ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 

เขากบ มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 16, ปี พ.ศ. 2552

ตอนไปแข่งฮาล์ฟมาราธอนที่จอมบึงมาราธอน เห็นแผ่นผ้าประชาสัมพันธ์งานเขากบมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน เลยมีความตั้งใจจะลงไปแข่งรายการนี้

วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคมได้กลับไปนครสวรรค์เพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฮาล์ฟมาราธอน อากาศตอนบ่ายร้อนมาก แดดแรง อาจจะเป็นเพราะว่ามีการจัดการแข่งขันมาราธอนที่จังหวัดอื่นในเวลาเดียวกันถืงสามที่ และการประชาสัมพันธ์ของงานเขากบมินิฮาล์ฟมาราธอนก็ไม่แรงพอ จำนวนนักวิ่งที่มาแข่งรายการนี้จึงไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับรายการมาราธอนที่เคยไปแข่งมา

เข้านอนคืนวันเสาร์แต่เช้า ตื่นมาเองก่อนเวลา

มาถึงจุดสตาร์ทก่อนเวลาเริ่มต้นออกตัวราวๆ ๑ ชั่วโมง มีเวลาถ่ายภาพเล่นๆก่อนปล่อยตัว ลืมเอาเสื้อกล้ามที่รึดน้ำได้ดีมาด้วย...คราวนี้เลยได้เสื่้อระบายเหงื่อของอาดิดาสตัวใหม่มาสวมสำหรับการแข่งขันคราวนี้ ความร้อนในระหว่างที่วิ่งมาราธอนถ้าไม่มีการระบายที่ดีพอ...จะมีผลอย่างมากต่อตัวนักวิ่ง ประสบการณ์แบบนี้มีตัวอย่างให้เห็นจากการแข่งขันมาราธอนรายการใหญ่ๆทั่วโลกมาแล้ว





เนื่องจากนักวิ่งมีไม่มาก ดังนั้นการจะมายืนอยู่แถวหน้าก่อนปล่อยตัวเป็นเรื่องไม่ยากเย็นแสนเข็ญนัก

ตอนแข่งหลายๆรายการ....ได้ยินพี่บางคนที่รู้ว่าคงทำเวลาได้ไม่ดี พี่รายนั้นเขาขอยืนแถวหน้าเลย เวลาที่ทำได้เขาไม่สนขอให้มีหน้าเขาติดในรูปที่ช่างภาพบันทึกเป็นใช้ได้

งานนี้ผมได้มายืนแถวหน้า....เลยมีรูปติดในเว็บนักวิ่งอย่าง Patrunning.com





ก่อนปล่อยตัวมีพิธีแต่ไม่เยิ่นเย้อนาน แต่เวลาปล่อยตัวจริงๆตอนตี ๕ กับ ๓๗ นาที เกินจากกำหนดการที่ระบุไว้ที่ตีห้าครึ่ง


พอได้ยินเสียงแตรแปร้นๆๆแบบตอนเขาเชียร์บอลล์กันดังขึ้น นักวิ่งต่างก็วิ่งออกจากจุดสตาร์ท




ก็วิ่งรักษาความเร็วมาเรื่อยๆตลอดระยะ ๑ กิโลเมตรแรก แต่อาการปวดฉี่เกิดขึ้นจนท้องแข็งขึ้น ถ้าจะทนวิ่งแบบนี้ต่อไปคงวิ่งด้วยความเร็วตกลงเรื่อยๆแน่ ตัดสินใจแวะฉี่ก่อนจะวิ่งต่อ โล่งขึ้นเยอะเลย แต่เวลาที่เสียไปไม่สามารถชดเชยได้

ใช้ความเร็วอยู่ที่ ๕ นาทีกว่าต่อ ๑ กิโลเมตร แต่เวลาค่อยๆตกลงมาเป็น ๖ นาที เริ่มมีกลุ่มหลังแซงเราขึ้นไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตอนที่วิ่งมาถึงบริเวณถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก ตอนที่วิ่งมาถึงอุทยานสวรรค์มีนักวิ่งกลุ่มที่วิ่งระยะ ๑๐ กิโลเมตรที่ปล่อยตัวทีหลังวิ่งตามมา

ฟ้าเริ่มสางตอนที่วิ่งเข้าไปภายในอุทยานสวรรค์ ภายในมีนักวิ่งส่วนหนึ่งที่วิ่งอยู่ ขณะเดียวกันก็มีประชาชนทั่วไปมาออกกำลังกายที่นี่ด้วยตอนเช้าๆ ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมผู้จัดการแข่งขันรายการวิ่งมาราธอนในไทยไม่คิดทำแผ่นป้ายนักวิ่งทั้งข้างหน้าและข้างหลังเหมือนการจัดการแข่งขันมาราธอนในต่างประเทศ ในแง่ความปลอดภัยต่อตัวนักวิ่ง คนหรือรถที่แล่นมาข้างหลังจะสามารถแยกแยะได้ว่านักวิ่งคนไหน ประชาชนทั่วไปคนไหน ซึ่งจะช่วยให้เขาระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้นถ้าเขาเห็นนักวิ่งที่แข่งขันรายการมาราธอนกำลังวิ่งอยู่

ดูเหมือนการประสานงานภายในเขตเทศบาลเมืองนครสวรรค์ทำได้ดี ตำรวจทำการปิดกั้นการจราจร มีคนคอยเช็กนักวิ่ง มีคนคอยให้น้ำแก่นักวิ่งเป็นระยะๆ ชาวบ้านทั่วไปไม่มีใครมาตะโกนด่านักวิ่งอย่างที่เคยเห็นในกรุงเทพฯ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะหายไปคือ "รอยยิ้ม" ของเจ้าหน้าที่ ตอนแข่งรายการลากูน่าภูเก็ตมาราธอน ตำรวจคอยโบกไม้โบกมือให้นักวิ่ง ยิ้มให้นักวิ่ง หรือน้องๆจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตเขาคอยส่งเสียงให้กำลังใจนักวิ่ง มีรอยยิ้มให้กับนักวิ่ง ตลอดเส้นทางที่นักวิ่งวิ่งผ่าน สำหรับการแข่งขันเขากบมินิ-ฮาล์ฟมาราธอนคราวนี้...คนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ดูเหมือนก็ทำไปเพราะหน้าที่ มันผิดกับบรรยากาศจอมบึงมาราธอน ที่เห็นเด็กๆมีความสุขที่ได้ทักทายนักวิ่ง แม้ว่าพวกน้องๆจะตื่นขึ้นมาแต่เช้ามากๆ ฟ้ายังมืด อากาศยังเย็น น้องๆเขาก็ยังสนุกสนานที่ได้มาร้องเพลง ตบมือ เต้นโชว์เป็นกำลังใจให้นักวิ่ง แต่สำหรับเขากบมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน มีชาวบ้านที่เห็นนักวิ่งที่วิ่งผ่านพวกเขาแล้วยิ้มให้มีจำนวนหนึ่งแต่น้อยมาก

เริ่มมาเร่งความเร็วได้ตอนที่วิ่งไประยะ ๑๓ กิโลเมตรตอนที่วิ่งเข้าเขตถนนโกสีย์ วิ่งผ่านโรงเรียนลาซาลโชติรวี ต้นดอกโสนริมรั้วออกดอกสีเหลืองให้เห็น วิ่งผ่านบริเวณโกสีย์เหนือซึ่งย่านนี้ไม่เคยผ่านมาก่อน มีรถพยาบาลและพี่พยาบาลมาตะโกนให้กำลังใจนักวิ่ง เห็นนักวิ่งหลายคนเริ่มเหนื่อยล้า บางคนเริ่มเดิน

ความเร็วมาตกอีกทีตอนเข้าระยะ ๑๖ กิโลเมตรและเริ่มขึ้นเนินบริเวณทางไปโรงฆ่าสัตว์เก่า

พอวิ่งขึ้นเนินเขากบ...เริ่มมีอาการปวดขา เพราะต้องต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกและวิ่งมาร่วม ๑๗ กิโลเมตรแล้ว

วิ่งประกบมากับคุณลุงที่เป็นข้าราชการเกษียณของการรถไฟแห่งประเทศไทย แกวิ่งมาได้ ๗ ปีแล้วก็พอๆกับผม สิ่งสำคัญสำหรับการแข่งขันมาราธอนคือการฝึกซ้อม มันไม่สำคัญว่าจะทำเวลาดีขนาดไหนในอดีตก็ตาม..ถ้าซ้อมไม่ดีคราวนี้....ผลลัพธ์ก็ออกมาไม่ดีได้เช่นกัน

พอวิ่งมาเจอเนินชันแบบนี้ เหนื่อยจัดมากๆ ตัดสินใจว่าหยุดวิ่ง เดินขึ้นเขาแทน นักวิ่งควรจะรู้กำลังตัวเอง ห้ามฝืนเป็นอันขาด นักวิ่งหลายคนเสียชีวิตเพราะไม่รู้จักตัวเอง..ทำอะไรฝืนกำลังตัวเองจนเกินไป





เดินขึ้นเขาไปคุยไปกับคุณลุงที่เป็นข้าราชการเกษียณจากการรถไฟแห่งประเทศไทย คุณลุงยังไม่เคยมาเที่ยวนครสวรรค์ เขากบเป็นแลนด์มาร์คของตัวอำเภอเมือง เหมือนเขารังที่จังหวัดภูเก็ต ถ้านักท่องเที่ยวได้มายืนบนยอดเขากบก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองนครสวรรค์และยังสามารถมองเห็นบึงบอระเพ็ดได้ชัดเจน แต่ตอนนี้วัดคีรีวงศ์ได้ปรับปรุงจนยอดเขาวัดคีรีวงศ์กลายเป็นจุดชมวิวตัวเมืองนครสวรรค์ที่มาแทนที่เขากบไปแล้ว แนะนำคุณลุงให้ลองหาโอกาสขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาคีรีวงศ์ดูหลังจากแข่งขันมาราธอนเสร็จ

พอเริ่มหายเหนื่อยก็กลับมาเริ่มต้นวิ่งกับคุณลุงใหม่...


แต่พอมาเจอบริเวณทางขึ้นยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีถ่ายทอดสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่อง ๕ และช่อง ๗ ที่มีความชันขนาดนี้....เราก็ถอดใจ เพราะมันเอาเรื่อง






มีเจ้าหน้าที่เอาแอมโมเนียมาให้นักวิ่ง แต่ผมไม่ได้ขอแอมโมเนียเขา เพราะมันยังไหวเพียงแต่เหนื่อยมาก

แล้วคราวนี้เป็นคอร์สลงเขาบ้าง สภาพเส้นทางลงเขาเป็นแบบนี้






ปกติเวลาเดินลงยังต้องคอยจิกส้นเท้าเอาไว้เพราะมันชัน แล้วนี่วิ่งลงเขา ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดี.....ข้อเท้ามีปัญหาแน่ๆ






ตอนนั้นไม่สนใจเรื่องของเวลาแล้ว รู้แต่ว่าวิ่งให้ถึงเส้นชัยเป็นอันใช้ได้ คุยกับคุณลุงว่าคาดว่าเราน่าจะถึงเส้นชัยก่อนเวลา ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที


ภาพนี้เป็นภาพทีช่างภาพของทีมแพทรันนิ่งบันทึกเอาไว้





อายุไม่เกี่ยว คนในวัย ๔๐ กับคนในวัย ๗๐ ต่างสามารถวิ่งมาราธอนได้ และถ้าคนในวัย ๗๐ ฟิตดีพอเขาก็สามารถทำเวลาได้ดีกว่าคนในวัย ๔๐ ได้ไม่ยาก เคยเห็นนักวิ่งวัยเกษียณหลายคนที่มาเริ่มต้นวิ่งในวัยหลังเกษียณและคุณปู่คุณย่าเหล่านั้นทำเวลาได้ดีกว่าคนในวัย ๓๐ เสียอีก

คนเราสามารถเริ่มต้นทำในสิ่งที่เรารักได้ตลอดชีวิต เพียงแต่เราจะค้นหาสิ่งที่เรารักเจอไหม บางคนอาจจะหลงทางตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสมาเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตนเองรัก ในขณะที่อีกหลายๆคนรู้ว่าตนเองชอบอะไรแต่ไม่กล้าเริ่มต้นที่จะทำเพราะอาย กลัวคนอื่นต่อว่าเอาว่าอายุขนาดนี้จะทำไปทำไม? เขาจึงไม่เคยมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เขารักเลยตลอดชีวิตของเขา ไม่เสียหายที่จะกล้าเริ่มต้นทำในสิ่งที่ใจเราเรียกร้องแม้ว่าจะมาเริ่มต้นในวัยที่มากแล้วก็ตาม ขอให้ทำในสิ่งที่เรารักจริง ทำอย่างเต็มที ความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เรารักจะส่งผลทำให้มีพลังมาหล่อเลี้ยงชีวิตให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาเป็นกำลังใจให้ตัวเองเดินต่อไปข้างหน้า แล้วผลงานที่เราทำก็จะส่งผลทำให้เกิดคุณค่าแก่คนรอบข้างที่ได้พบเห็นในความตั้งใจและทุ่มเทที่เราทำให้กับสิ่งที่เรารัก แล้วเกิดแรงบันดาลใจผลักดันให้เขาสร้างสรรค์ผลงานที่เขารักบ้าง






การได้เห็นคนสูงอายุ คนพิการที่สามารถวิ่งมาราธอนด้วยเวลาที่ดี ทำให้ผมสนใจมาวิ่งมาราธอน เมื่อก่อนอาจจะอยากวิ่งเพื่อเวลาที่ดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป เรากลับพบว่าสิ่งที่มีคุณค่าของการวิ่งมาราธอน นอกเหนือจากสุขภาพที่ดีแล้ว เราได้ฝึกฝนตนเอง หัดที่จะเอาชนะใจตนเอง มีวินัย และพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ เห็นคุณค่าของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีข้อแม้ให้ตัวเอง ได้เห็นกีฬาวิ่งมาราธอนสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตผู้คนจำนวนมาก ใครที่เคยมีข้อแม้ให้ตัวเองและเฝ้าบอกกับตัวเองว่าฉันคงวิ่งไม่ได้ ถ้าสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านสามารถวิ่งถึงเส้นชัยในการแข่งขันมาราธอนสำเร็จ...ท่านจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้นทันที คำพูดนี้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อท่านได้พิสูจน์ด้วยตัวของท่านเอง....อย่าเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์แล้ว


สำหรับการแข่งขันฮาล์ฟมาราธอนในรายการเขากบมินิ-ฮาล์ฟมาราธอนปีนี้เสร็จสิ้นลงเมื่อผมวิ่งผ่านเส้นชัย และเวลาทีทำได้น้อยกว่า ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาทีสำเร็จ แม้ว่านี่อาจจะเป็นเวลาที่แย่ที่สุดในรายการฮาล์ฟมาราธอนที่เคยวิ่งมา แต่สำหรับผม...การแข่งขันมาราธอนคราวนี้ซึ่งเป็นสนามมาราธอนสนามที่ ๘ ในเมืองไทยถือเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะได้มาวิ่งขึ้นเขากบเป็นครั้งแรกในชีวิต





ขอบคุณภาพประกอบกระทู้หลายภาพจาก Patrunning.com คราวนี้ภาพที่ถ่ายเองบางภาพก็มาจากกล้องที่ติดในตัวโทรศัพท์มือถือของโนเกียรุ่นN-Series แม้จะให้ภาพที่ไม่ละเอียดเท่ากับกล้องดิจิตัลทั่วๆไปก็ตามแต่ก็ช่วยให้เราสามาาถเก็บภาพความประทับใจในช่วงเวลาหนึ่งไว้ได้




 

Create Date : 21 มีนาคม 2552    
Last Update : 21 มีนาคม 2552 14:00:56 น.
Counter : 2245 Pageviews.  

งานเลี้ยงอดีตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น

เมื่อปลายปีที่แล้วได้รับจดหมายข่าวจากสมาคมนักเรียนเก่าในญี่ปุ่นเชิญชวนให้ไปร่วมงานเลี้ยงผู้สำเร็จการศึกษาจากญี่ปุ่นครั้งที่ ๒ ที่ทำเนียบเอกอัครราชฑูตญี่ปุ่น ณ.วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ตัดสินใจไปร่วมงานเพราะอยากรู้ว่าบรรยากาศของงานเป็นอย่างไร? อีกอย่างได้ไปรู้จักผู้คนเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี

วันนี้มาถึงทำเนียบเอกอัครราชฑูตญี่ปุ่นก่อนเวลา ตั้งแต่มีข่าวผู้ก่อการร้ายทูปะอามารูบุกยึดสถานฑูตญี่ปุ่นในเปรูเมื่อ ๑๐ ปีก่อนทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น

นักเรียนเก่าในญี่ปุ่นที่มาในงานมีราวๆ ๙๐ คนได้ มีตั้งแต่รุ่นพี่เก่าๆจนกระทั่งถึงน้องที่พึ่งจบกลับมาไม่นาน การได้พูดคุยกันทำให้ได้หวนรำลึกถึงบรรยากาศในญี่ปุ่นที่พวกเราเคยมีโอกาสไปสัมผัสมา โดยเฉพาะนึกถึงอาหารอร่อยๆหลายอย่างที่มีโอกาสได้ไปลิ้มรส...ที่หาโอกาสได้ทานอาหารอร่อยรสชาติแบบนั้นในไทยยากมาก เพราะที่ขายๆกันในไทยดัดแปลงรสชาติจนไม่เหลือความเป็นอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับที่รสชาติแสนอร่อยไว้เลย

น้องๆหลายคนผมเคยมีโอกาสได้เล่าประสบการณ์ชีวิตนักเรียนในญี่ปุ่นให้พวกเขาฟังก่อนที่พวกเขาจะไปเรียนต่อในญี่ปุ่น...จนตอนนี้บางคนกลับมาเมืองไทยแล้ว

ได้มีโอกาสพูดคุยกับรุ่นพี่หลายคน ในจำนวนนั้นมีอาจารย์ ผุสดี นาวาวิจิตร รวมอยู่ด้วย ชื่อนี้คงคุ้นตาสำหรับคอหนังสือแปลญี่ปุ่น อาจารย์ผุสดี นาวาวิจิตรแปลหนังสือที่สนุกหลายๆเล่มให้คนไทยได้อ่านกัน หนึ่งในหนังสือแปลของอาจารย์ที่ขายดีคือ "โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง" ที่เขียนโดย เท็ตสึโกะ คุโรยานากิ ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษาทั่วโลก

มีโอกาสได้อ่านหนังสือ "โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง" สมัยมัธยมปลาย พอจะจำเรื่องของโต๊ะโตะจังได้บ้าง ตอนไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่นมีโอกาสได้ดูรายการทีวีในญี่ปุ่น ได้เห็นหน้าคุณเท็ตสึโกะ คุโรยานากิ มาออกทีวีอยู่บ่อยๆ คุณเท็ตสีโกะเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอได้รับคัดเลือกเป็นฑูตยูนิเซฟไปเยี่ยมเด็กๆในประเทศทุรกันดาร

ผมมีโอกาสได้สนทนากับอาจารย์ผุสดีอยู่พอสมควรในระหว่างงาน เป็นเกียรติมากที่ได้เจอนักแปลที่มีชื่อเสียงอย่างอาจารย์ผุสดี นาวาวิจิตร

งานเลี้ยงคราวนี้จัดขึ้นในทำเนียบเอกอัครราชฑูตญี่ปุ่น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้เข้าไปในทำเนียบเอกอัครราชฑูต ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นอดีตนักเรียนเก่าในญี่ปุ่น คงไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้

ท่านเอกอัครราชฑูตคนใหม่ ท่าน เคจิ โคมะจิ พึ่งมาดำรงตำแหน่งได้ไม่นานนัก ได้มีโอกาสสนทนากับท่านเอกอัครราชฑูต ท่านเป็นคนเกียวโต ผมเคยเดินทางไปเกียวโตหลายครั้งแต่ยอมรับว่าอย่างไรก็ยังเที่ยวไม่ทั่วเกียวโตจนถึงตอนนี้...เกียวโตเป็นเมืองกว้างมาก และไม่มีทางเที่ยวเกียวโตได้ทั่วภายในครั้งเดียวถ้าไม่มีเงินในกระเป๋าและเวลามากพอ ถ้าจะเปรียบกรุงเทพฯเหมือนโตเกียว เกียวโตน่าจะคล้ายเชียงใหม่มากที่สุด เพราะเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวอยากไปมากรองลงมาจากเขตโตเกียว

ท่านโคมะจิได้เผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่นให้แก่คนไทยได้รู้จัก ในงานเทศกาลวันเด็กผู้หญิงที่ผ่านมา (วันที ๓ เดือนมีนาคม) ท่านจัดชั้นโชว์ตุ๊กตาหินาซามา และมีการสาธิตแสดงพิธีชงชา วันนี้ท่านก็ตั้งชั้นโชว์ตุ๊กตาหินาซามาให้แขกที่มางานเลี้ยงได้ชมกันด้วย

อาหารที่จัดเลี้ยงพวกเราในค่ำคืนนี้เป็นอาหารญี่ปุ่น ผมคีบปลาแซลมอน ซูชิ และอุด้งเส้นนุ่มๆรับประทานแทนทาโกะยากิที่ขยาดตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นปีแรก ถ้าถามว่าอาหารญี่ปุ่นไม่ชอบอะไร...คงต้องบอกว่า "ทาโกะยากิและน้ำซอสแบบทาโกะยากิ" ไม่ว่าเขาจะบอกว่าของคันไซอร่อยขนาดไหน กินแล้วจะเบะปาก เพราะเคยกินทาโกะยากิแล้วขึ้นเจ็ทคอสเตอร์ ลงมาจากเครื่องเล่นเจ็ทคอสเตอร์แล้วเกิดอาการอาเจียน ตั้งแต่นั้นเราจะเกลียดทาโกะยากิเข้าไส้เลย

วัตถุประสงค์ของการจัดงานคราวนี้...เป็นการสร้างเน็ทเวิร์คกลุ่มอดีตนักเรียนไทยในญี่ปุ่นขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นตัวแทนที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและญี่ปุ่น งานในการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยถ้าขาดพลังขับเคลื่อนจากบรรดาอดีตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น

ได้ฟังแขกมางานหลายคนแนะนำตัว ในจำนวนนี้มีคนจบปริญญาเอกจากญี่ปุ่นอยู่หลายคน ส่วนมากจะไปทำงานด้านสายงานวิชาการกัน นึกถึงเพื่อนอีกหลายๆคนที่ยอมแพ้กลางคันกับหลักสูตรปริญญาเอกในญี่ปุ่น มีคนถามว่า "คุ้มค่าไหมที่ไปใช้เวลาเรียนในญี่ปุ่นหลายปีกับหลักสูตรปริญญาเอก?" สำหรับผม...นั่นคือบททดสอบความตั้งใจแน่วแน่ของตัวเอง ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่า "ความพยายามของผู้คนไม่เคยจบลงด้วยความสูญเปล่า" แต่ถ้าเราเลิกล้มกลางคัน...วันนึงในอนาคตเรากลับมามองดูแล้วคงเป็นบาดแผลในใจที่เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

การเรียนปริญญาเอกไม่ใช่เรียนเพื่อความโก้หรู เรียนเอาไว้อวดชาวบ้าน แต่ต้องถามตัวเราเองว่าเรายินดีทุ่มเทกับมันไหมไม่ว่าจะใช้เวลากี่ปีก็ตามกว่าจะได้ตำแหน่งคำว่า "ด็อกเตอร์" นำหน้า ถ้าเราตอบตัวเองได้ว่าเรียนไปทำไม และยินดีที่จะอุทิศตัวเองเพื่อการศึกษาและคาดว่าความรู้ที่ได้จะนำมาเพาะความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่เป็นกำลังในการพัฒนาบ้านเมืองต่อไป การไปเรียนหลักสูตรปริญญาเอกก็คือทางเลือกทางหนึ่งในชีวิต

จนถึงตอนนี้เราตระหนักว่าเวลากว่า ๙ ปีในญี่ปุ่น เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้เข้าใจความหมายของชีวิต เข้าใจวิถีชีวิต แนวคิดของคนญี่ปุ่น ตลอดจนสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติในญี่ปุ่น มันก็คุ้มค่ากับการได้เป็นอดีตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...ก็คงเลือกที่จะไปเรียนต่อในญี่ปุ่น แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทยเพราะที่นี่คือประเทศบ้านเกิด ที่ซึ่งสร้างความภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย มีสิ่งดีๆที่เป็นเอกลัษณ์ที่ควรค่าแก่การหวงแหนรักษาเอาไว้ และคนไทยเท่านั้นที่เข้าใจคนไทยด้วยแนวคิด ความเชื่อและแบบแผนการใช้ชีวิตทีดีๆแบบสังคมไทย




 

Create Date : 11 มีนาคม 2552    
Last Update : 11 มีนาคม 2552 23:44:47 น.
Counter : 918 Pageviews.  

Knowledge Management (การจัดการกับองค์ความรู้)

เคยได้ยินเรื่องของการจัดการกับองค์ความรู้ (Knowledge Management) แล้วก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ แต่คราวนี้ได้รับมอบหมายให้เข้าไปร่วมสัมมนาเรื่องของการจัดการกับองค์ความรู้

บรรยากาศการสัมมนาคราวนี้แตกต่างไปจากการเข้าร่วมสัมมนาทั่วๆไป เป็นบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย กระตุ้นให้ผู้ร่วมสัมมนาแสดงความคิดเห็น แชร์ความรู้และประสบการณ์

ผู้เข้าร่วมสัมมนาอายุเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ ๓๐ ต้นๆ แต่ผมและผู้เข้าร่วมสัมมนาบางคนช่วยกันดึงค่าเฉลี่ยมัธยฐานเบ้ออกไปได้นิดหน่อย ประสบการณ์ในวัยที่แตกต่างกัน มุมมองที่มีต่อหัวข้อที่พูดคุยกัน มันทำให้เรามองเห็นเรื่องนั้นๆได้หลากมุมและมีสีสันขึ้น

น้องๆหลายคนเป็นเพื่อนในฝ่ายเก่า....เราจึงมีความคุ้นเคยกันดี ล้อเล่นกันได้โดยไม่ถือสามากนัก แต่เรื่องอายุกลายเป็นหัวข้อที่น้องๆหยิบขึ้นมาใช้แซวผมได้บ่อยๆ

การที่วิทยากรสร้างบรรยากาศความคุ้นเคยระหว่างผู้เข้าสัมมนาให้รู้สึกเป็นกันเองและสนิทสนมกัน มีส่วนช่วยทำให้การทำ Workshop Knowledge Management ครั้งนี้สนุกสนาน ทุกคนเต็มใจจะแสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วม

มีการนำเสนอวิดีทัศน์ตัวอย่างของการจัดการกับองค์ความรู้ของเกษตรกร ที่เขาพยายามคิดค้นวิธีการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ มันทำให้เราเห็นภาพของความร่วมมือและภูมิปัญญาชาวบ้านที่บางครั้งเรามองข้ามไป แต่การจะเปลี่ยนแปลงให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวแบบอินทรีย์...ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าประโยชน์ภายหลังเขาเปลี่ยนมาใช้การปลูกอินทรีย์มันเกิดประโยชน์จริง การที่เขาได้ทำกับมือเห็นข้อเท็จจริง เขาจะเริ่มเปลี่ยนความคิดและหันมาใช้ภูมิปัญญาในการทำเกษตรกรรม

บ่อยครั้งเรื่องราวดีๆ ความรู้ดีๆ ภูมิปัญญาชาวบ้าน หายไปเพียงเพราะไม่มีผู้สืบทอดความคิดดีๆแบบนั้น หายไปเพราะคนรับเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่โดยละทิ้งภูมิปัญญาชาวบ้านที่ความจริงแล้วมันเหมาะกับสภาพชีวิตแบบไทยๆมากกว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่

บ่อยครั้งที่ความรู้แบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาทำกับมือมาเป็นเวลานานก็ขาดการถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาวิชาการ ขาดการถ่ายทอดออกมาเป็นหลักการปฏิบัติสากล เวลาคนที่มีความรู้แบบนี้เขาถ่ายทอดออกมา...เขาถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาชาวบ้านๆที่เข้าใจง่าย แต่นักวิชาการบางคนก็ยังคิดว่าความเชื่อแบบนี้ยังขาดการทดลองตามหลักวิชาการด้วยตัวอย่างที่มากพอจนเป็นที่ยอมรับได้

ถ้าเพียงแต่ความคิดดีๆแบบนี้ ภูมิปัญญาแบบนี้มีการถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้ที่แจ้งชัด...ความรู้ก็จะเกิดประโยชน์มากมายต่อสังคม ความรู้แบบนี้ไม่สูญหายไปไหน


เคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง "Udon (อุด้ง)" พ่อของพระเอกเรื่องนี้เป็นคนทำอุด้งที่อร่อยและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครทำได้เหมือน แต่ความรู้นี้ไม่เคยถ่ายทอดให้ใคร เขาทดลองทำอุด้งด้วยวิธีต่างๆจนได้รสชาติอุด้งที่อร่อยคงที่ จนเมื่อเขาตายไป...พระเอกของเรื่องที่ตระหนักถึงคุณค่าของอุด้งรสชาติอร่อยที่หาใครในจังหวัดจะทำได้เหมือน พระเอกของเรื่องพยายามหาวิธีทำอุด้งให้รสชาติเหมือนที่พ่อตนเองทำ....ไม่ให้อุด้งรสชาติพิเศษนี้หายไป พระเอกของเรื่องต้องลองถูกลองผิดและสอบถามคนทำอุด้งที่รสชาติใกล้เคียงว่าทำอุด้งอย่างไร ในที่สุดรสชาติอุด้งแสนอร่อยแบบเดียวกับที่พ่อเขาเคยทำไว้ก็คืนชีพกลับมาทำให้ลูกค้าได้มีความสุขทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสอุด้งของร้านเขา


ลองคิดดูว่าถ้าองค์กรมีคนที่มีความรู้ความสามารถ คนพวกนี้มีภูมิปัญญาดีๆ....แต่พวกเขากลับถูกมองข้ามในความสามารถและศักยภาพ เมื่อคนเหล่านี้ออกจากองค์กร ความรู้ดีๆก็หายไปจากองค์กรพร้อมกับคนเหล่านี้ คนที่อยู่หรือคนที่มาใหม่ก็ต้องมาเริ่มต้นหาความรู้ด้วยตนเอง ลองถูกลองผิดจนกว่าจะได้ความรู้ที่ถูกต้อง


ถ้าเพียงแต่องค์กรคิดจัดการกับองค์ความรู้ จัดเก็บองค์ความรู้โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแชร์ประสบการณ์ ความรู้ที่มีต่อเรื่องนั้นๆ ความรู้ที่มีการจัดเก็บเป็นคลังความรู้ มีการกระตุ้นให้มีการหยิบเอาความรู้ไปใช้ ไปเผยแพร่เอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น คนที่แชร์ข้อมูลและประสบการณ์จะเกิดความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีคุณค่า และความรู้ที่เป็นประโยชน์นั้นก็ไม่สูญเปล่าแต่กลับมีการต่อยอดพัฒนาเป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อไป


ได้เห็นตัวอย่างหลายองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับองค์ความรู้ อะไรอยู่เบื้องหลังความสำเร็จตรงนั้น?

สิ่งหนึ่งที่พอจับประเด็นได้คือ..องค์กรเหล่านั้นต่างมีเป้าหมายชัดเจนและทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายนั้น ทุกคนเต็มใจที่มีส่วนร่วมในการแชร์ประสบการณ์ บรรยากาศในการแชร์ความรู้ต่างเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ทุกคนมีความสุขที่ได้ทำ จนความสุขในการทำงานตรงนี้มันกระตุ้นให้ทุกคนอยากจะแชร์และแบ่งปันความรู้ให้แก่กันต่อไปเรื่อยๆ

ความจริงแล้วการจัดการกับองค์ความรู้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ไม่ใช่เป็นงานชิ้นใหม่ แต่เป็นการทำไปในระหว่างทำงานแล้วมันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานทำได้ดีขึ้นแล้วความรู้เกิดการเผยแพร่ภายในองค์กรเกิดความร่วมมือในการทำงานระหว่างกันดีขึ้น

การไปเข้าสัมมนาคราวนี้นอกจากจะได้ความรู้ใหม่ๆและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการกับองค์ความรู้ (Knowledge Management) ผมได้เพื่อนใหม่ๆที่เราจะช่วยกันสร้างการจัดการองค์ความรู้ที่ดีต่อองค์กรต่อไป เพื่อนหลายๆคนเคยเจอหน้ากันแต่ไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันเลย การทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างสัมมนาคราวนี้ทำให้พวกเรารู้จักกันมากขึ้น

มารับการเรียนรู้เรื่องการจัดการกับองค์ความรู้แล้วทำให้นึกเปรียบเทียบว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร? คนเราตอนที่ยังมีชีวิตอยู่...ถ้าเพียงแต่ทิ้งความดี คุณค่า ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่คนที่อยู่ในสังคม แม้ว่าคนๆนั้นอำลาจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่เขาทำก็ยังเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยู่ในสังคม การจัดการกับองค์ความรู้ก็เช่นเดียวกัน พนักงานคนหนึ่งมีความรู้และถ่ายทอดความรู้ให้แก่องค์กร แม้ว่าพนักงานคนที่มีความรู้ความสามารถคนนั้นจะไม่อยู่ในองค์กรไปแล้ว แต่ความรู้ที่พนักงานคนนั้นได้ทิ้งเอาไว้ให้กับองค์กรยังคงอยู่และเป็นประโยชน์ต่อองค์กรตลอดไป




 

Create Date : 06 มีนาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2552 22:36:39 น.
Counter : 869 Pageviews.  

Good management through Buddhism by Ajarn Bhram

เมื่อตอนค่ำของวันจันทร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปฟังการบรรยายธรรมโดยพระอาจารย์ Bhram ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมา

ความจริงทางสมาคมศิษย์เก่าฯได้ส่งข้อความมาแจ้งให้ทราบว่าทางศศินทร์จะจัดกิจกรรมนี้ แต่ตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะไปได้ไหม บังเอิญได้รับอีเมลฉบับหนึ่งมาจากกัลยาณมิตรซึ่งเขาก็ไม่ใช่ศิษย์เก่าศศินทร์แต่เขาได้รับอีเมลจากคนอื่นอีกทีเรื่องอาจารย์ Bhram จะมาเทศน์ให้พวกเราฟัง สุดท้ายเหมือนมีอะไรมาสะกิดใจให้สนใจไปฟังดู สุดท้ายก็แจ้งกับทางสมาคมศิษย์เก่าไปว่าขอสำรองที่นั่งหนึ่งที่่

ตอนไปถึงสถานที่จัดงาน ปรากฏว่ามีคนสนใจมาฟังมากกว่าที่เราประเมินไว้ มีคนฟังร่วม ๒๐๐ คนน่าจะได้ ในจำนวนนี้เป็นคนภายนอกที่ไม่ใช่ศิษย์เก่าศศินทร์มากกว่าศิษย์เก่าศศินทร์ (เท่าที่สอบถามจากทางผู้จัดงาน)

อาจารย์ Bhram เป็นพระชาวอังกฤษ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แล้วเคยเป็นครูสอนในระดับมัธยมมาก่อน ท่านเดินทางมาปฏิบัติธรรมและบวชอยู่ที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชา สุภัทโท ปัจจุบันท่านอยู่ที่วัดในออสเตรเลีย

เคยมีคนตั้งข้อสังเกตว่าฝรั่งหลายคน เวลาพวกเขาสนใจอะไร...เขาจะสนใจลงไปแก่นลึกของสิ่งนั้น แล้วรู้จริงในเรื่องนั้นๆ พระฝรั่งหลายรูปเวลาเทศน์จึงเทศน์ได้ตรงใจของโยม และอธิบายสิ่งต่างๆที่เป็นธรรมะให้เข้าใจง่ายต่อความเข้าใจของชาวโลก

เทคนิคในการพูดอย่างไรให้น่าสนใจ เราเรียนรู้จากการฟังธรรมในค่ำคืนนั้น ธรรมะถ้าเข้าใจดีอย่างถ่องแท้และสามารถถ่ายทอดให้ผู้ฟังด้วยเทคนิคการพูดที่ดีจะทำให้ผู้ฟังสามารถรับฟังได้อย่างน่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ

พระอาจารย์ Bhram มีลูกเล่นให้คนฟังได้ฮาตลอดที่ฟัง


ท่านยกตัวอย่างว่านักบริหารทั้งหลายเต็มไปด้วยความเครียด แต่ไม่รู้จักวิธีในการบริหารความเครียด ปล่อยให้ความเครียดทำลายสุขภาพ

"วิธีจัดการกับความเครียดนะหรอ? ออกจะง่าย"

"แล้วทำอย่างไรดีหละ?"

"ลองดูนี่ เวลาคุณถือแก้วน้ำแล้วเป็นอย่างไร?"

"ยิ่งคุณถือนานๆ คุณก็ยิ่งเมื่อยใช่ไหม? แล้วคุณจะหายเมื่อยก็ต่อเมื่อคุณวางลง"

"หลักการเดียวกัน ถ้าคุณมีความเครียด คุณก็พัก ปล่อยวางความเครียดชั่วขณะ คุณก็จะหายจากความเครียด ไม่มีใครสามารถอยู่กับความเครียดในสภาวะซ้ำๆนั้นได้นาน แล้วทำไมคุณต้องถือเอาความเครียดเอาไว้นานๆด้วย?"

อาจารย์ Bhram ชี้ให้เราเห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในองค์กรก็คือ "คน" เพราะคนคือสิ่งที่ช่วยสร้างกำไรให้แก่องค์กร ตอนที่พนักงานคนหนึ่งเขาออกจากองค์กรไป นั่นหมายความว่า เรากำลังเสีย Connection ไป เพราะว่าเราใช้เวลานานในการรักษาและสร้างพนักงานคนที่ออกไปคนนั้น

ครอบครัวมีความสำคัญ ถ้าผู้คนมีปัญหาครอบครัว เขาจะไม่สามารถสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่าและมีคุณภาพได้อย่างเต็มที่

คนที่มีความสำคัญสำหรับเรามากที่สุดคือ....คนที่เราอยู่ด้วย

คนส่วนมากรู้จักว่าจะแข่งขันกันอย่างไรแต่คนส่วนมากกลับไม่รู้จักว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ตราบเท่าที่เราไม่รู้จักว่าความร่วมมือเป็นอย่างไร...แล้วเราจะทำงานในฐานะบริษัทได้อย่างไร คำว่าบริษัท(Company) เป็นการร่วมมือร่วมใจระหว่างคนในบริษัท บริษัทจึงเกิดขึ้นมาได้

ถ้าลูกน้องของคุณทำงานได้ผลงานออกมาไม่ดี...อย่าตำหนิเขา อย่างแรกที่ควรจะทำคือ ชมเชยเขา เพราะถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการชมเชยเขา เขาจะหันมาสนใจในสิ่งที่คุณจะพูด มอบคุณค่าให้แก่เขา แล้วจึงค่อยวิจารณ์ในสิ่งที่เขาทำ แล้วก็สร้างคุณค่าขึ้นในตัวเขาแล้วบอกให้เขาทราบว่าสิ่งที่เป็นผลงานไม่ดีนั้น...สิ่งนั้นกลายเป็นอดีต...เขามีหน้าที่ต้องทำปัจจุบันให้ดีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีๆที่จะตามมาในอนาคต


Life is process not result!!!


ถ้าเราทำด้วยวิธีที่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ย่อมจะปรากฏออกมา


เงินไม่ใช่สิ่งเลวร้ายถ้าเรารู้จักใช้มันอย่างถูกต้อง



ถ้อยคำที่เราได้ฟังตลอดเวลา ๑ ชั่วโมงเต็มภายในห้องประชุมที่ศศินทร์ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา จุดประกายความคิดในอีกหลายๆมุมในเชิงการจัดการ การบริหารผู้คน และการใช้ชีวิต ธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราแม้แต่เรื่องของการจัดการ...ธรรมะก็สามารถสอดแทรกได้เช่นกัน

สำหรับผู้สนใจฟังธรรมะของพระอาจารย์ Bhram สามาารถไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บข้างล่างนี้ครับ

//www.bswa.org






ฟังธรรมตามกาลถือเป็นมงคลชีวิตข้อหนึ่งครับ


ธรรมะสวัสดีครับ




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2552 17:11:29 น.
Counter : 988 Pageviews.  

พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสินค้าและบริการที่ผลิต (Product Liability Law)

หลังจากที่มีการพิจารณาและโต้เถียงกันในสภามาเป็นเวลาหลายปี สุดท้ายพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสินค้าและบริการที่ผลิตก็มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเมืองไทยเสียที

ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาตระหนักถึงคุณภาพชีวิตของผู้คน และหน้าที่ของผู้ผลิตซึ่งมีหน้าที่ที่ต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ หลีกเลี่ยงการผลิตสินค้าที่มีปัญหาอันจะนำไปสู่ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภค ผู้ผลิตสินค้าชนิดนั้นไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคได้ถ้าสินค้าที่ผลิตขึ้นมีผลเสียหายต่อผู้บริโภค เขาจึงมีการตรากฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้น (Product Liability Law)

ตอนที่เรียนหนังสือในญี่ปุ่นได้เห็นตัวอย่างของ Product Liability Law ที่มีผลบังคับใช้ในญี่ปุ่นแล้ว ทำให้บรรดาผู้ผลิตสินค้าตื่นตัวและแสดงความรับผิดชอบต่อสินค้าที่ผลิตขึ้นเมื่อสินค้าที่ผลิตทำให้ผู้ใช้เกิดความเสียหาย บาดเจ็บ หรือถึงแก่ชีวิต ผู้ผลิตให้ความสำคัญกับการผลิต พยายามควบคุมคุณภาพในการผลิต และเมื่อเกิดความเสียหายเกิดขึ้น ผู้ผลิตแสดงความรับผิดชอบทันที

กรณีผู้ผลิตรถบรรทุกมิตซูบิชิฟูโซ่รู้ว่าเพลาและคลัชท์ที่ผลิตขึ้นมีปัญหาแต่ก็ไม่รีบเรียกสินค้าคืนส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตเมื่อ ๔-๕ ปีก่อนทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง และขาดทุนมหาศาล กรณีฮีทเตอร์ของบริษัทมัตสุชิตะอิเล็กทริคเป็นต้นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้ ผู้ผลิตทำการเรียกสินค้าคืนจากผู้บริโภคทันที หรือกรณีบริษัทซันโยที่ผลิตแบตเตอรี่สำหรับคอมพิวเตอร์แล้วเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร...เขาก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศเรียกคืนสินค้า กรณียางของบริดจสโตนมีปัญหาทำให้รถกระบะของฟอร์ดเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ขับขี่ ผู้บริหารของบริดจสโตนบินไปฟังการประชุมกับตัวแทนของฟอร์ดและชี้แจงข้อเท็จจริงผลของการทดสอบยาง รวมทั้งเรียกสินค้ายางรุ่นที่มีปัญหาออกจากตลาดด้วยความสมัครใจทันที

กรณีสินค้ามีปัญหาอย่างเดียวกันถ้าเกิดในไทย....แม้ว่าผู้ผลิตสินค้าจะมาจากประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมี Produt Liability Law บังคับใช้แล้ว แต่ว่าในไทยที่ยังไม่มีกฎหมายตัวนี้บังคับใช้ ผู้ผลิตหลายรายขาดความกระตือรือล้นที่จะควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสินค้าทีผลิตออกมาสร้างความเสียหายต่อผู้บริโภค หรือเมื่อผลิตสินค้าออกมาแล้วพบว่ามีปัญหาก็ขาดความกระตือรือล้นที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อสินค้าที่ตนเองผลิตขึ้นเนื่องจากยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้และลงโทษผู้ผลิต

แต่ณ.ตอนนี้ที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้วในประเทศไทย ผู้ผลิตทุกรายในประเทศไทยหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้แล้ว การที่จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้อีกต่อไป

ในฐานะผู้บริโภค การที่มีกฎหมายฉบับนี้ออกมามีผลบังคับใช้ทำให้เราได้รับสิทธิ์คุ้มครองถ้าสินค้าหรือบริการที่เราใช้เกิดปัญหาและสร้างความเสียหายขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ในฐานะผู้ผลิตมีหน้าที่ต้องควบคุมคุณภาพในการผลิตและการให้บริการอย่างดีที่สุดและหลีกเลี่ยงการผลิตและการให้บริการที่นำมาซึ่งปัญหาต่อผู้บริโภค

กฎหมายตัวนี้ในแง่ผู้ผลิต....ผู้ผลิตหลายรายหวาดกลัวมาก เพราะว่ามีความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องได้ง่ายถ้าสินค้าที่ผลิตขึ้นหรือบริการที่ให้แก่ผู้บริโภคเกิดปัญหาขึ้นมา ถ้าเพียงผู้ผลิตประมาทเลินล่อ ไม่ใส่ใจในการผลิต หรือการให้บริการ ซึ่งความประมาทเลินเล่อเพียงนิดเดียว อันนำมาซึ่งความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภค ผู้ผลิตไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดได้

กฎหมายตัวนี้มีคนพยายามให้ครอบคลุมถึงการให้บริการทางการแพทย์ด้วย แต่ทางแพทยสภาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กฎหมายตัวนี้ครอบคลุมถึงการให้บริการทางการแพทย์ ถ้ากฎหมายตัวนี้ครอบคลุมถึงการให้บริการทางการแพทย์ เมื่อคนไข้รับการรักษาที่ผิดพลาดจากแพทย์จนทำให้พิการ สูญเสียอวัยวะ หรือถึงแก่ชีวิต แพทย์ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ทางเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์เห็นด้วยว่ากฎหมายตัวนี้ควรจะครอบคลุมถึงการให้บริการทางการแพทย์ เพราะที่ผ่านมามีจำนวนผู้เสียหายทางการแพทย์จำนวนมากแต่ผู้เสียหายเหล่านั้นไม่ทราบว่าจะไปดำเนินการเรียกร้องความเสียหายจากใคร? เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง


ตอนนี้มีกฎหมายตัวนี้บังคับใช้แล้ว โฉมหน้าการให้บริการและการควบคุมการผลิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผู้บริโภคที่อยู่ในไทยจะได้รับความคุ้มครองและมั่นใจว่าจะมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นจากการเลือกใช้สินค้าและบริการมากน้อยแค่ไหน? คดีฟ้องร้องความเสียหายจากสินค้าที่ผลิตและให้บริการในไทยจะเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน? นับจากนี้ไปเป็นเรื่องที่เราในฐานะคนที่อยู่ในประเทศไทยควรติดตามกันต่อไป




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 10:01:19 น.
Counter : 2745 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.