|
^ * ^ ทริปที่ 3 ของปี เมื่อ 2 หมูพา 2 หมูไปเที่ยวถ้ำพระยานคร
| | | |
วันที่ 29-5-53
นัดกับยายรุ่งแต่เช้า แปดโมง (เช้าหรือนี่) วันนี้เพื่อนบอกจะพาไปเที่ยวถ้ำพระยานคร ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โปรแกรมนี้ศึกษามาคร่าว ๆ ตั้งแต่ก่อนจะมาแล้วรู้แต่ว่า
ถ้ำนี้มีพลับพลาที่ประทับสวยเมื่อต้องแสงตะวัน ประวัติแต่โบราณได้ชื่อนี้เพราะเจ้าพระยานครเป็นผู้ค้นพบ คราร่วมเสด็จประพาสในรัชกาลที่ 5สมัยต่อมาพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ก็เคยทรงเสด็จพระราชดำเนิน ใครจะเชื่อว่า ยามพระอาทิตย์ส่องแสงผ่านปล่องเขาในวันและเวลาพลับพลาที่ประทับก็เรืองรองงดงามยิ่งกว่าใช้ไฟดวงใด (ได้มาจากหนังสือ unseen)
แต่ด้วยช่วงนี้งานยุ่งเลยไม่ได้ หาข้อมูลการเดินทางการเตรียมตัวเลยว่าจะต้องเตรียมตัวไปยังไงบ้าง เพื่อนบอกแต่ว่าใส่กางเกงขาสั้นไปนะ เพราะต้องลงไปเรือ ไอ้เราก็นึกไม่ถึงว่ามันจะลุยจะโหด มันส์ ฮา อย่างนี้ เอาเป็นว่ายายรุ่งบอกว่าต่อไปใครชวนจะไม่ไปอีกแล้ว โหดมาก เอาไว้ค่อยพูดถึงอีกที เอาเป็นว่าตื่นเช้าแล้วก็หิวอีกตามเคยเลยแวะซื้อเสบียงกินกันบนรถ
ซาลาเปาทับหลีอีกแล้วกินกันเอียนไปเลย ไข่ปิ้ง ลูกชิ้นปิ้ง พี่วิวกับรุ่งบอกว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาก เพราะเดี๋ยวจะต้องไปกินกุ้งกับหอยทอดที่อุทยานอีก พลาดไม่ได้ (โปรแกรมกินยาวเหยียดอีกแล้ว) แต่ที่ซื้อมานี่ก็กินกันไม่หมดนะคะ เหลือซาลาเปา กับไข่ปิ้ง เราเลยเอาไข่ปิ้งใส่กระเป๋าไปกินในถ้ำด้วย ต้องอร่อยแน่ ๆ
ระหว่างทางไปอุทยานค่ะ พี่วิวพาขับผ่านเส้นชายทะเล ปากน้ำปราณ ทะเลเค้าเรียบน่าเล่นมาก ชายหาดก็ยาว แต่ทรายเค้าจะเป็นสีออกน้ำตาลไม่ขาว แต่ก็เงียบสงบคนไม่พลุกพล่านดีค่ะ คราวหน้าจะต้องมาที่นอนที่ทะเลปราณนี่แหละ (พี่ทัวร์เตรียมตัว)
ใกล้ถึงอุทยาน ช่วงนี้จะเห็นเรือประมงจอดกันตลกดี น้ำ มันลงน่ะค่ะ
ถึงอุทยานกันเกือบสิบโมงพอมาถึงยายรุ่งก็พาตรงปรี่ไปที่นี่เลยค่ะ ร้านกุ้งทอด ต้องเจ้าเดิมของเค้าด้วยนะคะ แต่เสียดายมากวันนี้ป้าเค้าไม่มีหอยมาทอด มีแต่กุ้ง น่ากินมาก กุ้งเค้าทอดเป็นตัว ๆ แต่กรอบนานมาก อร่อยกว่าที่เราไปสั่งกินตามร้านอาหารที่จิ้มน้ำจิ้มบ๊วยอีก ที่สำคัญปริมาณเท่านี้ กล่องละ 30 บาทเองค่ะ ขาไปกินกัน สองกล่อง แล้วขากลับยังสั่งป้าเค้าไว้อีกนะคะเห็นว่ามีปูจุ๊บจิ๊บด้วยชื่อแปลกๆ (ไม่แน่ใจว่าจำผิดรึเปล่า ผ่านไปแค่เดือนเดียวลืมแล้ว) เลยสั่งปูกับปลาทอดไว้อีก แล้วก็จองเรือไปถ้ำพระยา เพราะรุ่งบอกว่ายังไงก็ต้องลงเรือ เดินคงไม่ไหวแน่ ๆ เพราะจะต้องขึ้นเขาอย่างที่เห็นในรูปแหละค่ะ
ค่าเรือเค้าคิดเหมาลำ ลำละสามร้อยบาท นั่งกันได้ประมาณสิบคน ความจริงเรารอรวมกลุ่มกันไปก็ได้ จะได้หารกันถูกหน่อย เพราะตอนที่ไปจ่ายกันสี่คน แต่ยังต้องไปรวมกลุ่มกับคนอื่นอยู่ดี เพราะฉะนั้นรวมกลุ่มกันไปทีเดียวให้คุ้มดีกว่า ช่วยโลกร้อนแล้วยังประหยัดเงินอีกด้วย
วันนั้นน้ำลดเลยต้องเดินลุยโคลนกันไปรอเรือ นี่ก็เป็นบทเรียนว่าเวลาไปใส่กางเกงขาสั้นไปน่ะดีแล้ว เพราะต้องลุยน้ำลุยโคลนใครกลัวดำก็เตรียมร่มเตรียมเสื้อ ครีมกันแดดไปให้พร้อม รองเท้าก็ใส่ที่ถอดง่าย ใส่ปีนเขาลงเขาได้
ระหว่างรอเรือก็ดูเค้าแกะปลาออกจากอวนไปพลางๆ
และแล้วก็ได้ไปซะทีรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงเลยนะเนี๊ยะ
นั่งเรืออ้อมเขา
สมอเรือเล็ก ๆค่ะ
ขาไปนี่พี่หมีค่ะรองเท้าขาดเพราะใส่รองเท้าลุยน้ำ แล้วก็ลุยโคลนด้วย ดีนะที่บนหาดเค้ามีรองเท้าแตะขาย
และแล้วก็ถึงซะทีต้องถ่ายรูปกับป้ายด้วยนะ ไม่งั้นจะลืม
อ่านป้ายนี้แล้วตัดสินใจให้ดีก่อนที่จะขึ้นนะคะ แล้วจะหาว่าป้ายไม่เตือน
ขาขึ้นเขาค่ะระยะทางลืมแล้ว ประมาณ สี่ร้อยกว่าเมตรมั๊ง เป็นทางขึ้น พอใกล้จะถึงถ้ำก็เป็นทางลง ไม่ได้เดินขึ้นเขามานานแล้วเหนื่อยสะใจมาก มีเด็กผู้ชายคนนึงอายุประมาณ เจ็ดขวดเค้าเหนื่อยจนต้องถามพ่อว่าพ่อจะพาเดินไปถึงไหนเนี๊ยะ ดีนะที่เมื่อวานวอร์มมาจากเขาวังแล้ว เลยเตรียมผ้าขนหนูไว้เลยไว้ซับเหงื่อ เพราะแค่กระดาษทิชชูคงไม่พอ ร้อนมาก
เจอน้องหมา สองตัวค่ะ ที่เจ้าของเค้าพาไปเที่ยว พุดเดิ้ลนี่เค้าให้เดินเองเลย หนุกหนานเค้าล่ะ ถ่ายรูปเกือบไม่ทัน แล้วก็เจอน้องปอม ลืมชื่ออีกแล้ว สบายเลยอยู่ในเป้เจ้าของ ก็ตัวเค้าเล็กนี่เนอะ ถ้าให้เดินเดี๋ยวเหนื่อยเกินไป
ที่ไหนมีก้อนหินเอียง ๆ มักจะเจอคนเอาไม้เอาไปช่วยค้ำไว้ สงสัยเค้าจำมาจากเขาคิชกูฎ
แล้วที่ไหนมีหินมักจะเจอเค้าทำหินเรียงค่ะ ความจริงที่นี่เค้าห้ามทำนะเนี๊ยะ
และแล้วก็ถึงแล้ว ถ้ำพระยานคร ตอนแรกนึกว่าจะเป็นพลับพลาใหญ่ ๆ แต่ความจริงแล้วเล็ก ๆ ค่ะแบบจำลอง แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วก็สวยจริง ๆ แหละ
ที่นี่มีไฮไลท์หลายอย่างค่ะ แต่ลืมเดินไปดูต้นไม้มีพิษ ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าค่อยไปดู แต่ถ้าใครไปเป็นคู่ต้องไปนี่ค่ะ ซุ้มรอดคู่ เรารอดกันมาแล้ว
ที่นี้ก็ถึงคิวไข่ปิ้งค่ะ อุตส่าห์หอบหิ้วขึ้นมา ก็ได้กินกันในถ้ำจริง ๆ อร่อยกว่ากินที่บ้านอีกนา
ถ่ายรูปหมู
อ้ำ หรอยจัง
และแล้วก็ต้องลาซะที
ขากลับค่อยสบายกว่าขาขึ้นเพราะเป็นทางลงซะส่วนใหญ่ เราโชคดีได้เจอค่างแว่นกันด้วย มาโชว์ตัวกันเพียบเลย
ถึงแล้วเก่งจังเรา
ลงจากเขาแล้วก็แวะถ่ายรูปกับบ่อน้ำโบราณกันอีกหน่อย แล้วก็ไปหาน้ำเย็น ๆ หวาน ๆ กิน ต่อด้วยไอติมถึงจะครบเซ็ท
แล้วเราก็ทำรองเท้าขาดอีกคน เพราะขี้เกียจถอดถือ เดินลุยโคลนลุยน้ำเอาซะ พอกันกับพี่หมี ดีนะพี่วิวมีรองเท้าในรถให้ยืม
ถึงฝั่งประมาณ เกือบบ่ายสอง หิวน้ำกันมาก เลยไปกินน้ำมะพร้าวกับน้ำอัดลมบนฝั่งอีก แล้วก็ไม่ลืมปูกับปลาทอดที่สั่งกันไว้ค่ะ ปูทอด 50 บาท ปลาทอด 30 บาท
ด้วยความที่ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยเลยอยากกินส้มตำกัน พี่วิวเลยพาไปกินส้มตำเจ้าอร่อยค่ะ โปรแกรมกินคราวนี้รุ่งเค้านำเสนอต้มยำขี้เมาปลาช่อนทอดค่ะ เอ๊ะแปลก ชอบ ๆ เมนูแปลก ๆ อย่างงีต้องไม่พลาดค่ะ ไปถึงร้านแอบแซ่บ ก็สั่งนี่เลยต้มยำขี้เมา ลาบหมูใส่ตับ ตำหอยดอง ตำไทยปู ตำไทยมะม่วง ต้มขี้เมาเค้าแปลกจริง ๆ ต้มยำของเค้านอกจากจะใส่เครื่องต้มยำแล้วเค้ายังใส่ขิงซอย เต้าเจี้ยวอีก ปลาช่อนเค้าก็หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วก็ทอดแบบกรอบ ๆ น้ำต้มยำใส่นมด้วยแบบน้ำข้น เวลาซดงี้ได้ทั้งรสเผ็ดร้อน แซ่บสะใจจริง ๆ กินกันแบบอิ่มมากขนาดอิ่มตั้งแต่บ่ายสาม ยันสองทุ่มไปโต้รุ่งแล้วยังไม่อยากกินอะไรกันเลยค่ะ
ถึงโรงแรมประมาณสี่โมงเย็นมีเวลาอาบน้ำพักผ่อนสองชั่วโมง หกโมงเย็นยายรุ่งจะมารับไปทัวร์รอบดึกกันอีกวันนี้ยังไม่จบกันง่าย ๆ เท่านี้หรอก ไว้เจอกันอีกเร็ว ๆ นี้ค่ะ
| | | | |
Create Date : 05 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 16:40:16 น. |
|
9 comments
|
Counter : 2296 Pageviews. |
|
|
|
โดย: taklomklom วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:29:26 น. |
|
|
|
โดย: นายหัวเด่น วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:38:01 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:23:31 น. |
|
|
|
โดย: ภายใต้ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:28:26 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:21:32 น. |
|
|
|
โดย: นกเผือก วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:44:32 น. |
|
|
|
| |
|
|