Group Blog
 
All Blogs
 

อ่านแฮรี่จบแล้ว..เฮ่ออ (ไม่ spoil จ้า..)



ได้ใช้เวลาในวันหยุดที่ผ่านมาแบบหยุดอยู่บ้านจริงๆ

อ่านแฮรี่เล่ม 6 จบแล้ว...อึดอัดอยากคุยมากๆๆๆๆ แต่เพื่อนๆก็ยังไม่มีใครได้อ่าน เดี๋ยวรอภาษาไทยออก จะอ่านละเอียดๆอีกที..อ่านอังกฤษแอบข้ามตรงที่แปลไม่ออกไปเยอะ..ขี้เกียจเปิดดิก

ปกติอ่านแฮรี่เล่มก่อนๆ อ่านจบแล้วจะอยากอ่านเล่มต่อไปมากๆ แต่เล่มนี้ไม่เป็นแฮะ....คือถ้ามีก็อ่าน แต่ไม่ได้รอแบบทุรนทุรายละ ไม่ใช่เพราะเล่มนี้ไม่สนุก...สนุกมากกก..แฮรี่นี่ยิ่งอ่านเล่มหลังๆยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ชักจะโหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน เล่ม 7 จบซะทีก็ดีแล้ว 55555

อ่านแฮรี่จบก็เริ่มอ่าน หัวขโมยแห่งบารามอส ได้ยินว่าสนุก แต่เราอ่านแล้วก็เฉยๆ รู้สึกมันเหมือนเอาแฮรี่มามิกซ์กับแร็คน่าร็อก มีการเข้าโรงเรียน แบ่งบ้าน 4 บ้าน ด้วย
เลยขอวางไว้ก่อน...ตอนนี้เลยไม่รู้จะอ่านอะไรดี ใครมีหนังสืออะไรหนุกๆแนะนำ เชิญได้เลยจ้า...




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2548 14:23:56 น.
Counter : 1032 Pageviews.  

Harry Potter and the Half-Blood Prince ...ในที่สุดก็อยู่ในมือเราแล้วว



หลังจากที่รอคอยมาประมาณ 2 ปี
ในที่สุดก็ได้อ่านแฮรี่เล่ม 6 แล้ว 555555 ดีใจ

'มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนที่ท่านนายกรัฐมนตรีกำลังนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องทำงานของเขา อ่านรายงานยืดยาวที่เลื่อนผ่านเข้ามาในสมองโดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยแม้เพียงน้อยนิดถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังมัน เขากำลังรอสายจากประธานาธิบดีของประเทศที่อยู่ห่างไกล ไม่มีที่ว่างพอในหัวสำหรับเรื่องอื่นใดในระหว่างที่กำลังสงสัยว่าเมื่อไหร่ชายผู้เคราะห์ร้ายนั้นจะโทรศัพท์มาและพยายามหยุดยั้งความทรงจำที่ไม่น่ายินดีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ยาวนาน เหน็ดเหนื่อย และยากเย็นนี้...'

เหลืออีกประมาณครึ่งเล่ม
อ่านจบแล้วจะมา Spoil ต่อ....

Just for driving you mad but won't be a major one,
I promise




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2548 10:22:58 น.
Counter : 452 Pageviews.  

ความรักกับการหลอกตัวเอง


ไปอ่านกระทู้แนะนำห้องสวนลุมมา
***ในเรื่องของความรัก ...ทำไมชอบหลอกตัวเองกันจัง**
อ่านแล้วชอบมากเลย ขออนุญาตก็อปมาเก็บไว้ในบล็อกนะคะ

*************************************

สงสัยว่าในเรื่องของความรัก ทำไมหลายๆ คนไม่ยอมรับ "ความจริง" ที่อยู่ตรงหน้า? ทำไมต้องหลอกตัวเอง ทำไมต้องตั้งคำถามอีก ...ในเมื่อคำตอบมีอยู่ตรงหน้า?? ทำไม??

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตนเอง และคนรอบข้าง มันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อความสัมพันธ์ เปลี่ยนไป ความรักไม่เหมือนเดิม คนข้างกายเปลี่ยนไป ไม่ว่าเขา หรือคุณๆ จะอ้าง จะหลอก จะโกหกยังไง แต่สุดท้ายมันก็หนีความจริงไม่พ้นไม่ใช่หรือ??

ตัวอย่างเช่นเพื่อนมีแฟน คบกันมานาน ฝ่ายชายไม่เคยพาไปพบครอบครัว คบมา 3-4 ปี ก็ไม่พาไป อ้างนั่นอ้างนี่ ยิ่งหลังๆ แฟนเปลี่ยนไป โทรหาน้อยลง บางทีก็หายหัวออกจากบ้านโทรไปไม่อยู่ มือถือไม่รับ พอโทรกลับมาก็บอกพอดีไปธุระข้างนอก??? บางทีบอกว่าวันนี้เหนื่อยอยากอยู่บ้านขอไม่ไปเที่ยวด้วย แต่วันต่อมาหลุดปากมาว่าวันก่อน (วันที่บอกว่าจะอยู่บ้าน) บังเอิญเจอเพื่อนคนนั้นๆๆ ที่สยาม???

ไอ้ฝ่ายเพื่อนเราก็หลอกตัวเองไปสิ ว่าเขาไม่ว่าง เราเข้าใจเขา เขาไม่มีอะไร...แต่..... เข้าใจแล้วทำไมโทรมาร้องไห้กับเรา ไม่คิดมากทำไมร้องไห้ทุกวัน ทำไมเฝ้าเพียรโทรจิก

อยากบอกเพื่อนว่า "รับความจริงเถอะเพื่อน คำตอบอยู่ตรงหน้า" เท่านั้นเอง คุณๆ ที่อ่าน เข้าใจคำตอบไหมคะ? เข้าใจไหมคะว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่คนคบๆ กันอยู่ๆ จะมาโกหก มาหลบๆ ซ่อนๆ มาไม่รับสายบ่อยๆ??

จะหลอกตัวเองไปอีกนานแค่ไหน เพราะสุดท้ายผ่ายชายก็จากเธอไปอยู่ดี??

เพื่อนอีกคนหนึ่ง แฟนหล่อนไปมีคนใหม่ แต่ก็ยังโทรมาคุยกับหล่อนบ้าง แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น นานๆ โทรที แค่โทรมาถามว่าเป็นไง สบายดีไหม ทำอะไรอยู่ วันหลังไปกินข้าวกัน (แต่ก็ไม่เห็น "วันหลัง" ที่ว่าจะมาถึงเสียที)....

เจ้าหล่อนเพียรตั้งคำถามในใจ เขาอยากง้อเราใช่ไหม? เขาคิดถึงเลยโทรมาใช่ไหม? เอ..หรือเขาอยากง้อแต่ไม่กล้า...

เพื่อนเอ๋ย.. คำตอบอยู่ตรงหน้า ถ้าเขาอยากกลับมาจริงๆ เขามานานแล้ว นี่เห็นเดือนนึงโทรมา 2-3 ครั้ง ไม่เคยมาหา ไม่เคยมากกว่านั้น เพื่อนทำไมต้องถามอีก???

ในเมื่อสุดท้าย คำตอบก็เหมือนเดิม เมื่อเธอเอ่ยปากถามฝ่ายชาย (ด้วยใคร่ครวญคิดสรุปเอาเองแล้วว่า สงสัยเขาอยากง้อ แต่ไม่กล้า งั้นฉันลองเสนอเอง) ว่าอยากดีกันไหม ...คำตอบก็คือฝ่ายชายหายหัวไปเลย และเธอ.... นั่งร้องไห้เหมือนเดิม

ต่อมาเรื่องของผู้ชายบ้าง อยู่ๆ แฟนสาวมาขอเลิก ชายหนุ่มก็ร้องไห้ฟูมฟาย ผ่านไป 2 สัปดาห์ สาวเจ้าโทรมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาบอกให้มารับไปเที่ยว กินข้าว ฯลฯ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น นึกอยากโทรหล่อนก็โทร อยากหายไปไม่รับสาย หล่อนก็หายไปเลย พอไปหลายๆ ครั้งเข้า ไอ้เพื่อนเราเกิดได้ใจ นึกว่าจะกลับมา เลยโทรหาเหมือนเดิม สาวเจ้าจะไปไหนก็คอยเฝ้าถาม ใจก็คิดไปว่าเธอคงอยากเหมือนเดิมแต่คงไม่กล้า งั้นลองง้อดู ที่ไหนได้ ผู้หญิงบอก "เป็นเพื่อนกันนะ" สรุปหนุ่มน้อยต้องร้องไห้รอบต่อไป....

อยากบอกทุกคนที่กำลังมีปัญหาว่า................

1. ยิ่งคุณรับความจริงได้เร็วแค่ไหน คุณจะเจ็บน้อยลงและหายเร็วขึ้นแค่นั้น อย่าหลอกตัวเองเลย
2. เมื่อมีเหตุการณ์ที่ "ไม่ปกติ" เช่นโทรไปก็ไม่รับ หายไปโดยไม่บอกบ่อยๆ อ้างนั่นอ้างนี่ ไม่ค่อยมาหา โกหกบ่อยครั้ง หยุดอ้างกับตัวเองเถิดว่า "ไม่มีอะไรหรอก" ยอมรับเถอะ ความรักของคุณจบแล้ว และเดินออกมา อยู่ต่อไปคุณก็ต้องเจ็บอยู่ดี เจ็บกว่าการที่คุณยอมรับแต่แรกเสียอีก ถ้าเขารักคุณ เขาย่อมไม่ยอมให้คุณจากไปแน่นอน แต่นี่...คุณไม่เห็นจริงๆ หรือ???
3. อย่าตั้งคำถาม ทำเป็นไม่เห็นคำตอบไปเลย คุณเห็นคำตอบชัดเจนดีอยู่แล้ว เพียงแต่คุณจะรับมันหรือไม่เท่านั้นเอง


การหลอกตัวเอง ทำได้แค่ "ยืดระยะเวลา" เท่านั้น ซึ่งเวลาที่ยืดออกไปทุกวันๆ ก็คือเวลาของความเจ็บปวด ทำไมวันนี้ไม่โทรมา? ทำไมไม่รับ? ออกไปกับใคร? ติดสายอีกแล้วหรือ? โกหกหรือเปล่านี่? เหล่านี้คือคำถามที่ทิ่มแทงใจคุณเอง

โดนคนอื่นหลอกก็เจ็บพออยู่แล้ว มันเจ็บมากกว่าถ้าคุณช่วยคนอื่นที่ว่าโกหกตัวเองซ้ำลงไปอีก เพียงเพราะความอ่อนแอ ไม่รับความจริงของตัวเอง


คุณยังมีชีวิตอีกนาน ออกมาจากหลุมแห่งการโกหกนั้นเถอะ เดินออกมาพบแสงสว่างเสียที เข้าใจว่าการปีนขึ้นจากหลุมมันเหนื่อย ทรมาน เหน็บหนาว และเจ็บเพียงไร แต่การโกหกตัวเองก็ไม่ต่างกับการช่วยถีบตัวเองให้ลงหลุมลึกนั้นหรอก

หยุดเถอะ
ทำร้ายตัวเองทำไม??
****************

เฉลยเหตุการณ์ทั้ง 3 ตัวอย่างที่ยกมา

- เรื่องแรก สรุปว่าฝ่ายชายไม่คิดจริงจังด้วยแต่แรก คบเพราะตอนนั้นเหงาเนื่องจากอยู่ห่างบ้านห่างเมือง แต่ฐานะต่างกันเกินไป ฝ่ายชายใคร่ครวญแล้ว จนมาวันหนึ่ง เขาพบหญิงสาวที่คู่ควร เลยเปลี่ยนไป (กว่าเพื่อนเราจะรู้ กว่าเธอจะยอมรับ เธอเจ็บนานมาก)
-เรื่องที่ 2 ฝ่ายชายมีคนอื่น แต่ด้วยความผูกพันธ์เลยยังโทรมาคุยกับเพื่อนเราอยู่ แค่ผูกพันธ์และห่วงใยในแบบเพื่อนเท่านั้น เขามีแฟนใหม่และชีวิตใหม่แล้ว จึงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเมื่อเพื่อนเราขอคืนดี และหายไปเมื่อเพื่อนเรารุกหนัก เนื่องด้วยกลัวจะเกิดปัญหาเรื้อรัง...เพื่อนเราเจ็บ เพราะไม่รับความจริงแต่แรก แทนที่จะได้เริ่มชีวิตใหม่ตั้งแต่เลิกกันไปทีแรก กลับต้องมาเจ็บซ้ำซาก จากการหลอกตัวเอง

เรื่องที่ 3 ฝ่ายหญิงไปมีใหม่จริง แต่ความสัมพันธ์กับคนใหม่ลุ่มๆ ดอนๆ เมื่อเหงา จึงโทรหาคนเคยหวังดี สรุปเพื่อนเราเป็นแค่เครื่องแก้แหงาเท่านั้น แต่ใจของสาวเจ้า ใหคนใหม่ไปหมดแล้ว ............เพื่อนเราเจ็บอีกครั้ง เพราะคิดไปเอง
.
.
.
.
ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บแบบนี้ค่ะ

ดีใจที่มีคนเข้าใจในกระทู้

นึกว่าจะมีคนด่าว่าคนเขียนไม่มีหัวใจ หรือเลิกอ่านกลางคัน เพราะมันยาวซะอีก

ที่เขียนนี่ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลย มีอย่างเดียวตรงๆ คือ "อยากให้ทุกคนไม่เจ็บปวด หรือเจ็บปวดน้อยที่สุด"

รู้.... ว่าในทางปฏิบัตินั้นยากแค่ไหน ผู้เขียนก็เป็นคนที่เคยมีรัก เคยเจ็บ ...และเคยหลอกตัวเองเช่นกัน

แต่ผลสุดท้าย กับครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมา จุดจบมันก็คือความจริงที่หนีไม่พ้นคือ"เขาหมดรัก" หรือ "รักคนอื่นแล้ว" อยู่ดี กี่คน กี่คู่ที่คุณเห็นๆ กันในชีวิต ที่เมื่อเกิดปัญหา ฝ่ายที่เป็นทุกข์พยายามหลอกตัวเองว่า "ไม่มีอะไร" และสุดท้าย ผลที่ออกมามันเป็นยังไง เคยไม่มีอะไรจริงๆ ด้วยหรือ??

โลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีหรอกที่ผลลัพธ์จะเหมือนอย่างในละคร ที่พระเอกนางเอกเข้าใจผิดกันด้วยเหตุจำเป็น เช่น พระเอกเป็นโรคร้าย กำลังจะตาย เลยต้องทำเลวให้นางเอกตัดใจ หรือนางเอกเข้าใจผิดเพราะตัวร้ายมาแกล้ง

มันไม่มีหรอก ไม่มีจริงๆ รับความจริงเถอะ

- เขาแสดงออกเหมือนชอบเรา แต่ไม่ยอมรับเราเป็นแฟน ถามก็บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน บางทีก็หายไปเฉยๆ ตกลงเขารักเราหรือเปล่า?
- แฟนสนิทกับเพื่อนที่ทำงานคนนึงมาก โทรคุยกันทุกวัน อยู่กับเราปิดมือถือ แต่มีข้อความเข้าบ่อยๆ เราคิดมากไปหรือเปล่า?
- เธอเป็นแฟนผม แต่ยังแอบคุยกับแฟนเก่า บางทีหายไปโดยไม่บอก เกิดอะไรขึ้น?
- แฟนบอกว่าห่างกันเถอะ เพราะเขาอยากขอเวลาอยู่คนเดียวมากกว่า เขายังรักเราไหม?

กับคำถามข้างบน คนถามคงอยากได้ยินว่า "ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก" ใช่ไหม? และในความเป็นจริง สุดท้ายแล้วมันเคย "ไม่มีอะไร" จริงๆ สักครั้งไหม?

แค่อ่าน ก็รู้คำตอบได้ทันทีใช่ไหม เพราะคำตอบ มันอยู่ในคำถามเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ผู้ถาม "จงใจมองไม่เห็น" เท่านั้นเอง

"ถูกคนอื่นหลอกก็เจ็บพออยู่แล้ว ตัวเองหลอกตัวเองอีก เจ็บกว่า และเจ็บนาน"


*************************************

เราเองก็เคยเจอทั้งคนที่หลอกตัวเอง และก็เคยเป็นคนที่หลอกตัวเองด้วยเหมือนกัน ...ในอารมณ์ของคนที่หลอกตัวเอง ก็เข้าใจนะ บางทีมันไม่ใช่ไม่รู้ แต่พอเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มันก็อาจจะคิดเผื่อว่า ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดล่ะ ถ้าเราคิดมากไปเอง..ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ซัก 10% แต่มันก็มีค่าเกินกว่าที่จะปักใจเชื่อใน 90% นั้นไปก่อน และทำให้มัน ‘เป็นเรื่อง’ ขึ้นมา

ในเรื่องความรัก เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยยืนอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง คือเป็นคนเจ็บ และเป็นคนทำให้เค้าเจ็บ ..ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำให้ใครเจ็บ ขอให้นึกถึงความเจ็บปวดของตัวเอง บอกเค้าอย่างตรงไปตรงมา

และอย่าให้ใครต้องหลอกตัวเองอีกเลย..




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2548    
Last Update : 16 มิถุนายน 2548 9:45:53 น.
Counter : 1215 Pageviews.  

Henry VIII : You give love a bad name


เป็นคนชอบอ่านนิยายแนวอิงประวัดิศาสตร์ยุโรปสมัยกลาง เรื่องของราชวงศ์อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน มีทั้งชิงบัลลังค์ ชิงรักหักสวาท น้ำเน่าครบสูตร

และที่สำคัญ...มันเป็นเรื่องจริง

ที่อ่านมาก็มีหลายเรื่อง แต่ที่ติดใจที่สุดคือเรื่องของผู้ชายคนนี้ Henry Tudor หรือ กษัตริย์เฮนรี่ที่แปดแห่งราชวงศ์ทิวเดอร์ อังกฤษ ผู้เป็นที่เลื่องลือว่ารูปงาม เก่งกาจ แต่ที่โดดเด่นที่สุดที่บันทึกไว้ในประวิติศาสตร์คือทรงแต่งงานถึง 6 ครั้ง หาเรื่องหย่าซะ 2 ครั้ง หาเรื่องฆ่าอีก 2 ครั้ง และจากพระราชินีทั้ง 6 นี้ ก็ได้ให้กำเนิดกษัตริย์อังกฤษอีก 3 พระองค์ คือ พระนางเมรี่ พระนางอลิซะเบธที่ 1 และ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ด

พระราชินีทั้งหมดของเฮนรี่มีดังนี้


1. แคทรีนแห่งอะราก็อน หรือ เรียกตามแบบสเปนว่าคาทาลีน่า
แคทรีนเป็นเจ้าหญิงจากสเปน ตอนแรกมาแต่งงานกับพี่ชายของเฮนรี่ก่อน ต่อมาพี่ชายตาย เฮนรี่ก็รับเอาทั้งตำแหน่งมกุฎราชกุมารและชายาจากพี่มาซะเลย แคทรีนมีลูกกับเฮนรี่ 1 คน คือเจ้าหญิงเมรี่ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นราชินีเมรี่บ้าเลือด (Bloody Mary) เพราะในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการฆ่าคนที่ไม่ได้นับถือแคทอลิกเป็นจำนวนมาก

กลับมาที่แคทรีนกับเฮนรี่...ต่อมาเฮนรี่ชักจะเบื่อที่เธอไม่มีลูกชายให้ซักที แถมยังไปตกหลุมรักนางกำนัลชื่อแอน โบลีน เลยพยายามจะหย่าจากแคทรีน ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ว่าการสมรสเป็นโมฆะบ้างล่ะ ว่าที่ไม่มีลูกชายเพราะพระเจ้าลงโทษที่ไปเอาเมียพี่ชายมาบ้างล่ะ แต่ด้วยศาสนาคือแคทอลิคไม่อนุญาตให้มีการหย่าร้าง ผลคือ เฮนรี่เลยประกาศแยกตัวจากโรม และตั้งนิกายใหม่คือ Church of England ...เพื่อจะหย่าเมียและแต่งงานใหม่ เอากะเค้าสิ..


2. แอน โบลีน หรือ แนน บัลเลน
แอน โบลีน เป็นนางกำนัลของน้องสาวของเฮนรี่ แล้วเฮนรี่ไปตกหลุมรักเข้า แอน เป็นคนเจ้าอารมณ์และทะเยอทะยาน ไม่ยอมตกลงปลงใจกับเฮนรี่ นอกซะจากว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นราชินีเท่านั้น แอน ถือว่าเป็น legend เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้เฮนรี่หลงรักจนตั้งศาสนานิกายใหม่แล้ว ยังเป็นพระมารดาของอลิซะเบธที่ 1 ผู้นำอังกฤษไปสู่ความยิ่งใหญ่ และท้ายสุดคือมีจุดจบที่น่าสยดสยอง....เมื่อเฮนรี่เริ่มเบื่อเธอ เพราะไม่มีบุตรชายให้ อารมณ์ก็ร้อนทำให้ขัดแย้งกันบ่อยๆ และที่สำคัญเฮนรี่กำลังหลงนางกำนัลคนใหม่...ไม่ผิดไปจากที่หลงแอนในสมัยของราชินีแคทรีน

แอน โบลีน ถูกนำตัวไปประหาร ด้วยข้อหาคบชู้...และชู้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายของเธอเอง...หึหึ


3. เจน เซเมอร์
หลังจากสำเร็จโทษแอน โบลีนแล้ว ในวันรุ่งขึ้นเฮนรี่ก็แต่งงานกับนางกำนัล เจน เซเมอร์ทันที!! พระนางเจน เป็นราชินีพระองค์เดียวที่ให้ลูกชายแก่เฮนรี่ คือ เอ็ดเวิร์ด ซึ่งเป็นรัชทายาทอันดับ 1 ทันที และได้เป็นกษัตริย์ต่อจากเฮนรี่ (เนื่องจากพี่สาวทั้ง 2 คือเลดี้เมรี่และเลดี้อลิซะเบธ ถูกนับว่าเป็นลูกนอกสมรส) พระนางเจนเสียชีวิตจากการคลอดบุตรชายคนนี้....ไม่มีใครรู้ว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่ จะมีจุดจบยังไง

4. แอน แห่งคลีฟส์
หลังจากเสียเจนไป เฮนรี่ก็เริ่มคิดจะแต่งงานกับเจ้าหญิงจากต่างประเทศเพื่อเหตุผลทางการเมืองอีกครั้ง คราวนี้เฮนรี่ได้ให้คนรวบรวมภาพวาดของบรรดาเจ้าหญิงต่างๆ และเลือกได้ แอนแห่งคลีฟส์ มีเป็นราชินีองค์ใหม่ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันเข้าจริงๆ เฮนรี่ก็พบว่าแอนไม่สวยเหมือนในรูป ถึงกับเรียกชายาตัวเองลับหลังว่า ‘แม่ม้า หรือ แม่ลา’ ด้วยซ้ำไป แต่งงานได้ไม่กี่เดือน เฮนรี่ก็เริ่มอยากกำจัดแอน แต่จะยัดข้อหาแล้วตัดหัวก็ยังเกรงบารมีพ่อตาอยู่มาก เลยทำได้แค่หย่าเท่านั้นเอง

5. แคทรีน โฮเวิร์ด
หลังจากผิดหวังกับการแต่งงานทางการเมือง เฮนรี่ก็กลับไปหารสนิยมเดิมๆ คือนางกำนัลสาวสวย อีกครั้ง ตอนแต่งงาน แคทรีน มีอายุไม่ถึง 20 ปีดี และเป็นที่เลื่องลือในความงดงามเป็นอันมาก แต่เรื่องราวของแคทรีน โฮเวิร์ด มีไม่มากนัก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถูกตัดหัว ด้วยข้อหาคบชู้ (อีกแล้วว)

6. แคทรีน พาร์
ราชินีองค์สุดท้ายของเฮนรี่ที่แปด แคทรีนเป็นผู้หญิงที่เป็นที่เลื่องลือในความฉลาด และคงแก่เรียน เธอเป็นคนเลี้ยงดู ให้การศึกษาอบรมแก่กษัตริย์อังกฤษในอนาคตทั้ง 3 คือ เมรี่ อลิซะเบธ และเอ็ดเวิร์ด ว่ากันว่าตอนที่แต่งงานนั้น กษัตริย์เฮนรี่ได้เปลี่ยนจากคนหนุ่มรูปงาม ปราดเปรียว มาเป็นคนแก่ อ้วนฉุ และอารมณ์หงุดหงิดอยู่เสมอเนื่องจากพระโรคเกาต์รบกวน ด้วยความเลื่อมใสในศาสนาที่แตกต่าง แคทรีนจึงมีศัตรูสำคัญคือพระสังฆราชที่คอยยุยงให้เฮนรี่กำจัดพระราชินีอยู่เสมอ เธอต้องใช้ความฉลาดรักษาตัวรอดและเอาอกเอาใจเฮนรี่อย่างมาก จึงรอดมาได้...เพราะเฮนรี่สวรรคตไปซะก่อน 555

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า drive ของคนก็คือตัณหาราคะ แม้แต่คนที่เกิดมาสูงส่งอย่างเฮนรี่ยังไม่สามารถเอาชนะตรงนั้นได้ ประกอบกับไปเจอข้อบังคับทางศาสนาที่ผิดธรรมชาติของมนุษย์ คิดดูสิ..แต่งงานกันแล้วห้ามหย่า ทางออกของคนบางคนที่ไม่มีศีลธรรมเพียงพอก็คือทำให้คู่สมรสของตัวเองหายไปจากโลกนี้ซะ เรื่องนี้ไม่ใช่แต่เฮนรี่คนเดียว แต่เป็นกันหมดทั้งข้าราชบริพาร ขุนนางสำคัญๆ ที่เคยอ่านเจอมา ก็มีคนที่เคยฆาตกรรมสามี/ภรรยาตัวเองมาแล้ว

แต่หลายครั้งหลายหนอย่างเฮนรี่นี่เกินไปหน่อย


Oh Henry, you give love a bad name!!!




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2548    
Last Update : 8 มิถุนายน 2548 16:42:24 น.
Counter : 728 Pageviews.  

ละครถาปัด ลุงฟรุต and Premiership : The Finale



หลังจากบ้าบอเรื่องงานมาทั้งอาทิตย์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ถึงคราวได้พักผ่อนชั่วคราว..มีความสุขจัง ไม่รู้ว่าไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ..?

...นัดเก๋ไว้เที่ยง ไปเดินสยาม ร้องเกะไป 2 ชั่วโมง แล้วก็ไปดูละครถาปัด

ดูละครถาปัดมาหลายเรื่องตั้งแต่อาเธอร์..ซุปเปอร์แมน...ปริศนา....กัปตันฮุค มาจนถึงล่าสุด "เดชไอ้ด้วน" หลังๆเลยไปดูคล้ายๆกับเป็นความเคยชินไปแล้ว ไม่คาดหวังอะไรมาก ก็ขำๆดี แต่ก็รู้สึกว่าละครถาปัดเนี่ยสนุกน้อยลงเรื่อยๆ เหตุผลคงมี 2 ข้อ คือทำแย่ลงจริงๆ หรือไม่ก็เราอายุมากขึ้น ดูอะไรแล้วไม่ขำเหมือนก่อน..หุหุ เรื่องสุดท้ายที่ประทับใจคือ ปริศนา ความขำคงสู้เรื่องเก่าๆไม่ได้ แต่เป็นละครถาปัดเรื่องที่เขียนพล็อตได้ลึกซึ้งและดีที่สุดเท่าที่ดูมา...

เรื่องก็มีอยู่ว่าพระเอกเป็นนักเขียนจอมอุดมการณ์ ดูถูกนิยายประโลมโลก ประมาณว่า เรื่องงี้ชั้นจะไม่เขียนเด็ดขาด อย่างชั้นต้องเขียนอะไรที่แสงสว่าง เป็นปรัชญาชีวิต แต่ว่าเรื่องแบบนั้นมันขายไม่ได้ ทำให้พระเอกเป็นนักเขียนไส้แห้ง มีแฟนอยู่คน ความรักก็มีอุปสรรค เพราะแฟนเป็นคุณหนู เลยต้องหนีมาอยู่ด้วยกัน ในที่สุดเจ้าพระเอกเนี่ยก็ต้องทำเพื่อปากท้องคือยอมเขียนนิยายประโลมโลกเรื่องนึงชื่อ ‘ปริศนา’ เนื้อเรื่องก็น้ำเน่าครบสูตร มีท่านชาย มีปลอมตัว มีนางอิจฉา ปรากฏว่าดังเปรี้ยงปร้าง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนเขียนเลยเริ่มได้ใจ อยากเขียนในสไตล์ที่ตัวเองชอบ ประกอบกับหมั่นไส้แกมดูถูกงานของตัวเองอยู่แล้ว ก็เลยตั้งใจว่าเรื่องนี้จะไม่ให้จบดีแบบเทพนิยายแน่ และตัดสินใจทำร้ายคนอ่านด้วยการให้ปริศนาตายตอนจบ เพราะเค้าคิดว่านี่แหละ ‘ ชีวิตจริง’...... ซึ่งมันก็จริง เพราะในนาทีที่ปริศนาถูกยิงล้มลง แฟนของเค้าก็ถูกยิงล้มลงเหมือนกัน ระหว่างที่แฟนตัวเองกำลังโคม่า พระเอกก็เลยคิดได้ว่าชีวิตจริงของเค้าก็น้ำเน่าไม่ต่างจากนิยายเลย นี่ต่างหากชีวิตจริง ไม่ใช่ปรัชญาหรือแสงสว่างอะไรที่เค้าเคยฝันถึง แต่ความแตกต่างก็คือชีวิตจริง ถ้าเค้าจะต้องสูญเสียคนรักไป เค้าก็ไม่สามารถกำหนดหรือแก้ไขอะไรได้ แต่ในนิยาย...เค้าทำได้ จะให้ท่านชายและปริศนา ‘live happily ever after’ ก็เพียงแค่สะบัดปากกา....ในเมื่อโลกความจริงมันโหดร้าย แล้วทำไมต้องสร้างโลกแห่งความฝันให้มันโหดร้ายด้วยเล่า? เพียงเพื่อให้ตัวละครมีความสุข ให้คนอ่านมีความสุขเท่านั้นก็พอแล้ว.. เมื่อคิดได้เค้าเลยแก้ตอนจบใหม่ ปริศนาฟื้นขึ้นมายิ้มให้กับท่านชาย...และในไม่ช้า เค้าก็ได้รับรอยยิ้มแบบเดียวกันจากคนรักของเค้าเช่นกัน

โม้เรื่องปริศนาไปซะเยอะ จริงๆตั้งใจจะพูดถึงละครปีนี้ แต่ก็คงไม่มีอะไรมาก พล็อตไม่มีอะไรแปลกใหม่ ก็เป็นการล้างแค้น คาดเดาได้ตลอด แต่รายละเอียดเล็กๆก็ขำดี มีมุขเสี่ยวๆฮาๆเยอะ อย่างเช่น ‘หนีไปซะ ชีวิตเจ้ามีค่า....ชีวิตข้าก็มีเจ้า’ หรือฉากที่โดนฆ่าแล้วไม่ตายซะที ‘ข้าไม่ตายเพราะข้าเป็นคนไม่มีหัวใจ....หัวใจข้านั้นอยู่ที่นาง’ แต่เรื่องที่ต้องชมเลยคือ special effect ครีเอตมากๆ โดยเฉพาะฉากดวลดาบ สรุปว่าละครปีนี้ก็โอเค ดูได้พอหนุกหนาน อ้อ...แล้วก็ดีกว่าปีที่แล้วนิดนึง

มีเกร็ดเล็กๆคือตอนพักครึ่งเจอลุงฟรุต หน้าหอประชุมด้วยแฮะ ใครอยู่จุฬาคงรู้จักดีกับลุงที่ขายผลไม้ตระเวนไปตามใต้ตึกทุกคณะ ผลไม้ของลุงฟรุตจัดว่าแพง แต่คุณภาพเยี่ยม อร่อย ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปขนาดนี้ก็ยังเห็นลุงฟรุตกับจักรยานของแกอยู่ ด้วยหน้าตาที่เหมือนเดิม รู้สึกเหมือนเรายืนอยู่ในที่ที่เวลาหยุดหมุนไปแล้วรึไงนะ?

ดูละครจบก็ 4 ทุ่ม รีบกลับบ้านแทบแย่ เพื่อมาดูแมนยูเล่นนัดสุดท้ายของซีซั่น ทันได้ดูลูกที่ 2 พอดี ฮะๆๆ แต่ครามามันไม่ได้อยู่ที่ผลการแข่งขันของแมนยู แต่เป็นเรื่องที่ว่าใครจะตกชั้น ก็สงสารเซาธ์เหมือนกัน แต่ขนลุกกับเวสบรอมมากๆ เหลือเชื่อจริง เป็นทีมที่มีโอกาสน้อยที่สุด ตัวเองชนะไม่พอ ยังต้องให้ที่เหลือแพ้หมด แล้วทั้ง นอริช พาเลซ และเซาธ์ ก็ดันแพ้จริงๆซะด้วย!! กล้องจับไปที่คีแรน ริชาร์ดสัน ทั้งเราและน้องชายก็ตะโกนออกมาพร้อมกันว่า ‘เด็กผีๆๆๆๆๆๆๆ’ จับไปที่กรีนนิ่ง ก็ ‘เด็กผีๆๆๆๆๆๆๆ’

หวังว่าเสาร์นี้จะมีความสุขอย่างนั้นอีกนะ...แฮ่.........




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2548 12:00:39 น.
Counter : 611 Pageviews.  

1  2  

cirE
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]











Always Forgive but Never Forget

Friends' blogs
[Add cirE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.