แกงเผ็ดหมูสามชั้น ใส่ยอดหมุย (Curry Leaf) แกงเผ็ดหมูสามชั้นนี้ ได้ไปทานที่เกาะปีนัง ประเทศมาเลย์เซียมา เนื่องจากเดินชมเมืองเก่าผ่านร้าน Coffe Shop ที่มีแผงข้าวแกง (ชาวมาเลย์เรียกกันว่า Mixed Rice Restaurant)  เห็นถาดแกงเผ็ดหมูสามชั้น  ทำให้สาวกหมูสามชั้นทนไม่ไหวต้องแวะชิม เพราะไม่เคยทานมาก่อน  ที่บ้านเราแกงเผ็ดหมูสามชั้นจะเป็นพวก แกงเทโพ แกงฮังเล และ ผัดพริกขิงใส่หมูสามชั้นเท่านั้น   หมูสามชั้นเนื้อนิ่มเข้ากันได้ดีกับพริกแกงเผ็ด แกงที่ปีนังทำโดยชาวมาเลย์เชื้อสายจีน รสไม่จัดเหมือนกับแกงเผ็ดใต้ กลับมาก็ต้องมาแกงเผ็ดหมูสามชั้นทำ ใช้พริกแกงปักษ์ใต้ ผสมผงกะหรี่ลงไป แล้วใส่ยอดหมุย (Curry Leaf) เพราะที่บ้านมีต้นยอดหมุยอยู่  ยอดหมุยนี้เป็นผักที่นิยมทานเป็นผักแนมสำหรับอาหารใต้  ที่มาเลย์เรียกว่า Curry Leaf นิยมใส่พวกแกงเผ็ดและใส่ในแกงอินเดีย หมูสามชั้น  1 กก. หั่นเป็นชิ้นเล็ก หอมแขกซอย 1 ถ้วย นำไปผัด พร้อมกับพริกแกงเผ็ดใต้ 1 ขีด ใส่น้ำมัน 1/4 ถ้วย ใช้ไฟกลาง ผัดให้พริกแกงหอม ใส่ผงกะหรี่ไป 1 ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากัน ใส่หมูสามชั้น ผัดหมูด้วยไฟอ่อนประมาณ 20 นาที เนื้อหมูสุกนิ่ม  ใส่หัวกะทิสดลงไป 1/2 กก. (ประมาณ 1.5 ถ้วย) ปรุงรสเค็มด้วยน้ำปลา  ใส่ยอดหมุย 1 ถ้วย ลงไป แกงเผ็ดหมูสามชั้นใส่ยอดหมุย ทานกับข้าวหอมมะลิใหม่ร้อนๆ  เลิศ   Create Date : 07 พฤษภาคม 2558     0 comment Last Update : 27 พฤษภาคม 2558 11:18:07 น.     Counter : 3987 Pageviews.   Share Tweet

หอยนางรมผัดไข่เค็ม หอยนางรมสดนำมาผัดให้สุกปานกลางทานกับซอยไข่แดงของไข่เค็ม ซอสไข่แดงของไข่เค็ม ซื้อไข่แดงของไข่เค็มมา 10 ฟอง ราคา 55 บาท เอาไข่แดงใส่เครื่องบดอาหาร (Blender) ใส่น้ำพอท่วม ปั่นให้ละเอียด ใช้หม้อเทฟลอนขนาดเล็ก  ใส่น้ำมันลงไปครึ่งถ้วย ใส่ไข่แดงของไข่เค็มปั่นละเอียดลงไป ตั้งไฟ พอเดือดหรี่เป็นไฟอ่อน กวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำมันลอยขึ้นมา ปรุงรสเค็มด้วยเกลือ  ได้ซอสไข่แดงของไข่เค็ม ผัดหอยนางรม หอยนางรมจะมีน้ำเยอะมาก ตอนเจอความร้อน หอยจะคลายน้ำออกมา ถ้าผัดหอยโดยใช้กระทะใบบัว (WOK) น้ำจะออกมาอยู่ทีก้นกระทะ ทำให้การผัดหอยเป็นการต้มหอยนางรม  ตอนไปที่ฮิโรชิมา ได้เห็นการทอดหอยนางรมโดยใช้กระทะแบน (กระทะทอด Okonomiyaki) เขาวางหอยลงไป หอยจะคลายน้ำออกมา แล้วเจอความร้อนน้ำก็ระเหยออกไป  แสดงว่า เราต้องทอดหอยโดยใช้กระทะแบน ซื้อหอยนางรมถุงใหญ่มา 2 ถุง ราคา 200 บาท   ใช้กระทะแบน ห้ามใหญ่กระทะใบบัว (WOK) เอาน้ำมันเคลือบที่ผิวกระทะ ยกตั้งไฟ แบ่งหอยนางรมใส่ลงไปในกระทะ เกลี่ยให้หอยกระจายอยู่ด้านหนึ่งของกระทะ  ยกกระทะเอียง ให้น้ำหอยไหลออกมาอีกด้าน ผัดพอหอยสุกปานกลาง ตักขึ้น เอาซอสไข่แดงไข่เค็มใส่ในจาน ตักหอยนางรมผัดใส่บนซอส ตอนทานก็ตักหอยนางรมและซอสผสมกัน ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยดี   Create Date : 04 พฤษภาคม 2558     0 comment Last Update : 27 พฤษภาคม 2558 11:18:15 น.     Counter : 2994 Pageviews.   Share Tweet

ไปญี่ปุ่น ซื้อเนื้อวัวมาย่างทานที่อพาร์ทเม้นท์ จะได้เรียนรู้ว่าชาวญี่ปุ่นเขาทานเนื้อกันยังไง ไปเมืองโอซากา เช่าอพารท์เมนต์ที่มีครัวพร้อมเครื่องครัว ทำอาหารทานได้ ก็ถือโอกาศซื้อเนื้อญี่ปุ่นจากห้างหรูและจากซูเปอร์มาย่างด้วยกระทะทาน ทำให้เรียนรู้ว่าชาวญี่ปุ่นทานเนื้อกันแบบใหน ที่ญี่ปุ่น ตามห้างใหญ่ หรูๆ และซูเปอร์ต่างๆ จะมีเนื้อวัวหลากหลายประเภทวางขาย ในห้างหรู จะมีเนื้อคุณภาพสูง เกรดดีขาย ราคาเริ่มตั้งแต่ กก. ละ 10000 เยน ไปจนถึง 50000 เยน สำหรับเนื้อราคา กก. ละ 30000 - 50000 เยนนี้ คิดว่าควรจะเป็นเนื้อโกเบ ระดับ A4, A5 เพราะว่า ในเนื้อมีไขมันแทรกอยู่เยอะ ส่วนตามซูเปอร์เนื้อดีๆ ก็มี แพงสุดราคาอยู่ที่ กก. ละ 7000 เยน แผงขายเนื้อที่ไดมารู เนื้อที่มีราคาสูงที่สุด อยูที่ กก. ละ 50000 เยน หรือ 15000 บาท แพงมาก ครั้งแรก ไปซื้อเนื้อที่ห้างทากาชิยามา ย่านนัมบะ ซื้อเนื้อเสต็ก 1 ชิ้น หนัก 150 กรัม (ราคาประมาณ 15000 เยน/กก)  เนื้อหนาราว 7 - 8 มม. และ เนื้อที่หั่นเป็นชิ้นสำหรับย่างยากินนิขุ มาด้วย (8000 เยน/กก) ตอนกลับที่พัก ผ่านซูเปอร์ ก็แวะซื้อเนื้อที่แพงที่สุดในซูเปอร์มาด้วย (7000 เยน/กก.)   เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบกัน เริ่มด้วยการย่างเสต็กก่อน ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่ Olive oil ลงไปนิดหน่อย เอาเนื้อลงไปทอด รอไป 1 นาที กลับเนื้อ ทอดต่ออีก 30 วินาที  เอาเนื้อขึ้นใส่จาน  สิ่งที่เห็นคือ มันเนื้อออกมาเยอะมาก แสดงว่าเนื้อมีไขมันแทรกอยู่เยอะ เนื้อเสต็กจากซูเปอร์ เนื้อยากินนิขุ ครั้งที่ 2 ซื้อเนื้อมาจากไดมารู และ ซูเปอร์ เนื้อย่างยากินนิขุจากซูเปอร์ ทอดเนื้อเสต็กใหม่ 30 วินาที และ 20 วินาที   Create Date : 30 เมษายน 2558     0 comment Last Update : 25 เมษายน 2559 17:46:55 น.     Counter : 2674 Pageviews.   Share Tweet

หั่นซาซิมิทานที่ญี่ปุ่น ซาชิมิ ครั้งที่ 1 เมืองฮิโรชิมา ซาชิมิ ครั้งที่ 2 เมือง โอกายามา  โอโทโร (มั้ง) ชูโทโร (มั้ง) ซาชิมิ ครั้งที่ 3 เมือง โอซากา โอโทโร (มั้ง) ชูโทโร (มั้ง) มากูโระ ไปญี่ปุ่นช่วงสงกรานต์มา เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมากๆ  ส่วนพี่ไทยก็เยอะแต่เทียบกับพี่จีนแล้วถือว่านิดเดียว ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ไปแถบกันไซ  ช่วงที่พักอยู่ที่ฮิโรชิมา ข้างโรงแรมเป็นห้างอิเซตัน ก็ได้แวะไปชมซูเปอร์เพื่อดูอาหารต่างๆ ตามประสาคนชอบทำอาหาร ไปติดใจเนื้อปลาดิบต่างๆ ที่เตรียมไว้อย่างดีในแพ้ก สำหรับไปหั่นทานที่บ้าน  มีปลา ทูนา ปลาเนื้อขาว น่าจะเป็นพวก ฮามาจิ กระพงแดง (Tai) และปลาเนื้อขาวอื่นๆ ที่ไม่รู้จักเพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก และปลาแซลมอน   ก็ได้ความคิดว่า ทำไมไม่ลองซื้อ ปลาดิบพวกนี้ ไปหั่นทานในห้องที่พักดู เพราะหั่นแล้วทานได้ทันที    จัดการไปซื้อเขียง มีด ตะเกียบ และ ถ้วยน้ำจิ้ม มาจากร้าน Daiso เดิมเรียกกันว่าร้าน 100 เยน แต่ตอนนี้เป็นร้าน 108 เยนไปแล้ว เพราะต้องจ่ายแวต 8% ด้วย จ่ายไป 432 เยน ประมาณ 140 บาท ตอนเย็นประมาณ 1 ทุ่ม แวะไปที่ซูเปอร์จัดการซื้อเนื้อปลามา 3 ชนิด ปลาทูนา (เนื้อสีแดง) และ ปลาเนื้อสีขาว อีก 2 ชนิด  พร้อมกับซื้อโชยุสำหรับปลาดิบ วาซาบิ และ ต้นไอคาเระ (ถั่วงอกหัวไชเท้า) มาทานแทนหัวไชเท้า (ไม่มีปัญญาหั่นหัวไชเท้า) ไอคาเระ ถั่วงอกหัวไชเท้า รสแบบหัวไชเท้า กลับมาที่ห้อง แกะเนื้อปลามา เอาทิชชูชับที่เนื้อปลาให้แห้ง หั่นเนื้อปลาวางบนเขียง มากูโระ หรือ ทูนา ปลาเนื้อขาว (ไม่รู้ชื่อ) ปลาเนื้อขาว (ไม่รู้ชื่อ) หั่นเนื้อปลา วางบนเขียง พร้อมกับ ผักไอคาเระ วาซาบิ (แบบหลอด) เนื้อปลาสด รสหวาน อร่อยมาก  ถือได้ว่า ประสพความสำเร็จ ซื้อปลาดิบจากห้างมาหั่นทานเอง ส่วนราคาเดาว่า น่าจะถูกกว่า แต่ ตามร้านอาหาร จะหั่นปลาได้สวยงามกว่ามาก เพิ่มรสชาติปลาดิบด้วยการจิบเหล้าสาเกของฮิโรชิมาไปด้วย พอย้ายไปเมืองโอกะยามา โรงแรมอยู่ใกล้กับห้างเหมือนกัน โฉบไปดูซูเปอร์อีก คราวนี้ไปเจอปลาทูนาเกรดดี  เดาว่า น่าจะเป็นพวก โอโทโร ชูโทโร เพราะว่า มีราคาสูงมาก  จัดการซื้อปลาทั้ง 2 แบบ มา เพราะอยากชิมดู พร้อมกับซื้อปลาเนื้อขาวมาอีก 1 แพ้ก ปลาราคาสูง 2300 เยน/100 กรัม  เนื้อปลานิ่ม มัน ไม่มีกล้ามเนื้อ ถัดมาน่าจะเป็นปลาเกรดรองมานิดนึง ราคา 1500 เยน/100 กรัม ปลาเนื้อขาว เดาว่าเป็นพวกปลา สีกุน ปลามากูโระทั้ง 2 ชนิด อร่อยมาก แบบแรกราคาแพงสุด เนื้อนิ่มมัน แบบที่ 2 เนื้อนิ่มแต่ความมันสู้แบบแรกไม่ได้  ปลาดิบทั้ง 2 แบบ แบบละประมาณ 100 กรัม ไปทานตามร้านน่าจะราคาสูง ส่วนปลาเนื้อขาว ปลาสด รสหวาน ไช้ได้ อร่อย ปลาดิบครั้งที่ 3 ที่เมืองโอซากา ครั้งนี้ ไปที่เมืองนารา ไปเจอร้านทำมีดขาย เลยไปซื้อมีดหั่นปลาดิบด้านเล็กมา 1 ด้าม เพราะว่ามีดราคาถูก หั่นแล้วเนื้อช้ำ แวะไปที่ซูเปอร์ที่ห้าง ไดมารู จัดการซื้อปลาดิบ มากูโระ มาอีก 3 แบบ น่าจะเป็น โอโทโร ชูโทโร และ มากูโระ ปลาราคา 1980 เยน/100 กรัม เป็นส่วนท้อง ไขมันเยอะมาก ปลาราคา 1580 เยน/100 กรัม มากูโระ ราคา 598 เยน/100 กรัม ปลาทั้ง 3 แบบ น้ำหนักรวมประมาณ 300 กรัม ใช้มีดสำหรับหั่นปลาดิบหั่น ได้เนื้อปลาสวยงาม เนื้อปลาไม่ช้ำ   Create Date : 28 เมษายน 2558     0 comment Last Update : 25 เมษายน 2559 17:46:43 น.     Counter : 2699 Pageviews.   Share Tweet

แกงพริกหอยแครงใบยี่หร่า เนื้อหอยแครงนำมาแกงพริก (แกงป่าปักษ์ใต้) ใส่ใบยี่หร่า  ทางใต้จะเรียกแกงนี้ว่า แกงพริกหอยแครงใบรา  (ใบรา = ใบยี่หร่า) ปกติแกงพริกก็มีรสเผ็ดมากอยู่แล้ว พอใส่ใบยี่หร่าเข้าไปในแกงด้วย ทำให้แกงพริกนี้มีรสทั้งเผ็ดและร้อน เนื้อหอยแครงมีขายที่ตลาดยิ่งเจริญเสมอ แต่เวลาซื้อก็ต้องดูด้วย เพราะบางครั้งก็เป็นหอยตัวเล็ก ครั้งนี้ไปเจอเนื้อหอยแครงตัวโต ดูน่าทาน ก็จัดการซื้อมาแกงพริกใส่ใบยี่หร่าทาน เนื้อหอยแครง ใบยี่หร่า เอาน้ำซุป 4 ถ้วย ใส่หม้อ เอาพริกแกงเผ็ดใต้ 150 กรัม ใส่ลงไป พร้อมกับเพิ่มกะปิลงไปอีก 2 ช้อนโต๊ะ  แกงพริกต้องใส่กะปิเยอะๆ คนให้แกงเดือด ใส่เนื้อหอยแครงลงไป พอแกงเดือด จัดการชิมรสเค็มของแกงก่อน เพราะ ใส่กะปิเยอะ และ เนื้อหอยแครงจะมีรสเค็ม  ปรุงรสเค็มเพิ่มด้วยน้ำปลา  ใส่ใบยี่หร่า   Create Date : 28 เมษายน 2558     0 comment Last Update : 4 พฤษภาคม 2558 10:20:34 น.     Counter : 3463 Pageviews.   Share Tweet