AZURE
Group Blog
 
All Blogs
 
ไปดูหนังมา : In time

ได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาแบบไม่ตั้งใจ เข้าไปแบบว่าไม่ได้ดู trailer หนังมาก่อน ทำให้ โอกาสประทับใจจะสูงกว่าปกติ เพราะเข้าไปแบบไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนัง
.
.
.
หนังเรื่องนี้...ไม่ใช่หนังสไตล์จะประทับใจมาก แต่ชอบตรงที่ทำให้ได้คิดตลอดเวลาที่ดูหนัง....

อันดับแรก เข้ามาดูเพราะ Justin Timberlake เลย 5555
หนังเปิดเรื่องดีนะ เราว่า เพราะมาถึงก็ให้รู้เลยว่า time has become the currency ฟังแล้วก็งง ว่า เป็น Currency ยังไง พอดูไปแล้วก็ อ้อ เจ๋งว่ะ ชอบอะ คิดได้งัย คนแต่งเรื่อง

หนังกระเแทกให้รู้ว่า "เวลา" มันสำคัญมากขนาดทำให้ "ชีวิตคนตายได้" กันเลยทีเดียวเชียว นี่แหล่ะ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูหนักดี

แล้วก็ฉากที่ Justin วิ่งมาหาแม่ ฉากนี้ ได้ใจมากเลย ถึงจะเดาได้ว่า ไม่ทัน ตายชัวร์ แต่ก็สะกิดความรู้สึกได้เยอะเลยอะ

หนังเรื่องนี้ ดูไปดูมา เริ่มรู้สึกว่า โครงหนังคล้ายๆ Robin Hood อะ ขโมยเวลาจากคนรวยไปให้คนจนกว่า

ซึ่งก็ดูว่า ไม่น่าจะเสียหายอะไร แต่เริ่มมาสะดุดตรงที่ นายธนาคาร พ่อนางเอก บอกว่า จะให้เอาเงินไปให้คนในชุมชนนั้นเหรอ?

ทำให้ ฉุกคิด ขึ้นมานิสนึง เสร็จแล้วก็ต่อเนื่องด้วย Time Keeper พูดว่า ทำแบบนี้เท่ากับเป็นการทำร้ายคนในชุมชน จนมาถึงฉากที่เวลา 1 ล้านปี ถูกขโมยไปจากธนาคารและถูกเอาไปแจกจ่ายให้คนจนแต่ละคน จนเกิดการโกลาหลในระบบเงินตรา (เวลา) ของธนาคาร ลูกน้องก็ถามนายธนาคารว่า จะทำไงกับระบบ นายธนาคารก็บอกว่า ระบบมันทำงานของมันไปแล้ว

ตรงนี้ แหล่ะ ที่ทำให้คิดว่า Justin น่ะ พลาดไปแล้ว (ไม่รู้คนอื่นคิดว่าไง)
หนังแสดงให้เห็นว่า มีความเหลื่อมล้ำกันสูงในหมู่คนรวยและคนจน (ซึ่งก็จริงในทุกสังคม แม้จะเป็นในประเทศพัฒนาแล้วก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนมันห่างกันมากแค่ไหน ยิ่งห่างกันมาก ปัญหาก็ยิ่งเยอะ)

ทีนี้ คุณสุดหล่อ (พระเอกของพอนจัง) ก็คิดว่า ถ้าทุกคนในชุมชนได้เวลาเพิ่มขึ้น เค้าก็จะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ จุดนี้ คิดว่าถูก แค่มีเราให้โอกาสกับแต่ละคน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคน เค้าจะรู้จักจัดการกับสิ่งที่เค้าได้มายังไง

แต่การให้แบบ Justin นี่แหล่ะที่ผิด เพราะคนที่ได้รับก็ไม่รู้คุณค่าของมัน ได้มาง่าย ก็ใช้มันสะเลย เห็นได้จาก คนเลิกไปทำงาน หันหน้าเข้ามาเมืองใหญ่ ตรงนี้ ก็ไม่ผิดหรอก เพราะคนที่ด้อยโอกาสกว่า เค้าก็คงมีความฝันที่อยากจะเห็นโลกอีกโลกที่เค้าไม่เคยเห็น หรืออยากจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากความจนตรงนั้น

หนังไม่ได้บอกว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าเปรียบกับโลกความจริง คนเราถ้าได้มาแล้วไม่เก็บ หรือสร้างต่อ แต่กลับใช้ๆ ไปเรื่อยๆ วันนึงมันก็ต้องหมดอยู่ดี แต่ใครจะรู้ ในหนัง คนในชุมชนนั้นคงแค่แวะเข้ามาดูความซิวิไลซ์ของเมืองใหญ่ แล้วคงกลับชุมชนเดิมมั้ง (แต่ เอ๊ะ ทำไม ต้องเลิกทำงานด้วยเนี่ย)

ตัวอย่างนึงที่เห็นในหนังคือ เพื่อนพระเอก ได้เวลา มีชีวิตเพิ่มอีก 10 ปี ดีใจมาก ไปกินเหล้า จนตาย (อันนี้ ไม่รู้ ดีใจตาย หรือ โดนปล้นเวลา ตายกันแน่) บางที คนที่ไม่เคยได้อะไรเยอะๆ เลยในชีวิต จู่ๆ ไปให้เค้าแบบไม่ทันตั้งตัว ก็คงต้องมีชอก กันมั่งอะเนอะ ว่าแต่พระเอกเราได้เวลาเพิ่มเป็น 100 ปี กลับไม่ชอคแหะ (ฉลาด น่ารักมาก )

ตอนจบของหนังเลยแอบคิดว่า ถ้าจะช่วยให้คนในชุมชนอยู่รอดได้นานขึ้นโดยไม่ต้องปล้นเวลามาแจกจ่าย อาจใช้วิธีการ ลดดอกเบี้ยกู้เวลาก็ได้นะ ถึงจะไม่ใช่การให้เปล่า แต่ก็เป็นการช่วยทางอ้อมอีกทางหนึ่งได้เหมือนกัน (มั้ง)

แอบคิดนิสนึงว่า Time Keeper ตายไม ยังไม่ทันได้รู้ว่า พระเอกชั้นเป็นคนดี ก็ตายสะแหล่ะ รู้ก่อนค่อยตายได้ปะ (แอบเคืองนะเนี่ย)

หอมปาก หอมคอ แค่นี้แหล่ะ อิอิ

ดูหนังเรื่องนี้ อยู่ดีๆ ก็มี คำว่า poverty line โผล่ขึ้นมาในหัวสะงั้น นี่แหล่ะ ความเหลื่อมล้ำในสังคม


P.S. Do not waste your time


Create Date : 13 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2554 1:41:37 น. 1 comments
Counter : 981 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: มิลเม วันที่: 28 ธันวาคม 2554 เวลา:14:12:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chocomania
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ได้เกิดเป็นคนทั้งที ใช้ชีวิตให้เต็มที่หน่อยดีมั๊ย

แต่ถ้ากระเป๋าตุง ก็คงทำได้อย่างใจอยากแล้วอะนะ
Friends' blogs
[Add chocomania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.