วันแม่ 12 สิงหาคม 2555 ปีนี้ ไม่ได้มีโอกาสโทรหาแม่ไปบอกรักแม่อีกแล้ว คงได้แต่โทรไปหาพ่อแล้วบอกรักพ่อแทน เพราะช่วงปีหลัง ๆ ที่ผ่านมาพอถึงโอกาสพิเศษอย่างเช่นวันแม่ วันพ่อ วันเกิดเรา เราจะโทรไปบอกรักพ่อกับแม่ทั้งสองคนเสมอ ที่ต้องบอกทั้งสองคนเพราะเรากลัวว่าคนใดคนนึงจะน้อยใจ ถึงจะไม่ใช่วันของแม่หรือวันของพ่อก็ตาม แม่จากไปจนทำบุญร้อยวันไปให้แม่แล้ว ทุกวันนี้พอเราคิดถึงแม่เราจะคิดเสมอว่าทำไมแม่จากไปเร็วจัง เพราะตอนที่แม่จากไปเป็นอะไรที่กระทันหันมาก แม่ป่วยอยู่ 3 วัน พอวันที่ 4 แม่อาบน้ำแต่งตัวให้พ่อพาไปหาหมอที่ร.พ. และระหว่างที่แม่นั่งรถโดยที่พ่อเป็นคนขับออกจากบ้านได้แค่ 3-400 เมตรแม่ก็คอพับหยุดหายใจไปเฉยๆ พ่อจับชีพจรแม่ดู อ้าวชีพจรไม่เต้นแล้วก็รีบขับรถต่อไปร.พ. ไปถึงก็ช่วยปั๊มหัวใจ จนชีพจรและหัวใจกลับมาเต้นแต่แม่ก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว แม่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่ร.พ. รอจนลูก ๆ มากันครบทั้ง 3 คนแล้ว วันรุ่งขึ้นที่เป็นวันเกิดของเราแม่ก็จากไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้สึกตัว ไม่มีคำร่ำลา สั่งเสียจากแม่เลย พวกเราไม่มีใครได้เตรียมตัวเตรียมใจกันเลยเพราะอาการป่วยของแม่ก็ไม่ได้ป่วยมาก แม่เป็นโรคเบาหวานแต่ก็อยู่ในความควบคุมดูแลอาการของแพทย์มาตลอด อาการข้างเคียงก็ไม่มีอะไรน่าวิตก แต่จากการจากไปของแม่ครั้งนี้หมอบอกว่าหัวใจวาย ตอนเราได้รู้ข่าวจากพ่อทางโทรศัพท์ว่า ก่อนหน้านี้แม่หัวใจและชีพจรหยุดเต้น แต่ได้รับการปั๊มหัวใจแล้ว ตอนนี้เป็นปกติแล้วแต่แม่ยังไม่รู้สึกตัว เราก็โหแม่ทำไม เป็นได้ไง จะทำไง แล้วก็ได้ข่าวเป็นระยะ ล่าสุดหมอบอกให้ทางบ้านทำใจ ระหว่างเดินทางมาร้องไห้ เสียใจ คิดอะไรฟุ้งซ่าน จนต้องสวดมนต์มาตลอด แต่พอเรามาถึงได้เห็นแม่นอนอยู่ในห้อง ccu เราใจชื้นไม่คิดว่าแม่จะจากไปง่าย ๆ เพราะมันเลยเวลาที่หมอคาดการณ์ไว้ไปแล้ว แต่แม่ก็ไปแบบปุบปับอีก หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ร้องไห้ เสียใจอีกเลย อยู่จัดงานศพแม่ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแม่จากไปไหน เหมือนกับแม่ยังอยู่ ทุกวันนี้ก็ยังแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมมันถึงไม่เศร้า เสียใจ เวลาคิดถึงก็คิดแต่ว่าทำไมแม่จากไปเร็วเกินไป แต่เราก็ดีใจที่แม่ไม่ได้รู้สึกทรมานตอนที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แม่ยังไม่ทันได้คิดยังคงนึกไม่ถึงเหมือนกันเพราะพ่อบอกว่าแม่ไม่ได้มีอาการอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กันพ่อยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย พอเราคิดว่าแม่ได้ไปแบบสบายจริง ๆ เราก็รู้สึกดีใจไปกับแม่ด้วย สมกับที่แม่ได้ชอบทำบุญสั่งสมบุญไว้มากมาย แต่ก่อนหน้านี้แม่ก็ทรมานกับอาการของโรคเบาหวานมาหลายปี ช่วงที่เราเฝ้าแม่อยู่ที่ร.พ. เราคิดตลอดว่าขอให้แม่รอด ขอให้แม่ฟื้น เชอร์รี่จะเป็นคนดี เป็นคนดียิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ถึงแม้ว่าแม่จะจากไปแล้วเชอร์รี่ก็ขอยืนยันว่าเชอร์รี่ก็จะเป็นคนดีเพื่อที่ความดีจะช่วยให้วาระสุดท้ายของเชอร์รี่ได้จากไปอย่างไม่ทรมานแบบแม่บ้าง
ทุกวันนี้เชอร์รี่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่หลงระเริงไปกับความรัก โลภ โกรธ หลง จนลืมคิดถึงความถูกต้อง พยายามระงับความคิดฟุ้งซ่านด้วยการสวดมนต์ซึ่งเมื่อสวดมนต์แล้วจิตใจรู้สึกสงบ มีสมาธิ คิดแต่สิ่งดี ๆ คำตอบว่าทำไมถึงไม่เศร้าเสียใจที่แม่จากไป นั่นเป็นเพราะรู้สึกว่าแม่ยังอยู่เสมอในใจของเรา ไม่ได้เป็นความรู้สึกหรือคำพูดที่สวยหรู แต่เป็นความรู้สึกที่รู้สึกจากใจเท่านั้นเอง มีบางครั้งที่ชอบคิดต่อ ว่าแม่เลยไม่ได้เห็นรถกาแฟของเราเลย ไม่ได้ชิมกาแฟของเราเลย (ทั้ง ๆ ที่ตอนแม่อยู่ชอบบอกว่าแม่ติดกาแฟ แต่ตอนนี้อยากให้แม่ชิมกาแฟฝีมือเราซะงั้น) หรือเวลาจะทำกับข้าวก็โทรไปปรึกษาแม่ไม่ได้แล้ว เท่านั้นเอง
|