Group Blog
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
REVIEW :: Borisud Pure Spa #Muscle Melt Package
ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา

เพื่อนๆหลายๆคนอาจได้ไปพักกายพักใจต่างอากาศกันบ้าง

เนื่องจากอิเชออยู่แต่กรุงเทพฯเลยถือโอกาสพาคุณหม่อมแม่ไปสปาสักหน่อย ทำหน้าที่ลูกที่ดีนะฮะ 555 ถือเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานด้วยคุณหม่อมแม่ทำงานหนักตลอดเลย

ส่วนตัวเชอกับคุณแม่ค่อนข้างชอบไปสปาค่ะถ้ามีเวลาว่างหรือมีดีลอะไรดีๆมาก็จะรีบซื้อเลย

และจากการนั่ง scrollดูดีลใน ensogo ก็ไปสะดุดกับดีลนี้..


//www.ensogo.co.th/th/deals/borisud-pure-spa-16012015

สปาหรูสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ 4 ดาวอย่าง Mode Sathorn ติดกับ BTS สุรศักดิ์ง่ายต่อการเดินทางมากๆ ลงมาปุ๊ปถึงเลยค่ะ อยู่ตรงข้ามตึก Thai CC

สิ่งที่ทำให้ต้องตัดสินใจซื้อคือตัวแพ็กเกจและภาพลักษณ์ของสถานที่เลยค่ะ

รายละเอียดแพ็กเกจ

แพ็กเกจ A: Pure Body Scrub (60 นาที) + Pure Massage (60 นาที) ปรนนิบัติผิวให้เนียนกระจ่างใส พร้อมนวดด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาติที่ผสมผสานเทคนิคแบบไทยและสวีดิช

แพ็กเกจ B: Enjoy Herbal Steam (30 นาที) + Pure Massage (60 นาที) + Tension Relief Massage (30 นาที) ผ่อนคลายด้วยการอบไอน้ำสมุนไพร ก่อนนวดด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาติที่ผสมผสานเทคนิคแบบไทยและสวีดิช และนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างล้ำลึก

แพ็กเกจ C: Muscle Melt Massage (90 นาที) นวดบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นกีฬาและกอล์ฟ หรือผู้ที่ชอบนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

เรื่องของราคานั้นถ้าซื้อแพคเกจสำหรับคนเดียว อยู่ที่ 999.- ค่ะราคาปกติอยู่ที่ 5,767.-(เฮือกก ราคาจริงแรงเอาการอยู่) เชอเลือกซื้อเป็นแพคเกจสำหรับ 2 ท่านโดยใช้บริการพร้อมกันในห้องคู่ค่ะซึ่งได้ในราคา 1,899.- (ราคาเต็ม11,534.-) ประหยัดไปอีก 99.-นับว่าคุ้มมากๆสำหรับสปาในโรงแรมระดับนี้

ทีนี้ส่วนใหญ่คนที่ซื้อดีลบ่อยๆจะรู้ดีว่า บางที service ทีได้รับจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เราจ่ายในราคาที่ถูกกว่าเนี่ยจะไม่ดีเท่าลูกค้าที่จ่ายราคาเต็ม

แต่!!!!!

เชื่อไหมว่า.. ตั้งแต่ขั้นตอนการโทรจอง ก้าวแรกที่เดินยังไม่ถึงประตูทางเข้าโรงแรมจนก้าวขึ้นรถออกจากโรงแรมเชอยังหาที่ติในบริการของที่นี่ไม่ได้จริงๆ

ตอนที่เชอโทรไปโรงแรม พนักงานก็พูดจากับเราดีมาก เสียงหวานไพเราะน่าฟัง พอเราบอกว่าเป็นดีล Ensogoน้ำเสียงพนักงานก็ยังคงไพเราะเพราะพริ้งเหมือนเดิม(จากประสบการณ์บางคนก็จะเลือกปฏิบัติกับลูกค้าดีลถูก) แต่นี่ไม่เลยค่ะ โทรไปสองรอบรอบละวัน และได้แจ้งว่าซื้อดีล Ensogoพนักงานปลายสายก็ยังคงตอบรับเราอย่างดี

พอเราเดินทางถึงโรงแรม ตั้งแต่ที่เชอกับหม่อมแม่เดินไปยังไม่ถึงประตูทางเข้าพนักงานต้อนรับทั้งหญิงและชายก็เดินมาหาเราทั้งคู่ เชอก็บอกเลยว่า มาสปาค่ะ

“บริสุทธิ์สปาใช่ไหมคะ?”พนักงานผู้หญิงถามแล้วพนักงานผู้ชายก็บอกว่าจะพาเราไปส่งเอง

(พนง.ผู้ชายหน้าดีงานดีนะแกร XD 5555 )

แล้วเค้าก็เดินพาเราสองแม่ลูกไปส่งถึงลิฟท์ด้านในเลยค่าบอกชั้นอะไรให้เสร็จสรรพ

เมื่อไปถึงชั้นสปา เราไปถึงก่อนเวลานัดครึ่งชม.ซึ่งพนักงานก็ได้แจ้งเราล่วงหน้าว่าให้มาถึงก่อนเวลานัด 10 นาทีเนื่องจากต้องมีการกรอกประวัติสุขภาพก่อนเชอก็ไม่ได้รู้หรอกว่ามันต้องมีกร่งมีกรอกประวัติด้วย

พอถึงปุ๊ป พนักงานสปาก็ต้อนรับเราอย่างดี และได้มาสอบถามประวัติสุขภาพซึ่งหม่อมแม่เชอจะเขียนไทยไม่ค่อยได้ จะให้เชอกรอกให้ด้วยแต่พนักงานก็ถืออาสาสัมภาษณ์คุณหม่อมเองเลย

ระหว่างการสัมภาษณ์คุณแม่ พนักงานนั่งยองๆที่พื้นตลอด ยิ้มแย้มตลอดเลยค่ะ

รายละเอียดที่ต้องกรอกนั้น ก็จะถามในเรื่องของโรคประจำตัว ต้องการให้ได้ความรู้สึกแบบไหนหลังการรับบริการ เช่น ผ่อนคลาย สดชื่น กระปรี้กระเป่า สภาพผิวเป็นยังไง แพ้ง่าย มัน ไปจนถึง ร่างกายส่วนไหนที่ต้องการให้เน้น (เป็นภาพร่างกายให้แรเงาเลย) น้ำหนักที่ต้องการให้นวด เบา กลาง แรง บอกได้หมด

บรรยากาศโดยรอบ เย็นสบาย มีกลิ่นอโรม่าอ่อนๆ เข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย การตกแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์นแต่ยังคงกลิ่นอายธรรมชาติ คงความสบายไว้อยู่ กำแพงเป็นหินอ่อนพอเจอกับแอร์เย็นๆยิ่งทำให้รู้สึกสบายไปอีก

หลังจากที่กรอกประวัติเสร็จก็มีพนง.อีกคนเอาน้ำมาเสริฟ เป็นน้ำสมุนไพรกลิ่นมะตูมมั้งคะถ้าจำไม่ผิด เย็นๆ ดื่มแล้วสดชื่นดีค่ะ 

พอถึงเวลาเราก็เข้าห้องไปเปลี่ยนชุด และล้างเท้ากัน

ซึ่งบรรยากาศในห้องนั้นดีมากค่ะ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำตู้เสื้อผ้าให้เก็บของ มี sinkแยกออกมาอีก 2 sink



แพคเกจที่เราสองแม่ลูกเลือกกันคือแบบ C: Muscle melt ค่ะเหมาะกับคนที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ซึ่งก็เราสองก็ไปฟิตเนสกันอยู่แล้วยิ่งคุณแม่ที่ปวดตัวบ่อยๆนี่เข้าทางเลยค่ะ เชอไม่เคยนวดแบบนี้เลยค่ะที่ผ่านมาเคยแต่นวด Aromaขัดผิว

ตอนกรอกประวัติเชอเขียนระด้บการนวดไว้ว่า กลาง-หนักซึ่งบอกเลยว่า คนที่ไม่เคยนวดมาก่อน ขอให้ติ๊ก “เบา” เถอะค่ะ

โอ้แม่เจ้าาา มันเป็นการนวดที่หนักมากกกกก คือเค้าใช้น้ำมันทาและใช้แขน+ข้อศอกในการนวดรีดเส้นค่ะ

อิเชอแบบ.. ถึงกับร้อง 555555 ก็เลยบอกพนง.เบาๆหน่อย แต่รู้เลยค่ะว่ามันโดนเส้นรีดกล้ามเนื้อเต็มๆถึงพริกถึงขิง

ส่วนทางด้านหม่อม หม่อมเป็นคนนอนคว่ำนานไม่ได้พนักงานก็ใส่ใจรายละเอียดตรงนี้ดีมากค่ะ เค้าคอยบอกตลอด “ถ้าไม่ไหวคุณแม่บอกนะคะ”“งั้นนวดหลังก่อนนะคะจะได้นอนตะแคงได้”

นวดแรกๆนี่เจ็บปวด อิเชอไม่ได้นอนเลยค่ะ 55555 แต่หลังๆนี่เคลิ้มสบายจะหลับได้เลย

หลังจากใช้เวลาร่วม 90 นาที คุณหม่อมนี่ติดอกติดใจพนง.หญิงที่นวดให้นางมากค่ะ

นางถามพนง.ว่าใช้ยาอะไรทาที่มือถึงได้ร้อนตอนนวด นวดสบายมาก แต่พนง.บอกนางเป็นคนเลือดอุ่น ไม่ได้ทาอะไรเลย คุณหม่อมปลื้มคร่าา พนง.ที่นวดให้เราก็ยังยิ้มแย้มและทิ้งท้ายบอกให้เรากลับมานวดอีก

นวดเสร็จก็เย็นพอดี

ออกมาปุ๊ป ก็มีชาร้อนๆพร้อมเสริฟอยู่ที่โต๊ะแล้ว ซึ่งชาที่นี่หอมมากๆ เป็นชาผลไม้ หลังจากถามก็ได้รู้ว่าเป็นชาของ twinings ค่ะ คุณแม่นี่ขอสองเลยค่ะ พนง.ก็มาเสริฟให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม

พอเราจะกลับ พนง.ต้อนรับของสปาก็ยังเดินมาส่งถึงลิฟท์กดลิฟท์ให้ ยกมือสวัสดีจนลิฟท์ปิด

ไม่แค่นั้น พอเรามาถึงชั้นล่าง ฝนมันตกเราเลยถามพนักงานต้อนรับข้างล่างว่าเรียกแท็กซี่ได้มั้ย พี่ยามก็ออกไปเรียกให้พนักงานที่เราคุยด้วยตอนแรกก็นึกภาพเส้นทางไปยังปลายทางที่เราบอกและบอกเส้นทางเราหมดเลย “ลงสะพานเลี้ยวซ้ายนะครับ ตรงนั้นแถวบ้านผม:)” เปิดประตูให้เราสองขึ้นรถ พร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร

.

.

ทั้งหมดทั้งปวง คือเชอกับคุณแม่ประทับใจมาก!! หาที่ติไม่ได้เลยค่ะทำให้เราไม่ลังเลใจที่จะกลับมารับบริการอีกในคราวหน้า

ในเรื่องของความรู้สึกหลังนวด 

คุณแม่นี่ปลาบปลื้ม บอกว่ารู้สึกสบายมาก นวดโดนจุดหมด นางบอกรู้เลยว่าที่นี่เค้าต้องมีการเรียนนะ ไม่งั้นนวดแบบนี้ไม่ได้ (นางก็เป็นอดีตหมอกระดูกก่อนจะมีอิเชอนะจ๊ะ นางเลยรู้จุดต่างๆในร่างกายดี)

ส่วนเชอ วันแรกนี่ปวดน่องหน่อย เพราะโดนกล้ามขาเต็มๆ แต่หลังจากนั้นรู้สึกตัวสบายขึ้นค่ะ คราวหน้าคงบอกเค้าขอเบาอย่างเดียวเลยค่ะ 55555 แต่ชอบนะคะ ร่างกายเราใช้มาเยอะ มาผ่อนคลายความตึงเครียดหน่อยก็ดี

ขอแนะนำเลยนะคะ ใครที่กำลังมองหาสปาผ่อนคลายขอแนะนำที่นี่จริงๆ การบริการระดับนี้ในโรงแรม ดาว และในราคานี้ถือว่าคุ้มมาก

ที่มาลงรีวิวนี่ไม่ได้ค่าโฆษณาอะไรตัวเชอเองประทับใจและอยากแนะนำจริงๆ 

ถือเป็นการบริการลูกค้าที่ไม่เลือกปฏิบัติ คะแนน service mind เกินร้อย 

เหมาะแก่การพาคุณแม่ไปมากจริงๆ :)

ลองดูนะคะ 

xoxo




Create Date : 16 เมษายน 2558
Last Update : 16 เมษายน 2558 14:28:47 น.
Counter : 3173 Pageviews.

0 comment
อยากลดความอ้วน เริ่มยังไงดี?
สวัสดีค่ะ

ช่วงที่ผ่านมามีแฟนเพจส่งข้อความมาถามเชอถึงวิธีการลดนน.ต่างๆนาทั้งเรื่องของYoyo effectบ้าง เรื่องการกินบ้าง

ไหนๆเชอเองก็ผ่านประสบการณ์มาอย่างมากมาย

วันนี้ขอรวบรวมวิธีตั้งแต่เริ่มต้นเลยละกันค่ะ

สิ่งแรกที่ต้องทำเวลาคิดจะลดน้ำหนักคือ

1. คำนวณ BMR(Basal Metabolic Rate)

แล้วมันคืออะไร?

BMR คือ อัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐานในแต่ละวัน

วิธีคำนวณ

BMR = น้ำหนัก(lb) x 10

*lb คือ พาวน์ 

*วิธีหาน้ำหนัก lb = นน.(kg.) x 2.2

ตัวอย่าง

อิเชอหนัก66 kgs.

BMR เชอ =66kgs. x 2.2 x 10 = 1452 Cal.

*Cal. คือ แคลอรี่

แปลว่าอัตราการเผาผลาญในชีวิตประจำวันของเชอคือ 1452 Cal.

แม้ว่าอิเชอจะไม่ทำห่านอะไรเลย นอนเกลือกกลิ้งบนเตียงตีพุงดูทีวี หรือแม้กระทั่งนอนหลับ ก็เผาผลาญอยู่ที่ 1452 Cal.

2. คำนวณ TDEE (Total's Daily EnergyExpenditure)

แล้วมันคืออะไรอีกล่ะ?

TDEE คือ พลังงานที่ใช้ทั้งหมดในชีวิตประจำวัน

วิธีคำนวณ

ดูตามตารางนี้เลยค่ะ

Sedentary

คนทำงานออฟฟิศ ตรูดส์ติดเก้าอี้ตลอด ไม่ออกกำลังกายเลย หรือ ออกน้อยมากๆ

1.2 x BMR

Lightly active

ออกบ้าง 1-3 วันต่อสัปดาห์

1.375 x BMR

Moderately active

ออกปานกลาง 3-5 วันต่อสัปดาห์

1.55 x BMR

Very active

ออกหนักเกือบทั้งอาทิตย์ 6-7 วันต่อสัปดาห์

1.725 x BMR

Extremely active

ออกประหนึ่งว่าเตรียมไปแข่งทีมชาติ หนักหน่วงมาก!!

1.9 x BMR

เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองมีการใช้ชีวิตตรงกับกิจกรรมไหนก็เอา BMR ไปคูณโลด

ตัวอย่าง

อิเชอทำงานออฟฟิศ เพราะงั้น TDEE = 1.2x1452 = 1742.4ปัดเป็น 1740 ละกัน

แปลว่า รวมกิจกรรมที่เชอทำทั้งวันแล้ว ร่างกายเชอจะเผาผลาญ 1740 Cal

งั้นมาตีความกัน~

ถ้าแคลอรี่อาหารที่เชอกินทั้งวัน =1740 Cal --> น้ำหนักเชอจะคงที่เท่าเดิม

ถ้าแคลอรี่อาหารที่เชอกินทั้งวัน < 1740 Cal --> ผอมลง

ถ้าแคลอรี่อาหารที่เชอกินทั้งวัน > 1740 Cal --> อ้วนขึ้น

.

เคลียร์ไหม?

ทีนี้บางคนอาจจะใจร้อน เห้ยๆๆชั้นกินแบบน้อยกว่า TDEE มาหลายวันละทำไมยังไม่ผอมลงสักที

ต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะ

น้ำหนัก “ไขมัน” เพียวๆ ของคนเราเนี่ย(เพียวๆนะคะไม่ใช่น้ำหนักรวมทั้งตัว) 1 kg.เท่ากับ 7,700 Cal


เท่ากับว่า การที่เราจะลดน้ำหนักของ”ไขมัน”เพียวๆ 1kg. เราต้องกำจัด 7,700 Cal ออกจากร่างกาย

ใช่แล้ว!!7,700 Cal!!

แล้วไอการที่เราวิ่งบน treadmill วันละครึ่งชม. 300-400 Cal เองนะ!! 

แค่นี้ก็เหนื่อยหอบตายอยู่ละจริงมั้ย?

เพราะงั้นการลดไขมันเร็วๆได้ภายในไม่กี่วันนั้นมันไม่มีจริ๊งงงงงงงงงง!!!! มันต้องใช้เวลาค่า~

ไอที่ลดหายไปเร็วๆเป็นนน.ของน้ำค่ะอย่างบางราย(เช่นอีเชอสมัยกินยาลดความอ้วน) นี่น้ำหนักลดเร็วมากเว่อร์ ตัวนี่ย้วยกล้ามเนื้อเหลวหมด มีแต่ไขมันห้อยต่องแต่ง==แถมเวลาขึ้นก็ขึ้นเร็วพรวดพราด ไม่ดีเลยค่ะ

วิธีลดอย่างปลอดภัย คือควรลดน้ำหนักของ"ไขมันเพียวๆ" --> 0.5 kg./ week

ถ้าสมมติเราอยากลด 5kgs. อย่าง ”ปลอดภัย” และเป็น “ไขมันเพียวๆ”

ก็จะใช้เวลา 2เดือนครึ่งค่ะ

.

แล้วงี้ทำไงให้ลด 0.5kg/week ล่ะ?

ตัวอย่าง

อิเชอ TDEE=1740Cal

0.5 kg =3,850 Cal --> 3,850 Cal/week หาร 7 วันก็ได้ 550 Cal ต่อวัน

ถ้าไม่รีบร้อน ลดสบายๆก็กินให้ deficit (หรือ) น้อยกว่าTDEE 500 Cal ต่อวันก็โอเคแล้วค่ะ

เท่ากับเชอควรจะกินประมาณ 1240 Cal ต่อวัน

แต่ๆๆ ! เชอออกกำลังกายเพิ่มด้วย กลัวไม่มีแรง ก็เลยเพิ่ม Cal หน่อย กินสัก 1300-1400/วันก็ยังได้ค่ะ

บางคนอาจจะลดเร็วกว่าที่คำนวณไว้ก็ได้ค่ะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย ตัวเลขมันเป็นแค่การประมาณไว้เฉยๆค่ะ

.

มาถึงตรงนี้ ใครงงตรงไหนมั้ย? อย่าเพิ่งท้อละปิดหน้าไปนะ

แรกๆอิเชอก็งงเหมือนกันใช้เวลาศึกษาพักใหญ่

เอาล่ะ ต่อ

ทีนี้บางคนบอก..


"งี้ ชั้นจะกินแต่ขนมเค้ก ไอติมทั้งวัน แคลอรี่ไม่เกินที่คำนวณไว้ก็ได้ดิ ไม่อ้วนชัวร์"

ตบกะโหลกแตก!!

ขนมเค้ก ไอติมส่วนใหญ่นั้นเต็มไปด้วย แป้ง นมเนย น้ำตาล ไขมัน

เท่ากับร่างกายคุณก็จะขาดสารอาหารสำคัญอื่นด้วย

"อ้าวแล้วทีนี้กินยังไงอ่ะ?"

ก่อนอื่น.. คุณต้องรู้จัก Macronutrients ก่อน

เอาอีกละ Macronutrientsคืออะไร? อินี่ศัพท์เยอะจริง

เคยได้ยินMicroไหม? Micro Macro อ่ะ 

ถ้าเป็นวิชาก็คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค กับ มหภาค ไปกันใหญ่ละ

เอาง่ายๆนะ

Macronutrients=สารอาหารหลัก ซึ่งก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน

Micronutrients=สารอาหารรอง ซึ่งก็คือ เกลือแร่ วิตามิน

ในที่นี่ เชอขอข้าม Micronutrients ไปละกันค่ะผักกินไปเถอะ ดีต่อร่างกาย

สิ่งสำคัญที่คุณต้องมองคือ Macronutrients

เพราะฉะนั้น สัดส่วนอาหารที่คุณกินก็จะต้องพอดีค่ะไม่ใช่ว่าทั้งวันกินๆๆแต่แป้ง อันนี้อ้วนชัวร์ เพราะร่างกายจะรับ Carbs มากเกินความจำเป็นและยังขาดสารอาหารอย่างอื่นด้วย

*Carbs= คาร์โบไฮเดรต

.

.

คนอยากผอมควรลดปริมาณแป้งลง --> “ลด”นะคะไม่ใช่ “งด”

ละเราก็มักจะได้ยินบ่อยๆว่า เห้ยงั้นชั้นไม่กินข้าว กินแต่“ผลไม้” ละกัน

อยากจะบอกว่า ผลไม้นี่แหละค่ะ แหล่ง carbs ชั้นดีเลย


กล้วย 1ผลใหญ่ (ขนาดประมาณ8นิ้ว) = 121 Cal. Carbs 31.06 g.

ข้าวสวย100 g. = 129 Cal. Carbs 27.9 g.

สังเกตดูว่าปริมาณCal. มันแทบไม่ต่างกันเลย แถมปริมาณCarbs ของ กล้วยยังมากกว่าอีก

เพราะงั้นอย่ามโนว่าผลไม้ไม่อ้วนค่ะ

“อาหารทุกอย่างในโลกนี้ กินได้!! แต่ต้องรู้จักปริมาณถ้ากินไม่บันยะบันยังมากเกินกว่าความจำเป็นก็อ้วนแน่นอน”

>>ไขมันก็ควรกินด้วยนะคะ แต่ควรเป็นไขมันดี เช่น ถั่ว ปลาทะเลน้ำมันมะกอก เป็นต้น ไม่ใช่ไก่ทอดหรือหมูทอดน้ำมันเยิ้มงี้ แต่ถามว่ากินได้มั้ย?กินได้ แต่ต้องรู้จักคำนวณปริมาณให้พอดีอยู่ดี ไขมันนั้นช่วยให้เราอิ่มนานและยังช่วยดูดซึมวิตามินเข้าร่างกายด้วยนะคะ

>>โปรตีนนั้นสำคัญมาก อย่างดการทานเนื้อสัตว์นะคะ ยิ่งคนที่ออกกำลังกายด้วยแล้วร่างกายควรได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอเพื่อที่จะพัฒนากล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนต่างๆร่างกายด้วย

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอันนั้นกี่แคล อันนี้กี่แคล?

ใช้ Appคำนวณค่ะ App ที่เชอใช้คือMyFitnessPal https://www.myfitnesspal.com

ไปdownload กันได้ มีทั้ง ios android ใช้ไม่ยากค่ะ ลองกดๆดูเดี๋ยวจะเข้าใจเอง

ละเวลาใส่GOAL ให้ยึดหลักจาก GOAL ของเราที่คำนวณมาแล้วนะคะอย่าไปยึด GOAL มัน

บางทีมันก็กดให้เรากินน้อยเกิ๊นนน~

.

.

หวังว่าโพสต์นี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่ตั้งใจจะลดน้ำหนักนะคะ^^

ก่อนจากไป.. ขอฝากอะไรไว้ละก้นค่ะ

วงจรอุบาทว์

เร่งลด --> อดอาหารกินน้อยๆเหมือนแมวดม -->ผอมลงจริง --> อดนานๆระบบเผาผลาญพัง -->น้ำหนักไม่ลดแล้ว --> ตะบะแตกกินทุกอย่างที่ขวางหน้า --> นั่งสารภาพบาปโทษปากตัวเอง-->กลัวอ้วนจัด -->ออกกำลังกายบ้าคลั่ง -->น้ำหนักลดช้า ใจร้อน --> หันไปพึ่งยาลดความอ้วน-->เปลืองตัง --> น้ำหนักลงอีก--> แต่จิตเริ่มเสื่อม -->สุขภาพโทรมลงไม่รู้ตัว -->ป่วยบ่อยบรรลัย -->น้ำหนักไม่ลดแล้ว --> เครียดไม่มีความสุข --> หงุดหงิดโรคประสาทอ่อนๆ -->ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ -->วนกลับไปตะบะแตกกินอีก -->กลับสู่อิหรอบเดิม 

 “ลดเร็วก็ขึ้นเร็ว ไม่มีอะไรยั่งยืน”

วงจรชีวิตที่สมดุล

ค่อยๆลดอย่างปลอดภัย --> กินอาหารครบ5หมู่ --> ออกกำลังกายสม่ำเสมอ --> สุขภาพจิตแจ่มใส --> ร่างกายแข็งแรง --> แฮปปี้ --> ทำได้เรื่อยๆไม่มีผลเสีย

“ยั่งยืน ถาวร”

และสุดท้าย.

“อ้วนผอมไม่ได้วัดกันที่ค่านิยมใครมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราพอใจ”

และที่สำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอกคือ“สุขภาพ” ค่ะ

เรียบเรียงจากข้อมูลอ้างอิงและประสบการณ์ส่วนตัว

reference:

www.fitjunctions.com

www.fatsecret.com

www.ezygodiet.com

www.kcal.memo8.com





Create Date : 02 เมษายน 2558
Last Update : 3 เมษายน 2558 15:38:25 น.
Counter : 1654 Pageviews.

1 comment
[5 วิธี]: ฟื้นฟูร่างกายจากอาการ yoyo effect

หลังจากที่เลิกกินยาลดนน.ทั้งหลายแหล่ไป

เชอเชื่อว่าใครหลายๆคนคงตกอยู่ในอาการ"โยโย่เอฟเฟ็ค"

ทรมาณนะคะ เชอเข้าใจมากๆ

รู้สึกหิวอยากกินทุกอย่าง ลดน้ำหนักยาก ออกกำลังกายไปก็ยังลดนน.ยาก

อดอาหารก็ไม่ไหว บลาๆ

ตอนแรกเชอเครียดมากตอนนี้เลิกเครียดละคะ

หันมาเริ่มใหม่

5 วิธีที่เชอทำมีดังนี้ค่ะ

1. เปลี่ยนทัศนคติซะ!

"เมื่อก่อนเคยผอมกว่านี้..”ประโยคนี้ ใครหลายๆคนคงวนเวียนครุ่นคิดอยู่ใช่มั้ยละคะ? เชอแนะนำว่า ให้

เปลี่ยนทัศนคติเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองใหม่ซะ เพราะว่าเมื่อก่อน เราหลอกร่างกายตัวเองเราใช้ยา ตอนนี้เรากลับมาสู่โลกของความเป็นจริง ลองคิดดูนะคะ ถ้าเราผอมแต่ร่างกายโทรม ต้องพึ่งยาไปห้าปี สิบปี ทั้งชีวิต เลิกยาไม่ได้เลิกทีก็อ้วนขึ้นฉุๆๆ ยิ่งกินนาน ยิ่งส่งผลนาน ยิ่งแก้ยาก

“คิดให้ดีนะคะ”

เพราะฉะนั้น ตอนนี้จะอ้วนขึ้นเท่าไหร่ ดีกว่า ไปอ้วนขึ้นมากกว่านี้ในวันที่มันสายเกินแก้นะคะ**

"มะมียาลดความอ้วนตัวไหนไม่โยโย่ในโลกเน้!!" จำไว้ค่ะ!!!!!!

เชอเลยยอมรับสภาพตัวเองตอนนี้ละก็หันมาเริ่มใหม่จาก0 แบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ


2. เลิกชั่งน้ำหนักได้แล้ว

ลองดูรุปนี้นะคะ cr. ez2fit


คุณเลือกที่จะเป็นแบบไหนคะ?

น้ำหนักบางทีมันใช้มาวัดกันไม่ได้ค่ะวัดกันที่รูปร่างดีกว่า

เชอตอนนี้ยอมรับตัวเองได้แล้ว แม้น้ำหนักจะขึ้นมาเป็นเลข6 (คาดว่า เพราะตัวเองไม่ชั่งเลย)แต่รูปร่างตอนนี้ดูกระชับ และร่างกายแข็งแรงกว่าตอนกินยา เชอว่าเชอพอใจนะ J แต่ก็จะทำให้ตัวเองผอมลงกว่านี้นิดหน่อย


3. ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย

การออกกำลังกายให้เป็นนิสัยนั้นทำได้ไม่ยาก เริ่มจากศึกษาข้อมูลก่อน ซึ่งเชอก็ทำการรวบรวมข้อมูลหลายๆที่และสรุปได้ว่า

การออกกำลังกายที่ดีควรเป็นผสมกันระหว่างCARDIO+WEIGHT TRAINING

โดยปรับตารางการออกกำลังกายให้เข้ากับร่างกายของตัวเอง

อย่างน้อยควรออกกำลังกาย4วัน/อาทิตย์นะคะเพื่อสุขภาพที่ดี จะได้ป้องกันการโยโย่มากกว่าเดิมด้วย

4. ปรับการกินใหม่

เชอได้หาข้อมูลหลายๆที่ จนได้ไปเจอเพจๆนึง “ Eat clean baby” เป็นเฟสบุคที่จะแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการกินคลีนเยอะมาก!! ซึ่งเชอมองว่ามันน่าสนใจและมีประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ บอกนิดนึง เพจนี้จะไม่นับ Caloriesในอาหารนะคะ แต่จะกินแต่อาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากๆลองไปอ่านดูนะคะ เชอก็ปรับเปลี่ยนจากการกินข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้องแล้วขนมปังก็เปี่ยนมากินWholewheat แทน เริ่มค่อยๆปรับ อาจจะไม่ได้กินครบ7วัน แต่อย่างน้อยก็4-5วันค่ะ

“ปรับการกิน” ได้ แต่ “อดอาหาร”ไม่ได้นะคะ!!

รู้มั้ยว่าการอดอาหารก็นำมาซึ่งการ “โยโย่” อีกเช่นกันเพราะต่อให้อดอาหารไปยังไง วันนึงเชอเชื่อว่าก็ต้องกลับมากินเหมือนเดิมอยู่ดีไอกระบวนการนี้ละ จะทำให้ร่างกายรวน ละก็อ้วนขึ้นอีก เชื่อเชอเถอะ! กินทุกวัน แต่กินให้ถูกต้องปริมาณเหมาะสม ได้โภชนาการครบ 5 หมู่ อิ่มท้อง ไม่ใช่อิ่มจนเดินไม่ไหว อะไรที่รู้ตัวว่ากินแล้วอ้วนกินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพก็ปรับเปลี่ยนเอา หลีกเลี่ยงเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด เลี่ยงของทอดๆมันๆถ้าจะทอดก็ใช้น้ำมันมะกอกแทน เป็นต้น

5. อย่ากดดันตัวเอง!!

ก่อนหน้านี้เชอยอมรับว่า เครียดมากจริงๆกับการที่นน.ขึ้นหลังเลิกยาทำไงก็ไม่ลด ตอนนี้เลิกเครียด เลิกกดดันตัวเอง และหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้นโดยการทานอาหารดีๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ แรกๆอาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างตัวเองแต่พอออกกำลังกาย ปรับการกินไปได้สักพัก ส่องดูกระจก ลองใส่เสื้อผ้าแขนกุด ตอนนี้รู้สึกแขนกระชับขึ้นสะโพกกระชับขึ้น(ดูสบึมขึ้นด้วย OO!เนื่องจาก squat) พุงชั้นๆที่ย้อยก็เริ่มดุกระชับขึ้น แม้หน้าจะบานออกจากเดิมบ้างก็ตามแต่แลกกับการที่รูปร่างสัดส่วนเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ โอเคปะ ? ลองถามตัวเองดูนะคะว่าอยากจะเป็นแบบไหน

PS** เพื่อนๆลองแพลนวิธีที่ตัวเองจะยึดเป็นหลักนะคะ ลองดูว่าวิธีไหนเหมาะกับร่างกายเราที่สุด ก็ยึดวิธีนั้นละค่ะ ** เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ สู้ๆๆ

แล้วเชอจะอัพเดทความเปลี่ยนแปลงรูปร่างตัวเองให้ดูครั้งหน้านะคะ :)))




Create Date : 11 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 6 สิงหาคม 2557 1:17:37 น.
Counter : 2267 Pageviews.

0 comment

สมาชิกหมายเลข 808387
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]



cherriiecherry's blog
Beauty, Fashion & Lifestyle
"ทุกอย่าง เกิดขึ้นได้จากแรงบันดาลใจและความเชื่อ"

รายละเอียดเพิ่มเติมใน About me เลยค่า <3




New Comments