|
------ >^ - ^ < ------ ลุยเดี่ยวเที่ยวปักษ์ใต้ไปให้ถึงนราธิวาส
| | | |
ทริปนี้เริ่มจากที่วางแผนไว้นานแล้วว่าอยากจะนั่งรถไฟล่องใต้ไปเรื่อย ตั้งแต่หัวลำโพงถึงจังหวัดนราธิวาสกันเลย ซึ่งกะเวลาการเที่ยวครั้งนี้ไว้อย่างน้อย 10 วัน กะว่าจะแวะเที่ยวบ้านเพื่อนชุมพร สุราษฎร์ สงขลาไปด้วย แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ทำไม่ได้อีกแล้ว เพราะพึ่งเริ่มธุรกิจใหม่คือ ขายกาแฟสดได้ไม่นานกลัวลูกค้าจะหนีหายกันไปหมด เลยต้องย่นระยะเวลาเหลือแค่ 6 วัน ไปคนเดียวตามแผนเดิม
เริ่มกันจาก วันที่ 3 ก.ค. 55 ขายกาแฟครึ่งวันแล้วช่วงบ่ายก็ออกเดินทางเลย โดยนั่งรถตู้ระยอง - กท. แล้วนั่งรถเมล์ไปสายใต้ใหม่ เพื่อนั่งรถทัวร์สายกรุงเทพฯ - กระบี่ (เพราะเที่ยวนี้จะจอดส่งที่อ.นาสารด้วย) ที่พี่ทัวร์จองไว้ให้ ไปจ.สุราษฎร์บ้านพี่ทัวร์ เที่ยวสองทุ่ม ถึงอ.นาสาร จ.สุราษฎร์ประมาณ 7 โมงเช้า พี่ทัวร์ก็มารับไปที่บ้านเลย
วันแรกโปรแกรมคือไปเที่ยวน้ำตกกัน แต่ก่อนเข้าบ้านก็แวะตลาดหาซื้อทุเรียนบ้านที่เราตั้งแต่มากินให้ได้ กับหอยอะไรไม่รู้ลืมชื่อและไม่เคยกินด้วยไปลองให้พี่ทัวร์ผัดให้กิน กินอาหารเช้ากันเสร็จก็ไปเข้าสวนผลไม้ไปเก็บเงาะ มังคุดกินซะก่อนเลย ที่มาใต้ช่วงนี้ก็เพื่อการนี้แหละ พลาดได้ไง
ไม้เก็บมังคุด ภูมิปัญญาชาวสวน
ก่อนจะไปน้ำตกยังไม่เสร็จภารกิจ เราขับรถเข้าตัวเมืองไปหาของอร่อย ๆ ท้องถิ่นกินกันแล้วก็ไปเยี่ยมน้าเราด้วย
ผักบุ้งไต่ราวกับอะไรไม่รู้ลืมชื่ออีกแล้ว (ก็เวลาผ่านมาเนิ่นนาน กว่าจะได้อัพบล็อค)
ขนมหวานเป็นข้าวเหนียวทุเรียน กับกล้วยปิ้งราดน้ำจิ้มอร่อย ๆ แล้วก็น้ำระกำค่ะ อิ่มตื้อเลยมื้อนี้
คราวนี้เราก็ไปน้ำตกกันแล้ว
แถวบ้านเพื่อนมีน้ำตกกับถ้ำเยอะ วันนี้เราเลือกเที่ยวน้ำตกในอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น กะว่าจะเดินขึ้นไปให้ถึงชั้นบนสุด แต่ไม่สามารถค่ะ
ตอนถึงชั้น 1 ก็ยังสนุกสนานดี๊ด๊ากันอยู่
แต่พอถึงชั้น 2-3 ยิ่งชั้น 3 นะ ไม่ไหวแล้วเจอทากบุกค่ะ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเจอ เลยไม่ได้ทำใจและป้องกันไว้ก่อน เกิดมาก็พึ่งจะเคยโดนนี่แหละค่ะ เชอร์รี่รีบวิ่งหนีลงไม่เหลียวหลัง รอเพื่อนเลยค่ะ โดนดูดเท้าไป 1 ตัว ไม่กล้ามองเลยตอนรู้ว่าโดนเข้าแล้ว ตลกมากวันนั้น
เลยถึงได้แค่ชั้น 3 เอง
แล้วพี่ทัวร์ก็พาไปดูวิวสวย ๆ ที่สะพานตรงเขานี้
มื้อเย็นก็ยังพาไปกินข้าวที่ร้านบรรยากาศดี ๆ อีก ชื่อร้านลองกองค่ะ
บรรยากาศร่มรื่น ติดริมแม่น้ำ
วันที่ 4 ก.ค. 55
เราตื่นกันแต่เช้าร่ำลาเจ้าแซม
ป้าหวาน
ไปส่งกาก้าไปโรงเรียน
แล้วเราก็ไปเที่ยวกันต่อ วันนี้พี่ทัวร์จะพาไปเที่ยวถ้ำขมิ้นกันค่ะ
ตอนไปมีเราสองคนเอง นักท่องเที่ยวคนอื่นไม่มีเลย ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาเข้าถ้ำได้ด้วย ต้องมีเจ้าหน้าที่นำเข้าเท่านั้น ตอนแรกเราก็คิดว่าทำไมจะต้องนำด้วย นึกว่าจะเหมือนถ้ำอื่น ๆ ที่ให้เดินตามทางที่กำหนด
ก่อนเข้าถ้ำก็เดินขึ้นพอเหนื่อย
พอมาถึงก็เข้าใจแล้ว เพราะมันมืดมากเลยง่ะ แอบกลัวอยู่
ถ้ำกว้างใหญ่มาก แถมยังมืด ไฟทางเดินก็ริบหรี่ แล้วเค้าก็ไม่ได้เปิดไว้ก่อนด้วย คือพอเราจะไปยังจุดที่มีไฟถึงเท่านี้จนท.ก็ต้องเดินไปเปิดไฟสำหรับจุดต่อไปที่จะเดิน เปิดกันไปเรื่อย ๆ ถ้ำกว้างๆ มีคนเดินอยู่ 3 คน วังเวงมาก แล้วทางเดินเค้าก็ต้องเป็นคนที่ชำนาญเท่านั้น ขืนเดินกันเองหลงแน่ๆ
แถมประวัติของถ้ำก็น่ากลัวด้วยค่ะ ก๊อปมาฝากกันค่ะ
ถ้ำขมิ้น เป็นถ้ำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนารายมหาราช มีพระราชดำริให้ท่านขุนวรรณวงศ์ษา เดินทางมาบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุนครศรีธรรมราช ขณะเดินทางมาถึงอำเภอบ้านนาสารเป็นฤดูน้ำหลาก จึงได้ต่อเรือข้ามคลองฉวาง แต่เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยวกรากทำให้เรือชนกับตอไม้จนเรือแตก กระแสน้ำได้พัดพาคณะของท่านขุนวรรณวงศ์ษา มาขึ้นฝั่งได้ที่บริเวณถ้ำขมิ้น คณะของท่านจึงได้ออกสำรวจพื้นที่รอบ ๆ จนพบถ้ำขมิ้น และอาศัยอยู่ที่ถ้ำขมิ้นจนเสียชีวิต ต่อมาชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงเชื่อกันว่า เมื่อมีผู้มีบุญเข้าไปในถ้ำขมิ้นจะได้พบกับไก่แก้ว ซึ่งจะนำทางไปพบกับขุมสมบัติ
จนท.เองก็บิ้วด้วยการเล่าถึงสิ่งลี้ลับที่ใคร ๆ เคยเจอ ด้วยความที่มืดอยู่แล้วเดินไปได้ครึ่งทาง ครึ่งชม.ก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วค่ะ ไม่กล้าเพ่งมองตรงที่มืด ๆ เลยกลัวเจอของดีค่ะ
ใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็ออกมาได้ค่ะ ตอนออกมาแล้วถามจนท.ว่ากลัวบ้างไม๊เค้าก็บอกว่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าทำตามกฎ คือไม่เดินในที่ที่ห้ามเดินก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ก็ประทับใจในความสวยและธรรมชาติของถ้ำมากค่ะ จนท.บอกว่าถ้ามาหน้าฝนจะสวยกว่านี้อีก คือจะเห็นม่านน้ำตกในถ้ำสวยงามมากค่ะ และการที่ถ้ำนี้เคยเปิดให้สัมปทานขี้ค้างคาวแต่ตอนนี้ไม่เปิดให้ทำแล้วตอนนี้ก็ยังมีค้างคาวอยู่ค่ะ แล้วก็ได้รู้ว่าถ้ำที่มีค้างคาวตรงจุดที่เหม็น ๆ ไม่ใช่กลิ่นอึ๊มันหรอกค่ะ แต่เป็นกลิ่นฉี่ของเค้า และเค้าก็มีที่ฉี่เป็นจุด ๆ ไปไม่ฉี่ไปทั่ว ก็จริงค่ะ เพราะทางเดินช่วงแรกจะเจออึ๊เค้าตลอดทางเลยแต่ไม่เหม็นค่ะ แต่จะไปเหม็นช่วงที่เป็นที่ฉี่ของเค้านั่นแหละเหม็นมากกก
วันนี้เสร็จสิ้นการเที่ยวเยี่ยมเยียนพี่ทัวร์ที่สุราษฎร์เรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางต่อไปยัง บ้านน้าเนาว์ ที่อ.ระโนด จ.สงขลากันเลยค่ะ พี่ทัวร์พาไปขึ้นรถบัสไปนครศรีธรรมราช เพื่อต่อรถตู้ไป อ.ระโนดอีกที
ถึงบ้านเนาว์ก็ช่วงเย็น ๆ แล้ว น้าเนาว์ก็เตรียมเมนูสารพัดกุ้งไว้ให้ค่ะ
เรานอนค้างบ้านน้าเนาว์ 1 คืน
วันที่ 5 ก.ค. 55 ตื่นมาก็เดินทางกันต่อค่ะ โดยการนั่งรถตู้ระโนด - หาดใหญ่ ไปเยี่ยมเยียนเพื่อน ๆ อีก 2 คน แล้วก็นอนที่ห้องน้องอีก 1 คืน
ระหว่างรอน้องเลิกงานก็ตระเวณนั่งรถไปหาเพื่อนได้ 2 คน ใช้เวลาได้คุ้มค่าจริง ๆ มาเที่ยวนี้
พอน้องกลับมาก็ให้น้องพาไปกินติ่มซำเจ้าอร่อยกันเลยค่ะ ระหว่างรอก็ออเดิร์ฟกันด้วยเชอร์รี่จากตลาดกิมหยงของโปรดค่ะ
กินทีไรก็อิ่มจนเอียนทุกที แต่มาหาดใหญ่ก็อยากกินอยู่นั่นแหละ
วันที่ 6 ก.ค. 55 ตื่นแต่เช้าให้น้องไปส่งขึ้นรถไฟไปนราธิวาสกันเลย
ตั๋วฟรียังมีอยู่ (แต่ไม่รู้ตอนนี้ยังมีอยู่ไม๊เนอะ)
คนเยอะมากกก จนเราได้แต่ยืนไปแทบตลอดทางเลย วิวระหว่างทาง
คนเยอะจนบางสถานีคนที่มารอขึ้นก็ไม่ได้ขึ้น
และแล้วก็มาถึงค่ะ สถานีตันหยงมัส จ.นราธิวาส
ออกจากสถานีก็เจอหอนาฬิกาเลย จะมีรถสองแถวเข้าตัวเมืองจอดอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เที่ยวแรกคนเต็มถึงหลังคา เราก็เลยรอเที่ยวต่อไปอีกประมาณ 15 นาที ก็ได้ไปต่อค่ะ
ไปถึงก็ให้เค้าจอดแถว ๆ หอนาฬิกาในตัวเมืองแล้วเราก็เดินหาที่พัก แต่กว่าจะได้ราคาที่ถูกใจก็ต้องถามไปถามมาอยู่นานเหมือนกันค่ะ จนได้ที่นี่ค่ะถ้าจำไม่ผิดคืนละ 500 บาท ชื่อโรงแรมแปซิฟิครึไงนี่แหละ
โรงแรมนี่นราธิวาสต้องทำใจเลยว่าสร้างมานานแล้ว โรงแรมใหม่ ๆ แทบไม่เกิด อย่างที่รู้ ๆ ใครจะมากล้าลงทุน
นั่งพักเหนื่อยได้สักพักก็ออกมาเดินเล่นค่ะ ตามแยกไฟแดง เราก็จะเจอทหารมาตั้งด่านคุ้มครองจนชินตาค่ะ
ร้านของฝากของนราธิวาส กรือโป๊ะค่ะ
เป็นข้าวเกรียบปลาทอด อร่อยค่ะ มีให้เลือกหลายแบบเลย ชอบมาก
แบบสามรส แบบหนา แบบบาง อร่อยทุกแบบค่ะ
มาใต้จะชอบกินไก่ทอดเค้าค่ะ ของร้านนี้ก็อร่อย
ข้าวยำ
นี่คืออาหารมื้อเย็น ความจริงยังมีมะม่วงน้ำปลาหวาน กับกรือโป๊ะสดทอดอีก ก็กินไม่หมดหรอกค่ะ เหลือไว้กินมื้อเช้าต่อ
คราวนี้ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนพี่ทัวร์ที่มีพี่ชายอยู่ที่นี่ เลยส่งพี่สะใภ้มาเป็นไกด์จำเป็นพาขับรถมอเตอร์ไซด์เที่ยวชมในตัวเมืองกันค่ะ
พี่เค้าพาไปหาดนราทัศน์ ที่แทบจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในเมืองใกล้ ๆ ของคนที่นี่เลย
ปากน้ำ
หมู่บ้านชาวประมง
ที่จู๋จี๋ ยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ ยังมาแอบถ่ายเค้าอีก
ตลาดสดตอนเย็นในตัวเมือง
โซนอาหารทะเล เสียดายไม่ได้เดินไปดู มัวแต่คิดว่าไม่ได้ซื้อ
ตึกแถวในตัวเมือง
ที่พักผ่อนอีกจุดนึง ส่วนมากคนจะนิยมมาเดิน วิ่งออกกำลังกายกันที่นี่ด้วย
ครึ่งวันในตัวเมืองนราธิวาสผ่านไปด้วยดี
วันที่ 7 ก.ค. 55
ตอนเช้าพอมีเวลาหลังจากจัดการไก่ทอดที่เหลือจากเมื่อวานแล้วก็ออกไปเดินเล่นค่ะ กับเวลา 1 ชม.ครึ่ง
เดินไปเส้นเมนเส้นเดิมก่อนแล้วก็เลี้ยวเข้าไปทางบ้านไม้สวยหลังนี้
ถนนเค้าเชื่อมถึงกันหมด อย่างที่คิดไว้ เดินผ่านวัดนี้ แต่ไม่ได้เข้าไปเพราะเค้าปิดประตู จากหน้าโรงแรมเราก็มองเห็นเจดีย์สีทองมาแต่ไกลเลย
เดินมายังไม่ถึงชั่วโมงก็เจอร้านขนมจีนน่ากินจนอดไม่ได้ เอาซะหน่อย
น้ำยากะทิผสมแกงไตปลาค่ะ ผักแนมเพียบเลย ชอบๆ
กินแบบเร่งรีบก็ต้องรีบกลับโรงแรม เพราะนัดรถตู้ให้มารับไปสนามบิน นราธิวาส-กรุงเทพฯ โดยสายการบินเพื่อนกันตลอดไปอย่างแอร์เอเซียของเรา ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการบินครั้งที่ถูกที่สุดของเรา ถูกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ฮือๆ เสียดายจัง ก็คราวนี้บินกลับแค่ 50 กว่าบาทเอง ตอนนี้ถูกที่สุดก็ 107 แล้ว
มาใต้ครั้งนี้ถือว่าใช้เวลาได้คุ้มค่าที่สุดแล้ว จากตอนแรกที่กะว่าจะนั่งรถมาเรื่อย ๆ แวะแต่ละที่นาน ๆ ไม่ต่ำกว่า 10 วัน เลยเหลือแค่ไม่กี่วันเอง เที่ยวแบบรีบ ๆ แต่ก็สนุกอีกตามเคย ได้กินทุกอย่างที่อยากกิน ไปเจอเพื่อนเจอญาติมากมาย
สุดท้ายลากันด้วยชาเย็นใต้ค่ะ มาคราวนี้เทสไปหลายแก้วแล้ว แถมยังได้ซื้อชาใต้กลับไปเป็นเมนูแนะนำใหม่อีก เหมือนมาดูงานอีกแล้ว
| | | | |
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2556 15:05:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1915 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|