www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws

Group Blog
 
All blogs
 

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๕

ทุกคนจะรู้สึกอย่างไรไม่รู้....แต่ที่รู้ๆ คือ...เปรี้ยวอึ้ง....

แล้วคนที่อยู่บนเวทีละ...บุญออบก็อึ้งไม่แพ้กัน...มองสุวัจนีที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า...แล้วหันไปมองคนที่อยู่ข้างล่างเวที..

ผู้ใหญ่พิษณุที่ยืนอยู่บนเวทีก็อึ้ง....รีบหันไปมองน้องสาวที่ข้างล่างเวทีด้วยความเป็นห่วง....

...แต่...เจ้าเปรี้ยวหายไปแล้ว....อ้าว....

ผู้ใหญ่รีบลงจากเวทีไปที่โต๊ะของเปรี้ยวทันที...แต่ ไม่มีเปรี้ยว

ผู้ใหญ่รีบหันไปหาเจ้ากุ๊ก “ลิสๆ เปรี้ยวล่ะ”

เจ้ากุ๊กเงยหน้ามามอง “เปรี้ยวก็นั่งอยู่กับลิสนี่ไง พี่ผู้ใหญ่” แต่เมื่อเหลียวไปมองข้างตัว เจ้ากุ๊กก็ได้แต่ร้องว่า “อ้าว” ไม่มี

“เมื่อกี้เปรี้ยวยังนั่งอยู่กับลิสเลยนะ พี่ผู้ใหญ่ ก็ตอนที่ประกาศชื่อ อบต เปรี้ยวมันยังยิ้ม เฮ้ย....”

เจ้ากุ๊กเพิ่งนึกได้ "เปรี้ยวมันไปไหน ลิสจะไปตามมัน” เจ้ากุ๊กทำท่าจะลุก

แต่ผู้ใหญ่ห้ามไว้ “ลิสอยู่เนี่ยแหละ ขากระเผลกอย่างนี้จะไปได้ไง เดี๋ยวพี่ไปตามเอง อยู่ทางนี้เฝ้าโต๊ะไว้ เผื่อเปรี้ยวจะกลับมา”

แล้วผู้ใหญ่ก็รีบไปตามหาเปรี้ยว....อย่างรีบเร่ง


ประเวศมองงานคืนนี้ด้วยความเซ็ง....

ก็คนรักธรรมชาติ สายลมแสงแดดอย่างเขา จะไปมีความสุขกับงานรื่นเริงนี่ได้อย่างไร...

ดูบนเวทีนั่น ปฎลน้องชายกำลังเป่าแคนร่วมกับกีต้าร์ของโอริโอ๋ให้บรรดาแขกเหรื่อฟัง....

ท่าทางดูมีความสุขมากเชียว...เฮ้อ ทำไมเราไม่มีบ้างนะ...

นึกแล้ว ก็อดมองหา...มายเกิร์ลของเขาไม่ได้...อยู่ไหนนะ

ประเวศมองหาสักครู่ก็ยิ้มออกมาคนเดียว...นั่นไง อยู่ตรงโน้น...

ดูเธอยิ้มสิ....นั่นเธอหัวเราะ....ประทับใจจริงๆ.....

ขากำลังจะก้าวไปหา.....แต่แล้วก็หยุดชะงัก.....ท่าจะบ้าแล้วเรา......อยู่ดีๆจะเข้าไปหาเค้าได้ไง....เฮ้อ...นึกแล้วประเวศก็กลับมาที่เดิม

เข้าไปในห้องนั่งเล่น....นอนบนโซฟามองออกไปนอกหน้าต่าง....นั่น เป็นจุดที่เห็นพอดี

แล้วเขาก็ปิดไฟ....แล้วนั่งมองมายเกิร์ล.... ของเขาอยู่ตรงนั้นเอง


คืนนี้ปลัดกฤตย์เป็นอะไรก็ไม่ทราบ....รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษ....

ทั้งคุมชาวบ้านที่ตลาดตอนกลางวัน กลางคืนก็ต้องมาช่วยเตรียมงานต้อนรับนายอำเภออีก...แถมที่สำคัญ

ยังเจอรอยจูบ(มรณะ) ของป้าแจ่มเข้าไปอีก ฮิฮิ...ทำเอาปลัดอ่อนระโหยโรยแรง

มองหาเจ้ากุ๊ก ก็ไม่รู้มันไปไหน ปลัดคิดพลางเดินเข้าไปในบ้าน....

ไปหาที่งีบสักพักดีกว่า...ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ....แหม ห้องที่บ้านเสี่ยมายนี่ก็ช่างมีเยอะซะจริงๆ

ไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหนไปหมด ก็คงต้องเลือกเอาละวะ ปลัดคิด

เดินมาเจอห้องหนึ่ง ปิดไฟเงียบ อืม ท่าจะดี ปลัดจึงเดินเข้าไปโดยไม่เปิดไฟ

ด้วยความเหนื่อย ปลัดล้มตัวลงนอนเอนที่โซฟาตัวหนึ่งทันที

แล้วปลัดก็หลับไป.....เฮ้อ...สบาย....ปลัดกรนเบาๆ

ปลัดกำลังหลับสบาย ก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาสะกิดเบาๆ

ปลัดค่อย ลืมตาขึ้น ก็เห็นเจ้ากุ๊กยืนมองอยู่ ปลัดก็พูดงัวเงียๆ

“อ้าว ทำมาไมอยู่ที่นี่ละ”

เจ้ากุ๊กหน้าง้ำ “ก็ผมมาตามหาปลัดน่ะแหละ”

ปลัดหายง่วงแล้ว ทำยิ้มกวน “มาตามหาชั้นทำไม”

เจ้ากุ๊กทำหน้าเชิด “ปลัดน่ะ ไม่รู้อะไร มีผู้หญิงอุ้มลูกมา 2 คนมาบอกว่าเป็นเมียปลัดน่ะ เขาก็เลยให้ผมมาตาม”

ปลัดสะดุ้งโหยง ผุดลุกขึ้นทันที

“เฮ้ย ไม่มีเว้ย มีที่ไหนกัน ลูกเมียน่ะ เอ็งเอาอะไรมาพูด นี่อย่าเอามาปนกับเรื่อง อบต.เขานะเว้ย”

เจ้ากุ๊กหัวเราะ “โฮ่ๆๆ ล้อเล่นนนน แน่ะ แหม คุณปลัดนี่...ตลกจาง” อ้าว เจ้ากุ๊ก...เดี๋ยวเหอะ

ปลัดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน"ไอ้กุ๊ก....เดี๋ยวเหอะเอ็ง”

เจ้ากุ๊กแยกเขี้ยว “เหอะ กลัวที่ไหนเล่า...แล้วนี่ปลัดมานั่งทำไมมืดๆละครับ”

“ก็..ชั้น...เอ่อ...ชั้นแอบมางีบหลับหน่อยเดียว วันนี้ก็เหนื่อยนิดหน่อย” ปลัดจะตอบยังวางมาด

“เหนื่อยขนาดแอบหลับนี่ มันคงไม่นิดหน่อยมั้งครับ”

เจ้ากุ๊กยิ้มกวน แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาข้างหน้าต่าง

“อุ้ย นั่น คุณปลัดดูสิ ยายคุณสุวัจนีอะไรนั่น ที่เป็นคู่หมั้น อบต.น่ะ ท่าทางแปลกๆๆนะครับ”

“แปลกยังไง”

“ก็ดูอี๋อ๋อซะเว่อร์เชียว อบต.เขาไม่ได้สนใจอะไรด้วยสักหน่อย”

ปลัดลุกมาดูด้วย “ไหนๆ” พลางนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเจ้ากุ๊ก เจ้ากุ๊กหันมาทำหน้ารู้ทัน

“แน่ะๆ คุณปลัด พูดถึงผู้หญิงเข้าหน่อยไม่ได้เลยนะครับ รีบเชียว”

ปลัดยิ้มในความมืด “เอ็งรู้ไหม คำพูดของเอ็งแต่ละอย่างเนี่ย ชั้นฟังแล้วมันเหมือนผู้หญิงพูดมากเลยว่ะ นี่จะบอกให้นะ ผู้ชายน่ะ เขาไม่พูดกันอย่างนี้หรอก”

เจ้ากุ๊กหันขวับมาจะเอาเรื่องทันที แต่ปลัดรีบกดหัวเจ้ากุ๊กลงกับโซฟาซะก่อน พลางกระซิบว่า

“เฮ้ย นั่น คุณอะไรนั่น หันมาทางเราแล้ว หลบๆ” (เอ่อ โทษนะ คุณปลัด ไฟไม่ได้เปิดจะกลัวเขาเห็นทำไมเนี่ย)

เจ้ากุ๊กก็อารามตกใจ รีบก้มหัวลงกับพนักโซฟาตามที่ปลัดบอก เออแน่ะ ก้มไปก้มมา หน้าไปอยู่ชิดกันซะอย่างนั้น เจ้ากุ๊กเงยหน้าขึ้นไปสบตากับปลัดในระยะใกล้

เสียงปลัดกระซิบ” ที่พูดเมื่อเย็นน่ะ เข้าใจหรือเปล่า”

เจ้ากุ๊กก้มหน้างุด พูดอุบอิบ “พูดอะไรอ่ะครับ เมื่อเย็นคุณปลัดพูดตั้งเยอะ”

“ก็ที่บอกว่า มีใครเขาเป็นห่วงน่ะ รู้ไหมว่าใคร” ปลัดยิ้มกริ่ม

“ไม่รู้ครับ” เจ้ากุ๊กพูดเบาๆ ปลัดยิ้มนิดๆ “ไม่รู้จริงหรอ”

แล้วปลัดก็เอื้อมมือมาจับปอยผมของเจ้ากุ๊กที่ระอยู่ที่แก้ม แอบเอามือแตะแก้มไปหน่อยหนึ่งด้วย...

เจ้ากุ๊กตัวแข็ง ตอนที่มือปลัดมาลูบแก้มน่ะ ขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้เลย

เสียงปลัดกระซิบมาอีกว่า “ไม่รู้ก็รู้ไว้เลยนะ...ว่าชั้นเป็นห่วง...”

“รู้ไหม ตอนที่คุณเวศอุ้มเอ็งมาน่ะ ชั้นเป็นห่วงเอ็งมาก..ว่าแต่ ...ทำไมเอ็งต้องไปสนิทสนมกับคุณเวศด้วย”

เจ้ากุ๊กก้มหน้าเงียบ ปลัดจึงกล่าวต่อไป

“รู้ไหมว่า...ชั้นหึงนะ”

“เอ่อ อะไรหรอครับ...ใครเรียกผมหรอครับ” มีเสียงๆหนึ่งดังงัวเงียขึ้นมาใกล้ๆ

แล้วโคมไฟก็เปิดขึ้นทันที....ไฟสว่างวาบ...ปลัดสะดุ้งโหยง...

เหลียวไปมองข้างกาย....อ้าว....ไม่มีเจ้ากุ๊ก....

และที่สะดุ้งเข้าไปใหญ่....ก็คือคนที่นั่งบนโซฟาข้างกายเขา กลับเป็น...ประเวศ

แถมมือ....มือปลัดยังอยู่บนแก้มประเวศอยู่เลย...ว้ายยยยย

ปลัดรีบชักมือออกทันที....

ประเวศกำลังงัวเงีย พอลืมตาเห็นชัดว่าใครมานั่งข้างตน ก็สะดุ้งโหยงเช่นกัน...

“เฮ้ย.....”

นี่ปลัดนอนหลับไปแล้วฝัน....แถมยัง....ละเมอ....แถมยังละเมอไปลูบแก้มประเวศ....หรือเนี่ย....

ประเวศมองปลัดด้วยความระแวง นี่มันบ้านเรานะ ปลัดนี่ช่างกล้าจริงๆ

“คุณปลัด มาทำอะไรตรงนี้ครับ” แล้วมานั่งโซฟาเดียวกับตรูทำไม..

ปลัดอ้ำอึ้ง อึกอัก....จะให้บอกว่าแอบมานอนหลับไปแล้ว ละเมอเนี่ยนะ...โอย เสียฟอร์มแย่เลย

“เอ่อ....ผม....เอ่อ มาตรวจความเรียบร้อยนะครับ”

มาตรวจความเรียบร้อยในบ้านเนี่ยนะ....พูดไปได้ปลัด...ประเวศคิดพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้

เขานอนมอง มายเกิร์ลของเขาจนหลับไป....สักพักก็รู้สึกคล้ายมีมือเย็นๆมาลูบที่แก้ม........ว้าบบบ

เขานึกว่าฝันไป.....ที่ไหนได้...มือปลัด...อึ้ย

โอ้ย ปลัดยังไม่ตัดใจจากเขาหรอเนี่ย ไหนวันนั้นดูท่าหึงอลิสนักหนา นี่ปลัดจะเอายังไงกันแน่เนี่ย.....

ไม่ได้การละ....รีบเผ่นดีกว่า...

“งั้น เชิญ คุณปลัดตรวจความเรียบร้อยไปเลยนะครับ ผมไปแล้ว ผมไม่ไหวแล้ว”

ว่าแล้วประเวศก็ตั้งท่าจะชิ่งหนี อยู่ได้ไงไหวล่ะ ห้องมิดชิด เกิดอะไรขึ้นมา ใครจะช่วยเขาได้ โธ่ ประเวศผู้ชอบช่วยเหลือชาวโลก...พอถึงคราวตัวเอง กลับไม่มีใครมาช่วย

“อ้าว คุณเวศ จะรีบไปไหนละครับ ไม่อยู่คุยกันก่อนหรอ”

โอ้ย ยังจะให้คุยอะไรอี๊ก...ไม่ไหวแล้วเว้ย

“เอ่อ..ไม่ละครับ ผมไปก่อนดีกว่า....คุณปลัดเชิญตามสบายดีกว่า”

“เอ้า ไม่คุยก็ไม่คุย งั้นเราก็ออกไปกันเถอะครับ ผมนอนอิ่มแล้ว เอ้ย ไม่ใช่ ผมตรวจเสร็จแล้ว”

ปลัดก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกแล้ว...เดี๋ยวไปนอนหลับแล้วละเมอกับใครเข้าอีก...จะเสียฟอร์มปลัดแย่เลย...เอ่อ แล้วเมื่อกี้นี้ ยังมีฟอร์มเหลืออยู่อีกหรอ คุณปลัด

ทั้งสองจึงเดินออกมาจากห้อง...หันมามองกันนิดหนี่ง..แล้วเดินแยกกันไปอย่างรีบเร่ง


...เธอบอกให้ลืมให้หมด...ลืมใจที่เคยรักกัน...ลืมความผูกพัน....ที่มีให้กันมานานเกินไป....

เสียงเพลงลอยลมมาเข้าหูเปรี้ยว ณ ห้องน้ำของคฤหาสน์เสี่ยมาย....

จริงสิ.....เราต้องลืมใช่ไหม....เปรี้ยวคิด

ไม่ลืมได้ไงล่ะ ก็คู่หมั้นเขามาแล้วนี่...เขาเป็นลูกผู้ดีมีเงิน....เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก...แล้วเราล่ะ เป็นใคร

แค่เด็กคุมตลาดธรรมดาๆ...ไม่ได้คู่ควรกับเขาเลยสักนิด..

เราไม่ควรไปยุ่งกับเขาตั้งแต่แรก....ไม่งั้นก็ไม่เจ็บอย่างนี้หรอก....เปรี้ยวคิด

พยายามเข้มแข็ง แต่น้ำตามันไหลทำไมก็ไม่รู้..ฮึ...ร้องให้วันนี้วันเดียว แล้วต่อไป จะไม่ร้องให้ให้คนๆนี้อีกแล้ว...แล้วเปรี้ยวก็ร้องให้ออกมาอย่างสุดกลั้น

เป็นนาน...กว่าน้ำตาจะหยุดไหล....แต่น้ำตาที่ไหลในใจสิ มันไหลไม่ยอมหยุด

เข้มแข็งไว้เรา....เปรี้ยวคิด พลางเดินออกมาจากห้องน้ำ จะกลับบ้าน

พลันก็ได้ยินเสียงคนสองคนดังมาจากทางสระว่ายน้ำ...เปรี้ยวค่อยๆเดินเข้าไปดู

เดินเข้าไปแอบอยู่ที่เสาหินโรมันใกล้ๆกับสระว่ายน้ำทางด้านหนึ่งของคฤหาสน์

ก็เห็นคนสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ริมสระ

ผู้ชายนั้นหันหลังให้ แต่ก็ดูคุ้นๆอยู่

ส่วนผู้หญิงที่หันหน้ามานั้น....นั่น....คุณหนูลูกตาลนี่นา

ท่าทางลูกตาลจะโกรธไม่น้อย ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรเสียงเบา ฟังไม่ได้ยิน แต่ลูกตาลน่ะเสียงดังทีเดียว

“แต่หม่ามี้ไปดูฤกษ์มาแล้วนะคะ จะให้ลูกตาลทำไง”

ผู้ชายคนนั้นตอบเสียงเบา ไม่ได้ยินอีก

“ไม่มีทางหรอกค่ะ ก็ลูกตาลไม่ได้ชอบเวศนี่ เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น”

ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรออกมายืดยาว ลูกตาลได้ยินถึงกับน้ำตาไหลพรากขึ้นมาทันที

“หมายความว่าไงคะ นี่ลูกตาลคิดไปข้างเดียวหรอค่ะ”

ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะปลอบ แต่ลูกตาล กลับร้องให้หนักขึ้นอีก

“ลูกตาลก็รู้อยู่แล้ว ว่ารักข้างเดียว คิดไปเองคนเดียว แต่ก็ยังหวังว่า สักวันนึง ลูกตาลจะได้รับความรักกลับมาบ้าง นานแค่ไหนลูกตาลก็รอได้ แต่..มันไม่มีทางเลยใช่ไหมคะ ทำไม”

ผู้ชายคนนั้นพยายามอธิบาย ดูท่าทางเขาห่วงลูกตาลไม่น้อย แต่ลูกตาลส่ายหน้า

“เข้าใจค่ะ ลูกตาลเข้าใจดี แต่ลูกตาลไม่อยากเป็นน้องนี่ ไม่มีใครอยากเป็นน้องสาวคนที่ตัวเองรักหรอกค่ะ ขอบคุณที่หวังดีนะคะ..แต่ลูกตาลทำใจไม่ได้”

ผู้ชายคนนั้นเอื้อมมือมาจับมือลูกตาล แต่ลูกตาลสะบัดอย่างแรง

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงลูกตาล ขอลูกตาลอยู่คนเดียวแล้วกันนะคะ”

ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรไม่รู้ แต่ลูกตาลไม่ฟัง ผู้ชายคนนั้นจึงเดินออกไป..แต่ไม่ได้ออกไปทางที่เปรี้ยวแอบอยู่....

เปรี้ยวหันหลังพิงเสาพลางคิด....ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันนะ....เฮ้อ เลยไม่รู้เลยว่า ลูกตาลกำลังพูดกับใคร....


เมื่อประเวศชิ่งหนีจากปลัดมาได้แล้ว....ก็เดินมาเรื่อยๆ

จนมาถึงสระว่ายน้ำ....เขาก็เห็น...นั่นลูกตาลนี่นา

ลูกตาลกำลังยืนเอามือปืดหน้า....ร้องให้อยู่

ประเวศเดินเข้าไปใกล้ พลางร้องเรียกเบาๆ “ลูกตาล”

แต่ลูกตาลดูท่าจะไม่ได้ยิน ประเวศจึงเอื้อมมือมาสะกิดแขน

ลูกตาลเอามือที่ปิดหน้าออก พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ร้องให้โฮ เข้าไปกอดประเวศทันที...

ภาพทั้งหมด อยู่ในสายตาเปรี้ยวที่แอบมองอยู่ตลอด

ประเวศสวมกอดลูกตาล แล้วเอามือลูบหลัง “เป็นอะไรไปแก ร้องให้ทำไม”

ลูกตาลเงยหน้าขึ้นมาตอบ “ฮือๆ เวศ คนที่ชั้นรัก เค้าไม่รักชั้น”

ประเวศมองอย่างห่วงใย....ต่อมยอดมนุษย์ของเขาเริ่มทำงานแล้วสินะ

แล้วก็ควักผ้าเช็ดหน้ามาส่งให้ “เอ้า เช็ดน้ำตาซะ แล้วเล่าให้ชั้นฟังว่าเกิดอะไรขึ้น มาๆนั่งลงก่อน”

ลูกตาลรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา....แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ริมสระ ประเวศนั่งข้างๆ

“เมื่อกี้ชั้นไปบอกคนที่ชั้นชอบมาว่า ชั้นชอบเค้า แต่เขาไม่ชอบชั้นอ่ะ แถมยังมาแสดงความยินดีที่เราจะหมั้นกันอีก ฮือๆๆ”

“ใจเย็นๆ เค้าพูดไม่ดีกับแกหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ดี เค้าพูดไม่ดีกับชั้นซะยังจะดีกว่า นี่เค้าพูดดีมากเลย เขาหวังดีกับชั้น เป็นห่วงชั้นสารพัด แต่...เขาบอกว่าเห็นชั้นเป็นเหมือนน้องสาว ชั้นไม่ได้อยากเป็นน้องสาวเค้านี่”

ประเวศคิดในใจ ผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนดีไม่น้อย เอ เรามีคู่แข่งคนดีหรือนี่

“เค้าพูดดีกับแกก็ดีแล้ว เขาปฏิเสธแกตรงๆก็ดีอีกเหมือนกัน คิดดูนะ ถ้าเขาไม่ได้ชอบแก แต่ไม่บอกแก หลอกแกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อหวังผลประโยชน์จากแก แกชอบหรอ...

.... แกไม่คิดมั่งล่ะ ว่าโชคดีนะ ที่แกไปชอบคนดี ๆ ถึงจะชอบข้างเดียว แต่มันก็คุ้มค่ากับหัวใจนะ” ประเวศปลอบพลางนึกถึงตัวเอง

ลูกตาลค่อยคลายสะอื้น หันมามองหน้าประเวศ

“อืม แกพูดน่าฟังนะ ..แต่ ชั้นยังทำใจไม่ได้นี่นา”

“ก็เป็นธรรมดาแหละแก...ใครจะไปทำใจได้ทันทีทันควันล่ะ...ทำใจให้สบายดีกว่า เดี๋ยวพอเวลาผ่านไป แกย้อนกลับมามองอีกที เรื่องที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วแล้ว”

ประเวศปลอบ ลูกตาลพยักหน้า แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

“ชั้นอยากนอนจัง อยากนอนให้ลืมอะไรสักพักนึง”

“เอาสิ ที่บ้านมีห้องเยอะแยะ อยากไปนอนห้องไหนบอกมาได้เลย เดี๋ยวพาไป” ประเวศเอื้อเฟื้อเต็มที่

แต่ลูกตาลส่ายหน้า “ไม่ละ ชั้นอยากนอนตรงนี้ ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น”

“งั้นก็ได้ เดี๋ยวชั้นนั่งเป็นเพื่อนนะ”

ลูกตาลหันมามองประเวศอย่างซึ้งๆ “เวศ แกนี่ดีกับชั้นจริงๆ แกเป็นคนดีมากนะ ถ้าใครได้แกเป็นแฟนนี่ โชคดีมากเลย”

ประเวศยิ้มเขิน “ แกก็ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แฟนเฟินอะไรเล่า”

“จริงๆ ใครมองข้ามแกก็บ้าแล้ว อ้อ มีชั้นบ้าอยู่คนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ไม่เห็นความดีของแกนะ แต่แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นไปแล้ว ซึ่งบางทีอาจจะสำคัญกว่าคนรักก็ได้”

“อืมๆ ชั้นเข้าใจ ความรู้สึกคนมันบังคับกันไม่ได้ แต่เรื่องที่คนจะมาเห็นความดีของชั้นเนี่ย ชั้นคิดว่ายาก”

ลูกตาลเอียงคอมอง “เอ๋ ทำไมล่ะ”

“ก็ชั้นไม่หล่อ ไม่เท่ห์ หน้าตาไม่โดดเด่นอะไรนี่ คนเดี๋ยวนี้เค้าก็ชอบรูปลักษณ์ภายนอกกันทั้งนั้น”

“ทำไม คนที่แกชอบ...เค้าชอบคนหล่อหรอ”

“ไม่รู้สิ ก็คนส่วนใหญ่เค้าชอบแบบนี้นี่” ประเวศพูดแล้วนึกถึง มายเกิร์ลของเค้า...

“เออ แกจะนอนไม่ใช่หรอ นอนเหอะ อย่ามามัวเสียเวลากับเรื่องของชั้นเลย”

โถๆ พ่อประเวศ

“อืม ชั้นจะนอน....แต่ นอนไม่หลับอ่ะ”

“อ้าว ทำไง”

“แกมียานอนหลับไหม ชั้นอยากได้สักหน่อย จะได้หลับๆ”

“เฮ้ย ดีหรอแก ยาชั้นมัน....” ประเวศค้าน แต่ลูกตาลก็ตัดบท “เหอะน่า ชั้นรู้ว่าแกมียานอนหลับ เอามาให้ชั้นกินเถอะ กินนิดเดียว ไม่เป็นอะไรหรอก”

แล้วประเวศจะขัดอะไรได้ เขาเคยขัดใจใครที่ไหนล่ะ จำต้องไปเอายานอนหลับมาให้ลูกตาล แต่เอาให้กินเม็ดเดียวเท่านั้น

ลูกตาลรับยาไปกิน ....แล้วพลันก็เกิดอาการ...

ไม่รู้ว่าลูกตาลแพ้ยานี่หรือเปล่า แต่ลูกตาลออกอาการ...ลุกขึ้นยืนโงนเงน.....

โงนเงนๆๆ.....ประเวศมองด้วยความแปลกใจ....

แล้วลูกตาลก็โงนเงนจนเสียหลัก ทำท่าจะว่าจะตกลงไปในสระน้ำ....

ประเวศตกใจรีบเข้าไปรับลูกตาลไว้....แต่เขาก็กลับเสียหลัก......ตกลงไปในสระน้ำเสียเอง

“......ตูมมมมมมมมมมมม......”

เสียงน้ำกระจาย ส่วนตัวลูกตาลก็ฟุบหลับลงไปที่ขอบสระว่ายน้ำนั่นเอง

แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ......ทำไมประเวศถึงไม่ขึ้นมาสักที......

เวลาผ่านไป....เอ......ทำไมประเวศไม่ขึ้นมา....

เปรี้ยวที่แอบอยู่หลังเสานึกสงสัย คุณเวศก็ว่ายน้ำเป็นนี่นา.....สระว่ายน้ำก็ไม่ได้ลึกอะไร.....

ไม่ได้การละ....เปรี้ยวรีบออกมาจากเสา วิ่งไปที่สระว่ายน้ำ ตั้งท่าจะกระโดดไปช่วย แต่เมื่อมองตัวเองแล้วคงจะช่วยไม่ได้แน่

เปรี้ยวจึงร้องตะโกนสุดเสียง "ช่วยด้วยๆๆ..คุณเวศตกน้ำๆ”


ประพาสกับพัดชานั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังฟังเสียงเพลงเพราะๆ จากปฎลและโอริโอ๋ที่บรรเลงกันอยู่บนเวที

สักพัก พัดชาก็เหลียวไปมองรอบๆ แล้วหันไปกระซิบกับประพาส

“พี่พาส ๆ”

ประพาสหันมามอง “อะไรหรอ พัด”

“เอ่อ..ไปไหนแล้ว”

ประพาสหันไปมองรอบๆ “เออๆจริง ไปไหนของเค้านะ...”

“เมื่อกี้พัดยังเห็นอยู่เลย พี่พาส”

“เอาน่า พัด เดี๋ยวเราต้องหาให้เจอ วันนี้ พัดต้องบอกนะ”

พัดชาก้มหน้า ยิ้มอายๆ “พี่พาส จะดีหรอ พัดไม่กล้า”

“ไม่กล้าอะไรล่ะพัด พัดน่ะสาวมั่นนะ อย่าลืม...ดูนั่นสิ ยายคุณสุวัจนีคู่หมั้นอบต. น่ะ เห็นไหม สวยสู้พัดไม่ได้ เขายังมั่นซะขนาดนั้นเลย”

ประพาสพยักเพยิดไปที่สุวัจนีที่กำลังนั่งอยู่เคียงข้างบุญออบ....พัดชามองตาม


สุวัจนีกำลังนั่งเบียดบุญออบอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง ส่วนบุญออบกระวนกระวาย มองหาเปรี้ยว แต่ไม่เห็น

“พี่ออบ เป็นอะไร เหลียวหาอะไรเนี่ย ไม่สนใจสุวัจเลยอ่ะ” สุวัจนีตัดพ้อพลางกระเง้ากระงอด

“นี่ สุวัจ ทำอะไรอายคนเขาบ้าง” บุญออบหันมาดุเบาๆ

“ก็ สุวัจยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา ก็แค่มาหาพี่ออบ ไม่ได้หรือไง”

“เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่พ่อแม่ตกลงกันไว้ตั้งแต่เด็กๆเท่านั้น ยังไม่ได้หมั้นด้วย แล้วสุวัจไปบอกคนเขายังงั้นได้ไง”

“แหม” สุวัจนีหัวเราะน้อยๆๆ “อีกไม่นานก็จะต้องเป็นอยู่แล้วนี่พี่ออบ ความจริงสุวัจยังไม่ได้บอกอะไรเลย โฆษกดุ๊กเค้าเข้าใจไปเองนี่”

“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย อนาคตข้างหน้ายังไม่แน่นอน” บุญออบติง พลางนึกถึงเปรี้ยว...

“แน่นอนเสียยิ่งกว่าแน่นอนอีกนะคะพี่ออบ พี่ออบอย่าลืมสิ ไม่เพราะบารมีคุณพ่อของสุวัจหรอกหรอ ทั้งลุงบุญปลั่งกับพี่ออบจะได้คะแนนเสียงจนเป็นอบต.ได้น่ะ”

บุญออบทำเสียงดุ “สุวัจ พูดอย่างนี้หมายความว่าไง”

“แหม สุวัจล้อเล่นน่าพี่ออบ ก็พ่อแม่เราก็คุยกันไว้ตั้งแต่เด็กนี่นา จะไปขัดใจท่านได้ยังไงล่ะ พี่ออบ คุณแม่พี่ยิ่งป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ด้วย พี่ออบอย่าลืม”

บุญออบคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาทันที....เฮ้อ....นี่เขาจะชัดใจคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างไรกัน

ระหว่างที่ทุกคนกำลังอยู่ในความรู้สึกที่แตกต่างกันนั้น พลันก็ได้ยินเสียงเปรี้ยวตะโกนว่า

“ช่วยด้วยๆๆ....คุณเวศตกน้ำ.....”

ทุกคนสะดุ้ง รีบวิ่งไปทางที่มาของเสียงนั้นทันที

ไปถึงก็เห็นเปรี้ยวพยุงลูกตาลมานั่ง(หลับ) ที่เก้าอี้...แต่ไม่มีร่องรอยของประเวศ

เปรี้ยวบอกทุกคนว่า "คุณเวศตกน้ำไปเมื่อกี้นี้ ยังไม่ขึ้นมาเลยค่ะ”

เท่านั้นเอง....ผู้ใหญ่พิษณุมาจากไหนไม่รู้ ก็กระโดดพุ่งหลาวลงไปในสระทันที....(แมนจริงๆ)

สักพัก ผู้ใหญ่ก็แบกประเวศขึ้นมา.....นั่น....บนหัวของประเวศแดงฉานไปด้วยเลือดดด

ผู้ใหญ่แบกประเวศลงมานอนที่ข้างสระ.....หมอใหญ่แหวกคนเข้ามา ตรวจอาการแล้วว่า

“ท่าทางคุณเวศจะหัวโขกพื้นสระครับ แผลลึกมากเลย ไม่รู้ไปกระทบเส้นประสาทหรือเปล่า แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้สึกตัวด้วย ผมคงต้องพาไปโรงพยาบาลด่วนเลยครับ”

เสี่ยมายรีบเข้ามาทันที “งั้นหมอใหญ่ไปรถผมนะครับ”

“ผมว่าไปรถผมดีกว่า รถผมมีเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะได้ช่วยเหลือไปก่อน คุณพัดครับ” หมอใหญ่เหลียวหาพัดชา เมื่อเห็นแล้วจึงว่า

“เดี๋ยวไปกับผมนะ จะได้ช่วยผมด้วย”

แล้วผู้ใหญ่พิษณุก็ช่วยแบกประเวศไปส่งที่รถหมอใหญ่ โดยหมอใหญ่เป็นคนขับ และพัดชาเป็นคนดูแลอยู่ข้างหลัง

แล้วรถหมอใหญ่ก็เคลื่อนตัวไปอย่างรีบเร่ง...

ในรถหมอใหญ่เต็มไปด้วยความเงียบ...

ด้านหลังรถ.....พัดชาค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือประเวศมาแนบแก้มเบาๆ......

“อย่าเป็นอะไรไปนะคะ คุณเวศ” พัดชากระซิบแล้วก็ร้องให้....




 

Create Date : 27 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:31:05 น.
Counter : 222 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๖

เมื่อหมอใหญ่พาประเวศไปโรงพยาบาลแล้ว เสี่ยมายก็ประกาศให้ทุกคนกินเลี้ยงกันต่อ แม้ในใจจะห่วงลูกชายคนโตมากเพียงใด แต่เขาก็ต้องคืนกำไรให้ประชาชนต่อไป...ตามที่ได้รับปากไว้

คนต่างแยกย้ายกันไปแต่ละทิศทาง แต่ส่วนใหญ่จะกลับบ้าน เนื่องจากเกรงใจเจ้าของบ้านที่คงเป็นห่วงลูกชายเกินกว่าจะรื่นเริงได้อีก

เสี่ยมายกับปลัดกฤตย์ กลับไปดูแลนายอำเภอและแขกเหรื่อต่อ ปฎลและโอริโอ๋ช่วยพยุงลูกตาลไปนอนที่ห้องนั่งเล่น เจ้ากุ๊กก็ขอกระเผลกตามไปด้วย

ที่ริมสระว่ายน้ำจึงเหลือเพียง...ผู้ใหญ่....ประพาส...เปรี้ยว....บุญออบและสุวัจนี

บุญออบมองเปรี้ยวไม่วางตา และเปรี้ยวก็มองบุญออบเช่นกัน....

ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์....ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่

สักพักเปรี้ยวก็หันไปมองสุวัจนีที่ยืนเกาะแขนบุญออบอยู่ แล้วก็สะบัดหน้า แล้วเดินหนี

ประพาสเห็นก็เรียกไว้..."เปรี้ยว จะไปไหน”

“เปรี้ยวขอกลับบ้านก่อนนะ” เปรี้ยวตอบเมินๆ

“อ้าว เดี๋ยวพี่ต้องช่วยพี่ผู้ใหญ่คุมเด็กเก็บสถานที่ เปรี้ยวอยู่รอก่อนได้ไหม เราได้กลับบ้านพร้อมกัน”

“วันนี้เปรี้ยวขอกลับก่อนได้ไหม พี่พาส”

“อ้าว...แล้ว”ประพาสพูดได้แค่นั้น ผู้ใหญ่ก็เอื้อมมือมาแตะไหล่ไว้ แล้วพูดซะเอง

“ไม่เป็นไรพาส ให้เปรี้ยวไปเถอะ”แล้วก็หันไปหาเปรี้ยว

“เปรี้ยวจะกลับก่อนก็ไปเถอะจ๊ะ เดินดีๆล่ะ ระวังตัวด้วย”

เปรี้ยวรับคำเสียงเบา แล้วเดินไปทันที โดยมีบุญออบมองตามจนลับตา....

สุวัจนีหันมากระตุกแขนบุญออบ

“ยัยเด็กคนนั้นเป็นใครกันคะ พี่ออบ เมื่อกี้มองสุวัจ สายตาไม่เป็นมิตรเลย ทำตาวาวแปลกๆ สารรูปก็กะโปโล สมแล้วจริงๆที่เป็นเด็กบ้านนอก”

บุญออบหันขวับมาทำตาวาวทันที “สุวัจ อย่าพูดถึงเค้าแบบนั้น พี่ไม่ชอบ”

“อ้าว พี่ออบ อะไรเนี่ย สุวัจพูดนิดเดียว ทำเป็นโมโหไปได้ นี่สุวัจไม่ได้ดูถูกเลยนะเนี่ย”

“พี่ขอเตือนนะ สุวัจ ถ้ายังอยากจะอยู่ที่นี่ อย่าพูดแบบนี้อีก” บุญออบพูดขรึมๆ ทำเอาสุวัจนีเบ้หน้า

“พี่ออบ ยัยเด็กคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมพี่ออบจะต้องไปปกป้องมันขนาดนี้ด้วย สุวัจไม่ยอมนะ”

บุญออบไม่ตอบ ผู้ใหญ่พิษณุเห็นสถานการณ์กำลังมาคุ จึงรีบแก้สถานการณ์ทันที

“เอ่อ..คือ โทษนะครับ เมื่อกี้นี้ เปรี้ยว น้องสาวผมเองครับ”

ผู้ใหญ่ว่าแล้วยิ้มเท่ห์ ทำเอาสุวัจนีต้องยิ้มหวาน

“แล้ว คุณคือ...”

“ผมผู้ใหญ่พิษณุครับ เป็นผู้ใหญ่บ้านที่โคกสารินนี่แหละครับ”

“อุ้ย นี่หรือคะ ผู้ใหญ่พิษ ที่เค้าร่ำลือกันมานาน แหม มาเจอตัวจริงแล้ว หล่อกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ”

สุวัจนีทำยิ้มปลื้ม หันไปมองประพาส

“อุ้ย แล้วนั่นผู้ช่วยผู้ใหญ่หรือค่ะ แหม ก็หล่อเหมือนกันเลย” อ้าว... ประพาสหันไปมองหน้าผู้ใหญ่ ก็เห็นผู้ใหญ่กลั้นยิ้ม

“ไม่ใช่ครับ นี่ประพาสน้องสาวผมเองครับ ประพาสเค้าเป็นคุมตลาดโคกสารินน่ะครับ” ประพาสทำหน้าปูเลี่ยน แต่สุวัจนีกลับยิ้มปลื้มอีก

“แหม หล่อ เอ้ย น่ารักจังนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักผู้ใหญ่ กับคุณประพาสนะคะ”

“ครับ ยินดีเช่นกันครับ” ผู้ใหญ่ตอบแล้วหันไปทางบุญออบที่ยืนคิดอะไรอยู่

“อบต.ครับ ไม่มีอะไรแล้ว พาคุณสุวัจนีไปนั่งที่โต๊ะเถอะครับ”

บุญออบจึงรู้สึกตัว เดินนำสุวัจนีออกไป

ผู้ใหญ่พิษณุหันไปมองประพาสแล้วหัวเราะ ประพาสงง

“หัวเราะอะไรหรอพี่ผู้ใหญ่”

“เปล่า พี่แค่สงสัย ว่าพาสกินข้าวกับอะไร” ผู้ใหญ่ถามยิ้มๆ

“ อยู่ดีๆ มาถามว่ากินข้าวกับอะไรเนี่ยนะ”

“ก็พี่อยากรู้ว่าพาสกินข้าวกับอะไรนะ ถึงได้..หล่อขนาดนี้ ดูท่าคุณสุวัจนีเค้าจะปลื้มพาสมากนะ”

ประพาสสะดุ้งโหยง “บ้าน่า พี่ผู้ใหญ่ ปลื้มอะไรเล่า เค้าปลื้มพี่ผู้ใหญ่ต่างหากล่ะ”

ผู้ใหญ่หัวเราะหึหึ “เออ ก็คอยดูไปแล้วกัน”...


ทางด้านบุญออบ เมื่อพาสุวัจนีมานั่งที่โต๊ะแล้ว แต่สุวัจนีก็ยังไม่วายเหลียวไปมองผู้ใหญ่กับประพาส

“แหม พี่ออบ คนหมู่บ้านนี้นี่ ว่าไปก็หน้าตาดีเหมือนกันนะคะ”

“หมายความว่าไง”

สุวัจนียิ้มน้อยๆๆ “เปล่าค่ะ สุวัจก็พูดไปเรื่อยเปื่อย”...แน่ะๆ...คิดอะไรอยู่ ยายสุวัจนี..


งานเลี้ยงเลิกแล้ว ผู้ใหญ่พิษณุกับประพาสพากันเดินกลับบ้าน..

ต่างคนต่างคิดอะไรกันไปเงียบๆๆ จนมาถึงต้นมะขาม (ต้นเดิม) หน้าบ้านประพาส

อยู่ๆทั้งคู่ก็หยุดเดินพร้อมกัน..หันมามองหน้ากัน

“เอ่อ…” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน

“พาสพูดก่อนแล้วกัน” ผู้ใหญ่พิษณุหันมาตั้งใจฟัง

ประพาสอ้ำอึ้ง “ เอ่อ พี่ผู้ใหญ่พูดก่อนดีกว่า”

“คือ พาส...พี่อยากรู้ว่า ถ้าเกิดเราไปชอบคนๆหนึ่ง แล้วคนๆนั้นไม่ชอบเราเนี่ย เป็นพาส พาสจะทำไง”

ประพาสอึ้ง หันมามองผู้ใหญ่ “เฮ้ย...พาสก็กะจะถามเรื่องนี้พอดีเลย”

“แสดงว่าพาสก็ไม่รู้เหมือนกันใช่ไหม”

“อืม พาสก็ไม่รู้....พาสก็ไม่รู้จะทำไงนะ...แต่ถ้ากลับกันละพี่ผู้ใหญ่”

“หมายความว่าไง”

“ก็สมมุติว่า ถ้ามีคนมาแอบชอบเรา แล้วเราไม่ชอบเนี่ย...ทำยังไงไม่ให้เค้าเสียใจดี”

“อือๆ พี่ก็อยากรู้...แต่พี่ว่า เราไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่พูดกับเขาตรงๆ และหวังดีกับเขา พูดกับเขาด้วยความจริงใจ ถึงอาจไม่ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้...แต่ต่อไปเมื่อเขาหายเศร้า เขาจะเข้าใจความหวังดีของเราเอง”

ประพาสเงียบไป “พี่ผู้ใหญ่ว่างั้นหรอ” ผู้ใหญ่พยักหน้าแล้วอึ้งไปเหมือนกัน...


โรงพยาบาลบ้านโคกสาริน....

หมอใหญ่ตรวจประเวศเรียบร้อยแล้ว พบว่า เขามีแผลบริเวณท้ายทอยลึกมาก ซึ่งหมอใหญ่ได้เย็บเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ทำให้กระทบเส้นประสาทเล็กน้อย ขณะนี้ยังไม่ฟื้น และชีพจรก็เต้นอ่อน ต้องรอดูอาการที่ห้องไอซียูอีกหนึ่งคืน

หมอใหญ่แนะนำเสี่ยมายกับปฎลที่ตามมาที่โรงพยาบาลทีหลัง ให้กลับบ้านไปก่อนในคืนนี้ เพราะยังไงประเวศก็ต้องอยู่ห้องไอซียูเพื่อดูอาการ ไม่อนุญาตให้เฝ้า

เสี่ยมายและปฎลจึงกลับไป....

โรงพยาบาลตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง...

พัดชาเดินเบาๆ เข้าไปในห้องไอซียู ตรงไปที่เตียงของประเวศ ที่บัดนี้ บนศรีษะเต็มไปด้วยผ้าพันแผลและยังมีเครื่องช่วยหายใจด้วย

ประเวศหายใจรวยริน...

พัดชาเดินเข้าไปนั่งข้างเตียง จับมือประเวศไว้

“คงยังไม่สายไปใช่ไหมคะ คุณเวศ ยังไม่สายไปใช่ไหม...”

พัดชาเอามือประเวศมาแนบแก้มแล้วร้องให้ออกมาอีก

“ถ้าคุณเวศเป็นอะไรไป พัดจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย”

แล้วพัดชาก็โน้มตัวลงไปกระซิบที่หูประเวศ

“ทั้งวิญญาณและหัวใจ...ให้เธอครอบครอง.....ทั้งชีวิตให้สัญญา....จะอยู่จะสู้เพื่อเธอ....


และในกลางดึกของคืนนั้นเอง...

ประเวศรู้สึกตัว....เอ๊ะ เขาอยู่ที่ไหนเนี่ย.....

ทำไมรอบตัวเขา ขึงมีแต่สีขาวเต็มไปหมด.....ประเวศก้มลงมองพื้น

พื้นนุ่มราวกับปุยเมฆ....นี่เขา....อยู่บนสวรรค์หรือไร

ประเวศงุนงง หรือว่าเขาจะ....ตายแล้ว

ประเวศมองไปรอบๆ แล้วเขาก็เห็น....นั่น....นั่นมันลูกตาลนี่...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร....ก็ลูกตาลเมายานอนหลับของเรานี่....

หรือว่า....ลูกตาลเมายานอนหลับ แล้วตกลงไปในสระน้ำ....แล้วตาย

นี่เราช่วยลูกตาลไว้ไม่ได้หรือนี่...ประเวศคิดอย่างเสียใจ

ประเวศจึงรีบเดินเข้าไปหาลูกตาลทันที

เมื่อไปถึงตัวลูกตาล ลูกตาลก็หันมาพอดี หน้าเศร้าๆ

“ แก ทำไมไม่มีใครรักชั้นเลย” ลูกตาลร้องให้ ประเวศตรงเข้าไปลูบหลังปลอบ

“ ทำไมจะไม่มี คนรักแกมีเยอะแยะ ชั้นก็รักแก ก็เราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าลืม”

ลูกตาลเงยหน้า “แกก็รักชั้นด้วยหรอ”

“อ้าว รักสิ ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่”

“แล้ว คนที่แกชอบล่ะ “

ประเวศได้ฟังก็อึ้งไป...หน้าหมองลง...เขาไม่ตอบ...

“เวศ แกเป็นอะไร แล้วนี่รู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่นี่”

“อ้าว แกจำไม่ได้หรอ ก็แกกินยานอนหลับชั้นไปแล้ว แกเมายา จะตกสระว่ายน้ำไง ชั้นเป็นห่วงแกจะแย่”

“ก็นี่ไง ชั้นตกสระว่ายน้ำ แล้วหัวก็โขกพื้น...”ลูกตาลพูดเรียบๆ

ประเวศตกใจ “อะไรนะ แล้วแก...มาอยู่ที่นี่”

ลูกตาลพยักหน้า “ใช่แล้วเวศ.....ชั้นตายแล้ว.....”อ้ากก

ประเวศสะดุ้งเฮือก....อะไรนะ

“ชั้นตายแล้ว ดีแล้วล่ะ ไม่มีใครรักชั้น ชั้นก็ไม่อยู่แล้ว ลาก่อน เวศ เพื่อนรัก ลาก่อน.....”

แล้วลูกตาลก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา

ประเวศร้องเสียงหลง....."ลูกตาลลลลลลลลล”


พัดชายังคงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงประเวศในห้องไอซียู..

มือหนึ่งยังจับมือประเวศไว้.....พัดชาฟุบหลับไป

นิ้วก้อยของประเวศเริ่มขยุกขยิก....พัดชารู้สึกตัวตื่น

แล้วยิ้มอย่างดีใจ “คุณเวศ.....คุณเวศฟื้นแล้ว”

พลันก็ได้ยินเสียงประเวศกระซิบออกมาเบาๆ พัดชาเอียงหูเข้าไปฟังเสียงกระซิบของประเวศ

“ลูกตาล....” ประเวศกระซิบเบาๆ

พัดชาได้ยินแล้วอึ้ง....ก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตา...แล้วค่อยๆๆ เดินออกจากห้องไป....


เช้าวันใหม่...ที่ไม่สดใสเหมือนเคย

เปรี้ยวเดินซึมๆๆ ไปตามทางเพื่อจะไปตลาด.....

เดินก้มหน้าไปเรื่อยๆ.....สักพักก็มีใครคนหนึ่งมาขวางหน้าไว้

เปรี้ยวเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเป็นบุญออบนั่นเอง เข้ามายืนขวางทางเปรี้ยวอยู่

ทั้งสองสบตากันอยู่นาน.....สักพักเปรี้ยวก็สะบัดหน้าหนี จะเลี่ยงเดินไปอีกทางหนึ่ง

บุญออบก็ตามขวางไว้อีก “เปรี้ยว จะหนีพี่ไปไหน เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

เปรี้ยวเงยหน้าขึ้นมาจ้อง “เรามีอะไรต้องคุยกันอีกหรอ”

“มีสิ พี่อยากคุยเรื่องสุวัจนี”

เปรี้ยวสะบัดหน้า “ถ้าคุณอยากคุยเรื่องคุณสุวัจนี คู่หมั้นของคุณ คุณก็ไปคุยกับเธอ เราไม่เกี่ยวอะไรด้วย”

แล้วเปรี้ยวก็เดินหนี แต่บุญออบไม่ยอม ตรงเข้าไปจับแขนไว้แน่น

เปรี้ยวสะบัดอย่างแรง “ปล่อยนะ” บุญออบไม่ปล่อย กลับใช้ทั้งสองมือจับไหล่เปรี้ยวทั้ง 2 ข้าง

“เปรี้ยว เปรี้ยวต้องฟังพี่ก่อนนะ”

เปรี้ยวเห็นว่าสู้แรงบุญออบไม่ได้ จึงยืนนิ่ง แต่หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง ไม่ยอมมองหน้าบุญออบ

“เปรี้ยว หันมามองหน้าพี่ดีๆก่อน”

เปรี้ยวเฉย บุญออบจึงว่า “เปรี้ยวจะหันมามองพี่ดีๆ หรือต้องให้พี่ทำอย่างอื่น”

เปรี้ยวหันขวับมามองทันที “จะทำอะไร”

“ก็..ทำอะไรที่พี่อยากทำน่ะสิ...จะลองดูไหมล่ะ” บุญออบว่ายิ้มๆ

“อย่านะ...” เปรี้ยวร้องเสียงหลง

“งั้นก็หันมามองกันดีๆ” เปรี้ยวจึงต้องยอมหันมามองหน้าบุญออบ

“เปรี้ยว พี่จะบอกเปรี้ยวว่า พี่กับสุวัจไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกันเท่านั้น”

“ไม่ต้องมาหลอก ใครๆเขาก็รู้กันทั่วที่โฆษกประกาศ เขาเป็นคู่หมั้นของคุณ”

“เปรี้ยว เชื่อคนอื่นมากกว่าพี่งั้นหรอ..".บุญออบจ้องเปรี้ยวเขม็ง

“สุวัจเขาเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง แต่ครอบครัวพี่กับครอบครัวเขาสนิทกันมาก คุณพ่อคุณแม่พี่เลยอยากให้พี่หมั้นกับเขา....แต่ตอนนี้พี่ยังไม่ได้หมั้น...เพราะฉะนั้น พี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกับสุวัจ และไม่เคยคิดจะเป็นด้วย”

“ พี่ผิดเองแหละ ที่ไม่ได้บอกเปรี้ยว...แต่ เค้าไม่ได้สำคัญอะไรกับพี่...เหมือนเปรี้ยวนี่”

เปรี้ยวมองหน้าแล้วหลบตา

“พี่อาจไม่ดีเท่าไหร่... แต่พี่ก็แคร์เปรี้ยวมากที่สุด พี่ขออย่างเดียว...แค่เปรี้ยวเชื่อพี่…ได้ไหม”

เปรี้ยวพูดไม่ออก

“แล้วเรื่องของเรา....”บุญออบยังพูดต่อไป แต่เปรี้ยวขัดขึ้นมาก่อน

“เรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกพี่ออบ เราต่างกันเกินไป”

“ไม่นะเปรี้ยว พี่ไม่ยอมให้ใครมาตัดสินเหรอก ว่าเราต่างหรือไม่ต่าง แค่พี่รู้ตอนนี้ว่า พี่อยากมีเปรี้ยวอยู่ใกล้ๆก็พอแล้ว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”

เปรี้ยวมองหน้าบุญออบแล้วเศร้า

“พี่ออบต้องยอมนะ ยังมีคนอื่นที่เขาคาดหวังกับพี่”

“ถ้าพี่จะยอมน่ะนะ....พี่จะยอมเพื่อเปรี้ยวคนเดียว...พี่ไม่ยอมเพื่อคนอื่น” บุญออบสบตามุ่งมั่น

ห้ามไม่ได้แล้วหัวใจ....จะไม่ยอมปล่อยเธอให้ไปจากชั้น...แม้ต้องเจ็บสักเท่าไหร่...แม้จะต้องแลกกับสิ่งไหน..แม้ต้องเจ็บสักเท่าไหร่...ชั้นยอม.....





 

Create Date : 27 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:32:02 น.
Counter : 229 Pageviews.  

1  2  

ชมเช้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ชมเช้า..มาจาก ชมเช้า ชมสาย ชมบ่าย ชมเย็น ชมค่ำ ทุกกาลเวลาช่างน่าชื่นชม จะเวลาไหนก็เลือกชมเอาตามสะดวก..

...เวลาเช้า เป็นเวลาที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใส จอมแก่นแสนซน ที่ไหนได้ ใครๆ เห็นชื่อแล้วบอกว่า 40 ขึ้นแน่ๆ บ้างก็ว่าป้า..เอ่อ เป็นงั้นไป...ขอบอกว่ายังห่างค่ะ ห่างมาก อิอิ...

ตอนนี้มีภารกิจเพื่อชาติให้ปฏิบัติค่ะ รู้สึกภูมิใจจังเลย (โบกมือแบบนางงาม) ดิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ เอาใจช่วยด้วยนะคะ อิอิ...

คุณที่เข้ามาอย่าเพิ่งงงค่ะ ภารกิจอะไรขอเก็บไว้เป็นความลับ(ว่าแต่ ไม่ได้มีใครเขาอยากรู้สักหน่อย ^^") แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ อีกอย่าง เป็นแฟนหงส์ค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

Friends' blogs
[Add ชมเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.