Beef Wellington Mini : เสต็กเนื้อสันในห่อด้วยแป้งพายอบ

Beef Wellington คือ การเอาเนื้อสันในทั้งเส้น มาทาด้วยปาเต๊ะหรือเครื่องเทศอย่างอื่นแล้วห่อด้วยแป้งพาย นำไปอบจนสุก

Beef Wellington เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้ เพราะว่า Beef Wellington 1 ที่ ทานได้หลายคน 5 - 6 คน เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ ไม่ยาก เจ้าภาพจะได้มีเวลาสังสรรในงานปาร์ตี้ ไม่ต้องเสียเวลาขลุกอยู่แต่ในครัว

แต่ถ้าจะทำ Beef Wellington ทานเพียง 2 - 3 คน ก็ต้องทำเป็น
Beef Wellington Mini หรือ Beef Wellington สำหรับแต่ละท่าน
เลยเรียกว่า Beef Wellington Mini

ทำโดยใช้แป้งพายห่อเนื้อสันในชิ้นเล็กแทนที่จะเป็นทั้งเส้น สำหรับทานเพียง 1 ท่าน

Beef Wellington Mini


เสต๊กเนื้อสันใน ประมาณ 200 กรัม/ชิ้น


นำเนื้อสันในไปนาบในกระทะเหล็กร้อนๆ ประมาณ 30 วินาทีต่อด้าน


นาบพอให้ผิวของเนื้อสุกเท่านั้น เพื่อที่จะได้ปิดไม่ให้น้ำหวานของเนื้อไหลออกมาเวลาอบ

เนื้อที่นาบกระทะแล้ว เอาเหล้าคอนยักหรือบรั่นดีทาที่ผิวเนื้อ ทิ้งให้เย็น


แป้งพายใช้แบบสำเร็จรูป มีขายที่ วิลลา ฟูดแลนด์


Beef Wellington ตัวเนื้อหลังจากทำการนาบแล้ว จะต้องมีพวกปาเตะ (ตับบด) หรือ กลุ่มอาหารอย่างอื่นๆ มาวางบนเนื้อ เพื่อชูรส ที่ใช้พวกปาเตะหรือตับบดก็คงจะให้รสชาติใกล้เคียงกับ Rossini Steak (เสต๊กกับตับห่าน)
บางตำราก็จะใช้พวก Parma Ham หุ้มเสต็ก (รสเค็มและไขมัน เนื่องจากเนื้อสันในไขมันน้อย)

ครั้ง นี้ทำแบบง่ายๆ เอาเห็ดเข็มทองและหอมหัวใหญ่ซอยละเอียดผัดกับเนย ใส่ไทม์ไปนิดๆ เพื่อชูรส เป็นเครื่องประกอบเสต็ก ผัดแล้วทิ้งให้เย็น ตอนี้ให้ชิมรสดูก่อน ถ้าใช้เนยที่มีรสเค็มก็ไม่ต้องปรุงรสเค็ม

จัก การแบ่งแป้งพายเป็น 2 ชิ้น ทำการคลึงให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสประมาณ 20 x 20 ซ.ม. เอาหอมใหญ่และเห็ดที่ผัดไว้ 2 ช้อน วางลงไปที่แป้งพาย


เอาเนื้อสันในที่ทอดไว้วางลงไป


ปิดทับเนื้อด้วยหอมและเห็ดผัด


เอาไข่แดงทาที่ขอบแป้งแล้วจัดการพับแป้งพายหุ้ม

หุ้มพอหลวมๆ ไม่งั้นตอนอบก้อนพายนี้จะแตก


ห่อครบ 2 ชิ้นก็เอาไปแช่ตู้เย็น ช่องธรรมดาไว้ก่อน รอจนใกล้จะทาน
ก็เอาออกมา ทาด้วยไข่แดง


อบในเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศา 20 - 25 นาที ก็สุก


Beef Wellington


ทำ 2 ชิ้น ทานคนละชิ้น


ผ่าครึ่งดูด้านใน เสต็กออกมาแบบ Medium Rare นิดๆ


เนื้อสุกกำลังพอดี Medium Rare
ถ้าชอบความสุกแบบอื่นๆ ก็เพื่มหรือลดเวลาในเตาอบเอา


Beef Wellington ทานกับซอสแบบต่างๆ ได้ตามชอบ




Beef Wellington เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ ไม่ยากเลย

ทำแบบเป็นชิ้นๆ สำหรับแต่ละท่านสะดวกมาก

ไม่ต้องรอทำแบบเนื้อสันในครั้งละ 1 เส้น ซึ่งต้องทานกันหลายๆ คน

เพื่อนๆ ลองทำทานกันดู ง่ายๆ




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2552   
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 12:30:05 น.   
Counter : 8992 Pageviews.  


หัวหมู หูหมู ลิ้นหมู ต้มซีอิ้ว

ที่ตลาดสดยิ่งเจริญ จะมีแผงขายหัวหมูไหว้เจ้า อยู่หลายแผง
จะขายพวก หัวหมู ลิ้นหมู หูหมู ที่ไปต้มให้เปื่อยแล้ว
สามารถที่จะซื้อมาทานได้เลย โดยทางร้านจะให้น้ำจิ้มพริกตำมาด้วย

พอซื้อมาแล้ว จะทานเลย หรือ เอาไปยำก็ได้ ไม่ผิดกติกา

แต่ ชอบเอาพวก หัวหมู หูหมู ลิ้นหมู นี้ ไปปรุงต่อ โดยไปต้มกับ ขิง ต้นหอม เหล้าจีน และ ซีอิ้วญี่ปุ่นหรือโชยุ เพราะจะทำให้หัวหมูนี้นิ่มขึ้น และ มีรสชาติของขิงและซีอิ้ว ทำให้ท่านผู้ใหญ่ทานได้สะดวกขื้นเพราะมันนิ่มมาก ส่วนผู้น้อยทั้งหลายก็ชอบเพราะมันมีรสชาติดีกว่าหัวหมูต้มเฉยๆ

หัวหมู หูหมู ลิ้นหมู ต้มซีอิ้ว


ส่วนประกอบ

- หัวหมู หูหมู ลิ้นหมู หั่นเป็นชิ้นเล็ก
- ขิงหั่นเป็นแว่นๆ 10 แว่น
- ต้นหอม 10 ต้น หั่นยาว 10 ซ.ม.
- เหล้าจีน เช่าซิง 1 ถ้วย
- ซีอิ้วญี่ปุ่น (โชยุ)

หัวหมู หูหมู ลิ้นหมู


ต้นหอม ขิง


ตั้งหม้อ ใส่น้ำมัน 2 ช้อน ใส่ขิงและต้นหอมลงไป


ผัดประมาณ 2 - 3 นาที พอมีกลิ่นหอมก็เท หัวหมู หูหมู ลิ้นหมู ลงไปในหม้อ


เทเหล้าจีนลงไป


พร้อมทั้งซีอิ้วญี่ปุ่น 1/3 ถ้วยก่อน


กวนให้ทุกอย่างเข้ากัน


พอเดือด ปิดฝา หรี่ไฟเป็นไฟอ่อนๆ (Simmer)


ระหว่างเคี่ยวก็เปิดขวาหม้อเอาทัพพีกวนเป็นช่วงๆ
เคี่ยวไปประมาณ 1 ช.ม. พวกหัวหมูทั้งหลายก็จะนิ่ม
น้ำซอสจะเข้มข้นเพราะแกลาตินละลายออกมา
ชิมดู ถ้าเปื่อยนิ่ม ก็ดับไฟได้เลย



ตักใส่จาน หรือนำไปผัดกับผักสดก็ได้ ทานกับพวกก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม ได้ทั้งนั้น
หรือจะทานแกล้มเหล้าเลยก็ได้







 

Create Date : 06 สิงหาคม 2552   
Last Update : 6 สิงหาคม 2552 15:27:33 น.   
Counter : 25794 Pageviews.  


โอวต้าว หอยนางรมทอด ของชาวภูเก็ต

ไม่รู้ว่าจะสะกดว่าอย่างไรดี
บางท่านก็ใช้ โกต้าว บางท่านก็ใช้ โอวต้าว หรือ โอต้าว
แต่ มันเป็น หอยนางรมทอด ใส่เผือก อาหารของชาวจีนฮกเกี้ยน นำเข้ามาที่ภูเก็ต และ ที่สิ่งห์โปร์ และปีนัง ด้วย โดยที่ โอวต้าวของทั้ง 3 เมืองก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้างไม่มาก

แต่มีผู้รู้ได้มาให้คำแนะนำว่า ควรจะเรียกว่า โอวต้าว เพราะ โอว แปลว่าเผือก

โอวต้าวหรือหอยนางรมทอดนี้ เป็น อาหารว่าง ใช่แล้วอาหารว่างของชาวภูเก็ต ไม่ใช่อาหารมื้อหลักแบบชาวภาคกลาง เพราะชาวภูเก็ตทานโอวต้าวกันตอนบ่าย และ ตอนกลางคืนโดยเป็นอาหารว่างมื้อดึก

ชาวภูเก็ตทานอาหารกันวันละ 5 มื้อ เช้า เที่ยง บ่าย ค่ำ ดึก

โอวต้าว


หอยนางรมที่ภูเก็ตจะมีขนาดเล็กกว่าที่ ภาคกลาง ชาวภูเก็ตเรียกว่า หอยติ้บ

โอวต้าวที่ภูเก็ตในปัจจุบันนี้ ความอร่อยหายไปเยอะเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
คงเป็นเพราะยังตั้งขายราคาเพียง 30 บาทเท่านั้น ไม่สามารถขึ้นราคาได้
ดัง นั้นโอวต้าวที่ภูเก็ตตอนนี้จะมีหอยนางรมอยู่น้อยกว่าเมื่อก่อนมากเพราะทาง ร้านไม่สามารถแบบรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ในขณะที่หอยนางรมทอดที่ กทม. ราคาจานละ 50 - 60 บาท

(ตอนนี้ไปเจอร้านโอวต้าวจี้เปี่ยน ใส่หอยนางรมเยอะแบบต้นฉบับแล้ว)

ส่วนผสม

แป้งโอวต้าว
- ข่า 2 - 3 แว่น
- กระเทียม 2 - 3 กลีบ
- รากผักชี
- แป้งมัน 2/3 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
- น้ำประมาณ 1 + 1/4 ถ้วย (1.25 ถ้วย)

ส่วนประกอบอื่นๆ
- หอยนางรมสด
- กากหมู
- เผือกหั่นชิ้นเล็ก ต้มให้เปื่อย
- พริกตำ
- ต้นหอมซอย

เอา กระเทียม ข่า และ รากผักชี ตำให้ละเอียด



นำไปผสมกับแป้ง


เผือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ


นำไปต้มให้พอเปื่อยๆ ไม่ถึงกับยุ่ย


นำพริกชี้ฟ้าแห้ง 5 ดอก แกะเม็ดพริกทิ้ง
ไปแช่น้ำจนนิ่ม
ใส่ครกตำให้ละเอียด หรือใส่เครื่องบดก็ได้


ส่วนประกอบที่สำคัญในการทำโอวต้าวคือ กากหมู
ใส่เวลาผัดตอนแป้งสุกแล้ว


หอยนางรมสด ทำทานเอง ไม่ได้ทำขาย
ก็ต้องใส่หอยนางรมเยอะๆ อร่อยดี


ตอนนี้ตั้งกระทะใส่น้ำมัน
กระทะที่ทอดโอวต้าวหรือหอยทอด ต้องเป็นกระทะเหล็ก
เวลาทอด แป้งจะกรอบกว่า
ไม่แนะนำให้ใช้กระทะเทฟลอน

ตอนนี้ก็เอาทัพพีกวนแป้งให้เหลวก่อน เพราะแป้งมันทิ้งไว้มันจะนอนก้น
พอแป้งเหลวก็ใส่ เผือกและหอยนางรมเข้าไปในแป้ง


พอกระทะร้อน ใส่น้ำมัน ตักแป้งหอยทอด ราดในกระทะ
ต่อยไข่ใส่ไป 2 ฟอง ใช้ทัพพีเกลี่ยไข่ไปให้ทั่ว


พอด้านล่างสุก เกรียม กลับแป้ง


เอาพริกตำ ใส่ไป 1 ช้อน


ใช้ตะหลิว 2 อัน จัดการตัดแป้งโอวต้าวในกระทะเป็ฯชิ้นเล็กๆ
ผัดให้เข้ากับพริกตำ ตอนนี้กลิ่นของพริกตำจะฟุ้งขึ้นมา
เอากากหมูโรย


ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำส้มสายชูเล็กน้อย
คลุกให้เข้ากัน


ตักใส่จาน โรยหน้าด้วย หอมเจียว และ ต้นหอมซอย


ตอนหลังก็ทอดเต็มกระทะเพราะขี้เกียจทำทีละนิด



โกต้าว หอยนางรมทอดภูเก็ต




ถ้าไปภูเก็ตก็หาโอกาสไปชิมโอวต้าวดู และ ลองทานแบบชาวภูเก็ตดู วันละ 5 มื้อ ว่าอิ่มหรือไม่อิ่ม

ทานแล้วชอบก็มาลองทำดู ง่ายๆ ผสมแป้งเองได้ ไม่ต้องไปซื้อแป้งหอยทอด





 

Create Date : 05 สิงหาคม 2552   
Last Update : 2 มีนาคม 2553 11:03:28 น.   
Counter : 11519 Pageviews.  


คั่วกลิ้งปลากระพงขาว

คั่วกลิ้งเป็นอาหารใต้

เดิมจะเป็นคั่วกลิ้งเนื้อ

ต่อมาคนทานเนื้อน้อยลง

เลยมี คั่วกลิ้งหมู

และก็มีการพัฒนาต่อมาเป็น "คั่วกลิ้งปลา" ร้านปักษ์ใต้ 41 ที่วัดลาดพร้าวทำขาย

คั่งกลิ้งเป็นการเอาเนื้อสับมาผัดกับพริกแกงแบบแห้ง ไม่ใส่น้ำมันเลย

เป็นอาหารที่เก็บไว้ทานได้หลายวันโดยเฉพาะเวลาเดินทาง

คั่วกลิ้งเป็นอาหารที่รสจัดมากๆๆๆ ดังนั้นคั่งกลิ้งก็ต้องทานกับข้าวสวยพร้อมกับผักเหนาะ

วันนี้ มาทำคั่วกลิ้งปลากระพงขาวให้ผู้ใหญ่ทาน เพราะท่านไม่ค่อยอยากทานพวกเนื้อและหมู และตอนนี้ก็ไม่สามารถทานอาหารรสจัดได้เหมือนเมื่อก่อน

คอนแรกตั้งใจจะใช้ปลาอินทรีย์ทำ แต่พอไปที่ตลาดปรากฎว่าช่วงนี้ปลาอินทรีย์ขาดตลาดและราคาแพงมาก เลยใช้ปลากระพงขาวแทน

คั่วกลิ้งปลากระพงขาว


พริกแกงคั่วกลิ้ง

ตระใคร้ หอม กระเทียม ข่า ขมิ้น พริกไทย ผิวมะกรูด กะปิ และ พริกแห้ง

พริกแห้งทั่วไปจะใช้ พริกขี้หมูแห้ง 50 เม็ด ต่อเนื้อ 500 กรัม
แต่ครั้งนี้ ลดปริมาณพริกลงไป เหลือเพียง พริกขีหนูแห้ง 10 เม็ดและพริกชี้ฟ้าแห้ง 10 เม็ด เพื่อลดความเผ็ดร้อนลง



พริกแกงนำไปบดละเอียดด้วยครกไฟฟ้า


ปลากระพงขาว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ


เนื่องจากการทำคั่วกลิ้งไม่ใช้น้ำมัน ดังนั้นใช้พวกหม้อเทฟลอนดีที่สุด เพราะไม่ติด

นำพริกแกงใส่ในหม้อ เนื่องจากตอนบดพริกแกงต้องเติมน้ำลงไปอยู่แล้ว ตอนนี้เลยไม่ต้องเติมน้ำ ถ้าใช้พริกแกงสำเร็จต้องเติมน้ำลงไปด้วย


ตั้งทิ้งไว้จนเดือด


ใส่เนือปลาลงไป


คลุกให้เข้ากันกับพริกแกง


พอเดือด ปลาจะคายน้ำออกมา
ตอนนี้น้ำในหม้อจะเยอะ


กวนเนื้อปลาให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ตั้งไปเรื่อยจนกระทั่งน้ำแห้ง
ปรุงรส ด้วยเกลือ น้ำปลา


โรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย


คลุกให้เข้ากัน ดับไฟ

คั่วกลิ้งปลากระพงขาว


คั่วกลิ้งเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ เก็บไว้ทานได้หลายวัน

ครั้งหน้าจะลองทำคั่วกลิ้งเห็ดดู น่าจะทำได้เหมือนกัน




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2552   
Last Update : 4 สิงหาคม 2552 16:13:21 น.   
Counter : 8600 Pageviews.  


Tonkatsu หมูชุบเกล็ดขนมปัง + เนยแข็งสวิส ทอด

Tonkatsu โดยทั่วไปจะเป็น หมูชุบเกล็ดขนมปังทอด เป็นอาหารญี่ปุ่น ทานกับซอสทงตัตสึ รสเปรี้ยวหวาน

ที่ประเทศออสเตรียจะมีหมูชุบเกล็ดขนมปังทอดเหมือนกัน เรียกว่า
Pork Schnitzel ซื่งดัดแปลงมาจาก Wiener Schnitzel ที่ใช้เนื้อลูกวัวชุบเกล็ดขนมปังทอด Wiener Schnitzel นี้ถือได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติออสเตรีย

จะเป็น ทงตัตสึ หรือ Pork Schnitzel รสชาติก็ใกล้เคียงกัน อร่อยทั้งคู่ สิ่งที่แตกต่างกันอยู่ที่น้ำซอสเท่านั้น ทงคัตสึก็มีซอสทงคัตสึ ส่วน Pork Schnitzel นี้ ซอสจะหลากหลายกว่า มีหลายแบบ แล้วแต่ว่าอยู่ทีใหนในออสเตรีย รวมทั้ง เยอรมัน

เมนู หมูชุบเกล็ดขนมปัง + เนยแข็งสวิส เป็นการดัดแปลงเล็กน้อย โดยนำเอาเนยแข๊งจากสวิส พวก Emmental มาขูดแล้วคลุกกับเกล็ดขนมปัง
ดังนั้นหมูก็จะชุบทั้ง เกล็ดขนมปัง + เนยแข็งสวิสขูด แล้วนำไปทอด


ใช้เนื้อหมูสันนอก ซื้อมาจากห้างฟูดแลนด์
จัดการทุบเนื้อพร้อมทั้งตัดพวกเส้นเอ็นก่อน ไม่งั้นเวลาทอด ชิ้นหมูจะบิดเบี้ยว พร้อมทั้ง โรยเกลือ พริกไทย


เนยแข็ง Emmental ซื้อมาจากฟูดแลนด์ หรือจะใช้เนยแข็งสวิสแบบอื่นก็ได้


จัดการขูดเนยแข็งให้เป็นฝอยก่อน


นำเกล็ดขนมปัง (พรมน้ำเล็กน้อย) และ เนยแข็งมาคลุกกัน ใช้ปริมาณเท่ากัน


นำหมูไปคลุกแห้งสาลีก่อน นำไปชุบไข่ แล้วมาทำการคลุกกับ เกล็ดขนมปังเนยแข็ง


คลุกเกล็ดขนมปังผสมเนยแข็งให้ทั่ว พักไว้ 15 - 20 นาที


นำไปทอด ใช้ไฟกลางๆ


กลับอีกด้าน


ทอดแล้ว วางไว้ในตระแกรง


จัดการหั่นหมูทอด หั่นมะนาวไว้ด้วย

รสชาติก็มีความหอมกวานของเนยแข็งปนเข้ามาด้วย บีบมะนาวนิดๆ อร่อยดี

ส่วนซอสก็แล้วแต่ชอบ รุ่นเด็กก็ต้องซอสทงคัตสึเป็นหลัก





 

Create Date : 03 สิงหาคม 2552   
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 9:52:27 น.   
Counter : 5760 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  199  200  201  202  203  204  205  206  207  208  209  210  211  212  213  214  215  216  217  218  

swin
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 442 คน [?]




[Add swin's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com