AZURE
Group Blog
 
All Blogs
 

ลำปาง....วันที่ สองค่ะ

เช้านี้ตื่นสายมากกกกกกกก 7 โมงกว่าแหน่ะ อุตส่าต์ตั้งนาฬิกาไว้ 6 โมงเช้า แต่ดันนอนต่อ วันนี้ เรามีแผนการจะไปน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน หน่อย อยู่ไกลจากเมืองเหมือนกัน เลยต้องออกแต่เช้า เราแวะกินก๋วยจั๊บหน้าสถานีรถไฟ เพราะเห็นใครๆ เค้าว่าอร่อยกัน สำหรับเราก็โอเค แต่ความสะอาดของโต๊ะ ยังไม่ถึงเท่าไร เพราะโต๊ะนั่ง เห็นเค้าเอาผ้าที่เปื้อนอาหารโต๊ะอื่นๆ อยู่มาเช็ดโต๊ะเราต่อ โดยไม่ได้ล้างน้ำสะอาดหรือเทน้ำป่าวที่โต๊ะก็ยังดี มันเลยเป็นการหมักหมมที่โต๊ะมากๆ เลยหง่ะ

หลังจากกินเสร็จ เราก็มุ่งหน้าตรงสู่น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเลยค่ะ ที่นี่น้ำพุถ้าจะร้อนมาก เค้าบอกว่า 85 องศาแหน่ะ เราเลยไม่กล้าเอานิ้วเข้าไปจิ้มเลย อาทิตย์ก่อนเพิ่งไปแช่น้ำพุร้อนหินตาดที่เมืองกาญจน์มาเอง แต่คิดว่าที่นี่คงร้อนกว่ามาก เลยไม่เอาตัวเข้าไปจุ่มดีก่า เดี่ยวผิวขาวๆ จะแดงหมด แต่ที่นี่ก็มีห้องให้อาบน้ำแร่ด้วย เป็นสัดส่วนดี เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท แต่วันที่ไปนี่ คนเยอะมากกกก เราเลยไม่ได้แช่น้ำแร่กันเลยค่ะ เราตัดสินใจจะเดินไปดูน้ำตกแจ้ซ้อนสักหน่อย แต่ว่าหาทางไม่เจอ ไม่เห็นเค้ามีป้ายบอกทางเลยอะ จนต้องถามแม่ค้าขายอาหารตรงนั้น ถึงได้รู้ว่า เส้นทางน้ำตกก็คือทางชันๆ ข้างๆ ร้านอาหารนั่นเอง สามารถเอารถเข้าไปได้ด้วย แต่จอดได้แค่ทางเข้าน้ำตก หลังจากนั้นต้องเดินต่อ ทางเดินเข้าน้ำตก ห้ามนำอาหารขึ้นไปเด็ดขาด เพราะมีเจ้าหน้าที่ เฝ้าอยู่ตรงป้อมด้วยค่ะ แต่เราก็ไม่คิดจะเอาไรเข้าไปอยุ่แล้ว พลเมืองดีค่ะ รู้สึกน้ำตกจะมีถึงแค่ชั้น 6 ค่ะ ตาดครก เพราะฉนั้น ทางที่เค้ามีให้เดินต่อ ไม่ต้องเดินต่อไปหรอกค่ะ ไม่มีอะไรเลย เป็นแค่บ้านไม้หลังนึงเท่านั้น แถมระยะทางก็ไกลด้วย เค้าน่าจะบอกว่ามีแค่ 6 ชั้นนะ ทางเดินเที่ยวน้ำตกนี่ เดินสบายหน่อย เพราะเค้าทำบันไดให้ด้วยค่ะ คุณแม่เราเลยสบายเลย เดินง่ายหน่อย เราอยุ่ที่นี่จนถึงบ่ายโมงแหน่ะ แวะกินข้าวกลางวันที่น้ำตกด้วยเลยค่ะ สะดวกดี

ออกจากน้ำตกเรามุ่งสุ่วัดอักโขชัยคีรี เส้นทางนี้แหล่ะที่เราหลงทางโดยมิน่าให้อภัยเลย เพราะออกจากน้ำตกแล้วเราขับไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสามแยก เราก็เลี้ยวขวาไปเลยค่ะ ทั้งๆที่ตัววัดนี่อยู่ตรงสามแยกนั้นพอดี แค่เงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนก็จะเห็นวัดแล้ว ตรงข้ามทางแยกนี้ เป็นบันไดวัดสูงๆ ขึ้นไป แต่ตอนขับไม่ได้มองตรงไปข้างหน้างัย อะดิ เลยต้องขับรถวนเขาไปลูกนึงเพื่อเลี้ยวกลับมา แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาลูกนี้ไม่ค่อยมีรถขับขึ้นมาเลย ดูได้จากต้นไม้ข้างทางที่มันยื่นเข้าหาถนนมาจนกินเลนไปเลนนึงเลยอะ แล้วที่ตรงนี้ก็ทำให้เราเห็นเมืองลำปางจากด้านบนด้วย สวยดี แถมทางยังชันดีด้วย เลี้ยวก็เยอะ หนุกดีเหมือนกันค่ะ

ในที่สุด เราก็ถึงวัดอักโขชัยคีรี ที่นี่เราก็ได้เห็นพระธาตุหัวกลับเช่นกันค่ะ ที่นี่ต่างจากที่วัดพระธาตุริมปิงตรงที่ เราเห็นเงาเป็นสีทองของพระธาตุด้วยเลยค่ะ และไม่ได้มีแค่นี้นะคะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีก คือ ไม้วาศักดิ์สิทธิ์ (ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อนี้หรือป่าว หากไม่ใช่ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ)

หากเราอยากรู้ว่าเรามีบุญวาสนาอยู่ตอนนี้เท่าไร ให้เรานำไม้วานี้มาวัดความยาวระหว่างนิ้วกลางซ้าย ไปจนถึงนิ้วกลางขวาในระดับหน้าอก หลังจากนั้น ให้เลื่อนหนังยางที่รัดในไม้วานี้อยู่แล้วให้อยู่ตรงความยาวที่เราวัดได้ หลังจากนั้น ก็นำไม้นี้วางตรงพระบาทของพระพุทธศักยมุณีค่ะ แล้วตั้งใจอธิษฐาณ ว่าหากเรามีบุญวาสนาจริง ขอให้ยางยืดนี้เลื่อนยาวออกไป เท่านั้นหล่ะค่ะ แล้วเราก็เอาไม้นี้ออกมาวัดความยาวเดิมอีกครั้งนึง ทริปที่ไปกะเราไม่มีใครเลื่อนยาวเลย มีของเราก็เลื่อนออกไปแค่ เซนต์เดียวเอง จริงๆ คงไม่ได้เลื่อนออกหรอก สงสัยคงวัดคลาดเคลื่อนมากกว่า พระท่านเห็นก็เลยทำให้ดูว่าถ้ายางเลื่อนออกไปจะเป็นอย่างไร สาธุ หนังยางเลื่อนออกไปจริงๆ ด้วยค่ะ ไม่รู้เลื่อนออกไปได้งัย ตาเราก็จ้องตลอด แล้วพระท่านก็ยืดอกสุดตัวจริงๆ ให้เห็นว่าความยาวตอนวัดครั้งแรกกะวัดครังที่สองนี่มันต่างกันประมาณ ฝ่ามือนึงเลยค่ะ งงดี แล้วคนที่จับไม้ไปวาง ก็ไม่ใช่พระด้วยนะคะ น้องชายเราเป็นคนไปวางเอง พยายามไม่ให้โดนอะไรเลย เผื่อยางเลื่อนเพระ error จากสิ่งแวดล้อมภายนอก 55555 ก็เป็นความมหัศจรรย์อย่างนึงที่ได้พบค่ะ พระท่านเล่าว่า แรกๆ ก็ยางไม่ยืดออกไปหรอก แต่หลังจากบวชและทำบุญกุศลมากๆ หมั่นถือศีล ก็สามารถสะสมบุญวาสนาได้ค่ะ

ออกจากวัด เราก็มุ่งเข้าตัวเมืองเลยค่ะ ระหว่างทางผ่านทะเลสาบกิ่วลม แต่พอดีขับรถเร็วไปหน่อย เลยเลี้ยวเข้าไม่ทันอะ น่าเสียดายเหมือนกัน เรากลับเข้าตัวเมืองลำปางอีกครั้ง เพื่อเที่ยวในส่วนของวัดที่อยู่ในตัวเมือง แต่ปรากฏว่า วัดปิดประตูไปแล้วค่ะ เลยเข้าไปในวัดไม่ได้ ได้แต่มองตาละห้อยอยู่ข้างนอก อ้อ แต่วัดที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมคือ วัดศรีชุมค่ะ สวยมากจริงๆ ขอบอก ที่นี่เป็นลักษณะแบบพม่าค่ะ ออกจากวัดก็มีตลาดผลไม้ เราเลยแวะซื้อส้มกินสักหน่อยนึง อ้อ วัดที่ปิดแล้วคือ วัดป่าฝางค่ะ เป็นวัดศิลปะพม่าเหมือนกัน และก็วัดไชยมงคง ตั้งอยู่แถวใกล้ๆ กันเลย แต่ที่นี่มีลักษณะคล้ายสถานที่ปฏิบัติธรรมเลย ประตุไม่ปิดหรอก แต่หมาเยอะมาก แล้วไม่ได้เป็นหมาเรียบร้อยด้วย เพราะพอเราเดินจะเข้าวัดปุ๊บ ก็วิ่งกรูกันมาอย่างน่ากัวมากกกกกค่า เราเลยถอยทีละหลายก้าว เพราะก้าวเดียวคงไม่พอ แล้วก็หันหลังวิ่งข้ามถนนไปที่รถเลยค่ะ ใช้ถ่ายรูปจากอีกฟากฝั่งของถนนเอา ก็โอเคนะ ได้วิวระยะไกล ที่นี่ก็เป็นศิลปะพม่าเหมือนกันค่ะ

เมื่อไม่ได้ไปไหนแล้ว เราก็แวะหาของกินเล่นที่ตลาดเทศบาล 2 มั้ง อยู่ตรงแถวหอนาฬิกาอะ ไม่มีอะไรมาก อาหารพื่นเมืองไม่ค่อยมีให้ทานอะ เลยเปลี่ยนใจไปทานที่กาดกองต้า ดีก่า เพราะเราเล็งตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่ที่ตลาดนี้ที่เห็นขายดีเห็นจะเป็นร้านไอติมร้านแรกเลยค่ะ มีน้ำปั่นขายด้วย แล้วบัวลอยร้านข้างๆ ก็น่าทานเหมือนกัน แต่ร้านหอยทอดฝั่งตรงข้ามน่าทานกว่า ฮี่ๆ ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้ทานค่ะ แค่แตะๆ ไอติม กะหนมหวาน แล้วก็บาร์บีคิว แต่ที่ซื้อเองคือ หนมตาล อร่อยดี จริงๆ ค่ะ รู้สึกจะมี 2 ร้านมั้ง เราซื้อร้านที่สองค่ะ หลังจากนั้น เราก็กลับไปยังกาดกองต้าดีกว่า มุ่งหน้าตรงสู่ร้านหนมจีน ป้าป๋อง ร้านนี้ขายหนมจีนหลายอย่างมาก แล้วก็มีข้าวกั้นจิ้น ด้วย เราไม่รู้จัก เจ้าของร้านบอกว่า ค่าวิชา ให้ซื้อมากินดูดีกว่า อย่าถามเลยว่าเป็นยังไง อ้าว เอาเข้านั่น ก็ได้ บ่อเป็นหยังค่ะ และมิเสียแรง อร่อยมากๆ เราเดาว่าน่าจะผัดกะน้ำต้มพะโล้ ไม่รู้นะ เดาเอาค่ะ ส่วนพี่สาวเราก็ไปซื้อแหนมปิ้งอีกร้านไม่ไกลกันมาก มาทาน อร่อยดี รสชาติถูกใจมากๆๆ ค่ะ หลังจากกินอิ่มแล้ว เราก็ลองชิมไข่ป่าม เป็นไข่ผสมแป้งมั้ง ใส่ในถาดใบตองแล้วไปปิ้งให้ร้อนจับตัวเป็นก้อนจนสุก เทซ้อสภูเขาไฟไปหน่อย อร่อยเลย แต่ยังไม่ถูกปากเราเท่าไรอะหน่ะ แหะๆๆ อ้อ เมื่อคืนวานเราก็แวะซื้อ ยำหมี่ขาวกินที่นี่ด้วย อร่อยดี ราคาถูกมาก 10 บาทเอง อ้อ มากาดนี้ อย่ามองของกินเพลินนะ ตึกเค้าสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ จะบอกให้ อ้อ มีอีกอย่าง ยำสตรอเบอรี่ เราไม่เคยกินมาก่อน ไม่รู้เมืองเหนือที่อื่นมีป่าว แต่เราก็ไมได้สั่งหรอกนะ กัวไม่ถูกปากอะ

หลังจากอิ่มจนเต็มคราบแต่ไม่ถึงที่สุด ก่อนกลับเราก็เลยแวะซื้อเฟรนช์ฟราย อาหารฝรั่ง junk food มากินหน่อย ติดนิสัยคนเมืองอะนะ

คืนนี้จริงๆ ตั้งใจว่าจะรอดูหนังเกาหลีช่อง 3 สักหน่อย แต่ไม่ไหวอะ หลับไปสะก่อน น่าเสียดายเลย




 

Create Date : 01 มกราคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2551 21:59:45 น.
Counter : 415 Pageviews.  

ลำปางมีอะไรมากกว่าที่คิดแหะ

ช่วงปีใหม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในวันที่ 28 ธันวา เพราะหัวหน้าสั่งให้ต้องมาทำงานวันที่ 1 มกรา โหย เริ่มต้นปีด้วยงาน นี่มันจะหมายความว่า ตรูต้องทำงานไปตลอดปีเลยรึป่าวหว่า ไม่ได้ชอบนะ ยิ่งขี้เกียจๆ อยู่ด้วย เซ็งโคตร!!!!

หลังจากทำใจได้พักใหญ่แล้ว ว่าโปรแกรมกินลมภาคเหนือจะแห้วอย่างแน่แท้แล้วนั้น ก็เลยหันเส้นทางใหม่ เที่ยวแค่จังหวัดเดียวก็ได้วะ แล้วจะเอาจังหวัดไหนดีหล่ะ เลยหันไปดูแผนที่ประเทศไทยว่าจากกรุงเทพฯ นี่วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอที่ไหนน่าเยี่ยมชมบ้างคะ โฮะๆๆ แล้วก็มาจบที่ลำปาง ตรงที่ เป็นจังหวัดที่ไม่เคยเที่ยวจริงจังสักที มีแต่ขอผ่านมาและแฉลบชั่วคราวเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็แพคกระเป๋าเลยเจ้าค่ะ เราออกเดินทางกันคืนนั้นเลยมีสมาชิกร่วมเดินทาง 4 คน แม่ผู้บังเกิดเกล้า พี่สาวจอมบ่น น้องชายผู้เป็นทาสในเรือนเบี้ย และตัวข้าเจ้าเอง

ล้อหมุนจากสี่แยกนิด้าเวลา ตีสามครึ่ง มุ่งตรงสู่ถนนพหลโยธิน หลังจากเข้าเขตอยุธยา แล้วไม่น่าเชื่อว่า ถนนจะคราคร่ำไปด้วยรถ ทำไมมันออกช่วงเดียวกะตรูวะ นึกว่าจะออกกันไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว นี่ตีสามกว่าๆ แต่รถมันเต็มถนนเลยอะ


เราแวะกินข้าวเช้าที่อำเภอเกาะคาเลย ระหว่างทางไปวัดพระธาตุลำปางหลวง มาเมืองเหนือก็ต้องกินข้าวซอย แต่ที่นี่เส้นมันหนาไปหน่อยอะ หนักแป้ง ไม่เหมือนของเชียงใหม่ แต่น้ำซุปก็ยังอร่อยอยู่นะ ร้านที่ไปกินข้าวเช้า อยู่ริมน้ำวัง ขับจากถนนพหลโยธิน พอเลี้ยวเข้าเส้นไปเกาะคา แล้วจะเห็นร้านข้างทางขวามือริมน้ำวัง เป็นร้านอาหาร เลือกได้เลย ว่าจะกินกันร้านไหน แต่ถ้าขับไปใกล้ๆ วัดพระธาตุลำปางหลวงจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เค้าว่าร้านนี้อร่อย แต่เรายังไม่ได้ไปกินเพราะกลัวหาไม่เจอเลยแวะกินร้านข้างหน้าก่อนแล้ว
ใครที่จะไปลองก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ขอให้ขับรถไปจนใกล้ตัววัดแล้ว จะเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำเป็นเพิงร้านใหญ่มีป้ายบอกอยู่ ทางด้านขวามือ อยู่ ก่อนถึงวัดประมาณ 800 เมตร มั้งนะ

วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดสไตล์ล้านนา หากมาลำปางจะเห็นวัดอยู่ 2 แบบคือ สถาปัตยกรรมแบบล้านนา และวัดแบบพม่า ขอบอกว่า สำหรับคนกรุงเทพฯ แล้วสถาปัตยกรรมแบบนี้ เราชอบมาก ตอนไปแม่ฮ่องสอนก็เคยเห็นอยู่ครั้งนึง ชอบมาก ยังจำติดตาอยู่เลย มาวัดพระธาตุลำปางหลวงก็ต้องมาดูเงาพระธาตุกลับหัว แต่ที่นี่ห้ามผู้หญิงขึ้น ดังนั้นเราจึงรอดูรูปถ่ายที่น้องชายขึ้นไปถ่ายมาให้ดู

ออกจากวัดพระธาตุลำปางหลวง เราก็ไปวัดไหล่หินต่อเลย โดยขับย้อนขึ้นไป แล้วเลี้ยวขวาตรงทางสามแยกมั้ง (ถ้าจำไม่ผิด) ขับตรงไปยาวเลยทีนี้ วัดนี้เคยใช้เป็นฉากถ่ายหนังเรื่องพระสุริโยทัยด้วยนะ วัดนี้ค่อนข้างเล็กมากเมื่อเทียบกับวัดพระธาตุลำปางหลวง แต่ความสวยงามก็ยังคงอยู่ในลักษณะของความเก่าและความคงทนของไม้ ที่นี่ก็เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาเช่นกัน

ออกจากวัดนี้เราก็ขับกลับไปยังสามแยกที่เลี้ยวเข้ามาแล้วก็ขับเพื่อจะออกถนนพหลโยธินเหมือนเดิม แต่ก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปออกถนนพหลโยธิน เราขับตรงไปเพื่อที่จะแวะวัดพระธาตุจอมปิง ทางไปจะเป็นสามแยก หลังจากเลี้ยวจากถนนพหลโยธิน เข้าสู่เกาะคาแล้ว จะเจอสามแยก เลี้ยวขวาไปพระธาตุลำปางหลวง เลี้ยวซ้ายไปพระธาตุจอมปิง ขับไปไกลเหมือนกันที่นี่ วัดที่นี่จะเล็กๆ เหมือนกัน และที่นี่เราก็ได้เห็นเงาขององค์พระธาตุด้วยตาตัวเองด้วย โดยให้เราเดินไปที่อุโบสถที่อยู่ด้านหลังองค์พระธาตุ จะมีผู้ดูแลอุโบสถอยู่ หลังจากเราเข้าไปแล้ว เค้าจะปิดประตูหน้าต่างแล้วให้เราดูเงาที่ตกลงพื้น และก็มีเงาที่ตกลงบนขึงผ้าใบขาว รวมถึงสามารถให้เงาตกลงมายังเสื้อเราได้ด้วย โดยต้องเดินไปใกล้ๆ จุดของรูที่หน้าต่างค่ะ แต่ภาพที่ถ่ายมาจะไม่ชัดเท่าที่วัดพระธาตุลำปางหลวงนะ

เสร็จแล้วเราก็ออกจากเกาะคา มุ่งตรงสู่ตัวเมืองเลยค่ะ เพื่อเข้าที่พักก่อน เราเลือกพักที่สิริเพลสอพาร์ทเมนต์ ที่นี่โอเคเลยนะ ราคาไม่แพงด้วย 400 บาทต่อคืน (ให้ค่าโฆษณานู๋ด้วยจิ)

พอถึงที่พักเราก็หลับยาวเลยจนถึงบ่ายแก่มากกก เกือบบ่ายสาม แล้วเลยออกไปหาของกินดีกว่า พอดีทริปนี้มาแบบสบายๆ เลยไม่รีบเร่งไรมาก แต่เวลาเที่ยวดันมีน้อยอะดิ เราขับไปเข้าทางวงจรอุบาทว์ (น้องมันตั้งชื่อนี้เพราะว่า เป็นทาง one way โดยส่วนใหญ่ ตอนแรกไม่ชินทางเลยงงเป็นไก่ตาแตก ว่าเส้นไหนทะลุเส้นไหนวะ แต่หลังจากขับไปทั่วแล้ว เลยสบายมาก รู้ทางเหมือนเป็นคนลำปางเลยนะเจ้า

เราแวะกินข้าวกลางวัน (จิงๆ น่าเป็นข้าวเย็นได้แล้ว เพราะกินตอน 4 โมงเย็นนี่นะ) ร้านนี้ hiso มากลองแวะไปทานกันนะคะ ชื่อร้านผัดไทยายฟอง อยู่ใกล้ๆ วัดสวนดอก ก่อนถึงห้างเสรี......... (มั้งจำชื่อห้างไม่ได้อะ) เราสั่งผัดไทกุ้งสด ขอบอกว่ากุ้งตัวใหญ่มาก เวลาสั่งผัดไทกุ้งสดที่กรุงเทพฯ ไม่เห็นจะให้ตัวขนาดนี้เลย แต่ราคาก็สมกับตัวกุ้งนะ จานละ 80 บาท ให้กุ้ง 3 ตัว อร่อยดีนะ แต่จืดไปนิด แต่ไม่ serious เลย เพราะกุ้งตัวใหญ่ดี ชอบๆ ระหว่างนั่งกิน เราก็เหล่รถม้าข้างทางที่ผ่านมายั่วกิเลสให้อยากนั่งเหลือเกิน ตอนแรกว่าจะแวะเที่ยววัดตอนเย็นหน่อย เลยเปลี่ยนใจนั่งรถม้าชมเมืองดีก่า เพราะจะได้สำรวจเส้นทางเดินรถไปด้วยงัย เราขับรถไปจอดที่สถานที่ราชการ ตรงข้ามสถานีตำรวจ ตรงนั้นไกลไปหน่อย เพราะเกือบจะสุดถนน one way นี่แล้ว แต่ก็หาที่จอดรถง่ายสุดแล้ว ที่อื่นหาที่จอดยากมากเลยอะ ค่าชมรถม้าก็เที่ยวละ 200 บาทค่ะ นั่งได้ 4 คนเลย ไม่น่าเชื่อ 6 โมงเย็นที่ลำปาง ฟ้าจะมืดเร็วมาก ถ่ายรูปอยู่ดีๆ ฟ้าก็เหมือนเฉยเลยอะ เราได้แวะศูนย์เซรามิกสวัสดิการด้วย อยู่ข้างๆ สถานีตำรวจ มีของตรึมเลย ราคาบางอย่างก็ถูกกว่านอกเมือง บางอย่างก็แพงกว่า indra outlet นะ แล้วแต่ชอบละกัน เลือกๆ เอาดู

เราจบวันนี้ ด้วยการ ไปเดิน กาดกองต้า มา อยู่แถวๆ ถนนเส้นนั้นเหมือนกัน หาไม่ยาก หลังจากวนรถไปมา ก็จะเห็นกันเอง อยู่ถนนเส้นซ้ายสุดถ้าหันหน้าไปทางสถานีตำรวจนะ ที่นี่มีของกินน่ากินเพียบเลย ส่วนของขายยังเฉยๆ อยู่ เพราะมีของพื้นเมืองน้อยไปหน่อย แต่อาหารแปลกๆ เยอะดี สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ทานอาหารเหนืออย่างเรา

ถนนเส้นนี้ยาวเหมือนกันนะ เราเดินจนเมื่อยเลย หลังจากนั้นก็กลับที่พักดีก่า คืนนี้ ขอหลับพักผ่อนหน่อย แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ เช้าพรุ่งนี้นะจ๊ะ




 

Create Date : 01 มกราคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:49:26 น.
Counter : 698 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

chocomania
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ได้เกิดเป็นคนทั้งที ใช้ชีวิตให้เต็มที่หน่อยดีมั๊ย

แต่ถ้ากระเป๋าตุง ก็คงทำได้อย่างใจอยากแล้วอะนะ
Friends' blogs
[Add chocomania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.