Group Blog
 
All blogs
 
ทำไมถึงต้องเป็น"ทอง" • วีระ ธีรภัทร

เรื่องการแห่ซื้อ-แห่ขายไปในทางเดียว จะทำให้เกิดปัญหาอยากซื้อไม่มีทองคำแท่งส่งมอบให้ และอยากขายไม่มีเงินสดจ่ายให้





แม้ว่าในขณะนี้ ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกจะยังไม่ขึ้นไปทะลุราคา 1,030 ดอลลาร์ต่อเอานซ์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดทำลายสถิติเท่าที่เคยมีการซื้อขายกันเมื่อต้นปี 2551



แต่ ณ ระดับราคาทองคำแท่งประมาณ 960 ดอลลาร์ต่อเอานซ์ ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ก็ทำให้ราคาทองคำแท่งที่ซื้อขายในบ้านเรามีราคาเกือบ 16,000 บาทต่อน้ำหนักทอง 1 บาทแล้ว



ต้องบอกว่าราคาทองคำแท่งในบ้านเรา ณ ระดับนี้ก็ถือว่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมาก่อนแล้ว



หลายคนอาจจะสงสัยว่าในเมื่อการกำหนดราคาทองคำแท่งในบ้านเราอ้างอิงกับราคาซื้อขายทองคำแท่งที่ตลาดฮ่องกงเป็นสำคัญแล้วทำไมในเมื่อราคาทองคำแท่งในต่างประเทศยังต่ำกว่าที่เคยขึ้นไปสูงสุด แต่ราคาทองคำแท่งที่คิดเป็นเงินบาทถึงแพงกว่าได้



คำตอบอยู่ที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์ครับ



ถ้าหากผมจำไม่ผิดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินดอลลาร์กับเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อหนึ่งดอลลาร์ แต่ในปัจจุบันคุณๆ คงทราบดีว่าอยู่ประมาณ 35.00 บาท



พูดอีกแบบหนึ่ง ก็คือ ว่าแม้ว่าราคาทองคำแท่งในตลาดต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วจะเท่ากันกับปีนี้ แต่เมื่อตีค่าเป็นเงินบาทในเวลานี้ ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกร้อยละ 10 สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์



ผมต้องลัดคิวอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังก็เพราะมีคุณๆ จำนวนไม่น้อยอาจจะไม่ทันฉุกคิดเรื่องนี้เลยมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับราคาทองคำแท่งในบ้านเราทำไมขึ้นพรวดๆ



มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า



อยากจะบอกว่าในระยะหลังเมื่อมีคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับวงการซื้อๆ ขายๆ ทองคำแท่งกันมากขึ้น แถมมีตลาดซื้อขายทองคำแท่งล่วงหน้าเข้ามาเสริมด้วย เรื่องการกำหนดราคาทองคำแท่งในแต่ละวันที่กรรมการบริหารสมาคมค้าทองคำดำเนินการ จึงมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น



ถูกไปแพงไปถ้าหากจะมีบ้างก็ต้องบอกว่าเล็กน้อย ถือว่ายุติธรรมครับ



แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องพึงระมัดระวัง ก็คือ เรื่องการแห่ซื้อ-แห่ขายไปในทางเดียว เพราะจะทำให้เกิดปัญหาอยากซื้อไม่มีทองคำแท่งส่งมอบให้ และอยากขายไม่มีเงินสดจ่ายให้



ความเชื่อถือความมั่นใจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเป็นเรื่องที่จะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้



เรื่องสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและในบ้านเราเป็นเรื่องที่ผมสนใจติดตามความเป็นไปอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นความสนใจเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2542 เมื่อครั้งที่ราคาทองคำแท่งอยู่ระดับประมาณ 280-300 ดอลลาร์ต่อเอานซ์



เพราะในแง่ของการบริหารสินทรัพย์ก็ต้องถือว่าทองเป็นทางเลือกทางหนึ่ง แต่จะลงทุนมากลงทุนน้อย ลงทุนยาวลงทุนสั้น ผู้ให้คำแนะนำแต่ละคนก็จะมีสมมติฐานต่างกันไป



ถ้าคุณรู้และเข้าใจก็สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้เลย แต่ถ้าหากต้องอาศัยฟังคำแนะนำจากคนอื่น ผมแนะนำให้ฟังหลายๆ คน แต่ในท้ายที่สุด อย่าลืมว่าคุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง



กำไรขาดทุนเป็นเรื่องที่คุณต้องรับผิดชอบ อย่าไปตีโพยตีพายโทษคนอื่น



สำหรับผมเองเคยบอกไปหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ ว่า เมื่อราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นเกินระดับ 850 ดอลลาร์ต่อเอานซ์เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะขึ้นไปอีกมากน้อยแค่ไหนหรือจะปรับตัวลงในระยะสั้นระยะกลางอย่างไรในช่วงสองสามปีนี้



ผมก็ไม่สนใจลงทุนกับทองคำอย่างจริงๆ จังๆ



เหตุแห่งการสรุปเช่นนั้น ผมเคยอธิบายไปก่อนหน้านี้แล้วจะไม่ย้อนกลับมาทบทวนอีก เพียงแต่ว่าปัจจัยใหม่ที่ทำให้คนสนใจมาลงทุนกับทอง เพื่อใช้เป็นทางผ่านรักษาความมั่งคั่งของทรัพย์สินที่ตัวเองถืออยู่ในปัจจุบัน ก็คงอธิบายด้วยเหตุอย่างอื่นไม่ได้นอกจากความกลัวว่าสินทรัพย์ของตนจะลดค่าหมดราคาเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจการเงินครั้งร้ายแรงคราวนี้



ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าพันธบัตรรัฐบาลจะมั่นคงปลอดภัยที่สุด แต่ต้องแลกด้วยผลตอบแทนที่ต่ำมาก จนหลายคนเบือนหน้าหนี



แต่ถึงกระนั้น พันธบัตรรัฐบาลก็ยังเป็นแหล่งเก็บรักษาความมั่งคั่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด



สำหรับคนที่ไม่กล้าเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ในสินทรัพย์ทางการเงินประเภทหุ้น กองทุนรวม ฯลฯ หรือสินทรัพย์จับต้องได้อย่างอสังหาริมทรัพย์ เพราะได้เห็นการเสื่อมค่าลดราคาอย่างรุนแรง



ทองคำแท่งจึงเป็นทางเลือกในลำดับต้นๆ อย่างที่เห็นกันอยู่



แต่รูปแบบการลงทุนกับทองก็มีหลากหลายตั้งแต่ทองคำแท่งจับต้องได้ กองทุนรวมลงทุนกับทองคำแท่ง ตลาดซื้อขายทองคำแท่งล่วงหน้า หุ้นเหมืองแร่ทองคำ ฯลฯ



ประเด็นที่เป็นเสน่ห์ของทองคำในเวลานี้ จึงอยู่ที่ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกจะจบยังไงครับ




Create Date : 25 มีนาคม 2552
Last Update : 25 มีนาคม 2552 10:27:34 น. 1 comments
Counter : 409 Pageviews.

 


โดย: ริวคิ-mawin-maji-minic วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:11:04:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Omac110
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Omac110's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.