Rib Eye เสต็ก จาก เนื้อโคขุนกำแพงแสน : Thick Steak
โคขุนโพนยางคำ ตอนนี้เป็นอาหารที่โด่งดังมาก
โดยเริ่มจากร้านโคขุนโพนยางคำที่ถนนนวลจันทร์
ตอนนี้ก็มีร้านโคขุนกระจายไปหลายแห่ง
คนก็เริ่มมาสนใจทานเนื้อโคขุนเพิ่มขึ้นอีกมาก
แต่ที่บ้านเราก็มี โคขุน จากกำแพงแสน อีกแหล่ง
โคขุนกำแพงแสนเป็นผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำหรับการผลิตวัวเนื้อคุณภาพสูง
ดังนั้นประเทศไทย ก็มี โคขุนจาก 2 แหล่ง
โคขุนกำแพงแสนมีร้านจำหน่ายอยู่ 2 แห่ง ที่ มหาวิทยาลัยเกษตร และ ที่ ตลาด อตก.
ดัง นั้น เมื่อแวะไป ตลาด อตก. ตอนแรกต้องการไปซื้อผักที่ร้าน ดอยคำ พอไป ตลาด อตก. แล้ว ก็ต้องแวะชมตลาดด้วย เหลือบไปเห็น ร้านโคขุนกำแพงแสนพอดี ดังนั้นก็ต้องแวะไปหาซื้อเนื้อ โคขุนกำแพงแสน มาทำย่างทานหน่อย จะได้รู้ว่าอร่อยแค่ใหน
ไปจัดการสั่ง เนื้อ Rib Eye มา ให้ร้านเขาหั่นมาหนา 2 นิ้ว หนัก 1 กก. พอดี ราคา 770 บาท
เอาเนื้อมาโรยเกลือและพริกไทย
เสต็กชิ้นหนา 2 นิ้วนี้ ต้องเริ่มจากการไปทอดก่อน ให้ผิวเนื้อสุกก่อน
จะได้ปิดไม่ให้น้ำเนื้อไหลออกมา
ทอดในกระทะเหล็กหล่อ
กระทะต้องร้อนมาก ทอดประมาณ 2 นาทีต่อด้าน
จากนั้นก็เอาเนื้อไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศา ซ. ใช้เวลา 15 นาที ต่อน้ำหนักเนื้อ 500 กรัม สำหรับ Medium Rare เนื้อ 1 กก. ก็ต้องใช้เวลา 30 นาที
อบ 30 นาที เอาเทอร์โมมิเตอร์เสียบดูอุณหภูมิด้านในของเนื้อ
อุณหภูมิประมาณ 50 องศา ใช้ได้สำหรับ Medium Rare
เอาแผ่น Aluminium Foil หุ้มเสต็กไว้ 10 นาที เพื่อให้น้ำซึมเข้าไปในเนื้อให้หมด ถ้าหั่นเสต็กเลย น้ำเนื้อจะไหลออกมาเยอะ ทำให้ความอร่อยหายไปเยอะ พอได้เวลา 10 นาที ก็จัดการหั่นเป็นชิ้นๆ ใส่จาน ยกเสริฟทันที ห้ามทิ้งไว้ ความอร่อยหายหมด
เนื้อส่วนที่หนาก็สุกแบบ Medium Rare ส่วนที่บางกว่าก็เป็น Medium
ครั้งนี้ไม่ได้ทำซอสราดเสต็ก ทานเสต็กกับมัสตาร์ดเท่านั้น
ทานเสต็กร่วมกับ พาสต้าปลาทูนาซอส Pesto พร้อมทั้ง ดอกผักหวานป่าผัดน้ำมันมะกอก
สรุป
โคขุนกำแพงแสนนี้ นิ่ม รสใช้ได้เลย ไม่แพ้โคขุนโพนยางคำ
แต่ถ้าไปเปรียบเทียบกับเนื้อของออสเตรเลียหรือ US ก็ยังสู้เขาไม่ได้ แต่ราคาเนื้อโคขุนของบ้านเราก็ถูกกว่าของนอกเยอะมากๆ
ถ้าเนื้อหนา 1 นิ้ว จุดเตาอั้งโล่ย่างได้เลย ถูกกว่าไปทานที่ภัตตาคารเยอะมาก
| Create Date : 03 มิถุนายน 2552 |
| Last Update : 8 เมษายน 2563 16:37:11 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 14133 Pageviews. |
|
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 442 คน [
