สวัสดีค่ะ ไปเที่ยวเกาะตาชัย จ.พังงา กับหวานใจ มาก็หลายวันแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสมาเล่าเรื่องให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ 

     เราไปเที่ยวกับคุณสามี ที่ จ.พังงา เมื่อวันที่ 6-9 มี.ค.58 ที่ผ่านมา แต่ทริปนี้ เน้นไปทำงานมากกว่า เกาะตาชัย เนี่ยเป็นการตัดสินใจ ณ ขณะนั้น ไม่ได้เตรียมอะไร 

     โดยหลังจากที่เราเดินทางไปทำงานที่ อ.เมือง จ.พังงา ก็เหลือวันว่างอีก 1 วัน คือวันที่ 8 มี.ค.58 เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็เกิดอยากไปเที่ยวเกาะขึ้นมา คุณสามีเลยชวนไปเกาะตาชัย ก็นั่งดูกันว่าจะไปทัวร์ไหนดีกัน พอดี๊ พอดี เรานึกขึ้นได้ว่ามีน้องที่รู้จักที่สงขลา มีเพื่อนรู้จักทัวร์ไปเกาะตาชัย เลยโทรหาซะเลยค่ะ จนในที่สุด สรุปได้ไปทัวร์กับ  "Check In Andaman" ค่ะ ซึ่งเป็น One Day Trip ราคาต่อคน 1,900 บาท รวมทุกอย่างค่ะ

รูปนี้มาแต่เช้าตรู่เลยยังไม่มีคนค่ะ

นั่งเรือเร็วเฟอร์รี่ พร้อมไกด็ให้คำแนะนำเรื่องทริป อาหารการกิน และเรื่องความปลอดภัย

ไปกันราวๆ 30-40 คน ค่ะ

มาถึงแย้วค่ะ

มีเพื่อนๆ จากทัวร์อื่นๆ มาด้วยค่ะ ลืมบอกไป ของเรามีมาลำเดียวเองค่ะ 

อีกสักรูป

สำหรับทัวร์เกาะตาชัยนั้น ทุกทัวร์จะมีโปรแกรมคล้ายๆ กันค่ะ คือ จะปล่อยเราทิ้งไว้เล่นน้ำบนชายหาดประมาณ 2-3 ชม. มีเลี้ยงอาหารกลางวันบนเกาะ โดยอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ เป็นของหน่วยงานอุทยานบนเกาะเป็นคนจัดเตรียมให้นะคะ ไม่ใช่ทัวร์เป็นคนทำ แต่ของกินเล่นนั้นทางทัวร์จะเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้กินเล่นตลอดทั้งทริปค่ะ

โดยเราเดินทางไปถึงเกาะเวลาประมาณ 11.15 น.ค่ะ ทางทัวร์ปล่อยให้เล่นน้ำ ถึงเวลา 14.00 น. และจะพาไปดำน้ำดูปะการังต่อจนถึงเวลา 15.00 น. ถึงจะเดินทางกลับค่ะ

ต่อไปก็เป็นรูปวิวพร้อมนางแบบล้วนๆ ค่ะ

เสียดายที่ไม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำกะเขา ใจไม่กล้าพอค่ะ

จบลงด้วยการดำน้ำตื้น พร้อมสน๊อกเกิ้ล กับคุณสามีจร้า

     สำหรับทริปนี้ เราประทับใจมากกับความสวยงามของน้ำทะเล ที่มีสีออกฟ้าใส ไม่ใช่สีเขียวเหมือนฝั่งทะเลทางอันดามันอื่นๆ (แต่ที่อื่นๆ ก็สวยนะคะ)

     แต่จุดที่ไม่ประทับใจคงจะเป็นห้องน้ำบนเกาะค่ะ คือ มีคนมาเที่ยวกันมาก จนน้ำไม่ไหล ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำกันแบบไม่มีน้ำกด และเข้าต่อๆ กัน นึกสภาพดูแล้วเฮ้อ ==" จบดีกว่าค่ะ 

ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามาชมจร้า

เริ่มจากตื่นเช้ามา รับอรุณ กับอาหารเช้าแสนอร่อย ถ่ายภาพวิวสวยๆ ของรีสอร์ท อีกครั้ง  แช่ขาลงในสระน้ำ (แม่น้ำแควน้อย) ที่ยังไม่ได้ลงเล่นเลย เสียดายมากๆ รู้สึกปลดปล่อยเสียนี่กระไร 555  จากนั้นจึงบ๊าย บาย รีสอร์ทน่ารักๆ แห่งนี้ ไปจริงๆ เสียที

ขอเอาภาพมาฝากเป็นที่ระลึกนะจ๊ะ

วันแรกของการเดินทาง เช้าวันเสาร์ ออกเดินทางประมาณ 7 โมงเช้าค่ะ มุ่งหน้าไปตามจ.นครปฐม ราชบุรี ไปตามถนน ถนนบรมราชชนนี –นครชัยศรี ไปตามป้ายเลยค่ะ ที่เขียนว่าไป กาญจนบุรี จนเลี้ยวเข้าตัวอ.บ้านโปร่ง จ.ราชบุรี แวะกินข้าวเช้า ร้านฉางทอง สักนิดประมาณ 8 โมง กว่าๆ ค่ะ ที่ร้านฉางทองนี้ เป็นร้านข้าวแกง ต้มเลือดหมู แต่รสชาติอร่อยเลยค่ะ เมนูที่คุณสามีชอบแวะมากิน คือ กระดูกหมู ค่ะ กินกับข้าวพร้อมน้ำจิ้มอร่อยเลยค่ะ 

จากนั้นก็ แวะดื่มกาแฟสักนิด พอดีได้อ่านริวิวมาว่าแถวบ้านโป่งมีร้านกาแฟเปิดใหม่ แนะนำ ชื่อ ร้าน “Rain Tree Café” อยู่หัวโค้งถนน (สั่งเกตป้ายร้านดีๆ ค่ะ อาจขับเลยได้) ร้านนี้มีต้นไม้ใหญ่เป็นจุดเด่นเลยค่ะ มีชิงช้า น่ารักๆ ร้านก็น่ารักมากๆๆ (อยากจะมีบ้างที่บ้าน) นั่งไปก็เพลินไป กาแฟก็อร่อย เข้มข้น อยู่ที่นี่ก็พักใหญ่เหมือนกันค่ะ ถ่ายรูปกันเพลิน อิอิ

หลังจากที่เอ่อละเหยกันนานแสนนาน ก็เร่งรีบขับไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจ ที่  “วัดถ้ำเสือ” อ.ท่าม่วง เมืองกาญจนบุรีค่ะ โดยเราเดินทางตามรีวิวของเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวที่นี่ ว่าเดินทางมาอย่างไร ไม่ยากเลยค่ะ เปิด GPS ก็ได้ค่ะ โดยขับมายังเขื่อนแม่กลอง (เลยแยกเข้า อ.ท่าม่วง ไป 200 ม.) จากนั้นเลี้ยวขวาตรงวงเวียน ขับตรงไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไปวัดแล้วค่ะ วัดนี้ มีหลวงพ่อชินประทานพร ซึ่งสวยงามและใหญ่โตอลังการมากๆ เลยค่ะ ดีใจมากค่ะที่ได้มีโอกาสมากราบไหว้ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเจดีย์ เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุ คุ้มค่ากับความเหนื่อยจริงๆ ค่ะ (เดินเหนื่อยมาก น่าจะสักพันกว่าขั้น เวอร์แระ = =”) 

จากนั้นก็เที่ยงกว่าๆ พอดี ต้องหาร้านกินข้าวได้แล้ว  ร้านที่เราจะไป เป็นร้านแนะนำอีกเช่นเคยค่ะ ชื่อ ร้าน  “ไผ่ริมแคว” เป็นร้านที่ขายปลาคัง เป็นตัวๆ เพราะว่ามีกระชังเลี้ยงเองเลยค่ะ รูปแบบบ้านๆ มาก เมนูที่สั่งไป ตอนแรกไม่รู้วิธีการสั่ง เลยสั่งไปแค่ 2 อย่าง ได้กลับมาจานอลังการอีกแล้ว ถามไปถามมาได้คำตอบว่า สามารถสั่งหลายเมนูได้ คิดค่าเสียหายเป็นตัวปลา ไม่คิดค่าปรุงอาหารจร้า อยากได้จานน้อยๆ ก็สั่งเมนูเยอะๆ เพราะปลาตัวเดียว ตัวเล็กสุดหนักตั้ง 2 กิโลกว่าแล่ว  ขอบอกอีกอย่างค่ะ ร้านนี้ใช้เวลาในการทำค่อนข้างนานค่ะ เข้าใจว่าคงกว่าจะเตรียมปลาอ่ะนะ

กว่าจะกินกันเสร็จสิ้น ก็ปาไปบ่ายแก่ๆ เกือบบ่าย 2 โมงกว่า คิดว่าไปที่พักเลยดีกว่าจะได้ชิวๆ อยู่ที่รีสอร์ท ไม่ต้องฟ่าความร้อน แต่พอผ่านสะพานความแม่น้ำแคว เลยขอแวะเก็บภาพซะหน่อยค่ะ

จากนั้นก็บึ่งตรงไปยังรีสอร์ททันที เพราะอยู่ค่อนข้างลึก เด่วจะหลงทางซะก่อน รีสอร์ทตั้งอยู่ที่ อ.ไทรโยค ไม่สามารถกำหนด GPS ได้ ต้องอ่านจากในเว็บไซต์เท่านั้น ว่าเดินทางอย่างไร เลี้ยวซ้ายที ขวาที ก็มีหลงบ้างค่ะ แต่ก็มาถึงจนได้ “ปิงปาลี รีสอร์ท” เน้นความสงบเงียบมากมาย มีแค่ 11 ห้องเท่านั้น ในวันนั้น มีเพื่อนมาพักร่วมด้วยแค่ 3 ห้อง (รวมห้องเรานะคะ) ก็เงียบดีมากชอบๆ ค่ะ