Group Blog
 
All blogs
 

สวยด้วยทะเลบำบัด

นอกจากทะเลจะสร้างความสุขใจทั้งทางสายตา อากาศ และความรู้สึกแล้ว ทะเลยังมอบของขวัญแสนวิเศษเป็นผลิตผลอีกมากมายที่มีประโยชน์ต่อความงามของบรรดาสาวๆ ด้วย

สวยด้วยทะเล

ทะเลเป็นแหล่งกำเนิดของแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ผลิตผลจากทะเลจึงเปี่ยมไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่มีประโยชน์เช่นกัน ว่าตั้งแต่

อาหารทะเล : อาหารทะเลสดๆ ให้แร่ธาตุต่างๆ เช่น ธาตุกำมะถัน สังกะสี ช่วยให้การซ่อมและสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่สมบูรณ์ และช่วยร่างกายสร้างโปรตีนเคอราติน (Keratin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม ทำให้เส้นผมเกิดใหม่แข็งแรง บำรุงผมไม่ให้แตกปลาย

อาหารทะเลยังอุดมด้วยธาตุเหล็ก และทองแดง ช่วยทำให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาดไม่ซีดเซียว สดใสอย่างเป็นธรรมชาติ อาหารทะเลยังไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย(ถ้าไม่รับประทานอาหารบางอย่างที่มีไขมันหรือคอเรสเตอรอลสูงมากเกินไป เช่น ปลาหมึกหรือหอยนางรม)

สาหร่ายทะเล : มนุษย์ยังรู้จักนำสาหร่ายมาสกัดทำเครื่องสำอางตั้งแต่สมัยโรมันแล้วค่ะ เพราะสาหร่ายเป็นพืชน้ำที่อุดมไปด้วยโปรตีน ใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่ดูดซับมาจากทะเล โดยเฉพาะไอโอดีน แคลเซียม เบต้าแคโรทีน ฯลฯ รวมๆ แล้วถึง 18 ชนิดด้วยกัน

สปาบางแห่งมีการนำเอาสาหร่ายสดมาบดแล้วผสมน้ำ พอกตัว จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เลือดหมุนเวียนได้ดี และผิวก็ได้รับประโยชน์จากวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ โดยตรง แต่การหาสาหร่ายที่มีคุณภาพสูงนั้นไม่ง่ายนัก จึงได้มีการคิดค้นและสกัดสารสำคัญจากสาหร่ายผสมลงในผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ซึ่งก็ให้ผลดีไม่แพ้ของแท้จากธรรมชาติ

เกลือทะเล : เราเอาเกลือทะเลมาใช้ด้วยการแช่ตัว ขัดผิว เกลือเหล่านี้จะทำหน้าที่ปรับความเข้มข้นของน้ำ เนื่องจากปรกติน้ำเปล่าจะมีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำในร่างกาย เวลาที่เราแช่น้ำนานๆ มักจะมีการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิวและแร่ธาตุบางอย่างออกไป การใส่เกลือจะช่วยปรับสมดุล ป้องกันการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติและแร่ธาตุในตัว

ถ้าจะให้ได้ประโยชน์มากขึ้น ควรเลือกใช้เกลือทะเลที่ผสมน้ำมันหอมระเหย ซึ่งกลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและบำบัดอารมณ์เสียต่างๆ ทั้งในขณะแช่ตัวและขัดผิว ได้ทั้งความงามและความสดชื่นพร้อมๆ กัน

โคลนทะเล : โคลนจะช่วยขัดผิวให้สะอาด กระตุ้นเซลล์ผิวให้มีชีวิตชีวา เลือดไหลเวียนได้ดีเพราะเชื่อกันว่าสารอาหารต่างๆ จะซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เซลล์ได้รับประโยชน์โดยตรง โคลนสำหรับประทินโฉมในปัจจุบันมักนำเคล(Clay)มาผสมแร่ธาตุเข้าไปใช้แทนโคลนจากธรรมชาติ ซึ่งก็ใช้ได้ผลไม่แพ้กัน การใช้โคลนจะต้องระมัดระวังเรื่องการแพ้ด้วย

ทะเลในเมืองไทยเราไม่มีโคลนอย่างของเมืองนอก แต่ก็มีผลิตภัณฑ์เหล่านี้จำหน่ายและบริการอยู่ตามสถานเสริมความงามทั่วไป

น้ำทะเล : น้ำทะเลอุดมด้วยแร่ธาตุมากมายซึ่งดีต่อผิวพรรณของเรา สังเกตง่ายเมื่อคุณมีแผลสด แค่ได้ลงแช่น้ำทะเลสักพัก แผลจะหายดีขึ้นเร็วกว่าปกติ น้ำทะเลยังสะอาด ปลอดเชื้อโรคโดยไม่ต้องพึ่งคลอรีน ในต่างประเทศมีสปาที่ใช้น้ำทะเลฉีดผ่านเครื่องไปบนตัวลูกค้าเป็นสายเล็กๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและนวดผิว บ้านเรายังไม่เคยเห็น แค่ได้ยินว่ามีการนำเกลือทะเลมาใส่ในอ่างจากุซซี่ให้มีคุณสมบัติดั่งน้ำทะเลแทนการใช้น้ำคลอรีน ง่ายกว่านั้น เวลาไปทะเล (ที่น้ำยังใสสะอาด) ก็ลงแช่ตุ๊บป่องๆ ถือเสียว่าเป็นอ่างจากุซซี่ยักษ์ก็พอได้ค่ะ

สุขด้วยทะเล

เมื่อปรุงแต่งกายแล้วเรามาปรุงแต่งใจด้วยทะเล ให้จิตใจผ่อนคลายจากความเครียด เติมพลังชีวิตด้วยวิธีที่เรียกว่า "ทะเลบำบัด" กันดีกว่าค่ะ

คุณเกศสุดา ชาตยานนท์ หรือครูเกด แห่งโยสุดาโยคะ แนะวิธีเปิดรับความสุขจากทะเลดังนี้ค่ะ

เดินบนผืนทรายด้วยเท้าเปล่าอย่างปลดปล่อย สูดอากาศริมทะเลให้ลึกและยาวจนเต็มปอด จะทำให้รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวย หากเป็นทะเลที่มีบรรยากาศสงบเงียบสักหน่อยก็จะดีมาก

เดินท่องน้ำทะเล ลุยไปในน้ำเรื่อยๆ จนถึงระดับต้นขาแล้วตะโกนดัง ๆ ออกไปยังทะเลเพื่อปลดปล่อยความเครียดในจิตใจ

นอนบนหาดทรายด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย มองไปยังทะเลแล้วปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปกับสายลมเย็น

ลงเล่นน้ำทะเล ลอยคอในท่าสบายๆ อย่างท่ากรรเชียง หรือจะนอนบนแพยาง มองท้องฟ้ายามเย็น ร้องเพลงฮึมฮำไปด้วยก็ได้

ดำน้ำดูประการังและโลกใต้ท้องทะเลที่สวยงาม

ฝึกโยคะอาสนะ ไทเก็ก หรือชี่กง บนหาดทรายริมทะเล การเคลื่อนไหวที่เน้นสติเช่นนี้จะช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก

นวดผ่อนคลายความเมื่อยล้าของร่างกายริมทะเล

วาดรูป การบำบัดที่ดีอีกวิธีหนึ่ง

เพื่อดูดซับพลังธรรมชาติจากทะเลให้ได้มากที่สุด ควรอยู่กับทะเลโดยไม่มีความกังวลใดๆ ไม่แบกงานมาทำ ปล่อยใจเบาสบาย ปล่อยความคิดที่ติดอยู่ในกรอบของสมองหลุดลอยไปตามอาณาบริเวณกว้างไกลของทะเล สัมผัสสายลมเย็น ฟังเสียงคลื่นซัดสาด ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกลับขอบฟ้าด้วยความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เมื่อจิตใจเป็นสุขแล้วก็จะแสดงออกมาทางหน้าตาที่แช่มชื่น สดใส เบิกบาน นี่แหละที่เรียกว่าความงามอย่างแท้จริง

ที่มา healthandcuisine.com




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2552    
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 17:38:23 น.
Counter : 331 Pageviews.  

การแก้ปัญหา ผมร่วง ที่ผิดทาง?

ปัญหา "ผมร่วง" สามารถพบได้เกือบทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มสาวใหญ่และหนุ่มใหญ่ ที่บางคนแทบจะไม่เหลือเส้นผมบนศรีษะแล้ว แต่ยังพยายามหายาดีมากินและทา จนเสียเงินทองไปมากมายแต่ก็ไม่ได้ผล ทั้งหมดนี้เกิดจากความไม่เข้าใจในธรรมชาติร่างกายของมนุษย์นั่นเอง

ผมร่วงตามธรรมชาติ

วงจรชีวิตของเส้นผมมีอยู่ 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 "ระยะของการเติบโต" โดยเส้นผมที่งอกจากรากผมจะเจริญเติบโตประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเดือนและจะสามารถคงอยู่บนหนังศรีษะได้นาน 3 - 7 ปี ในคนที่มีสุขภาพปกติ จากนั้นจึงเข้าสู่ระยะที่ 2 "ระยะพักตัว" ซึ่งระยะนี้เส้นผมจะไม่เจริญเติบโตแล้วและรามผมยังหดฝ่อ ระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่ระยะสุดท้าย คือ "ระยะหลุดร่วง" โดยรากและเส้นผมจะหลุดร่วงออกจากหนังศรีษะ กินเวลาประมาณ 3 - 4 เดือน ในที่สุดร่างกายจะมีปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นผมใหม่ แทนที่หลุดร่วงไป โดยในคนที่มีสุขภาพปกติ เส้นผมบนศรีษะ 80 - 90 % จะอยู่ในระยะเติบโต ส่วนอีก 5 - 20 % จะอยู่ในระยะหลุดร่วง ส่วนระยะที่ 2 นั้นจะกินเวลาที่สั้นมาก

ดังนั้น ทุกคนจะมีผมร่วงทุกวัน ประมาณ 100 - 150 เส้นต่อวัน ซึ่งเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่าผู้หญิงจะมีเส้นผมที่ดกหนากว่าผู้ชาย

ความแตกต่างในวัยยังมีผลต่อการเจริญงอกงอมของเส้นผมอีกด้วย ในวัยเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยเจริญพันธุ์ร่างกายมีฮอร์โมนเพศสูงสุด เซลล์ในร่างกายมีการแบ่งตัวเต็มที่ รากผมก็เช่นกัน จะมีรากผมใหม่เกิดทดแทนรากผมเก่าในทันที แต่เมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคนและชรา อัตราการเกิดของเซลล์รากผมใหม่จะน้อยกว่าอัตราที่รากผมตายไป ทำให้ดูเหมือนผมบางลงสวนทางกับอายุที่มากขึ้น

ดังนั้น หากเราเป็นคนวัยกลางคนหรือวัยชรา การมีผมบนศรีษะบางถือเป็นเรื่องปกติและไม่ควรพยายามไปหาซื้อยาหรือวิตามินมากินให้เสียดายเงิน

ผมร่วงแบบผิดปกติ

ผู้ที่มีเส้นผมร่วงมากจนผิดปกติ เกิดจากปัจจัยมากมาย ดังนี้

1. ผมร่วงชนิดชั่วคราว : สาเหตุเช่น มีความเครียดเป็นเวลานานๆ มักมีอาการผมร่วงตามมาแบบไม่รู้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัย หรืออาจเกิดจากอาการป่วยหรือเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือเกิดในเพศหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร และในผู้ที่นิยมทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น

การรักษา อาการผมร่วงชนิดนี้ ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพราะสามารถหายได้เอง

2. ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ : เกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรมและระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอร์โรนในร่างกาย สามารถพบได้ทั้งในชายและหญิง แต่จะพบในชายมากกว่า

การรักษาสามารถแก้ได้ยากมาก แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามคิดค้นยาใหม่ๆ แต่พบว่าไม่ได้ผล แพทย์ผิวหนังจึงนิยมจ่ายยาเพื่อลดปริมาณของฮอร์โมนชนิดดังกล่าวในร่างกาย หรือจ่ายยาลดความดันโลหิต ซึ่งมีอาการข้างเคียง คือ การงอกของเส้นผมจะเป็นเพียงเส้นขนอ่อนและบางเท่านั้น หรือแม้แต่ยาในกลุ่มสเตรียรอยด์ ที่แพทย์บางคนนิยมจ่าย ก็ได้ผลยากมาก แต่ที่แน่ๆ คือ จะได้รับอันตรายจากยาอันตรายเท่านี้แทน

องค์ประกอบเคมีของผลิตภัณฑ์บำรุงผม หรือป้องกันผมร่วงมักประกอบด้วย

1. สารสำคัญในการกระตุ้นให้มีการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงรากผม เพื่อป้องกันผมร่วง เช่น วิตามินชนิดต่างๆ และสารสกัดจากสมุนไพร

2. สารอาหารในกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผมและเส้นผม

3. สารสำคัญ ที่มีประสิทธิภาพลดและควบคุมปริมาณไขมันของหนังศรีษะและลดอาการอักเสบของต่อมไขมัน

4. สารสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บนหนังศรีษะ

ข้อควรสังเกต

หากยาและผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงมีประสิทธิภาพสามารถแก้ผมร่วงได้จริง เราคงไม่เห็นคนหัวเถิกหรือหัวล้านในทุกประเทศทั่วโลก เพราะสาเหตุจากกรรมพันธุ์เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับความเป็นจริง ดังนั้น อาจสามารถแก้ไขปัญหาโดยการใส่วิก หรือถักผมลงบนศรีษะ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าการพยายามหายาวิเศษ ที่เป็นอันตราย แต่ไร้ความหวังมาเป็นที่พึ่ง


ที่มา มติชนออนไลน์




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2552    
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 14:27:02 น.
Counter : 337 Pageviews.  

การเก็บรักษารองเท้า

ตอนไปซื้อรองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าดีมียี่ห้อ ราคาสูง จะสังเกตว่าทางร้านมีที่ยึดรองเท้าใส่ไว้ เพื่อให้รองเท้าได้รูปทรง ถ้าเจอแบบนี้อย่าทิ้ง ให้เอากลับมาด้วย

เวลาซื้อรองเท้า ควรนำกล่องกลับมาด้วย เพราะจะช่วยเก็บรักษาไม่ให้ฝุ่นเกาะ

ตู้ใส่รองเท้า ควรเป็นตู้มิดชิดที่ป้องกันฝุ่น แต่ถ้าเป็นตู้แบบเปิดโล่ง ควรมีถุงผ้า ถุงพลาสติก หรือกล่องใส่ก่อนเพื่อกันฝุ่น

เมื่อกลับถึงบ้าน ไม่ควรเอารองเท้าเก็บใส่ตู้ทันที ให้ทิ้งไว้ข้างนอกสักหนึ่งวัน แล้วค่อยเก็บในตู้เพราะแต่ละวันที่ใส่รองเท้า อาจมีเหงื่อออกที่เท้าทำให้รองเท้าชื้นต้องปล่อยให้แห้งก่อน แล้วจึงทำความสะอาดรองเท้าก่อนใส่ตู้

การดูแลรองเท้าจำพวกหนังมัน ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดรองเท้า จากนั้นนำผ้าอีกผืนป้ายยาขัดรองเท้า ในลักษณะวนเป็นวงๆ ให้ทั่วรองเท้า แล้วใช้แปรงค่อยๆ ขัดอย่างเบามือแต่รวดเร็ว จะทำให้รองเท้าเงาเหมือนใหม่ สุดท้ายให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดเบาๆ อีกครั้ง หรืออาจจะใช้น้ำยาสำหรับเพิ่มความเงาป้ายและขัดเพิ่มให้หนังมีความมันและไม่ติดสิ่งสกปรกง่าย

รองเท้าหนังกลับ ให้ใช้แปรงขัดรองเท้าปัดเบาๆ ให้ฝุ่นออก แล้วใช้สเปรย์ลำหรับหนังกลับฉีดให้ทั่ว เพื่อหนังจะได้สวยตามเดิม

ควรนำรองเท้าออกมาผึ่งแดดบ้าง เพื่อฆ่าเชื้อโรค หากรองเท้าเปียกน้ำมาให้นำไปตากแดดจนเกือบแห้ง แล้วใช้ที่ยึดรองเท้าใส่เข้าไป ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทจึงค่อยเอามาทำความสะอาด วิธีนี้จะช่วยให้รองเท้าไม่เสียทรง


ที่มา เดลินิวส์




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2552    
Last Update : 22 สิงหาคม 2552 23:14:43 น.
Counter : 255 Pageviews.  

วิธีขับสารพิษด้วยการหายใจ

ทราบหรือไม่ว่า การหายใจสามารถช่วยขับสารพิษได้ วันนี้มีวิธีขับสารพิษด้วยการหายใจมาฝาก...

วิธีที่ 1 ให้นั่งคุกเข่าเหยียดหลังตรง และหายใจเข้า ท้องป่อง หายใจออก ท้องยุบ ให้ได้ 120 ครั้งใน 1 นาที โดยไม่รู้สึกเหนื่อย หลังจากนั้นสมองจะรู้สึกโล่ง

วิธีที่ 2 นั่งสมาธิ ให้ส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง อยู่ในแนวเดียวกัน หงายมือซ้าย ใช้นิ้วโป้ง และนิ้วกลาง มือขวามาปิดจมูก โดยเริ่มจากนิ้วกลางใช้ปิดรูจมูกซ้าย แล้วหายใจออกรูจมูกขวา หายใจให้หมดท้อง ให้รู้สึกว่าท้องแฟบ จากนั้น หายใจเข้า เมื่อหายใจเข้าจนท้องพองแล้วให้ปิดรูจมูกขวาด้วยนิ้วโป้ง แล้วหายใจออกรูจมูกซ้าย จนท้องแฟบ ให้ทำสลับไปมาจะช่วยขับสารพิษในร่างกายได้


ที่มา sanook.com




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2552    
Last Update : 12 สิงหาคม 2552 6:57:16 น.
Counter : 349 Pageviews.  

แก้ปัญหาผมบางด้วยอาหาร

เมื่ออายุมากขึ้น สังขารต่างๆ ก็ร่วงโรยตามกาลเวลา เส้นผมก็เช่นกัน จากเส้นผมที่เคยดกดำสลวยเมื่อวัย 20 ครั้นย่างเข้าวัย 60 เส้นผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา บางรายเส้นผมอาจอำลาหนังศีรษะไปตลอดกาล

แต่วันนี้เรามีวิธีชะลอวัยเส้นผมด้วยสารอาหารหลากชนิดมาแนะนำ เริ่มกันด้วย เมล็ดฟักทอง ถั่วต่างๆ ที่เป็นแหล่งรวมของสังกะสี , แตงกวาและข้าวโอ๊ต เพื่อให้ได้รับซิลิกาอย่างเพียงพอ, สาหร่ายทะเลแห้ง เต้าหู้ งา และเมล็ดทานตะวัน เพื่อให้ได้ธาตุเหล็ก, ปลา แหล่งรวมโปรตีนและกรดโอเมก้า 3, ข้าวกล้องและธัญพืช เสริมวิตามินบี และผักใบเขียว เพื่อให้ได้กรดโฟลิก

เห็นไหมว่าสารอาหารที่บอกมาทั้งหมดหาได้ไม่ยากเลย ฉะนั้นอาหารมื้อถัดไปลองหาสารอาหารในกลุ่มนี้มาทานกันบ้าง เส้นผมของคุณจะได้สลวยสวยเก๋ไปนานๆ

ที่มา เดลินิวส์




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2552    
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 18:26:58 น.
Counter : 283 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  

icy_cute
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







CO.CC:Free Domain
Friends' blogs
[Add icy_cute's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.