Group Blog
 
All Blogs
 
ความเหลวแหลกแห่งราชวงศ์ตังฮั่น

ราชวงศ์ตังฮั่นซึ่งก่อตั้งโดยพระเจ้าฮั่นกองบู๊เต้เล่าซิ่วหรือหลิวโซ่วนั้น ต้นวงศ์ก็ยังมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ไม่น้อย หากแต่ปลายวงศ์ซึ่งสืบลงไปนั้นกลับเริ่มตกต่ำ ฮ่องเต้ครองราชย์โดยมิสมแก่อายุของตัว แลหลายพระองค์ก็ครองราชย์แลสวรรคตเสียแต่อายุน้อยเป็นอันมาก ขันที ขุนนางใหญ่ แลไทเฮานั้นได้กุมอำนาจไว้หลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้ายปลายราชวงศ์ตังฮั่น อำนาจในราชสำนักถูกพวกขันทีกลุ่มหนึ่งยึดเอาไว้ได้ ต่อจากนั้นบรรดาประยูรญาติเชื้อพระวงศ์ทั้งปวงก็พากันมาแย่งชิงซึ่งอำนาจกันอีกเป็นหลายครั้ง เมื่อเป็นดั่งนี้แล้ว ที่ไหนเศรษฐกิจ การศึกษา แลการทหารจะรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนได้ การเศรษฐกิจ การศึกษาและการทหารตกต่ำวุ่นวายถึงขีดสุด ข้าราชการคนหลวงทั้งปวงกินสินบาทคาดสินบนเป็นอันมาก บรรดาไพร่บ้านพลเมืองได้ความเดือดร้อนนัก

ความโกรธแค้นของราษฎรมาถึงจุดแตกหักเมื่อศักราชจงผินที่ 1 แห่งรัชกาลพระเจ้าฮั่นเลนเต้ หรือเทียบเป็นสากลคือปี ค.ศ.184 เกิดกบฏไท่ผินเทียนเต้า หรือที่เรียกกันว่า กองกำลังโจรโพกผ้าเหลือง นำโดยเตียวก๊ก(จีนกลางว่า จางเจี่ยว) เพราะได้ใช้การโพกผ้าเหลืองบนศีรษะตัวนั้นเป็นสัญลักษณ์นั่นเอง



กองกำลังผ้าเหลืองก่อตัวขึ้นก่อการทั่วขอบขัณฑสีมา สร้างความสะท้านสะเทือนทั่วแว่นแคว้น จนทางราชสำนักจำต้องมีราชโองการขอให้เมืองต่างๆระดมกำลังทหารปราบโจรกลุ่มนี้ให้ได้เด็ดขาด สุดท้ายโจรโพกผ้าเหลืองก็ถูกปราบจนราบคาบสิ้นลง เตียวก๊กถูกฆ่าตายในปีเดียวกัน(ค.ศ.184)



ในบรรดากองทหารซึ่งรวมกันมาปราบโจรนี้ มีกองกำลังอิสระของบุคคลสำคัญยิ่งสามนาย นายหนึ่งเรียกว่าโจโฉ นามรองนั้นว่า เมิ่งเต๊อะ (จีนกลางอ่านว่า เฉาเชา) ซึ่งต่อมาได้เลื่อนเป็นที่จี้หนานเซี่ยน(นายอำเภอจี้หนาน)



นายหนึ่งเรียกว่าซุนเกี๋ยน(จีนกลางอ่านว่า ซุนเจียน) นามรองว่า บุ๋นไท่(เหวินไท่) ซึ่งตำแหน่งเป็นที่ปู้ซือหม่า



แลนายสุดท้ายนั้นเรียกว่าเล่าปี่ (จีนกลางว่า หลิวเป่ยหรือหลิวเป้ย) นามรองว่า เหี้ยนเต๊ก ซึ่งกาลต่อมาได้ตำแหน่งเป็นที่อานสี่เสี่ยนเวย (ผู้บังคับกองทหารอำเภออานสี่)


อันสามนายซึ่งว่ามานี้ ในกาลต่อมาเป็นผู้บุกเบิกแห่งสามก๊ก

ฝ่ายกำลังโจรโพกผ้าเหลืองซึ่งรอดจากปราบปรามได้นั้นต่างก็หนีไปหลบภัยทางการ ณ ป่าเขาลำเนาไพรที่ต่างๆ การดูดุจจะสงบราบคาบลงแล้ว

แต่แล้ว ในศักราชจงผินที่ 5 หรือเทียบเป็นปีสากลได้ ค.ศ.188 พวกกบฏรวมตัวกันได้กำลังพลเป็นอันมาก ยกทัพเข้าตีเมืองใหญ่น้อยทั้งปวงทั่วขอบเขตขัณฑสีมาได้เป็นหลายเมืองทั้งเล็กแลใหญ่ การครั้งนี้พวกโจรกบฏใช้การแยกโจมตีในที่ต่างๆพร้อมเพรียงกัน ซึ่งสร้างความกังวลแก่ทางราชสำนักยิ่งนัก อาทิ กองกำลังเฮยซาน เรียกเป็นคำไทยว่ากองทัพภูผาดำ กองกำลังหวงหลง แปลเป็นไทยว่ามังกรเหลือง กองกำลังป๋ายปอ แปลเป็นไทยว่าเกลียวคลื่นซึ่งมีสีขาว กองกำลังผิงฮั่น แปลเป็นไทยว่าพิชิตฮั่น กองกำลังต้าจี้ แปลเป็นไทยว่าแผนการอันใหญ่ แลกองกำลังเหลยกง อันแปลเป็นไทยได้ว่าผู้เฒ่าสายฟ้าทั้นี้เป็นต้น ในกองกำลังกบฏเหล่านี้ กลุ่มอันเล็กจักมีกำลังราวหกเจ็ดพันส่วนกลุ่มอันใหญ่ทั้งปวงจักมีกำลังราวสองหมื่น

แต่ยังมีเตียวเหยียน(ภาษาจีนกลางว่า จางเยี่ยน...Zhang yan) ชาวเสียงสาน(เซียงสัน..เมืองเดียวกับจูล่ง) ผู้นำกองกำลังเฮยซาน(ภูผาดำ) ซึ่งคนทั้งปวงกล่าวกันว่ามีกำลังพลมากถึงสิบหมื่นแลร้อยหมื่นนั้นทีเดียว

ม้าห้าง(หม่าเซี่ยง...Ma xiang) แห่งยิโจว(เอี๊ยะจิ๋ว) ได้ก่อการ ณ ดินแดนกิ่มเต๊ก ทลายกำแพงเมืองฆ่าทั้งข้าหลวง เจ้าเมือง แลแม่ทัพนายกองตายสิ้นทั้งหมด ฝ่ายกำลังของกบฏได้โจมตีเมืองเฉิงตูแห่งเสฉวน(ต่อมาเป็นจ๊กก๊ก)ไม่ช้าเฉิงตูก็แตกพ่าย ม้าห้างตั้งตนเป็นองค์ฮ่องเต้โอรสสวรรค์ ณ เมืองเฉิงตู

ไม่นานต่อมา กองกำลังฝ่ายกบฏเริ่มแตกคอกันเอง เตียวฬ่อ(จางลู่) และเตียวซิว(จางซิว)แยกตัวออกไป มิช้านานกองกำลังกบฏฝ่ายนี้ก็ถูกขุนนางบ้านเมืองร่วมกันปราบปรามลงได้

แต่กองกำลังผ้าเหลืองที่อื่นๆ กลับรวบรวมพลได้มากมาย เช่นที่ชินโจว มินานกลับสามารถรวบรวมได้ถึงสามสิบหมื่นนาย ทั้งนี้ทำให้ข้าราชการทั้งปวงในราชสำนักตกใจหวาดกลัวนัก

พระเจ้าฮั่นเลนเต้ได้ดำเนินนโยบายใหม่ มอบอำนาจให้กับเจ้าเมืองต่างๆ เปลี่ยนตำแหน่งเจ้าเมืองข้าหลวงเป็น จิ๋วม่อ(Zhou Mu...โจวมู่) สามารถบังคับบัญชากองทหารหัวเมืองของตัวได้โดยเด็ดขาด เพื่อให้ใช้กำลังพลเหล่านี้ปราบปรามโจรลงเสีย หากแต่การผิดแปลกไปจากพระทัยของพระเจ้าเลนเต้เป็นอันมาก ด้วยเจ้าเมืองทั้งปวงครั้นได้อำนาจเบ็ดเสร็จมาในมือของตัวแล้ว ก็พากันหลงอำนาจแลกดขี่ข่มเหงไพร่บ้านพลเมืองยิ่งไปกว่าแต่ก่อนอีก ทั้งยังแก่งแย่งชิงดินแดนกันเองดังหนึ่งเหตุการณ์ครั้งแผ่นดินเลียดก๊กซึ่งแตกกันเป็นเจ็ดก๊กนั้นทีเดียว

เช่น ข้าหลวงแห่งเอ๊กจิ๋วเล่าเอี๋ยน(หลิวเหยี่ยน...Liu Yan) ได้ร่วมมือกับเตียวฬ่อ(จางลู้...Zhang Lu) ชิงดินแดนกวนตงตัดออกจากการยึดครองของราชวงศ์ฮั่น เป็นต้นดั่งนี้

ศักราชจงผินที่ 6 หรือเทียบเป็นสากลได้ปี ค.ศ.189 พระเจ้าฮั่นเลนเต้เสด็จสวรรคต ไท่จื่อรัชทายาทเล่าเปียน(จีนกลางว่า หลิวเปียน)ขึ้นครองราชบัลลังก์สืบแทน มีพระนาม พระเจ้าฮั่นเซี่ยวเต้ พระนางโฮเฮาผู้เป็นที่ไทเฮาพระมารดาได้กุมอำนาจไว้ในราชสำนัก แลแต่งตั้งพระเชษฐาของพระนางซึ่งเรียกว่า โฮจิ๋น(จีนกลางว่า เหอจิ้น..He Jin)นั้นเป็นแม่ทัพใหญ่

แต่ก็ยังเหลือก้างขวางคอคือกลุ่มขันทีที่กุมอำนาจอยู่ โฮจิ๋นจึงวางแผนสังหารขันที 8 คนลงได้ ณ อุทยานทางทิศประจิม ยึดคืนอำนาจจากทหารรักษาพระองค์ได้ แลปรึกษาด้วยอ้วนเสี้ยว(จีนกลางว่า เหยวียนส้าว หรือ หยวนซ่าว...Yuan shao) วางแผนจะกำจัดขันทีที่เหลืออยู่ แต่พระนางโฮเฮาไม่ยินยอม ด้วยถูกขันทีเกลี้ยกล่อมไว้ แผนการจึงได้ล้มไป

โฮจิ๋นครั้นเห็นพระนางโฮเฮาไม่เห็นชอบ จึงบัญชาให้ตั๋งโต๊ะ(ต่งจั๊วะ...Dong zhuo) แลติงอ้วน(ติงเหยวียน..Ding yuan) ยกทัพจากหัวเมืองเข้ามายังลกเอี๋ยงหวังฆ่าขันทีทั้งปวงนั้นให้สิ้น แต่แผนการรั่วไหล ขันทีเตียวเหยียง(จางเยี่ยน)ได้ชิงลงมือก่อน วางแผนฆ่าโฮจิ๋นลงได้

อ้วนเสี้ยวครั้นทราบว่าโฮจิ๋นถูกขันทีสังหารได้ก็โกรธ จึงยกทัพบุกพระราชวังฆ่าขันทีแลพลพรรคทั้งปวงลงรวมถึงสองพันจนสิ้น

ตั๋งโต๊ะครั้นยกทัพมาถึงลกเอี๋ยง จึงคุมอำนาจในราชสำนักไว้แลคิดจะปลดพระเจ้าฮั่นเซี่ยวเต้ออกจากตำแหน่งฮ่องเต้ อ้วนเสี้ยวครั้นทราบก็ไม่เห็นชอบ จึงถูกบีบให้ออกไปเสียจากลกเอี๋ยง ตั๋งโต๊ะครั้นสิ้นคนขัดคอจึงถอดเซี่ยวเต้ออกจากตำแหน่งแลเอาเล่าเหียบอนุชาเซี่ยวเต้ซึ่งมีพระชนมายุแต่เก้าพรรษานั้นมาเป็นฮ่องเต้แทนพระนามว่า พระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้(ฮั่นเซี่ยนตี้...Han xian di)



Create Date : 29 สิงหาคม 2549
Last Update : 28 กันยายน 2549 23:57:21 น. 0 comments
Counter : 4213 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chineseman
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Chineseman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.