เที่ยวเชียงรายกับครอบครัว.....วันที่ 3 (งานเทศกาลดอกไม้)
วันอาทิตย์ที่ 6 มกรา 51.....

ตื่นนอนตอนเช้า เดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ในรีสอร์ท

ที่พักที่นี่กว้างขวาง สวยมากๆ นะคะ เจ้าของก้ออัธยาศัยดีมากๆ

เดินมารับพวกเราถึงรถตั้งแต่เมื่อวานวันที่เรามาถึงกันแล้ว

ยิ่งพอทราบว่ากลุ่มเรามีผู้สูงวัยคือ ตากับยายมาด้วย

เทคแคร์ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีเลยค่ะ

เรามาทานมื้อเช้าแบบข้าวต้ม + กับข้าวที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ (อร่อยมาก)






เช็คเอ้าท์ที่ม่อนฟ้าใสเวลาประมาณ 9 โมงเพื่อไปเที่ยวงานเทศกาลดอกไม้กันค่ะ






บรรยากาศในงาน คนเยอะค่ะ แต่ครอบครัวก้อยังสามารถหามุมถ่ายรูปกันเรื่อยๆ

รูปแม่ทั้งสองแม่กับน้าๆ.....

รูปเราถ่ายคู่กับแม่.....

และรูปเรากับคุณแฟนและทั้งสองแม่.....

รวมถึงภาพเดี่ยวของคุณนายแม่ของเรา เยอะสุดฮ่ะ






ออกจากงานเทศกาลตอนเที่ยงเพื่อไปกินข้าวซอยร้านดังประจำเชียงราย

ก่อนจะไปส่งตากับยายที่ท่ารถ บขส. กลับสุโขทัยค่ะ

แล้วรถตู้ก้อพากลุ่มเราที่เรามาส่งที่สนามบินกลับกรุงเทพเวลาบ่ายสามโมงเย็น

รูปที่สนามบินแต่ละคนหมดแรงก้อแว้วว.....

หอบข้าวหอบของเดินไปที่เครื่องบินนกแอร์ (จำได้ว่าช่วงนั้นซื้อตั๋วโปร 3 บาท)

และภาพบรรยากาศบนเครื่องบินของน้าๆ และสองแม่ค่ะ




Create Date : 13 ธันวาคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 19:16:49 น.
Counter : 659 Pageviews.

4 comment
เที่ยวเชียงรายกับครอบครัว.....วันที่ 2 (ดอยตุง)
วันเสาร์ที่ 5 มกรา 51.....

ตื่นนอนตอนเช้า ลงมาทานมื้อเช้าแบบ ABF ที่ห้องอาหารของโรงแรม

เช็คเอ้าท์เวลา 8 โมงเช้าเพราะรถตู้มารอที่หน้าโรงแรมแล้วค่ะ

วันนี้เราจะไปเที่ยวดอยตุงกัน.....

ดอยตุงที่เราไปครั้งนี้ ก่อนอื่นเลยเราไปไหว้พระธาตุดอยตุงด้านบนกันค่ะ

ข้างบนอากาศเย็นมากๆ ไหว้พระธาตุเสร็จเดินลงบันไดมาอีกด้านนึง

ลักษณะบันไดคล้ายๆ พระธาตุดอยสุเทพ แต่ไม่สูงขนาดนั้น








ลงจากพระธาตุดอยตุง เราไปเที่ยวสวนแม่ฟ้าหลวงกันค่ะ ดอกไม้สวยมาก






ภาพบรรยากาศของครอบครัวเรา แลดูแต่ละคนแฮปปี้ สดชื่นกันสุดๆ

รูปแม่ถ่ายคู่กับยายอีกแว้ว.....

รูปครอบครัว (ยายยิ้มหน้าบานสุดๆ เลย อิอิ)

รูปคุณนายแม่แอ๊บเด็กสุดฤทธิ์.....ประหนึ่งว่าเป็นนางแบบพยายามหามุมสวย

รูปแม่ของคุณแฟนกับตา ยาย น้า ที่เริ่มเดินจนเมื่อย แต่หน้ายังยิ้ม

รูปคู่ของน้าชายกับน้าสะใภ้.....

และรูปคุณแฟนกำลังถ่ายวิดีโอ ซึ่งเรากำลังถ่ายรูป เลยหันมาถ่ายกันเองซะเรย






ทริปนี้คุณแฟนถ่ายวิดีโอ เราถ่ายรูป แลดูรูปเราทั้งสองจะน้อยขนาด

น้าก้อเลยถ่ายรูปคู่ให้ซะหน่อย เดี๋ยวจะน้อยหน้าคู่อื่นๆ

คู่อื่นที่ว่า ก้อคือ รูปคู่ตากับยาย.....

เราถ่ายกับแม่ของคุณแฟนมั่ง

และภาพรวมทั้งครอบครัวก่อนจะขึ้นรถตู้เพื่อไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ.....






ออกจากดอยตุง แวะทานมื้อเย็นที่ร้านอนันตปุระของคุณนีโน่

ร้านอาหารบนดอยมองเห็นวิวฝั่งพม่า บรรยากาศดี รสชาติอาหารใช้ได้

เสียอย่างเดียว รออาหารนานมาก ทั้งที่เวลานั้นไม่มีแขกมากมายอะไรเลย

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะมีไม่กี่โต๊ะ แต่รออาหารอยู่ร่วมชั่วโมง

จากนั้นเราก้อไปในเมืองกันต่อค่ะ

สถานที่ที่ไม่ควรพลาดอีกที่ในเชียงรายก้อคือ วัดร่องขุน

คนอื่นๆ ไปเที่ยวถ่ายรูปในตัววัด

ในขณะที่เราแยกมาช้อปปิ้งซื้อหมูยอที่อร่อยที่สุดในโลก (จริงๆ นะ)

ที่หน้าวัดร่องขุนค่ะ ซื้อไป กินไป รอกลุ่มเราเดินออกมาจากวัด






เวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว ผู้ร่วมทริปสูงวัยทั้งหลายเริ่มจะหมดแรง

ก่อนเข้าที่พัก ขอแวะไหว้พระแก้วที่วัดพระแก้วเพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อนค่ะ






เย็นแล้ว รถตู้พาเราไปที่พักที่เราจองไว้ก่อนที่.....ม่อนฟ้าใสรีสอร์ทค่ะ

ที่นี่เป็นรีสอร์ทบ้านดินสวยมากๆๆ






แยกย้ายกันพักผ่อนให้หายเพลียที่รีสอร์ท

นัดรถตู้ให้มารับพวกเราอีกทีตอนทุ่มนึงค่ะ

เพื่อไปทานมื้อเย็นริมแม่น้ำกกที่ร้านลีลาวดี

อิ่มท้องกันแล้ว ตากับยายและน้าชาย แม่คุณแฟนขอตัวนั่งเล่นชิลๆ ที่ร้าน

ส่วนสาวๆ ที่เหลือ คือ แม่ น้าๆ เราและคุณแฟนไปเดินช้อปปิ้งย่อยอาหารกันต่อ

รถตู้พาไปเดินเล่นที่เชียงรายไนท์ค่ะ

จนได้เวลา 4 ทุ่มก้อแวะมารับพวกเรากลับม่อนฟ้าใส แยกย้ายกันพักผ่อน



Create Date : 13 ธันวาคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 19:01:03 น.
Counter : 1047 Pageviews.

1 comment
เที่ยวเชียงรายกับครอบครัว.....วันที่ 1 (ดอยแม่สลอง-แม่สาย)
ทริปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 51 แล้ว.....

วันนี้ว่าง จัดการกับไฟล์รูปภาพต่างๆ แล้วไปค้นเจอรูปภาพในทริปนี้

ว่าแล้วก้อเลยมานั่งเขียนบลอคทริปนี้ด้วยดีกว่า...

วันพฤหัสที่ 3 มกรา 51.....

หลังจากหยุดยาวปีใหม่แล้ว วันนี้ไปทำงานเป็นปกติ

หลังเลิกงานมีนัดกับครอบครัว.....จะไปเที่ยวเชียงรายกันค่ะ

ปกติแล้ว เรากับแม่จะไปไหว้พระที่เชียงรายเป็นประจำทุกปีกันอยู่แล้ว

แต่ปีนี้เกิดความคิดที่อยากจะพาตากับยายไปเที่ยวด้วย

น้าๆ ก้อไปเที่ยวกับที่บ้านเราเป็นประจำอยู่แล้วทุกปี

ที่สำคัญทริปนี้ นอกจากจะมีครอบครัวเรา 3 เจนเนอเรชั่น

คือ รุ่นตากับยาย รุ่นแม่กับน้า และรุ่นเราแล้ว

การไปเที่ยวครั้งนี้มีแม่อีกท่านนึงไปด้วย ก้อคือแม่ของคุณแฟนของเรา

เป็นการไปเที่ยวด้วยกัน 2 ครอบครัว นับสมาชิกได้ 9 คนพอดิบพอดี

เราไปเชียงรายด้วยสายการบินนกแอร์ค่ะ เวลาประมาณทุ่มนึง

นัดเจอกันที่สนามบินดอนเมืองตอนเย็นของวันพฤหัสที่ 3 มกรา

ยาย.....แลดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของยาย

กลุ่มเราอยู่บนเครื่องบินแลดูจะครึกครื้นกันเป็นพิเศษ

เวลาเพียงชั่วโมงเศษๆ แต่ก้อทำให้ยายยิ้มได้ตลอดเวลา

เล่นเอาเรา.....ปลื้มค่ะ






พอไปถึงที่สนามบินเชียงราย เราโทรนัดกับโรงแรมพิมานอินน์ก่อนขึ้นเครื่องแล้ว

ทางโรงแรมส่งรถตู้ VIP มารับที่สนามบิน เป็นการบริการให้ฟรีค่ะ ดีจัง

พอไปถึงที่พัก เช็คอินเก็บข้าวเก็บของกันเรียบร้อยแล้ว

เราก้อเดินมาทานมื้อเย็นกันที่ห้องอาหารในรีสอร์ท

จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง จำได้ว่ารสชาติอาหารโอเค

นั่งทานข้าวจนถึงสามทุ่มได้ ก้อแยกย้ายกันพักผ่อน 4 ห้องพักค่ะ


วันศุกร์ที่ 4 มกรา 51.....

ตื่นแต่เช้า อากาศดีมากๆ จำได้ว่า รู้สึกสดชื่นสุดๆ เย็นๆ กำลังดี

เดินมาทานมื้อเช้าที่ห้องอาหาร เป็นข้าวต้ม + กับข้าวง่ายๆ + ชา กาแฟ

เดินเล่นในรีสอร์ทย่อยอาหารกันแป๊บนึงก่อนที่จะเช็คเอ้าท์

แล้วรถตู้เช่าที่จองไว้ก่อนจะมาเชียงรายก้อมารับพวกเราตรงเวลา 8 โมงเป๊ะ

ภาพถ่ายที่เซฟเอาไว้เป็นรูปที่ห้องอาหารในรีสอร์ท.....

รูปแม่กับยายที่หน้าบ้านพัก.....

รูปตากับน้า ยืนคุยกันดูพวกเราถ่ายรูปเล่นที่หน้ารีสอร์ท.....

รูปคุณแฟนตอนที่ขนของขึ้นรถตู้ เลยยืนถ่ายที่หน้าบ้านพักก่อนขึ้นรถ.....






ออกเดินทางจากที่พัก เรามุ่งหน้าขึ้นดอยแม่สลองกันค่ะ

ระหว่างทางไปดอยแม่สลองแวะเที่ยวน้ำพุร้อนกันก่อน

เป็นรูปตากับยายถ่ายรูปคู่ด้วยกัน

รูปคุณแฟนเป็นคนถือกล้องถ่ายวิดีโอในทริปนี้ มีแม่ของคุณแฟนยืนเชียร์ข้างๆ

รูปครอบครัวของแม่ คือ ตากับยาย แม่และน้าๆ

รูปน้าของเรากับน้าสะใภ้ (ทริปนี้มีคู่หวาน 3 คู่ค่ะ คู่ตากับยาย

คู่น้าชายกับน้าสะใภ้ และคู่ของเรา )






ขึ้นไปบนดอยแม่สลอง แวะชมพิพิธภัณฑ์ของชาวเขากันค่ะ

ที่นี่มีชาอู่หลงให้ชิมด้วย น้าๆ เราซื้อกันไปเพียบบบ

รูปคุณแฟนกับแม่คุณแฟนที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์

รูปแม่ของเราที่สวนหน้าพิพิธภัณฑ์

และรูปครอบครัวในพิพิธภัณฑ์

คุยกับชาวเขาที่นี่ รู้สึกได้เลยนะคะว่าพวกเค้ารักในหลวง รักสมเด็จย่ามากๆ

ปลื้มใจค่ะ เวลาได้ยินเค้าพูดถึงพระองค์ท่าน






จากนั้นเราไปบนยอดดอยแม่สลองกันค่ะ

ไปนมัสการพระธาตุเจดีย์ศรีนครินทร์ วิวบนนี้สวยมากๆๆ

เราขึ้นไปไหว้องค์พระธาตุกัน ที่นี่มีธรรมเนียมด้วยว่า

ให้ตั้งจิตอธิษฐานแล้ววางเหรียญด้านข้างให้ได้

ถ้าสามารถวางเหรียญให้ตั้งได้ หมายความว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงค่ะ

ครอบครัวเราเลยยืนตั้งหน้าตั้งตาวางเหรียญไม่ให้ล้มกันใหญ่.....






เสร็จแล้วเราไปทานมื้อเที่ยงแบบอาหารจีนยูนนานบนดอยแม่สลอง

จำชื่อร้านไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะไปมาตั้งแต่ปี 51

จำเมนูได้เป็นบางอย่าง เช่น ขาหมูหมั่นโถว เห็ดหอมอบซีอิ๊ว

เป็ดอบสมุนไพร หมูยูนนาน แล้วก้อ...อะไรอีกก้อไม่รู้ง่ะ ลืมแว้วว

อาหารรสชาติจืดๆ บางอย่างก้อเค็มๆ บางอย่างก้อออกจะมันๆ

บ้านเราชอบกินง่ายอยู่แล้ว มะมีปัญหา เอ็นจอยอีตติ้งกันถ้วนทั่ว

พออิ่มท้องกันแล้ว รถตู้ก้อพาเราลงจากดอยแม่สลอง

แวะถ่ายรูปสวนดอกไม้ที่ดอยหมอกดอกไม้กันก่อนค่ะ

ถ่ายรูปคู่กับแม่ตัวเอง.....

ถ่ายรูปคู่กับแม่ของคุณแฟน.....

แม่ถ่ายรูปคู่กับยาย (ทริปนี้แม่กับยายถ่ายรูปด้วยกันเยอะนะนี่)

รูปครอบครัวบนดอยหมอกดอกไม้

และรูปสาวๆ 2 เจนเนอเรชั่น คือรุ่นแม่กับน้า+เรา






ก่อนลงจากดอยแม่สลอง รถตู้พาไปเที่ยวไร่ชาของจริงค่ะ

เลยได้แวะไปถ่ายรูปอยู่หลายภาพ

รู้สึกว่าคุณนายแม่ของเราจะวีดวิ้วเป็นพิเศษ ชอบมากกก






ช่วงบ่ายออกเดินทางจากดอยแม่สลอง มุ่งหน้าไปแม่สายกันค่ะ

เพื่อไปไหว้พระเจดีย์ชะเวงดากององค์จำลองที่ฝั่งพม่า

เป็นธรรมเนียมของแม่ที่จะมาไหว้พระเจดีย์ที่นี่ทุกปีค่ะ

รถตู้พาเราไปส่งที่ด่านหลังจากที่ทำบัตรผ่านแดนเรียบร้อยจากที่ว่าการแล้ว

เราเดินข้ามฝั่งไปพม่า แล้วไปเหมารถสองแถวฝั่งนั้นเที่ยวค่ะ

เค้าจัดมาให้เป็นสถานที่สุดฮิต ที่ใครมาฝั่งนี้ต้องเที่ยวที่นี่

ซึ่งจริงๆ แล้วเรากับแม่เคยมาหลายครั้งแล้ว

แต่คนอื่นๆ ในทริปยังไม่เคยมา เราก้อเลยพาทุกคนไปตามที่สองแถวเค้าจัดให้

สถานที่แรกวัดหยก.....

ต่อมาก้อพระเจดีย์ชะเวงดากององค์จำลอง.....

แล้วก้อวัดใหญ่.....

จากนั้นก้อมาช้อปปิ้งพลอยพม่าที่ร้านขายพลอย

ก่อนที่จะมาส่งพวกเราที่หน้าด่านฝั่งพม่าเพื่อให้เราเดินช้อปปิ้งกันต่อ

เบ็ดเสร็จค่ารถ 150 บาท ถ้วนค่ะ (จดไว้พอดีเลยพอมีข้อมูล)

เราจ่ายให้เค้าไป 200 บาท เพราะดูเค้าเต็มใจให้บริการ

ถือว่าเป็นการกระจายรายได้ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ใช่คนไทยก้อเถอะ

แต่คนทำมาหากินน่ะ เอาใจช่วยอุดหนุนกันอยู่แร้วว






เดินเที่ยวช้อปปิ้งฝั่งพม่าจนทั่วแล้ว

เวลา 5 โมงเย็นแล้วครอบครัวเลยรีบเดินข้ามกลับมาฝั่งไทย

เดินช้อปปิ้งกันต่ออีก (สาวๆ เจ้าแม่ช้อปปิ้งกันทั้งนั้น ไม่ยั้งกันเลยทีเดียว)

จนค่ำๆ เราก้อหอบของเดินขาลากกลับโรงแรมที่โรงแรมปิยะพรเพลส

อยู่บริเวณใกล้ๆ กับด่าน พวกเราเช็คอินกันก่อนข้ามมาเที่ยวฝั่งพม่าไว้แล้ว

พอกลับถึงโรงแรม อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วก้อลงมาที่ห้องอาหาร

ถึงเวลามื้อเย็นค่ะ ที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารที่นี่รสชาติดีมากๆๆ

แม่ติดใจค่ะ มาทีไรพักที่นี่ กินข้าวที่นี่ทุกครั้ง

9 ชีวิต กินกันกระจาย ค่าเสียหายยังไม่ถึงพันบาทเลย

อิ่มท้องแล้วเราก้อไปเดินย่อยปะทะลมหนาวที่ถนนคนเดินหน้าโรงแรมกันต่อ

มีของวางขายประปรายไม่เยอะมาก แต่ก้อเล่นเอาพวกเราช้อปปิ้งกันสนุกสนาน

ก่อนจะแวะกินน้ำเต้าหู้ นมข้าวโพดอุ่นข้างทางก่อนเดินกลับโรงแรมแยกย้ายกันพักผ่อน



Create Date : 13 ธันวาคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 18:40:45 น.
Counter : 2107 Pageviews.

1 comment
ทริปเมืองตรัง (วันที่สาม).....เที่ยวงานเทศกาลหมูย่างเมืองตรัง
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยา 52.....

ตื่นมาท้องฟ้ายังไม่ใสซักเท่าไร

รีบอาบน้ำแต่งตัว เก็บของเช็คเอ้าท์จากโรงแรมค่ะ

ลงมาทานมื้อเช้าที่โรงแรม รองท้องไปก่อนด้วยข้าวต้ม + ยำกุนเชียง

ออมเล็ต (อร่อยมาก หอมเนยสุดๆ) กาแฟ + น้ำส้ม ค่ะ






ได้เวลาประมาณแปดโมงเช้า รถตู้มารับที่หน้าโรงแรม

เราก็ย้ายขบวนกันออกเดินทางไปกินมื้อเช้า (อีกแล้ว) แบบคนตรัง

ที่เรียกว่า แต้เตี้ยม (ใช่มั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) เป็นติ่มซำที่ร้านพงษ์โอชา

ร้านอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเลยค่ะ

ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายมาจิ๊ดเดียวก็ถึง ร้านอยู่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ






เดินเข้าไปในร้านคนเต็มเลย พนักงานที่ร้านบอกว่าให้ขึ้นไปนั่งที่ชั้นสอง

เราก็ยกขบวนไป พอนั่งปุ๊บทางร้านก็ยกอาหารมาให้เต็มโต๊ะเลยค่ะ

เราัสั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้ว แล้วก็ชิมติ่มซำ หรือแต้เตี้ยมกันคนละคำ สองคำ






อิ่มแล้วพวกเราก็ย้ายขบวนขึ้นรถตู้ไปเที่ยวต่อที่ถ้ำ้เลเขากอบ

นั่งรถออกนอกเมืองไปประมาณครึ่งชั่วโมงเองค่ะ

บรรยากาศบนรถตู้.....






และแล้วเราก็มาถึง....ถ้ำเลเขากอบ สถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกตา

เดินข้ามสะพานจะมีโต๊ะขายบัตรให้นักท่องเที่ยว

เราลงเรือที่จอดรออยู่ตรงริมบันไดทางลงค่ะ

เหมาเรือไป 2 ลำ ลำละ 200 บาท นั่งไปตามลำธาร






วิวสองข้างทางสวยดีนะคะ ดูชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์ดีจัง

นั่งถ่ายรูปชมวิวไปเรื่อยๆ






ใกล้ถึงปากทางเข้าถ้ำแล้วค่ะ เริ่มตื่นเต้นกันอีกแว้วว

นั่งก้มๆ เอนตัวต่ำๆ ลอดถ้ำเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เรือปล่อยเราลงเดินชมถ้ำค่ะ








ดูจนหมดแล้ว เรือก็พาเราออกจากถ้ำ ที่แคบมากๆ

เราก็เลยเอนตัวนอนหงายถ่ายรูปซะเลย

ออกมานอกตัวถ้ำแล้วค่ะ สวยนะคะที่นี่ แปลกตาดี






ออกจากถ้ำเลเขากอบ รถตู้พาพวกเรากลับเข้าเมืองกันค่ะ

ตรงไปที่ศาลากลางจังหวัดกันโลด เพื่อมาเที่ยวงานนี้โดยเฉพาะ

งานเทศกาลหมูย่างเมืองตรัง มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายเต็มไปหมดเลย






เยอะจนเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อเจ้าไหนดี

ไปๆมาๆ เลือกร้านได้ร้านนึงที่มีคนเยอะพอสมควร

เค้ามีบริการแพคใส่กล่องให้ด้วยค่ะ จะได้ขนกลับกรุงเทพง่ายๆ

หมูย่างที่ซื้อมาขายกิโลละ 320 บาทจ้า

ร้านนี้แหล่ะค่ะ ซื้อมารวมๆ กันแล้ว 6 กิโล






ซื้อหมูย่างเสร็จ เราก็ย้ายขบวนเพื่อไปหาซื้อเค้กของฝากเมืองตรังกันต่อ

ระหว่างทางเจออนุสาวรีย์ปลาพะยูน ตื่นเต้นกันใหญ่

พี่รถตู้เลยจอดให้ถ่ายรูปกันก่อนค่ะ

น่ารักจังเลย ปลาพะยูนกำลังจุ๊บ จุ๊บ กันด้วยค่ะ ^^






จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ไปซื้อของฝากทั้งหลายแหล่.....






ซื้อของฝากเสร็จแล้ว พี่คนขับพาวนรถมาจิ๊ดเดียวเพื่อมาที่ถนนพัทลุง

มากินมื้อเที่ยงกันต่อที่ร้านสีฟ้าค่ะ

มื้อนี้ไม่ค่อยหิวซักเท่าไร เพราะกินมาตลอด

แต่เดี๋ยวเราต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพแล้ว

เป็นเหตุให้ต้องรองท้องกันหิวไว้ก่อนดีกว่า

เมนูแรกมาเลยค่ะ หมูเกาหยูก อาหารจานเด่นของที่นี่

ได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ ในห้องบลูนี่แหล่ะค่ะ เลยทำให้อยากมาลองชิม

รสชาติดีนะคะ คล้ายๆ หมูพะโล้ แต่ไม่ใช่ คนชอบกินหมูสามชั้นต้องชอบแน่ๆ

ตามด้วยคั่วกลิ้งปลากระบอก ที่น้าๆ ติดใจกันสุดๆ

แก้เผ็ดด้วยแกงจืดเต้าหู้ค่ะ

ยำสาหร่ายวาตาเมะ ผัดผักกูดใส่กุ้ง

ตบท้ายด้วยปลาทรายทอดขมิ้น (อร่อยมากกก)

ข้าวกล้องอีกหนึ่งโถ + น้ำผลไม้คั้น พออิ่มท้องกันแล้ว

คิดเงินรวมเบ็ดเสร็จเจ็ดร้อยกว่าบาท

ช่วงนี้ที่ร้านที่โปรโมชั่นค่ะ ถ้ามาเกินสี่คนทางร้านจะลดราคาให้ 10%

ดีจังเลย แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าจะโปรโมชั่นนี้ถึงเมื่อไหร่






เราย้ายขบวนต่อไปที่สนามบินเมืองตรังเพื่อที่จะได้ไปเช็คอินค่ะ






เดินทางกลับ 12go ไฟล์ท 13.55 น.

พอขึ้นเครื่องบิน เจ้าหน้าที่เดินแจกถุงถั่ว สัญลักษณ์ของ 12go

บ๊าย บายเมืองตรังค่ะ

ไว้เจอกันใหม่อีกทีเดือนเมษานะคะ

ที่บ้านตกลงกันแน่นอนแล้วว่า หลังสงกรานต์เรามากันอีกแน่ๆ

ต้องซ่อมค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสะพานยอดไม้ ถ้ำมรกต เกาะเชือก

เกาะกระดาน ถ้ำเลเขากอบ (ลอดท้องมังกร)

ครอบครัวเราต้องมาอีกแน่ๆ ค่ะ ^^






สำหรับค่าใช้จ่ายของทริปนี้นะคะ

- ค่าโรงแรม 4 ห้อง 2 คืน ราคา 8,000 บาท ซื้อในงาน ททท.เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาค่ะ

- ค่าอาหารมื้อแรกที่ร้านตะไคร้หวานเก้าร้อยกว่าบาท ประมาณว่า 1,000 บาท

- ค่าอาหารเย็นที่ร้านบ้านสวนสุดาพร พันหกกว่าบาท ประมาณว่า 1,700 บาท

- ค่าอาหารเย็นวันที่สองที่ร้านตะไคร้หวาน ประมาณว่า 1,000 บาท

- ค่าอาหารแต้เตี้ยมร้านพงษ์โอชาสี่ร้อยกว่าบาท ประมาณว่า 500 บาท

- ค่าอาหารมื้อเที่ยงวันกลับที่ร้านสีฟ้าเจ็ดร้อยกว่าบาท ประมาณว่า 800 บาท

- ค่ารถตุ๊ก ตุ๊ก เที่ยว City tour เมืองตรัง + ทิป 400 บาท

- ค่ารถตุ๊ก ตุ๊ก ไปกลับร้านบ้านสวนสุดาพร 300 บาท

- ค่าเหมารถตู้พร้อมน้ำมันรถเที่ยวครึ่งวัน (ถ้ำเล+งานหมูย่าง) 1,500 บาท

- ค่าแพคเกจทัวร์ทะเลตรังคนละ 800 บาท รวมแล้ว 6,400 บาท

- ค่าเหมาเรือเที่ยวถ้ำเล 2 ลำ + ทิปคนพายเรือ 500 บาท

รวมแล้วค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ประมาณ 22,100 บาท

หรือเฉลี่ยคนละ 2,762 บาท (โดยไม่รวมราคาตั๋วเครื่องบินนะคะ)

ขอจบทริปตรังแต่เพียงเท่านี้นะคะ



Create Date : 11 ธันวาคม 2552
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 17:27:29 น.
Counter : 1019 Pageviews.

1 comment
ทริปเมืองตรัง (วันที่สอง).....ทะเลหน้าฝน
วันเสาร์ที่ 5 กันยา 52.....

วันนี้ตื่นแต่เช้า เปิดผ้าม่านดูท้องฟ้าซะหน่อยว่า ฝนตกมั๊ยน้อ

ฟ้าเริ่มสาง ปรากฎว่า ฝนตกอ่ะค่ะ แต่ตกปรอยๆ ไม่แรงมาก

ปลอบใจตัวเอง เอาน่า เดี๋ยวคงหยุดแหล่ะ ฝนตกไม่แรงซักหน่อย

ว่าแล้วก็อาบน้ำอาบท่า ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย

ก่อนจะเดินลงไปทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ

อาหารมีให้เลือกไม่เยอะเท่าไร

อาจจะเพราะส่วนใหญ่ เค้าออกไปทานมื้อเช้าแบบคนตรัง คือ ติ่มซำมากกว่ามั้งคะ






พออิ่มท้องดีแล้ว เดินออกไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม

เซลล์ทัวร์ของโรงแรมเดินเข้ามาทักทายบอกว่า

โทรไปเช็คที่ท่าเรือแล้วค่ะ ไม่มีปัญหา ฝนไม่ตกทางนู้น ไปเที่ยวทะเลได้ค่ะ

เราก็โอเชค่ะ รวบรวมสมาชิกผู้ร่วมทริปทั้ง 8 คน ขึ้นรถตู้ไปท่าเรือปากเมงค่ะ






รถตู้มาส่งที่ท่าเรือ แต่แล้วก็ยังออกเรือไม่ได้

เจ้าหน้าที่ทัวร์บอกว่า ใจเย็นๆ ดีกว่าเนาะ รอดูฟ้าฝนให้แน่ใจดีกว่า

เพราะตอนนี้ถึงฝนจะหยุดแล้ว แต่ทะเลยังมีลมอยู่เลย

ท้องฟ้าก็ยังไม่ใส คลื่นยังแรงอยู่

ครอบครัวเราก็โอเช ไม่มีปัญหา นั่งเล่นชิวๆ รอที่ท่าเรือได้อยู่แล้ว






นั่งเล่นได้ซักพัก เริ่มหาอะไรทำดีกว่า เดินไปถ่ายรูปบริเวณท่าเรือ

แอบเห็น.....หมาทะเล นอนให้ถ่ายอย่างดีเชียว

เดินข้ามถนนไปซื้อขนมที่มินิมาร์ทแถวนั้น

เจอน้องหมา 2 ตัว น่ารักจังเลย






นั่งเล่นอยู่ซักพัก น้าเกิดนึกอยากกินกาแฟขึ้นมา

เห็นหน้าบริษัททัวร์มีขนมขบเคี้ยว + ชา กาแฟ กระติกน้ำร้อนตั้งอยู่

ก็เลยเข้าไปถามว่า กาแฟแก้วละเท่าไรคะ จะขอซื้อกาแฟ

ทางทัวร์ตอบมาว่า ชงเลยครับ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก

น้าเกิดอาการไม่สบายใจเพราะปกติไปเที่ยวที่ไหนๆ ก็จ่ายตังค์ตลอด

ขนาดน้ำเปล่าเรายังต้องเสียตังค์กันเลย ก็เลยพูดอีกทีด้วยความเกรงใจว่า

ไม่เป็นไรๆ คิดเงินก็ได้ จะซื้อขนมกินกับกาแฟด้วยจ้ะ

พี่คนเดิมตอบกลับมาว่า

"ไม่เป็นไรจริงๆครับ แค่กาแฟกับขนมแค่นี้เอง คิดเงินก็เกินไปแล้วครับ

เราคนไทยด้วยกัน ของแค่นี้เรื่องเล็กครับ" พูดจบพี่ท่านก็ส่งยิ้มให้ด้วย

อึ้งค่ะ....น้าเรามีอึ้ง แบบคาดไม่ถึงเลยจริงๆ

เลยชงกาแฟมากินแก้วนึงพร้อมกับเดินกลับมานั่งที่โต๊ะแบบ....ปลื้มค่ะ

แป๊บนึงเจ้าหน้าที่ทัวร์ยกขนม + น้ำดื่ม มาให้กรุ๊ปเราบอกว่า ตามสบายครับไม่ต้องเกรงใจ

โห....ยังไม่ทันได้เที่ยวด้วยกันเลย ก็รู้สึกถึงรังสีมิตรภาพส่งถึงกันแล้วอ่ะค่ะ






รอจนฟ้าเริ่มใส ก็ได้เวลาลงเรือกันแล้วค่ะ ประมาณสิบโมงได้

เรือลำนี้แหล่ะค่ะ ที่จะพาเราเที่ยว

บังเอิญว่าวันนี้มีเฉพาะกรุ๊ปเรากลุ่มเดียวที่ซื้อทัวร์

เราก็เลยเหมือนกับได้เหมาลำ ทั้งๆ ที่ความจริงซื้อเป็นแบบแพคเกจต่อคน

ตอนแรกเลยก่อนมาเที่ยวก็ตั้งใจจะเหมาลำอยู่เหมือนกันค่ะ

แต่นึกขึ้นได้ว่า ถ้าเหมาลำก็เป็นเรือหางยาว จะเล็กกว่าเรือที่เที่ยวเป็นกรุ๊ป

ไม่อยากให้แม่ + น้าๆ ตื่นเต้นเกินไปถ้าจนะเที่ยวด้วยเรือลำเล็ก

เพราะแม่กับน้าเพิ่งมาเที่ยวทะเลใต้ครั้งแรกด้วยนี่สิ

สรุปแล้วเราก็เลยซื้อแพคเกจแทนดีกว่า โชคดีค่ะ ที่มีแต่กลุ่มเราในวันนี้

เลยเที่ยวเป็นการส่วนตัวกับเรือหวานเย็นลำนี้เลย

(แอบตั้งชื่อเรือเสร็จสรรพ เพราะสีสันของเรือเหมือนน้ำแข็งไสหวานเย็นจริงๆนะ)

ออกมาจากฝั่งได้ไม่ทันไร

ถึงฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ทะเลก็ยังคงมีคลื่นอยู่ดี

เล่นเอาครอบครัวเรา เฮกันทีเวลาที่เรือโต้คลื่น

ไม่ได้มีเกรงมีกลัวกันเร้ย ให้ตายเหอะ






จริงๆ ตามกำหนดการเราตั้งใจจะไปเที่ยวถ้ำมรกตกันค่ะ

แต่วันนี้เข้าไม่ได้จริงๆ พี่ที่เป็นไกด์ชื่อว่าพี่ใหม่บอกว่า

วันนี้เข้าไม่ได้หรอกเพราะวันนี้หลัง 15 ค่ำมาแค่วันเดียว น้ำขึ้นครับ

แล้วทะเลก็มีลมแบบนี้ มันอันตราย แป่วววว

มะเป็นไร ไม่ได้ไปถ้ำมรกตก็ไม่เป็นไร

เลยได้ไปที่เกาะไหงก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้แม่กับน้าฝึกการใช้สนอคเกิ้ล

ในรูปที่เห็นคือ รีสอร์ทเกาะไหงแฟนตาซีค่ะ

น้าๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ ส่วนแม่....ตอนแรกก็ตื่นเต้นบอกว่า

มันบังคับยากนะเนี่ย ให้หายใจทางปากแทนจมูกอ่ะ

เราก็ลุ้นๆ อยากให้แม่ดำน้ำตื้นเป็น เพราะแม่เป็นคนชอบเลี้ยงปลา

ถ้าแม่เห็นปลาจริงๆ ในท้องทะเล แม่น่าจะชอบมากๆ

สุดท้าย แม่ก็ทำได้ พอเริ่มดำสนอคเกิ้ลเป็นล่ะทีนี้.....

คุณนายไม่ยอมเลิก เอะอะ อะไรก็จะดำน้ำดูปลาท่าเดียว ไม่ยอมขึ้นกันเลย^^

จนได้เวลาขึ้นเรือ กินมื้อเที่ยงบนเรือกันค่ะแบบบุปเฟ่ต์

บนเรือมีที่วางอาหารเป็นล็อคๆ กันอาหารหกเลอะเทอะด้วยค่ะ

พอเปิดฝาลิ้นชักปุ๊บจะเห็นอาหาร 5 อย่างอยู่ในถาด น่ากินมากๆๆ

เริ่มด้วยถาดแรก น้ำพริกกะปิใส่กุ้งต้มหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

ถาดที่สอง คือ ปลาหมึกยักษ์ชุปแป้งทอด (ตัวใหญ่มากๆ เค้าหั่นมาให้เรียบร้อย)

จริงๆ มีปลาหมึกเต็มถาดนะคะ แต่เราถ่ายรูปไม่ทันเพราะมัวแต่ตักไปกินก่อน

นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย เลยรีบไปคว้ากล้องมาถ่ายรูปต่อ

ตามด้วยปลาทูทอดกินกับน้ำพริก

เราไม่ได้กินปลาทูทอดค่ะ เบื่อแล้ว

แต่คุณแฟนบอกว่า ปลาทูอร่อยมากเห็นตัวเล็กๆ อย่างนั้นเถอะ

แล้วก็ยืนยันด้วยการเดินไปตักข้าว 3 รอบเลยทีเดียวเชียว

ปลาหมึกหมดเป็นอันดับแรกเลยค่ะ ทั้งเราทั้งน้องชายจัดการเรียบบบ

มีแกงส้มมะละกอใส่กุ้งตัวเบ้งๆ อีกหนึ่งถาด

เล่นเอาครอบครัวเราฮือฮากับกุ้งในแกงส้มกันเลย

ปิดท้ายกับข้าวด้วยน่องไก่เล็กทอด






กับข้าวทั้งหมดนี่เ้ค้าเตรียมมาให้กลุ่มเรา 8 คนเท่านั้นนะคะ

จนคุณแฟนเราถึงกับออกปากว่า ตั้งใจจะเลี้ยงคนซัก 20 คนหรือเปล่าอ่ะพี่

กับข้าวเยอะมาก แม่กับน้าเดินไปตามพี่ไกด์ + พี่ที่ขับเรือให้มากินข้าวด้วยกัน

เพราะยังงัยก็ต้องจอดเรือกินข้าวมื้อเที่ยงอยู่แล้ว

พี่ๆ ทัวร์บอกว่าให้พวกเรากินให้เสร็จก่อนก็ได้ เดี๋ยวเค้าจัดการกันเอง

แม่เราถึงกับบอกว่า โอ๊ย ไม่ต้องมาดูแลพวกเราหรอก เรือจอดอยู่เฉยๆ

มากินข้าวด้วยกันดีกว่า กับข้าวเยอะแยะเลย สุดท้ายเลยนั่งกินข้าวด้วยกัน

ล้อมวง เม้าท์กันสนุกสนาน อิ่มข้าวแล้วต่อด้วยผลไม้ล้างปาก

พี่เค้าเตรียมแตงโม + สับปะรดมาปอกให้เรากินกันตรงนั้นด้วย

พออิ่มท้องซักพัก เรือก็พาเราไปเที่ยวต่อที่ เกาะม้า

พี่ไกด์ผูกเชือกไว้ที่เรือกับชะง่อนหิน แล้วให้แม่กับน้าๆ ดำน้ำแบบเกาะเชือกไปด้วย

เพื่อกันไม่ให้ไหลไปตามกระแสน้ำ เพราะวันนี้ลมแรงค่ะ

เราดำน้ำแป๊บเดียวก็ขึ้นเรือเพราะรู้สึกท้องฟ้าอากาศไม่เป็นใจ

เคยไปเที่ยวที่กระบี่ตอนฟ้าใสๆ มาแล้วด้วย ก็เลยเฉยๆ

ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าวันนี้ฟ้าใส ทะเลตรังคงสวยไม่แพ้กระบี่หรอก

ถึงฟ้าฝนไม่เป็นใจ ดำน้ำกันได้ไม่เท่าไร

ได้ไปเล่นน้ำบริเวณชายหาดที่เกาะไหง กับดำน้ำดูปลา + ปะการังที่เกาะม้าเท้านั้นเอง

เพราะเกาะเชือกก็ไปไม่ได้ ฝนตั้งเค้ามาอีกแล้วเราต้องรีบกลับเข้าฝั่งกัน

น้องชายบอกว่า ไม่ได้ไปเกาะเชือกจริงๆ แต่เราก็ได้เกาะเส้นเชือกดูปะการังแทนนี่งัย

เล่นเอาฮากันทั้งเรือ พี่ไกด์บอกว่า ขากลับอาจจะตื่นเต้นเล็กน้อยนะครับ

เพราะท่าทางฟ้าฝนไม่เบา ครอบครัวเราตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า

ไม่มีปัญหา.....น่านนน เอากับเค้าสิ แต่ละคนๆ ไม่ได้กลัวอะไรกันเร้ย






ขากลับ นอกจากลมแรงแล้ว ฝนเริ่มตกปรอยๆ คลื่นทะเลเริ่้มสูงขึ้นๆๆ

ครอบครัวเรายังคงเฮได้ทุกครั้งที่เรือโต้คลื่น

มีเสียงกรี๊ดกร๊าดพร้อมกับเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา

อาจจะเพราะไม่มีฟ้าแลบ ฟ้าร้องด้วยมั้งคะ เราก็เลยไม่กลัวกัน

จนเรือพามาใกล้ฝั่ง ไม่ไกลเท่าไรเพราะเห็นฝั่งอยู่ลิบๆ

อยู่ดีๆ พี่ไกด์ก็เดินมาบอกว่า เดี๋ยวเราต้องพักเรือก่อนนะครับ

เรือจะไปจอดหลบลมทะเลที่เกาะ ข้างหน้าแป๊บนึงก่อน

แล้วยังงัยทางฝั่งจะส่งสปี้ดโบ้ทมารับพวกเรากลับฝั่งแทน

พูดจบหันไปเห็นหัวเรือที่กำลังมุ่งหน้าเข้าฝั่งกำลังหมุนลำเรือกลับไปอีกทาง

เพื่อไปอีกเกาะนึงแถวๆ นั้น

จำได้เลยว่า นาทีนั้นเห็นคลื่นทะเลที่สูงที่สุด (ที่เห็นด้วยตาตัวเอง)

แล้วพี่คนขับเรือพยายามประคองเรือสุดฤทธิ์ พ้นคลื่นทะเลที่ม้วนๆ ตัวมาหาเรืออย่างหวุดหวิด

นาทีนั้นน่าจะทำให้พวกเราเกิดอาการช็อคกันบ้าง

แต่ความจริงแล้วพวกเราไม่มีใครช็อค นอกจากร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ว้าวว

มันอารมณ์แบบผจญภัยสุดๆ เพียงไม่กี่วินาที เรือก็พาพวกเรามาอยู่ที่หหน้าเกาะแห่งหนึ่ง

ลมทะเลนิ่งเหมือนอยู่คนละท้องทะเลกับตากี้นี้เลย

พี่ไกด์บอกว่า ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ไม่มีลมแล้ว ไม่ต้องกลัว

มีเสียงน้าของเราตอบกลับไปทันทีว่า

ไม่ได้กลัวหรอก ว่าแต่ เกาะนี้เล่นน้ำได้มะ มีหาดทรายด้วยอ่ะ ดำน้ำกันได้ป่าว

พี่ไกด์ถึงกับบอกว่า พี่คร้าบ กลัวกันบ้างซักนิดก็ได้คร้าบ ยังจะเล่นน้ำอีกเหรอคร้าบ

เล่นเอาฮากันทั้งลำเรือ พี่คนขับเรือดับเครื่องแล้วเดินออกมาจากห้องคนขับเรือ

มายืนดูทะเล แม่กับน้าชมเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า พี่คนขับเก่งมากๆ

ระหว่างเรือพักที่เกาะนั้น เราก็ได้ถ่ายรูปเล่นเรื่อยเปื่อย

เห็นนกแร้งด้วยค่ะ สวยชะมัด เวลาบินที เท่ห์จริงๆ

นกแร้งมาโฉบกินปลาค่ะ






พี่ไกด์กำลังปอกสับปะรด หั่นผลไม้ มีกาแฟ + เค้กเมืองตรังให้พวกเรากินฆ่าเวลา

ซักพักเรือสปี้ดโบ้ทก็มารับพวกเราค่ะ

พี่ไกด์บอกว่า ถ้านั่งอยู่บริเวณหน้าลำเรือมันจะโต้คลื่นจังๆ เลย

มานั่งในตัวเรือเลยดีกว่าครับเพราะจะได้ไม่กระแทกมากนัก

แต่ขอโทษที....คำแนะนำนี้ใช้ไม่ได้กับครอบครัวเรา

เพราะทุกคนย้ายไปนั่งบริเวณข้างหน้ากันหมดเลย ^^

พอมาถึงฝั่ง มีสาวน้อยอายุประมาณ 5-6 ขวบลากรถเข็นมารอที่ท่าเรือ

ถามกลุ่มเราว่า เที่ยวสนุกมั๊ยคะ จะฝากกระเป๋าให้หนูเข็นไปให้มั๊ยคะ

ครอบครัวเราถึงกับอมยิ้มเลย แม่ถามว่า เข็นไว้เหรอลูกตัวเล็กนิดเดียว

สาวน้อยยังไม่ทันตอบยืนยิ้มตาหยีอยู่ใกล้ๆ

ไกด์เพิ่งขึ้นจากเรือตามเรามาบอกว่า ลูกสาวเถ้าแก่เจ้าของทัวร์ครับ

พ่อเค้าสั่งให้มาช่วยบริการเข็นของให้ลูกทัวร์

ที่บ้านเราเลยฮือฮากันเลย ตัวเล็กนิดเดียวรู้จักช่วยพ่อแม่ทำมาหากินด้วย

แต่ที่บ้านเราถือของกันเองไม่ได้ใส่รถเข็น สาวน้อยก็เลยเดินลากรถคุยกับเรามาตลอดทาง

พอถึงหน้าออฟฟิศทัวร์ตรงถนนใหญ่ เถ้าแก่เจ้าของทัวร์วิ่งเข้ามารับ

แล้วบอกว่า เก่งกันมากๆ เลย คิดว่าจะเมาเรือกันแล้วเพราะเห็นว่า

ผู้ร่วมทริปนี้มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลย (แม่กับบรรดาน้าๆ) แต่ไม่ยักกลัวแฮะ

ที่บ้านเราต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่กลัวเลยค่ะสนุกดี

ที่สำคัญไกด์บริการดีมาก พี่ขับเรือก็เก่ง อาหารก็อร่อย ประทับใจค่ะ

เถ้าแก่ยิ้มหน้าบานยืนคุยทำคุ้นเคยกันเลย คุยกันจนขึ้นรถตู้เพื่อไปส่งเราที่โรงแรม

กลับมาถึงโรงแรมต่างคนต่างแยกย้ายกันพักผ่อน อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้า

ก่อนจะลงมาที่ล็อบบี้ วันนี้ตั้งใจจะไปกินมื้อเย็นที่ร้านโกชัยปลาเผากันค่ะ

แต่พอเอาเข้าจริง ไม่สามารถเพราะฝนตกไม่เลิกและทำท่าจะลงหนักขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายลงมติกันว่า กินแถวๆ นี้แระกัน เราก็เลยขอยืมร่มโรงแรม

เดินไปที่ร้านตะไคร้หวาน ที่เดิมเลยค่ะ

วันนี้ที่ร้านตะไคร้หวานคนเต็มร้านเลยค่ะ ครอบครัวเราเลยขึ้นไปนั่งที่ชั้น 2

สั่งอาหารมากินเล่นกันก่อน....ปอเปี๊ยะทอดค่ะ

ตามมาด้วยยำตะไคร้หวาน ที่เราไม่ได้กินคราวก่อนเพราะหมดซะก่อน

คราวนี้เลยจัดมาอย่าให้เสีย ไม่ผิดหวังเลยค่ะ รสชาติดีมาก

เครื่องเคียงต่างๆ มีตะไคร้ฝอยๆ ทอดกรอบ

กุ้งแห้งทอด เนื้อหมููทอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว

พริกขี้หนู มะนาว หอมแดง วางเรียงกันไปก่อน

ราดด้วยน้ำยำที่รสชาติกลมกล่อมมากๆ เปรี้ยวหวานกำลังดีเลยค่ะ

ลืมถ่ายรูปต้มยำทะเลมาค่ะ ต่อด้วยแแกงส้มปลา

รสชาติแพ้แกงส้มบนเรือตอนไปเที่ยวทะเลมา

แกงส้มบนเรือรสชาติดีกว่า แบบว่าชนะเลิศค่ะ

ตามด้วยยำถั่วพู อร่อยนะคะ ไข่ต้มกำลังดีเลย






ต่อด้วยเนื้อปูผัดต้นหอม เมนูนี้สั่งมา 2 จานเลยค่ะ

มีอาหารจานเดียวด้วยค่ะ จานนี้ข้าวผัดแกงเขียวหวาน

น้าบอกว่ารสชาติธรรมดา ไม่เข้มข้น ติดจืดไปหน่อย

สปาคาโบ อันนี้ไม่ผ่านอย่างแรง

เราชิมแล้วไม่ใช่เลยอ่ะ บอกกับทางร้านแล้วด้วยค่ะว่า ไม่โอเค

คุณแฟนสั่งก๋วยเตี๋ยวราดหน้าลงเรือ อร่อยดีค่ะ แปลกดี

เส้นก๋วยเตี๋ยวทอดกรอบ กินเพลินเลยค่ะ

น้ำราดหน้า รสชาติแปลกๆ อร่อยนะคะ

กับข้าวมีเพิ่มเติม เมนูเหมือนเมื่อวานนี้ คือ ลาบหมูทอดกับต้มข่าไก่ ค่ะ

ข้าวอีก 1 โถ รวมเบ็ดเสร็จค่าเสียหายราคา หนึ่งพันถ้วน






นั่งเม้าท์กันไป กินข้าวกันไป รอฝนหยุดตกลแล้วก็เดินกลับโรงแรม

แยกย้ายกันพักผ่อนเก็บแรงไว้เที่ยววันพรุ่งนี้ต่อดีกว่าค่ะ

จบการผจญภัยท้องทะเลหน้าฝนในวันนี้ด้วยรูปช่างภาพประจำตัวทุกทริปนะคะ




Create Date : 11 ธันวาคม 2552
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 16:59:31 น.
Counter : 881 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

chicken demon
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]



All Blog
Friends Blog
[Add chicken demon's blog to your weblog]