นกละเมอ
Group Blog
 
All blogs
 

ชีวิตเสรี - เจ็บป่วยไม่หาย อย่าตกใจ มีทางออก

เจ็บป่วยไม่หาย อย่าตกใจ มีทางออก
คนเราจะเป็นโรคทั้งกายและใจ ถ้าเป็นทางกายก็ต้องรักษาด้วยยา หรือบริหารร่างกายให้แข็งแรง จะได้มีภูมิต้ายทานโรค แต่ถ้าเป็นโรคทางใจ ต้องใช้ธรรมะรักษาใจ ต้องมาฝึกจิตใจให้เข้มแข็งและมีปัญญารู้กฏไตรลักษณ์ ซึงเป็นกฏเกณฑ์ของชีวิตและโลกนี้ ทุกคนจะต้องประสบพบเจออย่างแน่นนอน ถ้าคิดจะพิจารณาจนรู้แจ้งเห็นชัดเจนว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นเอง ใจจะไม่มีความทุกเลย
ถ้าท่านเจ็บป่วยเป็นโรครักษาไม่หาย ก็ไม่ต้องไปคิดโทษโชคชะตา
ถ้าท่านเจ็บป่วยเป็นโรครักษาไม่หาย ก็ไม่ต้องไปคิดโทษโชคชะตา หรือน้อยอกน้อยใจว่า ทำไมเราถึงเป็นคนเดียว ทำไมเราโชคร้ายแบบนี้ มีแต่จะทำให้จิตใจทรุดโทรม ทรุดหนักย่ำแย่ลงไปอีก มันขึ้นอยู่กับความคิดของท่านเอง ถ้าท่านคิดไม่เป็นท่านก็จะเป็นทุกข์ทรมานในทันที แต่ถ้าท่านคิดในแง่บวกแง่คุณ คือคิดเป็นท่านจะไม่เป็นทุกข์ โดยคิดเสียว่า ถ้าท่านไม่เจ็บป่วยแบบนี้ วันหน้าท่ายก็ยังต้องตายอยู่ดี หรือถ้าตายในวันนี้ก็จงยินดีน้อมรับ เพราะจะได้ไม่ต้องรอนาน ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมาก อยู่นานจนอายุ ๗๐ – ๘๐ – ๙๐ ปีไม่น่ายินดีเลย มีแต่ความทรมานเจ็บปวด ถ้าเราป่วยตายเดี๋ยวนี้ก็ดีซิจะได้ไม่ต้องแก่ตายแบบทรมานสังขาร
การมีความทุกข์ เพราะเจ็บป่วยทรมานนี้ จะทำให้เรารู้จักชีวิตดีมากขึ้น โดยทั่วไปคนเรามักจะลืมตัว ลืมแก่ ลืมเจ็บ ลืมตาย เพราะชอบไปหลงเพลิดเพลินอยู่กับรูป รส กลิ่น เสียง ฯ ความอร่อยทางโลก (จึงลืมพิจารณา) ท่านจงมองให้เห็นว่า สังขารร่างกายไม่น่ายินดีเลย ที่เห็นว่าสวยงาม ก็เพียงแค่ผิวหนังเท่านั้น เมื่อลอกเอาหนังออกหมด ทุกคนจะน่าเกลียด วกปรกโสโครก ไม่น่ายินดีเลย แต่เราต้องอยู่กับสังขารร่างกายด้วยปัญญา ใช้ประโยชน์มัน ทำกับมันให้ดีที่สุด แต่ต้องทำใจไม่ยึดติดผูกพัน ว่าเป็นของเราจริงๆ เดี๋ยวต้องจากไปแล้ว ต้องทิ้งร่างกายนี้ให้สัปเหร่อช่วยเผาให้ หรือไม่ก็ฝังดินเป็นปุ๋ย




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 14:12:38 น.
Counter : 428 Pageviews.  

ชีวิตเสรี - ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยปัญญา

ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยปัญญา

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา บางปัญหาถ้าอยู่ในเงื่อนไขของเวลาปัจจุบันอาจจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เพราะมันต้องใช้เวลารอคอยโอกาสนั้นมาถึงก่อน เราต้องรอเวลาปล่อยวาง เก็บปัญหานั้นไว้ก่อน หยุดคิดถึงปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก ให้หันเหความคิดออกจากปัญหานั้น ไปทำสิ่งอื่นก่อน แล้วจึงกลับมาคิดใหม่เมื่อจิตเราพร้อม จะทำให้จิตเราผ่อนคลายลง การที่เราจะจมปลักอยู่กับปัญหาที่แก้ไม่ตก เป็นความทุกข์อย่างยิ่ง หาความสุขไม่ได้ จงหยุดแล้วหยุดรอดออกจากมันก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไข ในโอกาสต่อไปจะดีกว่า
จิตใจของเราเปรียบเหมือนกับลิง ที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง ชอบคิดฟุ้งซ่าน ทำให้เป็นสุข เป็นทุกข์ คิกหาเรื่องใส่ตัวแบบเรื่องไม่เป็นเรื่อง คิดเรื่อยเปื่อย น้อยอกน้อยใจ นี้คือ ธรรมชาติจิต ชอบคิดไปในอดีด อนาคต จึงนำมาซึ่งความทุกข์ วุ่ยวาย เพราะจิตไม่หยุดนิ่ง ไม่สงบ ขาดการฝึกฝนควบคุม
ขอเพียงให้ท่านตั้งสติระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน สลัดขจัดความคิดที่ไร้สาระ ไม่มีแก่นสาระ ไม่เป็นประโยชน์ออกไปจากจิต ด้วยการตั้งสติให้มั่นคง จิตใจจะไม่เหนือยล้า มีพลังผลักดันความคิดฟุ้งซ่านออกไป
การคิดมากมายหลายเรื่อง ไม่ได้ทำให้ความคิดนั้นบรรลุผลสำเร็จมีแต่จะทำให้สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก สติ สมาธิ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จิตจะต้องมีอยู่ทุกเวลานาทีอย่าเผลอ จงมีสิตเท่าทันกับปัญหาเรื่องราวต่างๆ ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น มั่นคงไม่หวั่นไหว แล้วคิดด้วยความสงบไม่วุ่นวาย คิดแบบเบาสบายไม่เครียด ด้วยปัญญาที่ฉลาดมีเหตุผลที่ถูกต้อง ก็จะสามารถแก้ไขบรรลุความสำเร็จได้ไม่ยาก




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 10:22:54 น.
Counter : 388 Pageviews.  

ชีวิตเสรี - ความสุข ไม่มีอยู่จริง

ความสุข ไม่มีอยู่จริง

ทุกข์ชีวิตต้องเหนื่อยยากลำบาก ทั้งกายใจ เพื่อแสวงหา ลาภ ยศ ศักดิ์ศรี หน้าตา ชื่อเสียง เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ครอบครัวและกามารมณ์ โดยคิดว่านี่คือความสุขที่สุดของมนุษย์
แต่ความเป็นจริงของชีวิต ร่างกาย จิตใจเรานี้ จะต้องดิ้นรนแสวงหา ทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อบำบัดความทุกข์ที่มีอยู่ เพื่อระงับไม่ให้ความทุกข์เกิดขึ้น เช่น ร่างการต้องหิวอาหาร ต้องกินทุกวัน ความหิวจึงเป็นทุกข์ เมื่อหาอาหารมากินจนอิ่ม เท่ากับว่า ได้บำบัดระงับความทุกข์นั้นเอง แต่คนเรามองไม่ออก จึงไปคิดเอาว่ากินเพื่อความสุข แต่ที่จริงความสุขจากการกิน มันอร่อยแค่ถูกลิ้นแป็บเดียว พอผ่านลิ้นลงคอไปแล้ว ความอร่อยหรือความสุขก็หมดไป
ทุกสิ่งที่หามาเพื่อตอบสนองใจเรามันเหมือนกับการกินอาหารนั้นแหละ ชีวิตจึงมีแต่ความทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่แล้วก็ดับไปที่เรารู้สึกว่ามันสุขก็เพราะความทุกข์มันเบาตัวลง มันได้บำบัดระงับลงไปชั่วขณะหนึ่ง จึงรู้สึกสบายขึ้น จึงหลงกันไปว่าเรามีความสุข
ความสุขก็คือ ความรู้สึกขณะหนึ่งๆ ที่ความทุกข์มันลดระดับลงจะรู้สึกว่าสุขสบายขึ้น พอสักพักเมื่อความทุกข์มันก่อตัวเพื่มมากขึ้น เราก็จะทนต้อสภาพนั้นไม่ไหว ต้องวิ่งหาวัตถุสิ่งของมาบำบัดอีก ผู้มีปัญญาจึงมองเห็นทั้งสุขและทุกข์ ว่ามันไม่น่ายินดี ที่เราจะเข้าไปติดใจมัน เพราะมันเป็นเพียงความรู้สึกที่คิดปรุงแต่ง ไปตามความต้องการของเราเอง มันไม่มีอยู่จริงๆ อย่าไปติดใจในรสชาติของมันเลยจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน เหน็ดเหนือยที่ต้องดิ้นรน แสวงหามาตอบสนองความอยากไม่สิ้นสุด แต่เราต้องดิ้นรนแสวงหามาเท่าที่มีความจำเป็นต้องกิน อยู่ ใช้ แล้วรู้จักพอดี พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 10:21:30 น.
Counter : 482 Pageviews.  

ความจริงของชีวิต

ความจริงของชีวิต

โลก คืออะไร ?

ในสมัยพุทธกาล มีลูกมหาเศรษฐีออกบวช ชาวบ้านมากมายสงสัยกันว่า ท่านมีเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากมาย สามารถซื้อความสุข สิ่งของทุกอย่างในโลกนี้ได้หมด แต่ทำไมท่านกลับล่ะทิ้งทรัพย์สมบัติทางโลก แล้วออกบวชแสวงหาทางธรรมดับทุกข์ พระที่เป็นลูกเศรษฐีจึงตอบว่า ... สาเหตุที่ออกบวชมี ๔ ประการ คือ
(๑) โลกคือหมู่สัตว์อันชราเข้ามาใกล้ ไม่ยั่งยืน
หมายถึง ร่างกายชีวิตเรามีความแก่ เจ็บ ทรุดโทรมลงทุกวัน แม้เป็นเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติเงินทอง แต่ท่านมองเห็นแล้วว่าเราจะตายวันไหนยังไม่รู้เลย ถ้าตายวันนี้ ทุกสิ่งที่เราเคยครอบครองมีอยู่ มันก็ไม่ใช่ของๆเราอีกต่อไป คนอื่นก็มาครอบครองยึดถือแทนเรา ความเจ็บป่วย แก่ชรา ความทุกข์ทรมานของร่างกายนับว่าเป็นทุกข์ที่สุด เพราะฉะนั้น ชีวิตนี้จึงไม่น่ายินดี หรือดีใจเมื่อได้ร่างกายนี้มา เพราะเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มากมาย บางคนก็ตายเร็ว บางคนตายช้า มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยปรุงแต่งของสังขาร ตามเวรกรรมที่เราได้สร้าสมมาจนนับชาติไม่ถ้วน
(๒) โลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสของตัณหา
ความอยากได้เป็นสัจธรรม ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบันนี้ คนเราก็ยังอยากได้อยากมี อยากเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดกาล ความอยากไม่มีที่จบสิ้น ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีวันจบ ยิ่งความเจริญทางวัตถุสิ่งของมันยั่วยวนมากยิ่งขึ้น ต้องแสวงหาเงินทองมาแลกซื้อวัตถุสิ่งของเพื่ออาศัยอยู่กิน เสวยสุข ได้เท่าไหร ก็ไม่มีวันพอ ใจพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่มีวันอิ่ม เป็นทาสของความต้องการ
เมื่อเกิดมาแล้ว ต้องมาดิ้นรนตามความอยาก ความปรารถนาอยู่แค่นี้ คุณค่าของความเป็นมนุษย์ก้หมดลง เพราะมนุษย์เป็นผู้มีจิตใจสูง และประเสริฐกว่าสัตว์ ต้องมีปัญญาแสวงหาสิ่งดีกว่าวัตถุสิ่งของทรัพย์สมบัติ แสวงหาสิ่งที่ดีกว่าความสุขทางโลก นั่นคือการหลุดพ้นจากความทุกข์ เพียงแต่เราเอาความอยากออกไปจากใจอย่างเดียว ปัญหาชีวิตจะหมดไป
เราต้องมาฝึกจิตใจให้สงบ (สมาธิ) แล้วพิจารณาปัญหาต่างๆ ให้ลงสู่กฎไตรลักษณ์ทุกครั้ง จนจิตสามารถยอมรับสภาพเรื่องราวปัญหาต่างๆ ที่มันเกินขึ้นได้ว่า บางเรื่องก็แก้ไขได้ แต่บางเรื่องบางครั้งก็แก้ไขไม่ได้ มันเป็นธรรมดาของสรรพสิ่งในโลกนี้ เราไม่ต้องไปตกใจเครียด กลุ้มใจกับปัญหานั้น เมื่อใจเราเป็นกลาง สมารถยอมรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แล้ววางอารมณ์ ปลดปล่อยออกไปจากจิต ความทุกข์จะหมดไป
(๓) โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของตัวเอง
คนเรารักตัวเองมากที่สุด หาอยู่ หากิน หาความสุขก็เพื่อให้ตัวเองสุขสบาย ไปมองคุณค่าทางวัตถุสิ่งของมากกว่ามองคุณค่าทางด้านจิตใจที่สงบ ไปหลงความเอร็ดอร่อยกับเรื่องกิน กาม เกียรติ จึงมีแต่ความโลภ โกรธ หลง มากยิ่งขึ้น ใจก็เร่าร้อน วุ่นวาย เหมือนอยู่ในที่มืด ไม่มีทางออกไปพบแสงสว่าง
ถ้าเราตอ้งการหาทางออกมาจากปัญหาคือความทุกข์ จะต้องมีธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ รู้จักการฝึกจิตให้สงบและไม่ยึดถือความคิด มองโลกและชีวิตให้ถึงแก่นแท้ว่ามันจะได้อะไร แล้วเราก็มาดิ้นรนแสวงหาอะไรกัน เราจะได้ทุกสิ่งจากโลกนี้จริงไหม ทางที่จะหมดความทุกข์ใจ หาเจอหรือยัง สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชีวิต คืออะไร ต้องรู้จักคิดพิจารณาหาคำตอบให้ได้ ?
(๔) โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองจริงๆ จะสูญเสียทุกสิ่งไป
ทุกสิ่งที่เราได้อิงอาศัยกินอยู่บนโลกนี้ เราอยู่กับมัน ครอบครองมัน ขณะที่มีลมหายใจเท่านั้น มันไม่อยู่กับเราเช่นนั้นตลอดไป บางทีก็เปลี่ยนแปลงสูญหายไปจากเรา กลับกลายเป็นของคนอื่นเราจึงเป็นเจ้าของโดยสมมุติชั่วคราวเท่านั้น วัตถุสิ่งของ ทรัพย์สิน ลูก เมืย ผัว หน้าที่การงาน จึงเป็นมายาลวงชั่วคราว ให้เราลุ่มหลงมัวเมาว่า เป็นของเราตลอดไป ทำให้ต้องเหน็ดเหนื่อยทุกข์ยาก ดิ้นรนแสวงหามาโดยคิดว่า จะนำมาซึ่งความสุข แต่ส่วนมากสุขนิดเดียว ทุกข์จะมากกว่าเยอะ แล้วมันคุ้มค่ากับคุณค่าของชีวิตหรือ ลองคิดดู ?
บางครั้งกว่าจะได้มาต้องเอาชีวิตเข้าแลก ต้องรบราฆ่าฟัน แย่งชินกัน มันจึงเป็นบ่วง คล้องคอโซ่ตรวนตรึงตรา เป็นลูกกรงขังใจเรา ยากที่จะเป็นอิสระเสรีได้ กลับจะมีแต่ความทุกข์ทรามานไม่มีที่สิ้นสุด
ผู้มีปัญญาจึงมองเห็นว่า ความสุขที่สุดในชิวิตก็คือ จิตใจเราต้องเข้าถึงความสงบระงับจากการคิดปรุงแต่ง ไม่ไปอยากได้อะไร แล้วพิจารณาด้วยปัญญา ไม่ไปยึดติดผูกพัน ลุ่มหลงมัวเมากับสิ่งใดหรือเรื่องใดฝึกจิตใจให้อิสระเสรี ปลอดโปร่ง ปลดปล่อยความคิดอารมณ์ออกไปจากจิต เพื่อให้จิตใจเป็นกลาง ว่างเปล่า ไม่ติดในความสุขหรือความทุกข์ แต่ทำการงาน หน้าที่ให้ดี ถูกต้องที่สุด ไม่ไปเป็นทุกข์หรือวุ่นวายกับมัน




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2551    
Last Update : 14 สิงหาคม 2551 14:55:53 น.
Counter : 382 Pageviews.  

ชีวิตเสรี - สารบัญ

สารบัญ

ความจริงของชีวิต
โลกคืออะไร ? ๒
ความสุข ไม่มีอยู่จริง ๕
ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยปัญญา ๖
เจ็บป่วยไม่หาย อย่างตกใจ มีทางออก ๗
อย่าเปรียบเทียบเรากับผู้อื่น ๙
เปิดใจกว้างยอมรับผู้อื่น ๑๐
ความโกรธ ริษยา ทำให้ใจเร่าร้อน ๑๑
ธุรกิจล้ม มีหนี้สิน แก้ไขได้ ๑๒
การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง ๑๓
เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ๑๔
รู้โลก ไม่รู้ธรรม ตกนรก ๑๖
โลกคือฟองสบู่ ๑๖
ให้ยอมรับความเจ็บปวดด้วยความกล้าหาญ ๑๗
วางปัญหา หาทางแก้ไข ๑๘
มีปัญหา เพื่อดับทุกข์ ๑๘
ฝึกจิตให้เกิดสมาธิ ฝึกคิดให้ถูกตอ้ง ๒๒
ไม่มีเจ้าของ ๒๓
ให้ยอมรับแต่ต้องแก้ไข ๒๔
ฝึกอยู่คนเดียว อยู่กับความสงบ ๒๕
เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจชีวิต ๒๖
ทุกสิ่งเป็นมายาลวง ไม่ควรยึดถือ ๒๗
รู้เหตุแห่งทุกข์ จึงรู้วิธีดับทุกข์ ๒๘
การเดินจงกรม ๒๙
การปฎิบัติธรรมทุกเวลา ๓๑
อยู่กับความรู้สึกตัว ความทุกข์จะไม่เกิด ๓๒
ลืมอดีด อยู่กับปัจจุบัน ไร้อนาคต ๓๓
ไม่ติดสมมุติ วิมุตติก็เกิดขึ้น ๓๔
ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ใจจึงไม่ทุกข์ ๒๔
สิ้นภพ จบชาติ ๓๖
มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
มีชีวิตอยู่เพือ่อะไร ๓๘
อย่าปรามาทในชีวิต ๓๙
ชีวิตนี้คิอละคร ๔๐
ให้ยอมรับความเป็นจริง ๔๑
ฝึกคิดให้จิตเป็นอิสระ ๔๒
หยุดเพื่อรู้ความเป็นจริง ๔๓
ติดความสุขจึงไม่รู้ความเป็นจริง ๔๔
รู้จิต ฝึกจิต แก้ปัญหาชีวิตได้ ๔๕
ไม่เอาอะไร ๔๖
ลองทำดูก่อน ๕๔
สมาธิ ที่ถูกต้อง ไม่หลงทาง ๕๖
สิ่งที่ขัดขวาง กั้นทางสู่ธรรม ๕๗
ถ้ายึดมั่นในศีล จะเพิ่มอัตรา ๕๘
มีความคิดเห็น เป็นหมาย ให้ถูกต้อง ๕๙
อย่าทำสมาธิอย่างเดียว ๕๙
จุดมุ่งหมายที่ถูกต้องในการทำบุญ ๖๑
ทำบุญอย่างเดียวยังไม่พอ ๖๒
ฝึกจิตให้สงบเป็นกุศลสูงสุด ๖๓
สรุป ๖๔
ไม่ทกฃ์ เพราะคิดถูก ๖๕




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2551    
Last Update : 14 สิงหาคม 2551 14:52:44 น.
Counter : 369 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

นกละเมอหลงเวลา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นกละเมอหลงเวลา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.