Poetry is wisdom that enchants the heart.
Wisdom is poetry that sings in the mind.
Poetry is not an opinion expressed.
It is a song that rises from a bleeding wound or a smiling mouth......
"If you can't love me, love my poetry."
|
||||
หลังทะเลแดกเลือด
หลังทะเลแดกเลือด
ทะลุ่มปุ่มปู ทุสุมุดุ อุสานารี โกวาปาเปิด จกจี้รี้ไร ทะ...เลแดกเลือดแล้ว...........................ลามปาม ลุ่ม...ลาดพินาศทราม...........................เสื่อมด้วย ปุ่ม...ป่ำย่ำกลกาม...............................กมลโลกย์ ปู...วิถีทางม้วย....................................มอดสิ้นสุดวิสัย ทุ...รังทุเรศร้าย....................................เหลือใจ สุ...รภพจบสมัย...................................สุดแก้ มุ...หมายฆ่ากันไย.............................. ระยำหยาบ ดุ...เดือดเลือดพล่านแท้.......................ท่วมท้นอุบาทว์กถา อุ...บาทว์คนบนโลกรั้น -......................เริงกาม สา...แก่ชาติสัตว์ลาม............................โลกหล้า นา...ครมนุษย์สุดทราม.........................โทรมเสื่อม รี...หรี่โคมธรรมท้า...............................ถีบทิ้งทางสถุล โก...ลาหลอลหม่านไหม้.......................เหม็นนคร วา...ตภัยวิบัติสอน...............................สยบสิ้น ปา...ณกะก็เห่าหอน.............................กระสันหื่น เปิด...นรกจกเปรตปลิ้น-......................ปลอกปล้อนหลอนผี จก...เปรตเจตภูตซ้ำ-............................เติมเมือง จี้...ฆ่าคนขัดเคือง.................................คั่งแค้น รี้...พลดับชีพเนือง-...............................นองเลือด ไร...ก็ดูเหมือนแม้น..............................หมดสิ้นสูญสลาย ดวง..เมืองวิกฤติแล้ว............................วิกลสมัย ตา...บอดจึงบอดใจ..............................จริตบ้า เห็น...เพียงแต่รัตนตรัย........................คงอยู่ ธรรม...จึ่งประกาศกล้า.........................กอบกู้วิญญูสยาม ตายก่อนตาย
ตายก่อนตาย
เกิดแก่เจ็บตายกล้ำ..............................กลืนกมล กรรมกลับกลอกหลอกทน....................ทุกข์แท้ ตามวัฏวิ่งเวียนวน...............................ระแวงวุ่น ซ้ำซากย้ำฉากแม้.................................หมื่นล้านผ่านสมัย หน่ายเกิดแก่เจ็บตายวุ่นวายโศก ปลงต่อโลกรอยนรกความหมกไหม้ สลับสุขทุกข์ยากหลากโรคภัย ระหว่างความเคลื่อนไหวไฟบาปเย็น ตัดตอนอัตตาต้อง................................ตรึกตาม ครวญคิดสิ่งผิดทราม............................เสื่อมเว้น ไหนแน่ไม่แน่ปราม..............................ปลงปลด รู้จักรักเกลียดเร้น.................................ระงับร้ายคลายหมอง จึงรับทราบอาจมสังคมโลกย์ ทั้งทรามโศกสุขวุ่นซึ่งขุ่นข้อง เข้าใจเรียนรู้รับปรับมุมมอง ด้วยแสงทองศรัทธาภาษาธรรม เกิดรำงับกิเลสร้าย...............................เลวทราม ดับอัคคีคุกคาม....................................ใคร่ย้ำ ด้วยไตรสิกขานิยาม.............................โยงจิต ตาพิศจิตหั่นห้ำ....................................แหกลี้ผีอกุศล กิเลสร้ายตายก่อนวงจรวัฎ หลุดกำหนัดก่อนหนีความปี้ป่น "ตาย" ก่อน "ตาย" ตัดชั่วตัดตัวตน หนีทุกข์ทนท้าอธรรมนำจิตจาร จึงดับทางทุกข์สิ้น................................สุดกระแส อริยมรรคแทนจักรแปร........................ปรับค้าน ละวิบัติอัตตาแผล.................................ผีกิเลส ตายก่อนกายตายต้าน..........................ต่อสู้กู้แสวง ความก้าวหน้า
ความก้าวหน้า
จากกระท่อมหญ้าแฝกเมื่อแรกเริ่ม ค่อยปรับเติมต่อสานบันดาลฝัน เวลาเวียนเปลี่ยนผ่านเนินนานวัน เกิดตึกสูงเสียดกั้นสวรรค์กับดิน จากรถม้าซึ่งสร้างขึ้นอย่างง่าย แล้วกลับกลายเป็นเครื่องยนต์จนหมดสิ้น คนประกาศศักดาท้าธรนินทร์ สร้างเรือบินเหินฟ้าท้าพิภพ สงครามเลวหลงระห่ำบ้าอำนาจ มนุษยชาติวนอยู่มิรู้จบ ดีชั่วเลวแหลกทรามลามบัดซบ เหล็กเลอะศพสาปเลือดเดือดสันดาน สัญลักษณ์ซ่อนเร้นเห็นแสงสวรรค์ กำหนดขั้นขีดนับเสียงขับขาน ธรรมปิฏกสดับดังก้องกังวาน สงฆ์สวดผ่านอักษรสะท้อนใจ จึงเลิกทาสหยุดแบ่งชนกำหนดชั้น ทิ้งคืนวันขื่นขมระทมสมัย กลายเป็นซากเศษประวัติวิบัติภัย เกิดประชาธิปไตยในกาลี แตกฉานเรื่องแผ่นฟ้าดาราภพ สู่ระบบจักรวาลสถานวิถี การสื่อสารเพียงพริบตาชั่วนาที ก็ถึงที่จุดหมายคล้ายเสกมนต์ สารพันตัวยารักษาโรค ผ่อนความตายคลายโศกโลกสับสน เกิดการยืดยื้อชั่วถือตัวตน ซื้อชีวิตวุ่นวนบนโลกา ยาพิษอาบลูกศรดาบฆ้อนขวาน เสียงศัพท์สารสรวงเซ่นการเข่นฆ่า นิวเคลียร์ล้างโลกขีดโชคชะตา เผาระเบิดป่าช้าบ้าตัวตน ล้านคืนวันผันผ่านการเกิดดับ ทุกข์สลับสุขทรามความปี้ป่น คราบน้ำตาคลุกเลือดเดือดมณฑล เกิดสับสนสาปซวยด้วยมือใคร แมงเม่าตอมตะวัน
แมงเม่าตอมตะวัน
แมงเม่าบินไต่เต้า ......................ตอมตะวัน สรวงเซ่นแสงสูรย์สวรรค์..............วอดสิ้น ตามแรงราคโมหันต์......................โหมหื่น เพทุบายหลอกปลิ้น.......................ปลอกปล้อนหลอนผี ยิ่งหลงรสจำเรียงโสตเสียงแสง ยิ่งโหมแรงหื่นรับล้านสรรพสี ตามกระแสเศษโลกโศกกาลี จึงอยากมีมักมากยากปรับปรน เห็นเปลวไฟเปียกชื่น......................เป็นชล กามอิ่มอาบฉาบกมล......................มั่วสร้าง จึงแมงเม่าวกวน............................เวียนวัฎ ไฟหมาดอุจาดล้าง.........................เล่ห์ร้ายคลายกระแส เผาผลาญม่านบังตาประสาใบ้ ด้วยแรงไฟรุกกระหน่ำความย่ำแย่ ร้อนต่อร้อนร้ายเวียนจึงเปลี่ยนแปร ลบภัยแพ้ภาพพิษอวิชชา แมงเม่าตายตกต้อง.........................ตามประสา หลงม่านมารปิดตา...........................ตอกย้ำ แสงสีสุตมายา...............................โยงเสนียด จึงช่วยคนหนีช้ำ..............................ระบุชี้กลีหมอง ซากศพสันติภาพ
ซากศพสันติภาพ
กำหนัดบัดสีผีมนุษย์ ยื้อยุดขัดแย้งแบ่งแยกสี เปรตนรกร้องร่ำกำเนิดกลี ราคีทุกข์เข็ญจึงเป็นไป คมมีดกรีดเชือดเดือดแผ่นภพ ฝุ่นตลบสับสนคนโหยไห้ ป่นปี้ขี้ข้าหมาจัญไร ซากไส้สาปศพอบเพลิงกาม เหล็กแหลมน่าอนาถเมื่อบาดเนื้อ ปะทุเชื้อสาปแช่งแรงหื่นห่าม เมินรอยถ้อยระยำคำประณาม คำไขสงครามเกิดความกลัว ศพทหารศพหนึ่งจึงยืนหยัด บ่งชัดบ่งชี้สิ่งดีชั่ว แสงสว่างในระหว่างทางมืดมัว ตื่นตัวร้องสิทธิกูผิดฤา? ผู้นำหลับตาแล้วด่ากราด สัญชาติโฉดทรามปนความดื้อ อำนาจไร้สำนึกกูฝึกปรือ ซื่อบื้อบั่นคอคนต่อไป เสียงทหารศพที่สองกึกก้องฟ้า มึงบ้ามึงบื้อหรือมึงใบ้ กำหนดชีวิตใครต่อใคร เสแสร้งผลักไสให้กูตาย ผู้นำหน้าด้านสานอำนาจ เพื่อชาติอ้างซ้ำย้ำง่ายง่าย ชีวิตต้องสู้ลูกผู้ชาย แค่นี้โวยวายไปตายซะ ทหารอีกสิบศพเดินตบเท้า เร่งเร้าครวญคร่ำย้ำตรรกะ เดินตามปณิธานสานภาระ หยุดยั้งภาวะระงับกลี ร้อยศพพันศพหมื่นศพ บุกตะปบคนผิดด้วยฤทธิ์ผี หลอกหลอนเรียกร้องจ้องราวี ไอ้ตัวบัดสีขี้ขลาดทราม แสนศพหมื่นล้านพันสันติภาพ กำราบสัตว์ชั่วตัววางก้าม ดับทุกข์ดับโศกโลกงดงาม ทุกยามเย็นใจสานไมตรี คนผีเคียงคู่เพื่อกู่ร้อง กึกก้องแรงรักษ์สร้างศักดิ์ศรี หวังทุกชีวาสามัคคีสามัคคี เพื่อมีสันติภาพตราบนาน |
เชษฐภัทร
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |