ยินดีต้อนรับสู่ club.bloggang.com
...magazine online โดยหนุ่มสาวชาว =Neo=
โคลงโลกนิติ....

เราขอฝากให้ท่านเสียสละเวลาอันมีค่าของท่าน...
ได้โปรดอ่านและใช้ปัญญาพิจารณาตามหลักแห่งบทกวีนี้....
โคลงโลกนิติ....

เป็นสุภาษิตเก่าแก่ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
นักปราชญ์ในครั้งนั้นได้สรรหา คำสุภาษิตที่เป็นภาษาบาลีและสันสกฤต
ที่มีอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ คือ คัมภีร์โลกนิติ คัมภีร์โลกนัย
ตลอดจนคัมภีร์พระธรรมบท แล้วนำมาแปลเป็นภาษาไทย
โดยแต่งเป็นคำประพันธ์ คำโคลงทุกคาถา






รวมเรียกว่าโคลงโลกนิติ เป็นสุภาษิตที่บรรพบุรุษของไทยนับถือ
นำไปเล่าเรียน สั่งสอน และประพฤติปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง
เป็นที่รู้จักกันดี ในหมู่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า
ทุกสถานะอาชีพต่อเนื่องกันมาช้านานจนถึงปัจจุบัน




------------------------------------------------------------------

ครรโลงโคลงโลกนิตินี้    นมนาน
มีแต่โบราณกาล    เก่าพร้อง
เป็นสุภาษิตสาร    สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง    เวี่ยไว้ในกรรณ

ทศนัขนอบน้อมมิ่ง    อุตมางค์
ไตรรัตน์จัดเบญจางค์    แจ่มพร้อม
จักพร้องโลกนิติปาง    สดับแต่เดิมพ่อ
อรรถอื่นอ้างเลศล้อม    ต่างต้องคัมภีร์

ถวายกรกรรพุ่มเพี้ยง    บวรมาลย์มิ่งแฮ
ไตรรัตน์เรียบไตรทวารเวียดเกล้า
โลกนิติสืบสาร    ของเก่า
เตือนจิตสาธุชนเช้า    ค่ำค้ำชูใจ

โลกนิติในโลกล้วน    แก่นสาร
คือบิดามารดาอาจารย์    เจี่ยวแล้
เชาเจ้าจ่อมใจบาณ    ทิตร่ำเรียนแฮ
เบิกศิลปปรีชาแท้    เลิศแล้วเมธี

ปลาร้าพันห่อด้วย    ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา    คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา    คบเพื่อนพาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง    เฟื่องให้เสียพงศ์

ใบพ้อพันห่อหุ้ม    กฤษณา
หอมระรวยรสพา    เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา    นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย    ดุจไม้กลิ่นหอม

ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้    มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน    ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน    หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย    นอกนั้นดูงาม

ขนุนสุกสล้างแห่ง    สาขา
ภายนอกเห็นหนามหนา    หนั่นแท้
ภายในย่อมรสา    เอมโอช
สาธุชนนั้นแล้    เลิศด้วยดวงใจ

ยางขาวขนเรียบร้อย    ดูดี
ภายนอกหมดใสสี    เปรียบฝ้าย
กินสัตว์เสพปลามี    ชีวิต
เฉกเช่นชนชาติร้าย    นอกนั้นนวลงาม

รูปแร้งดูร่างร้าย    รุงรัง
ภายนอกเพียงพึงชัง    ชั่วช้า
เสพสัตว์ที่มรณัง    นฤโทษ
ดังจิตสาธุชนกล้า    กลั่นสร้างทางผล:bad

คนพาลผู้บาปแท้    ทุรจิต
ไปสู่หาบัณทิต    ค่ำเช้า
ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์    บ่ทราบใจนา
คือจวักตักเข้า    ห่อนรู้รสแกง:bad

ผู้ใดใจฉลาดล้ำ    ปัญญา
ได้สดับปราชญ์เจรจา    อาจรู้
ยินคำบัดเดี๋ยวมา    ซับซาบใจนา
คือมลิ้นคนผู้    ทราบรู้รสแกง:bad

หมูเห็นสีหราชท้า    ชวนรบ
กูสี่ตีนกูพบ    ท่านไซร้
อย่ากลัวท่านอย่าหลบ    หลีกจากกูนา
ท่านสี่ตีนอย่าได้    วากเว้วางหนี:bad

สีหราชร้องว่าโอ้    พาลหมู
ทรชาติครั้นเห็นกู    เกลียดใกล้
ฤามึงใคร่รบดนู    มึงมาศเองนา
กูเกลียดมึงกูให้    พ่ายแพ้ภัยตัว:bad

กบเกิดในสระใต้    บัวบาน
ฤาห่อนรู้รสมาลย์    หนึ่งน้อย
ภุมราอยู่ไกลสถาน    นับโยชน์ก็ดี
บินโบกมาค้อยค้อย    เกลือกเคล้าเสาวคนธ์

ใจชนใจชั่วช้า    โฉงเฉง
ใจจักสอนใจเอง    ไป่ได้
ใจปราชญ์ดัดตามเพลงพลันง่าย
ดุจช่างปืนดัดไม้    แต่งให้ปืนตรง

ไม้ค้อมมีลูกน้อม    นวยงาม
คือสัปบุรุษสอนตาม    ง่ายแท้
ไม้ผุดังคนทราม    สอนยาก
ดัดก็หักแหลกแล้    ห่อนรื้อโดยตาม

เป็นคนควรรอบรู้    สมาคม
สองประการนิยม    กล่าวไว้
หนึ่งพาลหนึ่งอุดม    นักปราชญ์
สองสิ่งนี้จงให้    เลือกรู้สมาคม

คนใดไปเสพด้วย    คนพาล
จักทุกข์ทนเนานาน    เนิ่นแท้
ใครเสพท่วยทรงญาณเปรมปราชญ์
เสวยสุขล้ำเลิศแท้    เพราะได้สดับดี

ได้เห็นนักปราชญ์ไซร้    เป็นสุข
อยู่ร่วมเรือนหายทุกข์    ค่ำเช้า
ผู้พาลสั่งสอนปลุก    ใจดั่งพาลนา
ยลเยี่ยงนกแขกเต้า    ตกต้องมือโจร

จงนับสัปบุรุษรู้    บุญกรรม์
จะละหลีกพาลอัน    ชั่วร้าย
จงสร้างสืบบุญธรรม์    ทุกเมื่อ
จงนึกนิตย์ชีพคล้าย    ดุจด้วยฟองชล

คบกากาโหดให้    เสียพงศ์
พาตระกูลเหมหงส์    แหลกด้วย
คบคนชั่วจักปลง    ความชอบเสียนา
ตราบลูกหลานเหลนม้วย    ไม่ม้วยนินทา

มดแดงแมลงป่องไว้    พิษหาง
งูจะเข็บพิษวาง    แห่งเขี้ยว
ทรชนทั่วสรรพางค์    พิษอยู่
เพราะประพฤติมันเกี้ยว    เกี่ยงร้ายแกมดี

นาคีมีพิษเพี้ยง    สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช    แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส    แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า    อวดอ้างฤทธี

ความรู้ผู้ปราชญ์นั้น    นักเรียน
ฝนทั่งเท่าเข็มเพียร    ผ่ายหน้า
คนเกียจเกลียดหน่ายเวียน    วนจิต
กลอุทกในตระกร้า    เปี่ยมล้นฤามี

กละออมเพ็ญเพียบน้ำ    ฤาติง
โอ่งอ่างพร่องชลชิง    เฟื่องหม้อ
ผู้ปราชญ์ห่อนสุงสิง    เยียใหญ่
คนโฉดรู้น้อยก้อ    พลอดนั้นประมาณ

งาสารฤาห่อนเหี้ยน    หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน    อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน    คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น    เล่ห์ลิ้นทรชน

ทรชนอย่าเคียดแค้น    อย่าสนิท
อย่าห่างศัตรูชิด    อย่าใกล้
คือไฟถ่านแรงฤทธิ์    ถือถลากมือนา
แม้นดับแล้วบ่ไหม้    หม่นต้องมือดำ

มิตรพาลอย่าคบให้    สนิทนัก
พาลใช่มิตรอย่ามัก    กล่าวใกล้
ครั้นคราวเคียดคุมชัก    เอาโทษใส่นา
รู้เหตุสิ่งใดไซร้    ส่อสิ้นกลางสนาม

หมาใดตัวร้ายขบ    บาทา
อย่าขบตอบต่อหมา    อย่าขึ้ง
ทรชนชาติช่วงทา    รุณโทษ
อย่าโกรธอย่าหน้าบึ้ง    ตอบถ้อยถือความ

ลูกสะเดาน้ำผึ้งซาบ    โทรมปน
แล้วปลุกปองรสคนธ์    แอบอ้อย
ตราบเท่าออกดอกผล    พวงดก
ขมแห่งสะเดาน้อย    หนึ่งรู้โรยรา

พริกเผ็ดใครให้เผ็ด    ฉันใด
หนามย่อมแหลมเองใคร    เซี่ยมได้
จันทน์กฤษณาไฉน    ใครอบหอมฤา
วงศ์แห่งนักปราชญ์ได้    เพราะด้วยฉลาดเอง

จันทน์แห้งกลิ่นห่อนได้    ดรธาน
อ้อยหีบชานยังหวาน    โอชอ้อย
ช้างเข้าศึกเสี่ยมสาร    ยกย่างงามนา
บัณทิตแม้นทุกข์ร้อย    เท่ารื้อลืมธรรม

ฝูงหงส์หลงเข้าสู่    ฝูงกา
สีหราชเคียงโคนา    คลาดเคล้า
ม้าต้นระคนลา    เลวชาติ
นักปราชญ์พาลพาเต้า    สีนี้ไฉนงาม

แมลงวันแสวงเสพด้วย    ลามก
พาลชาติเสาะกิ่งรก    เรื่องร้าย
ภุมราเห็จเหินหก    หาบุษบานนา
นักปราชญ์ฤาห่อนหม้าย    หมั่นสู้แสวงธรรม

เนื้อปองน้ำหญ้าบ่    ปองทอง
ลิงบ่ปองรัตน์ปอง    ลูกไม้
หมูปองอสุจิของ    หอมห่อนปองนา
คนเคลิบเคลิ้มบ้าใบ้    ห่อนรู้ปองธรรม

กายเกิดพยาธิโรคร้าย    ยาหาย
แต่พยศยาไป่วาย    ตราบม้วย
ชาติเสือห่อนหายลาย    ลบผ่อง
กล้วยก็กล้วยคงกล้วย    กลับกล้ายฤๅมี

ขุนเขาสูงร้อยโยชน์    คณนา
ขุนปราบด้วยโยธา    ราบได้
จักล้างพยศสา    หัสยาก
ยศศักดิ์ให้เท่าให้    พยศนั้นฤาหาย

คบคนผู้โฉดเคลิ้ม    อับผล
หญิงเคียดอย่าระคน    ร่วมห้อง
อย่าคบหมู่ทรชน    สอนยาก
บัณทิตแม้ตกต้อง    โทษสู้สมาคม

ภูเขาอเนกล้ำ    หากมี
บมิหนักแผ่นธรณี    หน่อยไซร้
หนักนักแต่กระลี    ลวงโลก
อันจักทรงทานได้    แด่พื้นนรกานต์

ภูเขาทั้งแท่งล้วน    ศิลา
ลมพยุพัดพา    บ่ขึ้น
สรรเสริญแลนินทา    คนกล่าว
ใจปราชญ์ฤาเฟื่องพื้น    ห่อนได้จินต์จล

ห้ามเพลิงไว้อย่าให้    มีควัน
ห้ามสุริยแสงจันทร์    ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน    คืนเล่า
ห้ามดังนี้ไว้ได้    จึ่งห้ามนินทา

ภูเขาเหลือแหล่ล้วน    ศิลา
หามณีจินดา    ยากได้
ฝูงชนเกิดนานา    ในโลก
หานักปราชญ์นั้นไซร้    เลือกแล้วฤามี

ป่าหลวงหลายโยชน์พร้อม    พฤกษา
หาแก่นจันทน์กฤษณา    ยากไซร้
ฝูงคนเกิดมีมา    เหลือแหล่
หาปราชญ์ฤาจักได้    ยากแท้ควรสงวน

มัจฉามีทั่วท้อง    ชโลธร
หาเงือกงูมังกร    ยากได้
ทั่วด้าวพระนคร    คนมากมีนา
จักเสาะสัปปุรุษ    ไซร้ยากแท้จักมี

ดารามีมากร้อย    ถึงพัน
บ่เปรียบกับดวงจันทร์    หนึ่งได้
คนพาลมากอนันต์    ในโลก
จะเทียบเท่าปราชญ์ไซร้    ยากแท้ฤาถึง

เหมหงส์เลี้ยงชีพด้วย    สาคร
ช้างพึ่งพนาดร    ป่าไหม้(ไม้)
ภุมราบุษบากร    ครองร่างตนนา
นักปราชญ์เลี้ยงตัวได้    เพื่อด้วยปัญญา

นกแร้งบินได้เพื่อ    เวหา
หมู่จระเข้เต่าปลา    พึ่งน้ำ
เข็ญใจพึ่งราชา    จอมราช
ลูกอ่อนอ้อนกลืนกล้ำ    เพื่อน้ำนมแรง

ป่าพึ่งพาลพยัคฆ์ร้าย    ราวี
เสือพึ่งไพรพงพี    เถื่อนถ้ำ
ความชั่วพึ่งความดี    เท็จพึ่งจริงนา
เรือพึ่งแรงน้ำน้ำ    หากรู้คุณเรือ

ตีนงูงูไซร้หาก    เห็นกัน
นมไก่ไก่สำคัญ    ไก่รู้
หมู่โจรต่อโจรหัน    เห็นเล่ห์กันนา
เชิงปราชญ์ฉลาดกล่าวผู้    ปราชญ์รู้เชิงกัน

มีอายุร้อยหนึ่ง    นานนัก
ศีลชื่อปัญจางค์จัก    ไป่รู้
ขวบเดียวเด็กรู้รัก    ษานิจศีลนา
พระตรัสสรรเสริญผู้    เด็กนั้นเกิดศรี

คนใดยืนอยู่ร้อย    พรรษา
ใจบ่มีปรีชา    โหดไร้
วันเดียวเด็กเกิดมา    ใจปราชญ์
สรรเพชญ์บัณฑูรไว้    เด็กนั้นควรยอ

คนใดยืนเหยียบร้อย    ขวบปี
ความอุตส่าหฤามี    เท่าก้อย
เด็กเกิดขวบหนึ่งดี    เพียรพาก
พระตรัสว่าเด็กน้อย    นี่เนื้อเวไนย

อายุถึงร้อยขวบ    เจียรกาล
ธัมโมชอันโอฬาร    บ่รู้
เด็กน้อยเกิดประมาณ    วันหนึ่ง
เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้    แก่ร้อยพรรษา

มีอายุอยู่ร้อย    ปีปลาย
ความเกิดแลความตาย    ไป่รู้
วันเดียวเด็กหญิงชาย    เห็นเกิดตายนา
ลูกอ่อนนั้นยิ่งผู้    แก่ร้อยปีปลาย

ธิรางค์รู้ธรรมแม้    มากหลาย
บ่กล่าวให้หญิงชาย    ทั่วรู้
ดุจหญิงสกลกาย    งามเลิศ
อยู่ร่วมเรือนผัวผู้    โหดแท้ขันที

เว้นวิจารณ์ว่างเว้น    สดับฟัง
เว้นที่ถามอันยัง    ไป่รู้
เว้นเล่าลิขิตสัง    เกตว่างเว้นนา
เว้นดั่งกล่าวว่าผู้    ปราชญ์ได้ฤามี

รู้น้อยว่ามากรู้    เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน    สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล    กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย    มากล้ำลึกเหลือ

รูปชั่วมักแต่งแกล้ง    เกลาทรง
ใจขลาดมักอาจอง    อวดสู้
น้ำพร่องกละออมคง    กระฉอกฉานนา
เฉาโฉดโอษฐ์อวดสู้    ว่ารู้ใครเทียม

จระเข้คับน่านน้ำ    ไฉนหาภักษ์เฮย
รถใหญ่กว่ารัถยา    ยากแท้
เสือใหญ่กว่าวนา    ไฉนอยู่ได้แฮ
เรือเขื่องคับชเลแล้    แล่นโล้ไปไฉน

มณฑกทำเทียบท้าว    ราชสีห์
แมวว่ากูพยัคฆี    แกว่นกล้า
นกจอกว่าฤทธี    กูยิ่งครุฑนา
คนประดากขุกมีข้า    ยิ่งนั้นแสนทวี

หิ่งห้อยส่องก้นสู้    พระจันทร์
ปัดเทียบเทียมรัตนอัน    เอี่ยมข้า
ทองเหลืองหลู่สุวรรณ    ธรรมชาติ
พาลว่าตนเองอ้า    อาจล้ำเลยกวี

เสือผอมกวางวิ่งเข้า    โจมขวิด
ไป่ว่าเสือมีฤทธิ์    เลิศล้ำ
เล็บเสือดั่งคมกฤช    เสือซ่อนไว้นา
ครั้นปะปามล้มคว่ำ    จึ่งรู้จักเสือ

ทองเหลืองเปลื้องร้ายห่อน    เห็นมี
ขัดเท่าขัดราคี    เล่าไซร้
นพคุณหมดใสสี    เสร็จโทษ
ถึงบ่แต่งตั้งไว้    แจ่มแจ้งไพบูลย์

พระสมุทรไหวหวาดห้วย    คลองสรวล
เมรุพลวกปลวกสำรวล    ร่าเร้า
สีหราชร่ำคร่ำครวญ    สุนัขเยาะหยันนา
สุริยส่องยามเย็นเข้า    หิ่งห้อยยินดี

แมวล่าหนูแซ่ซี้    จรจรัล
หมาล่าวิฬาร์ผัน    สู่หล้าง
ครูล่าศิษย์และธรรม์    คบเพื่อนพาลนา
เสือล่าป่าแรมร้าง    หมดไม้ไพรสณฑ์

จามรีขนข้องอยู่    หยุดปลด
ชีพบ่รักรักยศ    ยิ่งไซร้
สัตว์โลกซึ่งสมมติ    มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้    ยศซ้องสรรเสริญ

นพคุณใส่เบ้าสูบ    แสนที
ค้อนเหล็กรุม    รันตี
บ่เจ็บเท่า    ธุลี
เจ็บแต่ท่าน    ชั่งด้วย

เสียสินสงวนศักดิ์ไว้    วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์    สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง    ความสัตย์ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้    ชีพม้วยมรณา

ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้    จัมบก
แปลงปลูกหนามรามรก    รอบเรื้อ
ฆ่าหงส์มยุรนก    กระเหว่าเสียนา
เลี้ยงหมู่กากินเนื้อ    ว่ารู้ลีลา

วัดช้างเบื้องบาทรู้    จักสาร
วัดอุทกชักกมุทมาลย์    แม่นรู้
ดูครูสดับโวหาร    สอนศิษย์
ดูตระกูลเผ่าผู้    เพื่อด้วยเจรจา

พระสมุทรสุดลึกล้น    คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดวา    หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา    กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้    ยากแท้หยั่งถึง

ไม้ล้มควรข้ามได้    โดยหมาย
คนล้มจักข้ามกราย    ห่อนได้
ทำชอบชอบห่อนหาย    ชอบกลับสนองนา
ทำผิดผิดจักให้    โทษแท้ถึงตน

ทรชนยากไร้อย่า    ทำคุณ
อย่าหยิบทรัพย์อุดหนุน    หย่อนให้
ก่อเกื้อเกือบเกินทุน    มันมั่งมีนา
ครั้นค่อยคลายวายไร้    กลับสู้ดูแคลน

เทพาพันเทพเรื้อง    ฤทธิรงค์
บ่เท่าพระอินทร์องค์    หนึ่งได้
คุณพันหนึ่งดำรง    ความชอบไว้นา
มีโทษอันหนึ่งไซร้    กลบกล้ำพันคุณ

ใครซื่อซื่อต่อตั้ง    ตามกัน
ใครคดคดผ่อนผัน    ตอบเต้า
ทองแดงว่าสุวรรณ    ยังถ่องเหมือนฤา
ดุจลูกสูส่องเถ้า    ว่าโอ้เป็นลิง

รักกันอยู่ขอบฟ้า    เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว    ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว    ตาต่อกันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง    ป่าไม้มาบัง

ให้ท่านท่านจักให้    ตอบสนอง
นบท่านท่านจักปอง    นอบไหว้
รักท่านท่านควรครอง    ความรักเรานา
สามสิ่งนี้เว้นไว้    แต่ผู้ทรชน

แม้นมีความรู้ดั่ง    สัพพัญญู
ผิบ่มีคนชู    ห่อนขึ้น
หัวแหวนค่าเมืองตรู    ตาโลก
ทองบ่รองรับพื้น    ห่อนแก้วมีศรี

ราชรถปรากฏด้วย    ธงไชย
ควันประจักษ์แก่ไฟ    เที่ยงแท้
ราชาอิสระในไอ    สมบัติ
ชายย่อมเฉลิมเลิศแล้    ปิ่นแก้วเกศหญิง

กระเหว่าเสียงเพราะแท้    แก่ตัว
หญิงเลิศเพราะรักผัว    แม่นหมั้น
นักปราชญ์มาตรรูปมัว    หมองเงื่อนงามนา
เพราะเพื่อรสธรรมนั้น    ส่องให้เห็นงาม

นารายณ์วายเว้นจาก    อาภรณ์
อากาศขาดสุริยจร    แจ่มหล้า
เมืองใดบ่มีวร    นักปราชญ์
แม้ว่างามล้นฟ้า    ห่อนได้งามเลย

เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม    ดนตรี
อักขระห้าวันหนี    เนิ่นช้า
สามวันจากนารี    เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า    อับเศร้าศรีหมอง

ใครจักผูกโลกแม้    รัดรึง
เหล็กเท่าลำตาลตรึง    ไป่หมั้น
มนตร์ยาผูกนานหึง    หายเสื่อม
ผูกเพื่อไมตรีนั้น    แน่นเท้าวันตาย

จำสารสับปลอกเกี้ยว    ตีนสาร
จำนาคมนตร์โอฬาร    ผูกแท้
จำคนเพื่อใจหวาน    ต่างปลอก
จำโลกนี้นั่นแล้    แต่ด้วยไมตรี

ผจญคนมักโกรธด้วย    ไมตรี
ผจญหมู่ทรชนดี    ต่อตั้ง
ผจญคนจิตโลภมี    ทรัพย์เผื่อแผ่นา
ผจญอสัตย์ให้ยั้ง    หยุดด้วยสัตยา

คนใดคนหนึ่งผู้    ใจฉกรรจ์
เคียดฆ่าคนอนันต์    หนักแท้
ไป่ปานบุรุษอัน    ผจญจิตเองนา
เธียรท่านเยินยอแล้ว    ว่าผู้มีชัย

สงครามแสวงท่วยแกล้ว    อาสา
กลคดีพึงหา    ท่านรู้
ยามกินรสโอชา    ชวนเพื่อนกินนา
หาปราชญ์ล่ำเลิศผู้    เมื่อแก้ปริศนา

แสวงรู้พึงคบด้วย    บัณฑิต
แสวงทรัพย์คบพาณิช    ง่ายไซร้
แสวงหายศศักดิ์ชิด    ชอบราช
ผิใคร่ได้ลูกไซร้    เสพส้องเมียสาว

ร้อยคนหาแกว่นแกล้ว    กลางณรงค์
พันหนึ่งหาปัญญายง    ยิ่งรู้
แสนคนเสาะคนตรง    ยังยาก
ไม่เท่าคนหนึ่งผู้    อาจอ้างอวยทาน

เมื่อน้อยเรียนเร่งรู้    วิชา
ครั้นใหญ่หาสินมา    สู้เหย้า
เมื่อกลางแก่ศรัทธา    ทำแต่บุญนา
ครั้งแก่แรงวอกเว้า    ห่อนได้เป็นการ

ความรู้ดูยิ่งล้ำ    สินทรัพย์
คิดค่าควรเมืองนับ    ยิ่งไซร้
เพราะเหตุจักอยู่กับ    กายอาตมานา
โจรจักเบียนบ่ได้    เร่งรู้เรียนเอา

คนใดโผงพูดโอ้    อึงดัง
อวดว่ากล้าอย่าฟัง    สัปปลี้
หมาเห่าเล่าอย่าหวัง    จักขบใครนา
สองเหล่าเขาหมู่นี้    ชาติเชื้อเดียวกัน

สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ    ใจตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน    กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแก่ตนคน    เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษ    ซ้ำใส่ผู้บาปเอง

ฟักแฟงแตงเต้าถั่ว    งายล
หว่านสิ่งใดให้ผล    สิ่งนั้น
ทำทานหว่านกุศล    ผลเพิ่มพูนนา
ทำบาปบาปซั้นซั้น    ไล่เลี้ยวตามตน

มีสินฤาเท่าผู้    มีคุณ
ข้าศึกฤาปานปุน    พยาธิไซร้
รักใดจัดเพิ่มพุน    รักอาตมานา
แรงอื่นฤาจักได้    เท่าด้วยแรงกรรม

อย่าโทษไทท้าวท่วย    เทวา
อย่าโทษสถานภูผา    ย่านกว้าง
อย่าโทษหมู่วงศา    มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง    ส่งให้เป็นเอง

หมอแพทย์ว่าไข้    ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม    โทษให้
แม่มดว่าผีกุม    ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเอง    ไซร้ก่อสร้างมาเอง

ดูข้าดูเมื่อใช้    การหนัก
ดูมิตรพงศารัก    เมื่อไร้
ดูเมียเมื่อไข้จัก    จวนชีพ
อาจจักรู้จิตไว้    ว่าร้ายฤาดี

ช้างสารหกศอกไซร้    เสียงา
งูเห่ากลายเป็นปลา    อย่าต้อง
ข้าเก่าเกิดแต่ตา    ตนปู่ก็ดี
เมียรักนอนร่วมห้อง    อย่าไว้วางใจ

โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง    เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา    ห่อนเว้น
โทษตนเท่าภูผา    หนักยิ่ง
ป้องปิดคิดซ่อนเร้น    เรื่องร้ายหายสูญ

บรรทมยามหนึ่งไท้    ทรงฤทธิ์
หกทุ่มหมู่บัณฑิต    ทั่วแท้
สามยามพวกพาณิช    นรชาติ
นอนสี่ยามนั้นแล    เที่ยงแท้เดียรฉาน

ราชาธิราชน้อม    ในสัตย์
อำมาตย์เป็นบรรทัด    ถ่องแท้
ฝูงราษฎร์อยู่ศรีสวัสดิ์    ทุกเมื่อ
เมืองดั่งนี้เลิศแล้    ไพร่ฟ้าเปรมปรีดิ์

ข้าท่านคร้านหลีกเจ้า    จากเจียร
ชีบ่เล่าเรียนเขียน    อ่านไซร้
ชาวนาละความเพียร    ไถถาก
สามสิ่งนี้โหดให้โทษ    แท้คนฉิน

นกน้อยขนน้อยแต่    พอตัว
รังแต่งจุเมียผัว    อยู่ได้
มักใหญ่ย่อมคนหวัว    ไพเพศ
ทำแต่พอตัวไซร้    อย่าให้คนหยัน

เริ่มการตรองตรึงไว้    ในใจ
การจะลุจึงไข    ข่าวแจ้ง
เดื่อดอกออกห่อนใคร    เห็นดอก
ผลผลิตติดแล้วแผร้ง    แพร่ให้คนเห็น

อายครูไซร้ถ่อยรู้    วิชา
อายแก่ราชาคลา    ยศแท้
อายแก่ภรรยาหา    บุตรแต่ไหนมา
อายกับทำบุญแล้    สุขนั้นฤามี

หลีกเกวียนให้หลีกห้า    ศอกหมาย
ม้าหลีกสิบศอกกราย    อย่าใกล้
ช้างสี่สิบศอกคลาย    คลาคลาด
เห็นทุรชนหลีกให้    ห่างพ้นลับตา

คนใดละพ่อทั้ง    มารดา
อันทุพพลชรา    ภาพแล้ว
ขับไล่ไม่มีปรา    นีเนตร
คนดั่งนี้ฤาแคล้ว    คลาดพ้นไภยัน

พายเถิดพ่ออย่ารั้ง    รอพาย
จวนตะวันจักสาย    ส่องฟ้า
ของสดสิ่งควรขาย    จักขาดค่าแฮ
ตระลาดเลิกแล้วอ้า    บ่นอื้อเอาใคร

ก้านบัวบอกตื้นลึก    ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน    ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน    ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแร้งเรื้อ    บอกร้ายแสลงดิน

อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า    มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม    อกไข้
เด็ดแต่ดอกพยอม    ยามยากชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้    อาจเอื้อมเอาถึง

ถึงจนทนสู้กัด    กินเกลือ
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ    พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ    สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง    จับเนื้อกินเอง

ไกรสรแสบท้องแทบ    เสียชีวิตแฮ
บ่ภักษ์ผลไม้มี    ป่ากว้าง
ไกรสรซูบอินทรีย์    สมเพชก็ดี
บ่ภักษ์รสเนื้อช้าง    ดั่งนี้ธรรมดา

อย่าขุดขอดท่านด้วย    วาจา
อย่าถากท่านด้วยตา    ติค้อน
ฟังคำกล่าวมฤษา    โสตหนึ่งนะพ่อ
หยิบบ่ศัพท์กลับ    ย้อนโทษให้กับตน

อย่าชักน้ำน่านเข้า    คลองคู
อย่าแนะเศึกศัตรู    สู่เหย้า
ไฟในอย่าเชิดชู    นำออก
ไฟนอกอย่านำเข้า    หม่นไหม้มัวหมอง

ขันขันขุยฆ่าไม้    หนามมี
คิดพ่างผลกทลี    ฆ่ากล้วย
ลูกม้าฆ่า    ชนนี
ลาภฆ่าคนโลภม้วย    ดุจไม้มีหนาม

เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อ    มังสา
นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา    ไป่อ้วน
สองสามสี่นายมา    กำกับกันแฮ
บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน    บาทสิ้นเสือตาย

โคควายวายชีพได้    เขาหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง    อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง    ขารร่าง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้    แต่ร้ายกับดี

ฆ่าควายหมายแล่ล้ม    ตัวแพง
กลัวแต่เสียเครื่องแกง    ห่อนได้
เฉกเช่นจักจัดแจง    เกรงแต่มักหมดไม้
การใหญ่เหย้าแฮ    ห่อนได้เรือนงาม

สิกขาบทยิ่งล้ำ    คัมภีร์
เป็นพิษแก่อลัชชี    โฉดแท้
คุณธรรม์สิ่งสรรพ์ดี    ในโลก
เป็นพิษแก่พาลแล้    ห่อนได้สดับจำ

ยอข้ายอเมื่อแล้ว    การกิจ
ยอยกครูยอสนิท    ซึ่งหน้า
ยอญาติประยูรมิตร    เมื่อลับหลังแฮ
คนหยิ่งแบกยศบ้า    อย่ายั้งยอควร

เป็นคนคิดแล้วจึ่ง    เจรจา
อย่ามลนหลับตา    แต่ได้
เลือกสรรหมั่นปัญญา    ตรองตรึก
สติริรอบให้    ถูกแล้วจึงทำ

เพื่อนกินสิ้นทรัพย์แล้ว    แหนงหนี
หาง่ายหลายหมื่นมี    มากได้
เพื่อนตายถ่ายแทนชี    วาอาตม์
หากยากฝากผีไข้    ยากแท้จักหา

อ่อนหวานมานมิตรล้น    เหลือหลาย
หยาบบ่มีเกลอกราย    เกลื่อนใกล้
ดุจดวงศศิฉายดาวดาษ    ประดับนา
สุริยส่องดาราไร้    เมื่อร้อนแรงแสง

คนพาลพวกหนึ่งน้ำ    ใจหาญ
รู้ว่าตนเป็นพาล    กระด้าง
พวกนี้วัจนาจารย์    จัดใช่พาลพ่อ
นับว่าปราชญ์ได้บ้าง    เพื่อรู้สึกตน

นารีเสาวภาครูป    เป็นทรัพย์
ชายมีความรู้สรรพ    ทรัพย์ได้
พราหมณ์รู้เวทยานับ    ว่าทรัพย์พราหมณ์นา
ภิกษุเกิดทรัพย์ไซร้    เพื่อรู้ธรรมา

พญากลัวข้าศึก    เบียดเบียน
ชี้บ่เล่าเรียนเขียน    อ่านไซร้
ชาวนาละความเพียร    ทั้งสามสิ่งนี้ให้
คร้านเกี่ยวการนา    โทษแท้สาธารณ์

ชาติเกิดรูปพร้อม    อาการ
ชราร่างสาธารณ์    เหี่ยวแห้ง
พยาธิบันดาล    ต่างต่าง
มรณะกาแร้ง    แย่งยื้อกันกิน

สารสืบฉบับสิ้น    เสร็จสนอง
ชำระเรื่องคงของ    เก่าแท้
ผิดเพี้ยนเปลี่ยน    แปลงลอง
ล้วนโอวาท    ปราชญ์แท้.......


Create Date : 12 กันยายน 2549
Last Update : 12 กันยายน 2549 13:58:15 น. 0 comments
Counter : 4903 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

=Neo=
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add =Neo='s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.