www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws

Group Blog
 
All blogs
 
มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๒

ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ....

เจ้าเปรี้ยววิ่งตรงไปข้างหน้า...วิ่งไปยิ้มไป(เจ้าเปรี้ยวจะบ้าไปแล้วหรือเปล่า)

จนมาถึงบ้านพัก อบต. เจ้าเปรี้ยวหยุดเดินเข้าไปเมียงๆมองๆ หน้าบ้าน

พลันก็ได้ยินเสียงไอคอกแคกๆ ดังมาจากในบ้าน

เอ ใครเป็นอะไร หรือว่าลุงปลั่งแกจะไม่สบาย..เจ้าเปรี้ยวคิดในใจ

เดินไปที่ประตูรั้ว..อ้าว ประตูไม่ได้ปิดนี่..เจ้าเปรี้ยวจึงเดินเข้าบ้านไป...

ขึ้นไปบนบ้าน ก็เห็นไม่ได้ปิดประตูเช่นกัน เสียงไอคอกแคกๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ

เจ้าเปรี้ยวก้าวเข้าไปในในห้องรับแขก นั่น ใครนอนเหยียดยาวอยู่ที่ห้องรับแขกละนั่น

สงสัยว่าคนที่นอนอยู่ท่าจะได้ยินเสียงคนเดินมา เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยเสียงแห้งๆว่า

“นั่น คุณลุงกลับมาแล้วหรือครับ” พูดแล้วหยุดไอเล็กน้อย “ไหนว่าจะอยู่กินเลี้ยงจนดึกไงครับ”

นั่นมันเสียงบุญออบนี่นา...

โถๆ พ่อ อบต. เสียใจมากจนจับไข้เลยหรือนี่...

เปรี้ยวได้ยินเสียงก็ตกใจ ทำไมพี่ออบถึงได้มานอนจับไข้อย่างนี้

นึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเขานั่งทนหนาวอยู่ในวิหารร้าง โดยยอมสละผ้าขาวม้าให้เปรี้ยวห่ม แถมเมื่อกลางวันยังมาตากแดดช่วยเปรี้ยวคุมคนงานซ่อมห้องแถวที่หลังตลาดอีกด้วย...

โดนทั้งหนาวและร้อนติดต่อกัน ร่างกายก็เลยทนไม่ไหว...แถมเมื่อเย็นยัง...เอ่อ

เปรี้ยวเดินไปนั่งคุกเข้าข้างๆโซฟาตัวยาวที่บุญออบนอนอยู่ มองหน้าก็เห็นว่าหน้าซีดสลับแดงเพราะพิษไข้ พอดีกับที่บุญออบลืมตาขึ้นมาพอดี

บุญออบยิ้มให้เปรี้ยวเซียวๆ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นขึ้นมาได้ เขาก็เมินไป ไอคอกแคกๆ

“มาหาคุณลุงหรอ”

เปรี้ยวยิ้ม “เปล่า เปรี้ยวไม่มีธุระกับลุงปลั่งนี่”

บุญออบไอ แล้วถามเมินๆ “แล้วมีธุระกับใคร”

“ก็....ก็ มีธุระกับพี่ออบ” อุ้ย เปรี้ยวพูดไปก็เขินไป

“มีธุระอะไร” บุญออบยังงอนไม่เลิก แหม น่าหมั่นใส้

“ ก็มี...มี..มีธุระหัวใจไง” ฮิ้วววว เอาแล้วเจ้าเปรี้ยว ติดอบต.จนได้

บุญออบฟังแล้วแอบยิ้ม แต่แกล้งทำหน้าขรึม “พี่คงช่วยไม่ได้ละมั้ง คงต้องไปหาคุณดลให้เขาช่วย ได้ข่าวว่าเขาเป่าแคนเพราะนี่ เขาคงช่วยทำธุระหัวใจให้เปรี้ยวได้”

เปรี้ยวค้อน เริ่มหมั่นใส้ขึ้นมาหน่อยๆ “ เด็กงอนน่ะ น่ารัก เพราะเด็กไร้เดียงสา ฝ่ายผู้หญิงงอนน่ะก็น่ารักเหมือนกัน เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่น่าทะนุถนอม แต่ผู้ชายงอนน่ะนะ”

“ทำไม ผู้ชายงอนแล้วทำไม”

“ทำไม ก็น่าต่อยน่ะสิ ผู้ชายแมนๆน่ะ เขาไม่งอนกันหรอก” เปรี้ยวว่าแล้วกำหมัดทำท่าจะต่อยจริงๆ

บุญออบรีบคว้ามือเปรี้ยวไว้ก่อนที่เข้าเบ้าตา

“เอาสิ ถ้าต่อยมาจะหอมแก้มจริงๆด้วย”

เปรี้ยวอึ้งไป หน้าแดง มือข้างที่กำหมัดยังอยู่ในมือบุญออบ บุญออบยิ้มแล้วท้า

“เอ้า เอาสิ อุทิศเบ้าตาให้ต่อยเลย แต่ต่อยแล้วต้องให้หอมแก้มนะ” ฮิ้ววววววว

เปรี้ยวก้มหน้าอุบอิบ “บ้า อย่านะ”

บุญออบหัวเราะ แล้วไอคอกแคกๆ ออกมาอีกชุดใหญ่ เปรี้ยวนิ่วหน้าแล้วว่า

“สมน้ำหน้า เป็นไงล่ะ ทำเป็นปากเก่ง”

“ก็ปากเก่งกับเปรี้ยวคนเดียวแหละ” เอิ้ก.... (เน่าได้ทุกเวลาแม้ยามป่วยไข้จริงจริ้ง พ่อ อบต.)

เปรี้ยวส่ายหน้า แล้วเอามือแตะหน้าผากบุญออบ เห็นว่าร้อนพอสมควร

“แล้วนี่ลุงปลั่งไปไหน”

“คุณลุงไปงานกินเลี้ยง กว่าจะกลับก็ดึกโน่นแน่ะ”

“แล้วนี่ก็แสดงว่ายังไม่ได้กินข้าว ไม่ได้กินยา ยังไม่ได้เช็ดตัว แล้วก็ไม่มีน้ำอุ่นกินแก้ไอเลยใช่ไหม” เปรี้ยวร่ายเป็นชุด เห็นบุญออบส่ายหน้า ก็ถอนใจ

“แล้วอย่างนี้จะหายไหมเนี่ย “ เปรี้ยวหันรีหันขวาง “หิวหรือยัง”

บุญออบทำเมินไม่ตอบ เปรี้ยวจึงถามย้ำ “พี่ออบ หิวหรือยัง”

เท่านั้นแหละ บุญออบยิ้มหันมาตอบทันที “หิวแล้วจ๊ะ ตั้งแต่กินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นแม่แอ๋วไปเมื่อกลางวัน ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย”

โถๆ.......น่าสงสาร

“งั้น เดี๋ยวเปรี้ยวไปดูในครัวก่อนว่ามีอะไรบ้าง” ว่าแล้วเจ้าเปรี้ยวก็เดินเข้าไปดูในครัว เปิดตู้เห็นมี ยำยำ(คนหมู่บ้านนี้เขาชอบ) และมีโจ๊กซองอยู่จึงหยิบโจ๊กขึ้นมา

แต่ก่อนอื่นต้องตั้งน้ำร้อนก่อน จะได้เอาน้ำอุ่นไปให้บุญออบจิบแก้ไอ เปรี้ยวจัดการเรียบร้อยก็เดินออกมา

“เดี๋ยวพี่ออบรอเดี๋ยว จะทำโจ๊กให้ นี่จิบน้ำร้อนแก้ไอก่อน”

บุญออบค่อยๆลุกขึ้นมารับแก้วน้ำจากเปรี้ยว จิบเล็กน้อยแล้วว่า

“อืม ชื่นใจจัง” เปรี้ยวมองอย่างหมั่นไส้

“น้ำร้อนเนี่ยนะ ชื่นใจ”

“ไม่ได้ชื่นใจที่น้ำร้อน แต่ชื่นใจที่น้ำใจเปรี้ยวต่างหาก” ฮิ้วววววววววว

เปรี้ยวมองแล้วขำ คนบ้าอะไร มุขเชยจริงๆ

“แล้วตกลงจะเช็ดตัวหรือเปล่า”

“สำหรับพี่ยังไงก็ได้ แล้วแต่เปรี้ยวจะกรุณา”

เปรี้ยวก็คงใกล้อ้วกแล้วล่ะ จึงตัดบทว่า “งั้นเดี๋ยวเช็ดตัวหน่อย แล้วค่อยกินโจ๊ก”

แล้วเจ้าเปรี้ยว ก็ไปเอากะละมังใส่น้ำ มาถึงก็มาวางไว้บนโต๊ะ หยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำบิดแล้วชะงัก

“เช็ดตัวเองได้หรือเปล่า”

บุญออบส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ได้จ๊ะ”

“ทำไมเช็ดไม่ได้ เป็นง่อยหรือไง”

“ไม่ได้เป็นง่อย เป็นอบต.” อูย..อย่าใช้อีกนะมุขนี้..ขอร้อง

เปรี้ยวรำคาญจึงเอาผ้ามาเช็ดหน้าตา แขน คอ และ....หยุดแค่นั้น

“เอ้า เอาไปเช็ดเอง เดี๋ยวเปรี้ยวไปทำโจ๊กมาก่อน กลับมาอีกทีต้องเสร็จนะ” แน่ะ มีสั่ง

บุญออบหัวเราะ มองตามเปรี้ยวที่เดินเข้าครัวไป กลับมาเช็ดตัวเองแล้วนึกขึ้นมาได้ เรื่องคุณดลยังไม่เคลียร์เลยนี่นา เปรี้ยวยังไม่อธิบายให้เราฟังเลย

เมื่อเปรี้ยวกลับมาอีกที ก็ถือชามโจ๊กร้อนๆควันขึ้นกรุ่นมาด้วย เอามาวางบนโต๊ะ มองไปที่บุญออบเห็นหน้าตาผ่องใสขึ้นแล้วก็ยิ้ม

“เช็ดตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ถ้างั้นมากินโจ๊ก” เปรี้ยวเลื่อนชามโจ๊กไปให้ แต่บุญออบมองเฉย

“เอ้า ทำไมไม่กินล่ะ ไม่ชอบหรอ”

“เปล่า” บุญออบปฏิเสธเบาๆ “พี่กินไม่ลง เพราะพี่อยากรู้ว่า....เปรี้ยวกับคุณดล”

เปรี้ยวชะงักหันมามองหน้า “พี่อยากรู้ใช่ไหม..ได้ ..เปรี้ยวจะบอกก็ได้...เปรี้ยวกับดล....”

“ไม่ได้เป็นอะไรกัน...เปรี้ยวแค่ให้ดลเขาสอนเป่าแคนให้แค่นั้นเอง....พอใจหรือยัง”

บุญออบยิ้มร่าเมื่อได้รู้ความจริง เปรี้ยวมองอย่างหมั่นใส้

“กินโจ๊กได้แล้ว ทำเป็นเด็กๆไปได้”

แล้วเปรี้ยวก็นั่งมองบุญออบกินโจ๊ก ดูๆ กินอย่างกับเด็ก ท่าทางจะหิวมาก แปบเดียวก็หมดชาม หมดแล้วก็หันมายิ้มกับเปรี้ยว

“อืม อร่อยจังเลย”

เปรี้ยวยิ้มให้ ขำก็ขำ หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ “แล้วนี่มียาไหม จะได้กินยาแล้วนอนเลย”

“อือม คงมีมั้งอยู่ในตู้ยาข้างฝานั่นไง”

เปรี้ยวลุกไปหยิบยาแล้วมานั่งคุกเข่าข้างโซฟา ยื่นยาให้บุญออบกิน

“กินยาแล้วนอนพัก จะได้หายเร็วๆ”

แล้วเปรี้ยวก็ทำท่าจะลุกออกไป แต่บุญออบคว้ามือไว้ทั้งสองข้าง

“เปรี้ยวรู้ไหม นอกจากแม่พี่แล้ว ไม่เคยมีใครมาทำให้พี่อย่างนี้เลย” บุญออบทำเสียงซึ้ง เปรี้ยวหน้าแดง ก้มหน้า

“แล้วไง”

“แม่พี่บอกว่า ถ้าเจอใครที่ทำแบบแม่ ให้พาไปหาหน่อย”

“พาไปหาทำไม”

“แม่พี่ก็คงจะฝากฝังพี่ไว้กับคนๆนั้นมั้ง”

แล้วบุญออบก็ก้มหน้ามาเรื่อยๆ มากระซิบที่หูว่า “ขอฝากตัว ฝากใจไว้กับเปรี้ยวได้หรือเปล่า”

เปรี้ยวเอนหลบด้วยความเขิน จนมือพลาดไปปัดแก้วน้ำตก หกเรื่ยราด ทั้งสองสะดุ้งโหยง....

เปรี้ยวรีบลุกขึ้นทันที พูดอุบอิบๆ “เปรี้ยวไปก่อนนะ” แล้วก็รีบผลุนผลันออกจากบ้านไป มีบุญออบมองตามยิ้มๆ

คำเตือน * ท่านใดอ่านมาถึงตอนนี้ เริ่มเกิดอาการ กระโถนที่เตรียมไว้ ได้โปรดนำออกมาใช้งานได้ทันที อนุญาตให้อ้วกออกมาได้เต็มพิกัด เพราะขนาดคนเขียนเอง ยังทนไม่ได้


เสียงดนตรีเปิดหมวกจากแคนและกีต้าร์ดังไพเราะเพราะพริ้งมาจากตลาดนัดหลังวัด ใครๆๆผ่านไปผ่านมาก็จะอดชื่นชมเสียมิได้....

ปฎลเป่าแคน โอริโอ๋เล่นกีต้าร์และร้องเพลง ไปด้วย ท่าทางมีความสุข

คนผ่านไปผ่านมาก็ช่วยหย่อนเงินคนละเล็กละน้อย...จนตลาดวาย

ทั้งสองเก็บเครื่องดนตรี เตรียมตัวจะกลับบ้าน

ระหว่างทางก็เดินกันไป คุยกันไป ปฎลมองเงินที่รวบรวมได้แล้วว่า

“นี่นะ โอ๋ ถ้าได้เงินเยอะๆนะ ดลฝันว่าจะไปเรียนธรณีวิทยาที่ออสเตรีย”

“จริงหรอ ดล โอ๋ก็อยากไปเรียนดนตรีที่ฝรั่งเศสเหมือนกัน” โอริโอ๋ทำท่าฝัน (เดี๋ยวนี้โอริโอ๋มาอยู่โคกสารินนานแล้ว ภาษาไทยแข็งแรงขึ้นมาก เลยเรียกชื่อเล่นแทนตัวเองซะเลย)

“แล้วเวลาวันหยุด เราก็นั่งรถไฟมาหากันเนอะ” ปฎลว่า โอริโอ๋พยักหน้าแล้วยิ้ม แต่ก็กลับหน้าม่อยลง

“ว่าแต่ เราต้องเล่นดนตรีนี่อีกเท่าไหร่ กว่าจะมีเงินพอไปออสเตรียกับฝรั่งเศสล่ะ”

“ก็คงอีกนาน แต่ไม่เป็นไรนี่โอ๋ ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง ความฝัน ขอเพียงเรากล้าที่จะฝัน มันก็ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอก จริงไหม”

โอริโอ๋พยักหน้า “อืม ว่าแต่ ป๊าดลก็รวยจะตาย รวยกว่าใครในหมู่บ้านเลย ทำไมดลไม่ขอเงินป๊าล่ะ”

ปฎลนิ่งไปนิด ก่อนจะว่า “ที่จริงถ้าดลจะขอป๊า พรุ่งนี้ดลก็ไปได้แล้ว แต่ดลจะไปอย่างคนที่ไม่มีความภาคภูมิใจ ดลไม่อยากเป็นอย่างนั้น”

ปฎลหยุดแล้วหันมามองหน้าโอริโอ๋ “ดลอยากหาเงินไปเองมากกว่า”

“อือม โอ๋ก็คิดอย่างนั้น ไม่งั้นโอ๋คงไม่มาอยู่ที่นี่หรอก ที่นี่มีอะไรสนุกเยอะแยะ....”

“มีคนใจดี รูปหล่ออย่างพี่ผู้ใหญ่ มีเพื่อนน่ารักอย่างเปรี้ยว มีพี่สาวที่น่ารักอย่างพี่พาส แล้วที่สำคัญ...”

“ที่นี่มี....ดล...”

ปฎลยิ้มเขินๆ เอามือถูแคนไปมา แล้วว่า

“โอ๋รู้ไหมว่า ดลประทับใจโอ๋ตรงไหน”

“ตรงไหนหรอ”

“ก็โอ๋มองเห็นดลเสมอ ในยามที่ดลมีตัวตนที่เล็กที่สุด โอ๋เห็นความสำคัญของดลเสมอในยามที่คนอื่นมองไม่เห็น และที่สำคัญ โอ๋ทำให้ดลยิ้มได้เสมอ แม้ในเวลาที่ดลอยากจะร้องให้”

โอริโอ๋เขิน “แหม เราเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเองนะ”

“เวลาไม่มีความหมายหรอก เมื่อเทียบกับใจคนน่ะ ขอแค่เราเข้าใจกัน เจอกันครั้งเดียว เราก็รู้สึกดีต่อกันได้ โอ๋ว่าไหม”

“ว่าสิ ” โอริโอ๋ตอบ ปฎลจึงยิ้มแล้วจับมือโอริโอ๋พากันเดินกลับบ้าน....


ปฎลเดินยิ้มเข้ามาในบ้าน ประเวศที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขกเห็นเข้าจึงทัก

“ อ้าว ดล เพิ่งกลับหรอ เป็นไงบ้างวันนี้”

ปฎลยิ้ม “ก็พอได้ครับ แต่วันนี้เล่นดนตรีกับโอ๋สนุกมากเลยพี่เวศ” ว่าแล้วก็มานั่งลงข้างๆประเวศ แล้วนิ่วหน้า

“โอ้โฮ พี่เวศ เมื่อกี้ลืมปิดประตูบ้านแน่ะ นั่นยุงตอมพี่เวศเต็มเลย ไม่ตบล่ะ นั่นตัวนั้นกินจนอ้วนเลยพี่เวศ”

ปฎลเอื้อมมือจะไปตบยุงให้ แต่ประเวศร้องห้ามขึ้นมาซะก่อน

“อย่าไปตบมัน ดล” ปฎลชะงัก หันมามอง “ทำไมล่ะพี่เวศ ดูสิ มันกินเลือดพี่เวศเข้าไปจนพุงป่องเลยเห็นไหม ตัวอื่นๆด้วย”

“ก็เลือดเป็นอาหารของมันนี่ดล ยุงมันทำนาปลูกข้าวได้เมื่อไหร่ มันหาเลือดเองไม่ได้ จึงต้องมากินเลือดเรา เป็นความจำเป็นของมัน เราต้องเข้าใจด้วย แค่เราสละเลือดให้มันเล็กน้อยไม่เสียหายหรอก”

โถๆ พ่อประเวศคนดีอีกแล้ว

ปฎลมองยุงที่ห้อมล้อมพี่ชายอยู่แล้ว นึกในใจ นี่พี่เวศยังว่าเล็กน้อยอีกหรอเนี่ย แต่ก็เข้าใจพี่ชายตัวเอง คนดีผู้เสียสละอย่างพี่เวศ หาไม่ได้ง่ายๆในโลก

“พี่เวศนี่ เป็นคนดีจริงๆ รักทั้งคนสัตว์ สิ่งของและชาวโลก”

ประเวศยิ้มเขินๆ “ใช่ พี่รักชาวโลกและสิ่งที่เกิดมาบนโลกนี้ทุกอย่าง แต่พี่คงสู้ดลไม่ได้”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็ดลมีทั้งคนที่ดลรัก และเค้าคนนั้นก็รักดลด้วยสิ ดลรู้ไหม แค่ดลมีคนๆๆนี้อยู่คนเดียว พี่ก็สู้ไม่ได้แล้วล่ะ”

ปฎลยิ้มเขิน “พี่เวศก็ แต่ดลยอมรับนะว่า โอ๋ทำให้ดลมีความสุขจริงๆ....แต่พี่เวศก็มีลูกตาลนี่นา”

ประเวศถอนหายใจ “ดลก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับลูกตาล พี่ไม่ได้ชอบลูกตาลแบบนั้น คบกันไป มันก็ไม่มีประโยชน์ ตัวพี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลูกตาลน่ะสิ เขาจะเสียเวลาเปล่าๆ”

ประเวศคนดีอีกแล้ว เขาไม่ได้นึกถึงตัวเอง แต่นึกถึงผลประโยชน์ของลูกตาลเป็นใหญ่

“แล้ว ลูกตาลเค้าชอบพี่เวศหรือเปล่า”

“พี่ก็ไม่รู้ แต่ยังไงมันก็ไม่ดีกับลูกตาลอยู่ดีแหละ ถ้าลูกตาลไม่ได้ชอบพี่ เค้าก็ต้องเสียโอกาสในการเจอคนดีที่เค้ารักและรักเค้าจริงๆ แต่ถ้าลูกตาลเกิดชอบพี่ ลูกตาลก็ต้องเสียใจ...แถมเนิ่นนานไป ก็จะต้องเสียใจมากขึ้น”

“อืม แต่ป๊าเขาอยากให้พี่เวศกับลูกตาล....”

“พี่รู้ แต่พี่ก็ไม่รู้จะขัดป๊ายังไง พี่ไม่อยากให้ป๊าเสียใจและผิดหวังในตัวพี่เหมือนกัน”

เอาเข้าไป พ่อประเวศ พ่อคนดี คนนั้นก็ขัดไม่ได้ คนนี้ก็ขัดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง....

“ตอนนี้พี่เลยไม่รู้จะทำอย่างไร กลุ้มไปหมดแล้ว” ประเวศว่าแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

ปฎลมองดูพี่ชายแล้วสงสาร “พี่เวศ ถามหน่อยเหอะ แล้วพี่เวศชอบผู้หญิงแบบไหน”

ประเวศเงยหน้าขึ้นมาตอบน้องชาย ตาเป็นประกายเล็กน้อย

“พี่หรอ พี่ชอบ...คนดี” เอิ้ก พ่อประเวศ มันจะไม่กว้างไปหน่อยหรอจ๊ะ ผู้หญิงทั้งโลกนี้ที่ไม่ได้เป็นคนชั่วน่ะ มีอยู่นับไม่ถ้วน เฮ้อ....

“อะไรลูก ว่าไง คุยอะไรกันหรอ ป๊าเห็นพูดถึงคนดีอะไรกัน พูดถึงป๊าหรือเปล่า”

นั่นไงล่ะ คนดีตัวจริงมาแล้ว เสี่ยมายเดินเข้ามาในบ้าน ปฎลจึงร้องทัก

“ป๊ากลับแล้วหรอครับ วันนี้กลับดึกจังนะครับ”

เสี่ยมายยิ้มมุมปาก “ก็วันนี้เขาเชิญป๊าไปเป็นประธาน ป๊าก็ต้องคืนกำไรเค้าให้คุ้มๆ หน่อยสิลูก”

นั่นไงล่ะ เสี่ยมายยังคงคอนเซ็บ ไม่เสื่อมคลายจริงๆ

“แล้วเมื่อกี้พูดถึงคนดีอะไรกัน”

ประเวศรีบปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ป๊า วันนี้งานสนุกไหมครับ”

“ก็สนุกดีนะลูก เออ ป๊าเจอเจ๊เป็ดด้วย ป๊าก็เลยนึกได้ เวศไปหาหนูลูกตาลเค้ามั่งหรือเปล่า”

“ก็ ไม่ค่อยได้ไปครับ” ประเวศอึกอัก

“อ้าว ทำไมงั้นล่ะลูก หนูลูกตาลเค้าเป็นคู่หมั้นคู่หมายลูกนะ เราเป็นคนดี เราเป็นสุภาพบุรุษ ก็ต้องไปมาหาสู่กันบ้าง”

ประเวศรับคำอ่อยๆ

“ครับป๊า พรุ่งนี้ผมจะไปหาลูกตาลก็แล้วกัน

คำตอบนั้นทำให้เสี่ยมายพอใจมาก “ดีมากลูก” แล้วก็เดินไป แต่เหมือนนึกขึ้นได้ เสี่ยมายหันกลับมาอีกครั้ง

“อย่าลืมน่ะลูก อย่าลืมคืนกำไรให้เค้า” ยังไม่วายย้ำ แล้วก็หันหลังเดินกลับไป....


หลังจากที่เปรี้ยววิ่งไปแล้ว ผู้ใหญ่พิษณุ ก็นั่งฮัมเพลงอยู่ใต้ต้นมะขาม แต่นั่งท่าไหนไม่ทราบ กลับกลายเป็นนอนไปซะได้ แหม ก็ลมมันเย็นนี่

จนกระทั่งมีมือๆหนึ่งมาเขย่าตัวอย่างแรง พร้อมแผดเสียงดังก้อง

“พี่ผู้ใหญ่”

ผู้ใหญ่สะดุ้ง ผุดลุกขึ้นนั่งทันที

“เฮลโหลเทสๆ “ ผู้ใหญ่พูดด้วยความเคยชิน เหลียวมองเลิกลั่ก แต่เมื่อมองไปไม่เห็นใคร เห็นประพาสยืนอยู่คนเดียวก็เอื้อมมือมาเขกหัวหนึ่งที

“โอ้ย พี่ผู้ใหญ่ ทำร้ายพาสอีกแล้ว”

ผู้ใหญ่หัวเราะ “เออ สมน้ำหน้า คนกำลังนอนดีๆมาขัดจังหวะอยู่ได้ กำลังเคลิ้มๆ เลย”

“เคลิ้มไรเล่า พี่ผู้ใหญ่ พาสเห็นนะ พี่ผู้ใหญ่น่ะหลับมานานแล้ว ถ้าพาสไม่ปลุก สงสัยหลับไปถึงเช้าโน่น”

“เฮ้ย พูดเกินไป ลมมันเย็นดีนี่หว่า ใต้ต้นมะขามบ้านพาสเนี่ย” พี่ผู้ใหญ่ตั้งท่าจะเอนตัวลงนอนต่อ แต่ประพาสจับตัวขืนไว้

“เดี๋ยวพี่ผู้ใหญ่ อย่าเพิ่งนอนต่อ กลับไปนอนบ้านพี่โน่น”

ผู้ใหญ่หันมามองแล้วยิ้ม แกล้งโวย “ไรวะ พี่ไม่ได้ไปนอนบนบ้านพาสสักหน่อย แค่ขอนอนใต้ต้นมะขามแค่นี้ หรือว่าแค่ต้นมะขามก็หวง”

“แล้วจะมานอนให้ยุงกัดทำไมเล่า นี่มันมืดแล้วนะ”

“ยังไม่มืดสักหน่อย ตรงนี้ลมมันเย็นดี ไม่เห็นมียุงเลย แหม แค่ต้นมะขาม ปลูกก็ไม่ได้ปลูกเองสักหน่อย อย่ากันท่านักเลยวะ”

“เอ้า อยากนอนก็นอนไป” ประพาสขี้เกียจห้ามจึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆผู้ใหญ่ ฝ่ายผู้ใหญ่ก็ทำท่าจะเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วชะงัก

“พาส”

“อะไร พี่ผู้ใหญ่ จะนอนก็นอนไป ไม่ห้ามแล้ว”

“ว่างอยู่เปล่า ตอนนี้น่ะ”

“อือ ว่าง ทำไมหรอ”

“งั้น มานี่ มาใกล้ๆ” พี่ผู้ใหญ่เรียกประพาสเข้ามาใกล้อีกนิด ประพาสเขยิบไปจนใกล้ แล้วเลิกคิ้วถาม

“ทำไมอ่ะ”

“ก็....จะขอยืมตักหน่อย ยังว่างใช่ไหม”

ประพาสเริ่มเขินเล็กน้อย “เฮ้ย เมื่อกี้พี่ก็นอนได้นี่ ไม่เห็นต้องหนุนตักเลย”

“อ้าว ก็เมื่อกี้พาสยังไม่ได้มานี่ ตอนนี้มาแล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยเหอะ พื้นแคร่มันแข็งจะตาย” ผู้ใหญ่ว่ายิ้มๆ แล้วเอาหัวไปหนุนตักประพาสทันที

ประพาสทำหน้าไม่ค่อยถูก รู้สึกตัวเกร็งพิกล เสียงผู้ใหญ่บ่นเบาๆ

“อย่าทำตัวเกร็งดิ พี่นอนไม่สบายเลย”

ประพาสพยายามทำตัวไม่เกร็ง ก็กลายเป็นขยุกขยิกไปอีก เสียงผู้ใหญ่ บ่นอีกแล้ว

“อย่าทำขยุกขยิกดิพาส อยู่เฉยๆ” แหม พี่ผู้ใหญ่นี่เอาใจยากจัง ประพาสนั่งนิ่งๆ เริ่มชิน

เสียงพี่ผู้ใหญ่บอกเบาๆ “อืมๆ นิ่มจัง ตักพาสเนี่ย”

ประพาสบ่นอุบอิบ “จะนอนก็นอนเหอะ พี่ผู้ใหญ่ ไม่ต้องพูดแล้ว”

“ไม่พูดแล้ว ให้พี่หนุนตักทั้งคืนเลยนะ”

ประพาสเขิน “บ้า พี่ผู้ใหญ่ ได้ไงเล่า เมื่อยกันพอดี”

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึหึ บอกเบาๆ “พี่ล้อเล่น”

แล้วก็เงียบเสียงไป ประพาสค่อยๆก้มหน้าไปดู พิจารณาหน้าพี่ผู้ใหญ่ ยิ่งดูหน้าก็ชิดขึ้นเรื่อยๆ

พลันผู้ใหญ่ก็ลืมตาขึ้นมาทันที แล้วร้องว่า “แฮ่ๆๆ..”

ประพาสตกใจสะดุ้งโหยง ผู้ใหญ่หัวเราะขำ “ฮ่าๆ..” เล่นเอาประพาสโวย

“พี่ผู้ใหญ่แกล้งอีกแล้วอ่ะ” ขำก็ขำ เขินก็เขิน “ไปเลยนะ พี่ผู้ใหญ่ ลุกเลย ไม่ให้นอนแล้ว”

ผู้ใหญ่ลุกแต่โดยดี แต่ยังไม่วายบ่น

“ไรวะ แกล้งนิดเดียว ทำเป็นโมโหไปได้ พี่ไปนอนบ้านพี่ก็ได้ ไม่ง้อหรอกเฟ้ย”

แล้วพี่ผู้ใหญ่ก็เดินออกไปอย่างร่าเริง ไม่มีวี่แววของคนที่ง่วงนอนเมื่อกี้อยู่เลย แถมฮัมเพลงซะด้วย

แถวไหนคุณเป็นคนแถวไหน...แถวไหนจะได้ทักทายกัน..

ประพาสมองตามแล้วยิ้มออกมา...พี่ผู้ใหญ่นี่มัน...บ้าจริงๆ


เช้าวันใหม่....เอ๊ก... อี๊ ....เอ๊ก...เอ๊ก....นั่นเสียงไก่ขัน...แสดงว่ายังเช้าอยู่...

ประเวศออกจากบ้านแต่เช้า วันนี้ป๊าสั่งให้ไปเยี่ยมลูกตาล เขาจึงไม่รอช้าที่จะปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี

ประเวศเดินมาพร้อมเจ้าด่างที่ภักดี เดินตามหลังมาด้วย เดี๋ยวนี้เจ้าด่างได้เข้าไปเป็นสมาชิกถาวรในบ้านประเวศเรียบร้อยแล้ว

ประเวศเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆๆๆ แล้วเขาก็เจอสาวชุดขาวเดินมาแต่ไกล

พยาบาลพัดชานั่นเอง....

พัดชาเห็นประเวศก็ยิ้มให้ ชูถุงคุ๊กกี้ให้ดู

“อรุนสวัสดิ์ค่ะ คุณเวศ ทานคุ๊กกี้ไหมคะ”

ประเวศยิ้มให้ “อรุนสวัสดิ์ครับ พัด พัดทานเถอะครับ คุ๊กกี้น่ะ เดี๋ยวพัดจะไม่อิ่ม” เขาเริ่มเป็นห่วงชาวโลกอีกแล้ว

“อิ่มสิค่ะ” พัดชายิ้ม “ก็พัดทานเรียบร้อยมาจากบ้านแล้วถุงใหญ่ๆ นี่พัดก็ถือติดมือมาอีกหลายถุง”

พัดชาว่าแล้วชูถุงคุ๊กกี้ให้ดูอีกครั้ง “คุณเวศออกจากบ้านมาแต่เช้า ต้องยังไม่ได้ทานอะไรมาแน่ๆเลย ใช่ไหมคะ มาคะ มาทานคุ๊กกี้แม่เนิกไงคะ พัดบอกแล้วว่า ของเค้าดีจริงๆ”

แล้วพัดชาก็ชวนประเวศมานั่งที่ม้านั่งหินอ่อน ข้างๆสวนสาธารณะ ยื่นถุงคุ๊กกี้ให้ ประเวศไม่ขัดใจคนอยู่แล้ว เขาจึงหยิบถุงคุ๊กกี้มาเปิดกินอย่างเอร็ดอร่อย

ประเวศดูท่าว่าจะหิวจริงๆๆ (แล้วจะปฏิเสธตั้งแต่แรกทำไมฟ่ะ) เขากินคุ๊กกี้อย่างเอร็ดอร่อย จนหมดไปครึ่งถุงจึงเพิ่งรู้สึกตัว หันมายิ้มกับพัดชาที่มองอยู่แล้วว่า

“อร่อยครับ ของเค้าดีจริงๆ”

พัดชายิ้มให้แล้วรับคำ “ ค่ะ พัดก็ว่างั้นคุณเวศกินให้หมดเลยสิคะ”

ประเวศไม่ขัดศรัทธา เขากินเพลินๆ จนแทบจะลืมไปว่า เมื่อกี้เขาตั้งใจจะไปไหน เมื่อนึกขึ้นได้ คุ๊กกี้ก็หมดถุงแล้ว

“พัดครับ ผมต้องไปแล้วล่ะ”

“คะ คุณเวศรีบหรอคะ”

“ไม่รีบครับ ไม่รีบ ผมแค่จะไปหาลูกตาลซักหน่อย”

“อ๋อ ถ้างั้น ก็โชคดีนะคะ” พัดชาว่าแล้วเดินไปโรงพยาบาล ประเวศจะเดินตาม แล้วก็นึกขึ้นได้ เออ นี่คนละทางนี่หว่า สงสัยจะเดินตามคุ๊กกี้แม่เนิกละมั้ง..ก็ของเค้าดีจริงๆนี่..



“เฮ้ย เจ้ากุ๊ก” ปลัดเงยหน้าจากจานข้าวที่เจ้ากุ๊กเพิ่งจะเสริฟไปเมื่อกี้นี้เอง เจ้ากุ๊กหันมาทำตาขวาง

“อะไรครับ คุณปลัด จะเอาอะไรอีก ใช้ผมจนหัวหมุนแล้วนะ”

“เฮ้ย นี่เอ็งฟังก่อนได้ไหม ยังไม่ได้พูดอะไรเลย” ปลัดส่ายหัว

เจ้ากุ๊กหันมาจ้องตาเขม็ง “ว่าไงฮะ ผมกำลังตั้งใจฟังอยู่ จะพูดอะไรก็รีบพูดมา ผมมีเวลาไม่มาก ผมยุ่ง”

“คือ ชั้น...เอ่อ...เบื่อข้าววะ” ปลัดว่าอ่อยๆ ตาเหลือบมองจานข้าว

นั่นๆ เรื่องมากจริงปลัดเนี่ย หมั่นหน้า ทำอย่างโน้น จะกินอย่างนั้น เอาใจยากจริงเชียว ว่าแต่...ทำไมต้องเอาใจด้วยล่ะ...

เจ้ากุ๊กถอนหายใจ “แล้วปลัดจะกินอะไรล่ะครับ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ขึ้นเขาลงห้วย ผมจะไปเสาะหามาให้”

ดูๆ มันประชด ปลัดคิด พยายามไม่ใส่ใจ

“คือ ชั้นได้ข่าวว่า คุ๊กกี้แม่เนิกที่มาขายหน้าศาลาเมื่อคราวงานวัดอร่อยน่ะ....เอ่อ...อยากกินมั่งอ่ะ”
ปลัดว่าเอาดื้อๆ เจ้ากุ๊กถอนหายใจอีกครั้ง

“คุ๊กกี้อะไรหรอครับ”

“ อ้าว ก็คุ๊กกี้ที่ใครกินแล้วก็ต้องบอกว่า ของเค้าดีจริงๆ ไง เอ็งไม่รู้จักหรอ ที่บ้านโคกสารินนี่นะ เค้าดังจะตาย”

“อ๋อ ผมรู้จักแล้ว แต่ว่า งานวัดมันก็เลิกแล้ว ผมจะไปหาที่ไหนมาให้คุณปลัดได้ล่ะครับ”

“เอ็งก็ไปดูที่ตลาดมาสิ มันน่าจะมีขายมั่งนะ”

“ที่ตลาดหรอครับ เอ” เจ้ากุ๊กนิ่งไปอย่างใช้ความคิด แล้วก็คิดออก “ผมนึกออกแล้ว คุ๊กกี้แม่เนิกน่ะ เขาทำส่งขายพยาบาลพัดชา เค้าเหมาไปขายที่โรงพยาบาลไงครับ”

ปลัดตาเป็นประกาย ดีดนิ้วเปาะ “เออ จริงหรอ งั้นเอ็งไม่ต้องไปซื้อแล้ว เดี๋ยวชั้นไปซื้อเอง”

เหอะ หมั่นหน้า จะไปซื้อคุ๊กกี้หรือจะไปหาคุณพยาบาลกันแน่ แล้วพี่ประเวศล่ะ เฮ้อ ถ้าจะไปจีบเขาละก็ น่าสงสารคุณพยาบาลตายเลย เจ้ากุ๊กคิด พลางว่า

“ผมว่าคุณปลัดน่ะ ตัดสินใจชีวิตให้มันดีหน่อยดีกว่า จะเป็นอะไรก็เป็นไปซะอย่างหนึ่ง มาเหยียบเรือสองแคมอย่างนี้มันไม่ค่อยดีนะครับ”

เจ้ากุ๊กตัดสินใจพูด พูดไปมันก็หงอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความจริงขึ้นมาได้ ความจริงที่ไม่ใช่ความฝันเมื่อเย็นวาน

ฝ่ายปลัดกลับงง เจ้ากุ๊กมันพูดอะไรของมัน เหยียบเรือสองแคมอะไรหว่า

“อะไรของเอ็ง เหยียบเรือสองแคม เอ็งจะให้เลือกอะไร”

เจ้ากุ๊กรู้สึกตัว รู้ว่าตัวเองเริ่มเศร้าจิตตก จึงทำเสียงใหญ่เข้าข่มเหมือนเคย

“โฮ่ๆๆ ผมหมายถึงว่าให้ปลัดเลือกเอาสักอย่างหนึ่ง จะกินข้าวหรือกินคุ๊กกี้ ถ้าจะกินข้าว ผมจะได้หุงข้าว ถ้าจะกินคุ๊กกี้ผมจะได้ไม่หุงข้าว คุณปลัดมาเหยียบเรือสองแคมอย่างนี้ มันเปลือง รู้ไหมครับ โฮ่ๆๆ”


ณ คฤหาสถ์ของเจ๊เป็ด.....

ประเวศเดินดุ่มๆเข้าไป...นั่น เห็นหมวยนกกำลังแอโรบิกอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน

“อัพ แอนด์ ดาวน์ อัพ แอนด์ ดาวน์ อ้าว คุณเวศ ฮัลโหล” หมวยนกเห็นประเวศเข้า ก็โบกมือทักทาย ประเวศจึงหยุดทัก

“สวัสดีครับ คุณหมวย แอโรบิกอยู่หรอครับ”

“ใช่ค่ะ คุณเวศ มาแอโรบิกด้วยกันไหมคะ ร่างกายจะได้แข็งแรง ฟิต แอน เฟิร์มไงคะ”

ประเวศยิ้มแล้วส่ายหน้า

“เอาไว้วันหลังดีกว่าครับ พอดีวันนี้ผมมาหาลูกตาล เค้าอยู่ไหมครับ”

“อ๋อ อยู่ค่ะ ป่านนี้คงทานอาหารเช้าอยู่ คุณเวศเข้าไปหาสิคะ”

“ขอบคุณครับ”

ประเวศว่าแล้วเดินเข้าไปในห้องอาหาร แค่ก้าวประตูมาก็ได้ยินเสียงเจ๊เป้ดดังขึ้นมาซะก่อน

“บอกมานะ ลูกตาล ลูกแอบกินของกินตอนดึกใช่ไหม”

“เปล่านะคะ หม่ามี้ ลูกตาลไม่ได้กินสักหน่อย หม่ามี้เอาที่ไหนมาพูด” ลูกตาลปฏิเสธเสียงแข็ง

“แล้วเมื่อคืน หม่ามี้ได้กลิ่นอะไรในครัว”

ลูกตาลสะดุ้ง “กลิ่นอะไรคะ”

“ก็กลิ่นมันเค็มๆ เหม็นๆน่ะ ลูกไม่ได้กลิ่นหรอ”

“เอ่อ คือ ไม่ได้กลิ่นหรอกคะ เมื่อคืนลูกตาลนอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว” ลูกตาลว่าแล้วคิดในใจ คราวหลังจะทอดปลาเค็มต้องระวังหน่อยแล้วเรา

ก่อนที่เจ๊เป็ดจะซักไซ้ไล่เลียงอะไรมากไปกว่านี้ ก็เหลือบไปเห็นประเวศซะก่อน

“อ้าว พ่อเวศ นั่น มาหาลูกตาลหรอจ๊ะ” ประเวศก็เลยไหว้และทักทายเจ๊เป็ด

ลูกตาลหันไปมองด้วยความดีใจ เฮ้อ จะได้เบี่ยงเบนความสนใจหม่ามี้ได้เสียที

“เวศ ดีใจจังเลยที่มาหาลูกตาล มานั่งก่อนสิ ทานอาหารเช้ากัน”

ประเวศยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ละ ชั้นทานมาอิ่มมากแล้ว”

“งั้น...”ลูกตาลรีบลุกจากเก้าอี้ทันที “เราไปนั่งคุยกันดีกว่า นะ” แล้วลูกตาลก็ลากประเวศไปนั่งที่เก้าอี้ในสวน ไกลจากหม่ามี้ให้มากที่สุด

“เนี่ย ถ้าแกไม่มาเมื่อกี้นี้นะ ชั้นต้องแย่แน่ๆ” ลูกตาลว่าแล้วถอนใจ

“ทำไมล่ะ”

“ก็เมื่อคืนงานวัดน่ะ ดลเขาให้ปลาเค็มกับปลาทูชั้นมา เมื่อคืนกะว่าจะเอาไปทอดกินซะหน่อย หม่ามี้ดันได้กลิ่น หลบแทบแย่”

“อย่างแกเนี่ยนะ กินปลาเค็ม ปลาทู” ประเวศถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ

“ก็ใช่สิ อร่อยจะตายไป ที่โอ๊คแลนด์ก็ไม่มีที่กลิ่นแรงๆอย่างเนี้ย แล้วที่บ้านโคกเราเนี่ย หม่ามี้ก็ไม่ยอมซื้อมาให้ชั้นกินเลย กินแต่อาหารฝรั่ง ชั้นเบื่อจะแย่อยู่แล้ว” ลูกตาลบ่นแล้วชะงัก

“เออ ๆ แล้ววันนี้มาหาชั้น มีอะไรหรอ”

ประเวสอึ้งไปนิด เขาไม่รู้จะบอกลูกตาลอย่างไรดี คิดไม่ออกก็บอกไปดื้อๆนี่แหละ

“ก็ ป๊าเขาให้มาหา”

ลูกตาลเอียงคอร้อง “เอ๋”

“ให้มาหาทำไม”

“อ้าว ลืมแล้วหรอ แก ก็เราเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันไง”

ลูกตาลยิ้มแหะๆ “อ้อ ลืมไป” แล้วก็นิ่งไปนิดหนึ่ง “แล้วแกไม่อึดอัดมั่งหรอ”

ประเวศอึ้ง “ก็ ไม่หรอก....มั้ง”

ลูกตาลยิ้ม “แกไม่อึดอัด....แต่ชั้นอึดอัด....ชั้นเบื่อ เข้าใจไหม” ประโยคหลังเริ่มวีน

“ใจเย็น แก”

“จริงๆ ชั้นก็รักบ้านโคกเรามากนะ แต่ชั้นเบื่อหม่ามี้ที่คอยจ้ำจี้จ้ำไช โน่นนี่ ไปซะทุกอย่าง ชั้นอยากเป็นอิสระ แบบตอนที่ไปอยู่โอ๊กแลนด์น่ะ แล้วถามจริงๆ เรื่องของเราน่ะ แกคิดว่าเราจะแต่งงานกันได้จริงๆหรอ”

ประเวศอึ้งอีกครั้ง “ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วย...ก็”

“แกจะยอมแต่งกับชั้นหรอ ถามจริง แกรักชั้นหรอ”

“ก็...เอ่อ...เราก็เป็นเพื่อนกัน” ประเวศอึกอัก

“ก็ใช่น่ะสิ เราเป็นเพื่อนกัน แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไง” ลูกตาลมองหน้าประเวศ

“ชั้นจะบอกให้นะแก การที่เราต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักน่ะ มันแย่ยิ่งกว่า การที่เราต้องพลัดพรากจากคนรักซะอีก”

“อืม ชั้นเห็นด้วยนะ แต่ว่า...เราจะทำยังไงกันล่ะ”

“อืม ทำไงหรอ” ลูกตาลนิ่งไปอย่างใช้ความคิด “เออ แกมีคนที่แกรักหรือยังล่ะ”

ประเวศตาเป็นประกาย แล้ววูบลง “ก็...คล้ายๆจะมี...แต่ ชั้นก็ไม่แน่ใจ”

ลูกตาลเอียงคอมอง ร้อง “เอ๋”

“คือ ชั้นก็ยังไม่แน่ใจไง ว่าแต่แกเถอะ มีแล้วหรือยัง”

ลูกตาลยิ้ม พูดออกมาอย่างมั่นใจ “ชั้นมีแล้ว…” อ้าว ไปมีตอนไหนเนี่ย

“เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราสองคนไม่ได้รักกัน และชั้นก็มีคนที่รักแล้ว ส่วนแกถึงแม้จะยังไม่แน่ใจก็เหอะ แต่ต่อไปก็อาจจะเป็นไปได้ใช่ไหม งั้นเราต้องมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ความรักของเราสมหวัง โอเคไหม”

“ก็ โอเคมั้ง” ประเวศไม่ขัดลูกตาลในเวลานี้ เวลาที่ลูกตาลกำลังมุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาคงจะปล่อยไปตามน้ำ

แล้วลูกตาลก็บังคับให้ประเวศมาร้องเพลงร่วมกัน

ชั้นต้องทำ....ทำอะไรสักอย่างแล้ว....ให้เธอนี้....ไม่แคล้วไม่คลาดกัน....ให้เธอรู้ตัวว่ามีคนคนอย่างชั้น...แอบมองเธออยู่ตรงนี้....รอคอยเธอตรงนี้.....ชั้นนี่ไง....


โรงพยาบาล.....

ประพาสเดินหน้าม่อยเอียงคอ มาหาพัดชาที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์

“พัดจ๊ะ ช่วยพี่ด้วย”

พัดชาเงยหน้ามาอย่างตกใจ “อ้าว พี่พาส เป็นอะไรละคะนั่น”

“พี่ปวดหัวยังไม่หายเลย เมื่อคืนมานอนตกหมอนซ้ำอีกน่ะ”

“งั้น เดี๋ยวไปให้หมอตรวจดีกว่านะคะ” พัดชากุลีกุจอ แต่ประพาสขืนตัวไว้

“ไม่เอาอ่ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก คราวที่แล้วก็ตรวจไปแล้ว คราวนี้พี่ไม่ตรวจแล้วล่ะ พัดมาตรวจให้พี่ก็พอ”

พัดชาส่ายหน้าแล้วยิ้ม “เอาอีกแล้ว พี่พาส กลัวหมออีกแล้ว งั้นเข้ามานั่งในห้องก่อนค่ะ”

พัดชาพาประพาสเข้ามาในห้อง

“ช่วงเที่ยงพอดี เดี๋ยวเราไปทานข้าวกันนะคะ” พัดชาว่าแล้ว เตรียมตรวจร่างกายประพาส

“อืม ก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ความดันยังสูงเหมือนเดิม คลื่นหัวใจพักนี้นี่ดีนะคะ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวพัดจัดยาบำรุงกับวิตามินไปให้พี่พาสกินแล้วกัน พี่พาสคงทำงานหนัก ต้องบำรุงร่างกายให้แข็งแรงหน่อยนะคะ”

ประพาสยิ้มมองพัดชา “พัดนี่ น่ารักจัง ช่างปรนนิบัติ เอาใจอย่างนี้ ใครได้เป็นแฟนล่ะ รักตายเลย”

พัดชายิ้มเขิน “แหม พี่พาส ไม่มีสักหน่อย แฟนเฟินอะไรนั่นน่ะ”

“พี่เห็นหนุ่มๆมาจีบพัดกันเต็มโรงพยาบาลไปหมด”

“คนบางคนเขาก็ไม่สนใจพัดนี่คะ”

ประพาสมองหน้าด้วยความแปลกใจ “หา ยังมีคนไม่สนใจพัดอีกหรอ สวยก็สวย เก่งก็เก่งขนาดนี้ ใครนะ มันช่างตาถั่วจริงๆ”

พัดชาหน้าหมองลงไป “มีสิคะ คนที่ไม่สนใจพัดน่ะ เรื่องความสวยหรือความเก่ง มันคงไม่สำคัญสำหรับเขา”

ประพาสมองอย่างเข้าใจ “แล้วบังเอิญคนๆนั้น ก็ดันเป็นคนที่เราสนใจด้วยใช่ไหม”

พัดชาพยักหน้า แล้วก้มหน้า ประพาสเห็นแล้วจึงเขยิบเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปโอบไหล่ ลูบหลังไปมา

“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งเศร้าไปเลยจ๊ะ พัด ไหนบอกพี่สิ ว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร”

พัดชาก้มหน้าแล้วส่ายหน้า

“น่า บอกหน่อยน่า เผื่อพี่อาจจะช่วยอะไรก็ได้นะ พี่รับรองเลยว่าจะไม่บอกใคร”

พัดชาเงยหน้าขึ้นมาเห็นประพาสมองมาอย่างเข้าใจ ก็ยิ้ม แล้วเขยิบเข้ามากระซิบที่หู....

ประพาสตาเหลือก เมื่อได้ฟังความจริงจากปากพัดชา รีบหันไปมองพัดชาแล้วว่า

“พัด จริงหรอ ที่แท้พัดก็ชอบ....เอ่อ เฮ้ย”

ประพาสพูดยังไม่ทันจะหมดคำ พัดชาก็รีบหยิบคุ๊กกี้ในถุงเข้าปากประพาสหนึ่งชิ้น ประพาสคุ๊กกี้เต็มปากจึงไม่สามารถพูดออกมาได้

เมื่อเคี้ยวคุ๊กกี้หมด พัดชาก็ว่า

“ไหนพี่พาสจะไม่บอกใครไง”

ประพาสเคี้ยวคุ๊กกี้กลืนลงคอเรียบร้อยแล้ว ก็ตอบว่า “ก็ที่นี่มันไม่มีใครนี่นา พัดก็”

“ก็ไม่แน่นี่คะ อาจมีใครมาแอบฟังก็ได้ พี่พาสต้องสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”

“ได้ๆจ๊ะ พี่จะไม่บอกใครว่าพัดแอบชอบ...เอ่อ เฮ้ย” คุ๊กกี้อีกหนึ่งชิ้นถูกส่งเข้าปากประพาสอีกครั้ง

พัดชาดุ “พี่พาส ไหนว่าจะไม่พูดไง”

ประพาสพูดทั้งที่คุ๊กกี้ยังเต็มปาก “เอ่อ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย เอิ้ก”

เมื่อเคี้ยวคุ๊กกี้หมด ประพาสก็ว่า “คืองี้ พี่จะบอกพัดว่า พี่จะช่วยพัดเอง”

“ช่วยอะไรหรอพี่พาส”

ประพาสยิ้ม “ก็ช่วยให้พัดสมหวังกับ....เอ่อ เฮ้ย” คุ๊กกี้ชิ้นที่สามเข้าปากประพาสไปแล้ว

“เฮ้ย พัด พี่ยังไม่ได้บอกอะไรเลย พี่จะบอกว่าคนที่พัดชอบต่างหาก เฮ้อ “ ประพาสโวยวายทั้งๆที่คุ๊กกี้ยังเต็มปาก พัดชายิ้มแหะๆ

“แหม ก็พัดกลัวพี่พาสพูดออกมานี่” พัดชาเขิน “พี่พาสน่ะ รู้ไหม ทำอย่างนี้ เปลืองคุ๊กกี้พัดแย่เลย” อ้าว


ที่หน้าโรงพยาบาล ผู้ใหญ่พิษณุรูปหล่อ กำลังจะเดินเข้าไป...บังเอิญไปจ๊ะเอ๋กับปลัดกฤตย์ที่กำลังจะเดินเข้าไปเช่นกัน....

ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน “อ้าว”

คุณปลัดถาม “ผู้ใหญ่มาทำอะไรที่นี่หรอครับ”

“อ๋อ พอดี ผมจะมาหาหมอหน่อยน่ะครับ เมื่อคืนนอนตกหมอน แล้วคุณปลัดล่ะครับ” ความจริงผู้ใหญ่จะมาหาพัดชาต่างหาก อุ๊บ

“อ๋อ ผมก็ เมื่อคืนนอนตกหมอนเหมือนกันครับ ว่าจะมาหาหมอเหมือนกันเลย” แน่ะๆ คุณปลัด ใจจริงจะมาหาพัดชานี่นา อุ๊บ

“งั้นเราเข้าไปพร้อมกันเลยนะครับ” ผู้ใหญ่ชวน ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพร้อมกัน

เมื่อเข้าไปถึงเคาน์เตอร์ ต่างก็มองหาพัดชา แต่ไม่เจอ มองผ่านกระจกห้องตรวจเข้าไปจึงเห็น...

นั่น....ประพาสกำลังเอามือโอบไหล่พัดชา....

สักพักนึง....พัดชายื่นหน้ามากระซิบที่หูประพาส....

อีกสักพักนึงพัดชาก็ป้อนคุ๊กกี้ประพาส.....ชิ้นที่1...ชิ้นที่2....ชิ้นที่3...โอ้ย

ผู้ใหญ่และปลัดหันมามองหน้ากัน แล้วหันไปมองภาพนั้นอีกครั้ง....

แล้วก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง.....แล้วก็อึ้งกันไป...

ไม่มีใครรู้ว่าว่ารักจะจบลงเช่นใด เอ้ย ไม่ใช่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่.....




Create Date : 28 ธันวาคม 2548
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:28:38 น. 0 comments
Counter : 222 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมเช้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ชมเช้า..มาจาก ชมเช้า ชมสาย ชมบ่าย ชมเย็น ชมค่ำ ทุกกาลเวลาช่างน่าชื่นชม จะเวลาไหนก็เลือกชมเอาตามสะดวก..

...เวลาเช้า เป็นเวลาที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใส จอมแก่นแสนซน ที่ไหนได้ ใครๆ เห็นชื่อแล้วบอกว่า 40 ขึ้นแน่ๆ บ้างก็ว่าป้า..เอ่อ เป็นงั้นไป...ขอบอกว่ายังห่างค่ะ ห่างมาก อิอิ...

ตอนนี้มีภารกิจเพื่อชาติให้ปฏิบัติค่ะ รู้สึกภูมิใจจังเลย (โบกมือแบบนางงาม) ดิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ เอาใจช่วยด้วยนะคะ อิอิ...

คุณที่เข้ามาอย่าเพิ่งงงค่ะ ภารกิจอะไรขอเก็บไว้เป็นความลับ(ว่าแต่ ไม่ได้มีใครเขาอยากรู้สักหน่อย ^^") แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ อีกอย่าง เป็นแฟนหงส์ค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

Friends' blogs
[Add ชมเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.