าย รวมทั้งพื้นที่ระหว่างตำแหน่งพักบนแป้นของมือขวากับตำแหน่งเมาส์ จะมีปุ่มลูกศรและตัวเลขขวางอยู่ ทำให้หัวไหล่ ข้อศอก และข้อมือขวาต้องทำงานหนักในการขยับแขนและข้อมือไปมา การเกลี่ยการใช้งานให้แขนซ้ายรับภาระมากขึ้นโดยการ ใช้เมาส์มือซ้าย จะช่วยลดอาการที่เกิดกับไหล่ขวา ข้อศอกขวา และข้อมือขวาลงได้มาก การวางแป้นเมาส์มือซ้าย ยังทำให้สามารถวางได้ชิดกับตำแหน่งพักของมือซ้าย อาการปวดไหล่ซ้ายจึงไม่เกิดขึ้นดังที่เกิดกับไหล่ขวา




มาออกกำลังกายกันเถอะ...



สำหรับคนอย่างผม และอีกหลายๆท่านที่ชีวิตนี้ต้องฝากไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ คงจะต้องค้นหาวิธีที่จะสามารถอยู่กับคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ "เจ็บปวด" จนเกินไป วิธีที่ได้รับการแนะนำกันอย่างกว้างขวางก็คือ การออกกำลังกายในระหว่างการทำงานหรือระหว่างช่วงพักการทำงาน ทั้งนี้เพื่อให้กล้ามเนื้อที่เกร็งอยู่ตลอดได้มีโอกาสผ่อนคลายเสียบ้าง รวมทั้งเป็นการลดอาการปวดข้อ นอกเหนือจากการที่เราสามารถกระทำได้โดยการเปลี่ยนการจัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม

ผมจึงขอแนะนำท่านั่งออกกำลังกายซึ่งมีท่านหนึ่งได้กรุณาตั้งชื่อให้ว่า ท่า"นั่งบิดขี้เกียจระหว่างทำงาน" ดังต่อไปนี้ครับ...



ท่าที่1 ขยับเข่าและข้อเท้า

ยืดเข่าซ้ายออกให้สุด จากนั้นควงข้อเท้าไปมาสองสามรอบ หดกลับเข้ามาและทำซ้ำอีกครั้งกับเข่าและข้อเท้าขวา



ท่าที่2 หลังและหัวไหล่

ประสานนิ้วมือเข้าด้วยกันจากนั้นบิดข้อมือให้ฝ่ามือหันออกจากตัว และยืดข้อศอกออก แล้วยกแขนขึ้นสูงและเลยไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ระหว่างทำท่านี้อยู่ ขายึดพื้นดีๆ นะครับ ระวังเก้าอี้ล้ม เดี๋ยวจะต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการศีรษะกระแทกแทน)โดยให้กล้ามเนื้อไหล่และหลังยืดมากที่สุด สามารถทำท่านี้ซ้ำๆ ระหว่างนั่งคิดหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อลดอาการนิ้วยึด ปวดไหล่ และปวดหลังได้ดีครับ



ท่าที่ 3 หัวไหล่

ใช้นิ้วมือทั้งห้าแตะหัวไหล่ทั้งสองข้าง จากนั้นควงหัวไหล่ไปรอบๆ สองสามรอบ







ท่าที่ 4 กำนิ้ว

กำนิ้วโดยสลับระหว่างการให้นิ้วโป้งอยู่ด้านนอกนิ้วทั้งสี่ และอยู่ภายในนิ้วทั้งสี่ ออกแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ซึ่งอาจจะได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบเบาๆ) จากนั้นกางนิ้วทั้งห้าออกให้ได้มากที่สุด แล้วกระทำท่านี้ซ้ำอีกครั้ง บางคนอาจจะหาบอลยางมาช่วยในการกำด้วยก็ได้ครับ



ท่าที่ 5 ข้อมือ

วางแขนพาดบนโต๊ะ ให้ข้อมืออยู่ที่ขอบโต๊ะพอดี จากนั้นกดฝ่ามือลงสลับกับยกฝ่ามือขึ้น ทำซ้ำๆ สองสามครั้ง จากนั้นที่ตำแหน่งเดิมนี้แหละครับ ควงข้อมือไปรอบๆ สักสองสามครั้ง สลับทำทั้งข้อมือซ้ายและข้อมือขวา



หวังว่า สิ่งที่ผมแบ่งปันให้ทุกท่านในวันนี้ คงจะช่วยหลายๆ คนที่กำลังมีอาการ "เจ็บปวด"อันเนื่องมาจากคอมพิวเตอร์ได้ ไม่มากก็น้อยนะครับ ผมถือว่ามีอะไรดีก็มาฝากกันครับเพราะผมเองก็เป็นผู้หนึ่งที่มีชีวิตหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และต้องประสบกับสภาวะเช่นเดียวกันนี้

...พบกันครั้งหน้า ผมหวังว่าทุกท่านคงจะสุขสบายคลาย "เจ็บปวด""จากคอมพิวเตอร์อย่างถ้วนหน้ากันครับ...



Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 23 กันยายน 2551 20:22:31 น. 3 comments
Counter : 1874 Pageviews.

 
อ่านแล้วได้ประโยชน์มากค่ะ

อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ จะมีปวดข้อมือขวาค่ะ
สายตาเริ่มล้า ช่วงบ่าย ๆ ก็จะออกไปพักสายตา ไม่อยู่ที่หน้าจอคอมนาน ๆ



ขอบคุณที่ให้สาระดีๆค่ะ


โดย: ไก่_CNX (rakakarn ) วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:20:53:07 น.  

 
ตอนนี้อาการเหมือนที่คุณบอกมาหมดเลย ช่วงนี้ก็เลยต้องดูแลตัวเอง มีการประคบร้อนกันทุกวันเลย ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ


โดย: athena-th วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:21:02:48 น.  

 
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ สำหรับข้อมูลดีๆ ...กรีนทีก็ใช้คอมทำงานเป็นประจำ เมื่อก่อนเคยปวดหลังมาก จนบางวันต้องหยุดงานและนอนทั้งวันเลยค่ะ แต่หลังจากที่ได้อ่านบทความในหนังสือ ควรลุกไปเดินบ้างหลังจากให้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลา 40 -50 นาที กรีนทีก็เริ่มปฏิบัติ อาการปวดก็หายไปค่ะ แล้วช่วงนี้ก็หันมาออกกำลังให้เป็นประจำ โยคะบ้าง เดินเร็วบ้าง ...


โดย: greentea_lemon วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:22:39:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

=Neo=
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add =Neo='s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.