ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 

หนังสือธรรมะแจกฟรีที่ห้องสมุดบ้านอารีย์

กิจกรรมดีๆที่ได้ทำร่วมกับเพื่อนๆที่ธนาคารคือการร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทานให้แก่ผู้คน

มีคำกล่าวว่า "ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง" การให้ธรรมะแก่ผู้คนในรูปแบบต่างๆช่วยทำให้เขาเหล่านั้นได้ปัญญา และปัญญาชี้นำทางที่ถูกในการดำเนินชีวิต การให้ทานในรูปแบบนี้จึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง หลายๆคนเลยหันมาบริจาคทานในรูปแบบการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คน

คราวนี้เพื่อนๆในธนาคารให้ช่วยกันโหวตว่าหนังสือธรรมะของท่านเจ้าคุณ ประยุทธ์ ปยุตฺโต (พระพรหมคุณาภรณ์) ควรเลือกเล่มใดในการจัดพิมพ์กันดี

ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือของท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต หลายเล่ม ท่านมีวิธีการนำเสนอธรรมะได้น่าสนใจ กระจ่างชัด หลายๆมุมเรื่องใกล้ตัวที่ไม่เคยมีใครหยิบขึ้นมาอธิบาย แต่ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโตได้ยกมาอธิบายจนเข้าใจได้แจ่มชัดหายข้อสงสัย ตัวอย่างเช่น คนเราเกิดมาทำไม? คนเราแต่งงานเพื่ออะไร? เรื่องของนรก-สวรรค์-เทวดา เรื่องแบบนี้ดูเหมือนอ่านหนังสือธรรมะหลายเล่มยังไม่มีใครเขียนแล้วได้เข้าใจกระจ่างชัดและเข้าใจง่ายเหมือนงานเขียนของท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโตเลย ภูมิใจที่คนไทยเรามีนักปราชญ์อย่างเจ้าคุณที่เป็นกำลังในการเผยแพร่ธรรมะ

อยากแนะนำหนังสืองานเขียนของท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโตที่ชื่อว่า "พุทธธรรม" ให้ท่านทั้งหลายลองอ่านดู เป็นหนังสือธรรมะที่ดีมากเล่มหนึ่ง ภายหลังจากอ่านจบลงผมเชื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้ข้อคิดดีๆ และแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เอาไว้ใช้ตอบโจทย์หนักๆในชีวิตได้


ขอกลับมาพูดผลการโหวตเลือกหนังสือธรรมะที่จัดพิมพ์กัน สรุปแล้วพวกเราลงคะแนนเสียงว่าเราจะจัดพิมพ์หนังสือ ๔ เรื่องต่อไปนี้คือ

๑. ชีวิตคู่ที่มีคุณค่า
๒. คุณบิดามารดาสุดพรรณนามหาศาล
๓. เล่าเรียน-ทำงานกันไป ชีวิตได้อะไร
๔. ทุกข์สำหรับเห็นแต่สุขสำหรับเป็น






การจัดพิมพ์หนังสือเป็นธรรมทานครั้งนี้เราไม่ได้จำกัดเฉพาะเพื่อนพนักงานธนาคารเท่านั้นที่จะร่วมกันจัดพิมพ์ แต่เราก็เปิดรับเพื่อนจากองค์กรอื่นด้วย ซึ่งได้ผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากจนสามารถทำออกมาเป็นรูปเล่มสำเร็จก่อนเดือนเมษายน แล้วใครอยากจะบริจาคเป็นธรรมทานที่ไหนก็ได้แล้วแต่ความประสงค์ของผู้ร่วมจัดพิมพ์

ภายหลังจากแจกหนังสือธรรมะให้กับเพื่อนและญาติสนิทที่สนใจแล้ว ผมเลือกที่จะบริจาคหนังสือธรรมะที่สั่งพิมพ์ร่วมกับเพื่อนสนิททั้งในธนาคาและนอกธนาคารโดยเลือกที่จะบริจาคที่ห้องสมุดบ้านอารีย์ที่อยู่ซอยอารีย์ ๑ เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งของผู้สนใจธรรมะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน มีกิจกรรมดีๆที่เกิดขึ้นที่ห้องสมุดบ้านอารีย์ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ที่นี่มีคนนำหนังสือธรรมะที่จัดพิมพ์ร่วมกันมาบริจาคให้ห้องสมุดบ้านอารีย์เพื่อแจกให้แก่ผู้สนใจฟรีเป็นธรรมทาน

ผู้ที่สนใจสามารถมาเลือกรายการหนังสือธรรมะหรือว่าซีดีธรรมะที่ตนเองสนใจจากตัวอย่างที่วางไว้ที่ชั้นหนังสือ โดยสามารถเลือกได้อย่างละ ๑ ชุด/คน




วันเสาร์นี้ผมแวะเอาหนังสือธรรมะที่ร่วมจัดพิมพ์กับเพื่อนๆไปวางไว้ที่ห้องสมุดบ้านอารีย์





ผู้ที่สนใจจะขอรับหนังสือหรือว่าซีดีธรรมะก็จะกรอกชื่อ-ที่อยู่และเบอร์ติดต่อและหนังสือหรือว่าธรรมะที่ต้องการขอรับ แล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ของห้องสมุดบ้านอารีย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะจัดให้ตามที่ขอแต่จะได้คนละ ๑ ชุดเท่านั้น




หนังสือที่ผมเอาไปบริจาควันนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดเรียงเอาไว้ในกล่องให้คนที่สนใจสามารถหยิบเองได้โดยจำกัดให้เพียงคนละ ๑ ชุด เนื่องจากอาจจะมีผู้สนใจอยากจะขอรับหนังสือเล่มดังกล่าว ซึ่งอาจจะไม่พอก็ได้ แต่เท่าที่คุยกับเจ้าหน้าที่ของห้องสมุดบ้านอารีย์เขาจะเก็บหนังสือเอาไว้ให้แก่คนทั่วไปได้อ่านกันภายในห้องสมุดด้วยในกรณีหนังสือบริจาคเกิดหมดเสียก่อน




บรรยากาศภายในห้องสมุดบ้านอารีย์ เป็นบรรยากาศสบายๆเหมาะสำหรับคนที่สนใจอ่านหนังสือธรรมะ เพราะมีหนังสือธรรมะหลากหลายให้คนที่สนใจใช้เวลาอ่านแบบสบายๆ








มุมนี้มีพระไตรปิฎกและด้านขวามือเป็นหนังสือของหลวงพ่อชา งานเขียนของหลวงพ่อชาเป็นงานเขียนที่เข้าใจง่าย อยากแนะนำให้คนที่ยังไม่ค่อยมีพื่นฐานธรรมะมาก่อนลองเริ่มต้นอ่านงานเขียนของหลวงพ่อชาก่อนครับ หลังจากเข้าใจธรรมะมากขึ้นแล้วจะอ่านหนังสือธรรมะแนวต่างๆได้เร็วขึ้น





ทุกวันเสาร์ตอนบ่ายจะมีกิจกรรมเสวนาเรื่องการปฏิบัติธรรมมานำเสนอ ซึ่งผู้ที่ร่วมกิจกรรมก็จะเอาประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมที่ทำอยู่ ปัญหาที่พบมาซักถาม ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์และเคยมีปัญหาในการปฏิบัติเหมือนกันก็จะแชร์ประสบการณ์แล้วก็จะแนะนำวิธีการในการปฏิบัติที่ถูกต้องให้แก่ผู้ที่มีปัญหาหรือผู้ที่เริ่มฝึกใหม่ๆ มีการแบ่งกลุ่มย่อยมานั่งถกกันถึงวิธีในการปฏิบัติ





ในแต่ละเดือนจะมีการเชิญพระอาจารย์มาเทศนาให้ผู้ที่สนใจตามโอกาสที่เหมาะสม ผมเคยไปฟังท่านอาจารย์มิสุโอะ คเวสโกมาเทศน์ที่ศาลาปันมีเมื่อปีที่แล้ว ผู้คนมาฟังกันมากทีเดียว แนะนำว่าอย่าขับรถไปจอดที่ห้องสมุดบ้านอารีย์ในวันที่มีการนิมนต์พระอาจารย์มาเทศน์เพราะที่จอดรถจำกัดมาก น่าจะไปโดยใช้รถสาธารณะดีกว่า





ผมไม่แน่ใจว่าหนังสือธรรมะที่เอาไปวางไว้ที่ห้องสมุดบ้านอารีย์วันนี้จะยังเหลือถึงวันไหน ถ้าหมดก็คือหมด แต่ก็ยังเหลือตัวอย่างที่เขาเก็บเอาไว้ในห้องสมุดให้แก่คนที่สนใจมาอ่านในห้องสมุดต่อไป

สำหรับท่านที่สนใจจะบริจาคหนังสือธรรมะเป็นธรรมทาน ขอแนะนำห้องสมุดบ้านอารีย์เป็นแหล่งหนึ่งที่น่าสนใจเพราะคนที่มาขอรับหนังสือธรรมะเป็นคนที่เขาสนใจธรรมะจริงๆและเกิดประโยชน์แก่บุคคลเหล่านั้น


วันนี้ขอปิดท้ายกระทู้ด้วยคำว่า

ธรรมะสวัสดีครับ




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2552 22:11:40 น.
Counter : 3231 Pageviews.  

สีสันของฤดูร้อนในเมืองไทย

มีโอกาสได้เดินทางไปที่ต่างๆในช่วงฤดูร้อนปีนี้ พบเห็นความงามของธรรมชาติในเมืองไทย...เลยเก็บมาฝากเป็นของที่ระลึกจากการเดินทางครับ




ดอกบัวเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ผมโปรดปราน แวะที่บึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี เห็นภาพสวยๆของดอกบัว ยังไม่เคยถ่ายภาพดอกบัวในลักษณะนี้มาก่อน

พอใช้เทคนิคแต่งกรอบรูป...เลยได้โปสการ์ดสวยๆขึ้นมาอีกหนึ่งใบ







ว่านสีทิศสีส้มกำลังบานออกทั้งสี่ทิศในช่วงอากาศร้อนๆแบบนี้







มีว่านสี่ทิศสีส้มก็ยังมีว่านสี่ทิศสีแดง ต้นนี้อยู่ภายในบ้านของผมเองที่นครสวรรค์



แวะเข้าไปในเรือนเพาะกล้วยไม้ภายในบึงฉวาก...ได้ภาพกล้วยไม้หลากพันธุ์มาเป็นของฝากติดมือ















ด้านหน้าของสวนสมุนไพรในบึงฉวากเป็นต้นเหลืองปรีดิยาธร มองตอนแรกนึกว่าต้นตะแบเหลืองเสียอีก ช่วงนี้มองเห็นตะแบเหลืองออกดอกสีเหลืองสดเรียงเป็นแนวให้ความงามแก่ผู้คนที่สัญจรผ่าน







ช่วงเส้นทางสายสุพรรณบุรีไปชัยนาทมีโอกาสเห็นต้นราชพฤกษ์ออกดอกช่อสีเหลืองตัดกับใบเขียวยืนเรียงรายสองข้างถนน...เป็นภาพสวยงามที่มีโอกาสได้เห็นในช่วงอากาศร้อนๆแบบนี้















ปิดท้ายกันด้วยทุ่งข้าวนาปรังในเขตสุพรรณบุรีที่ข้าวกำลังออกรวงพอดี






 

Create Date : 26 เมษายน 2552    
Last Update : 26 เมษายน 2552 21:57:40 น.
Counter : 2014 Pageviews.  

เหตุการณ์เมษาจลาจล บทเรียนใหม่เรื่องของวุฒิภาวะทางการเมืองของไทย

จากเหตุการณ์ปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ ๙ เมษายนของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง นำมาซึ่งการขยายขอบเขตความรุนแรงในการชุมนุม ชัยชนะที่ปิดล้อมถนนกดดันรัฐบาล การบุกเข้าไปขัดขวางการประชุมผู้นำอาเซียนบวกสามที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชที่พัทยา ซึ่งการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ขัดขวางการประชุมผู้นำอาเซียนประสบความสำเร็จ ภาพลักษณ์ของประเทศไทยกลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลกที่ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยของการประชุมระดับผู้นำของประเทศต่างๆได้ แต่กลับปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงบุกเข้าไปประชิดได้ จนผู้นำชาติต่างๆต้องอพยพหนีภัยจากที่จัดการประชุม

ชัยชนะที่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงประกาศเอาไว้เมื่อวันเสาร์ ตามมาด้วยข่าวในวันรุ่งขึ้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงล้อมกระทรวงมหาดไทย และไล่ทุบตีรถของคณะนายกรัฐมนตรี ลากรปภ.ของนายกออกมาทุบตีจนเลือดไหล ใส่กุญแจมือและสอบถามเพื่อเอาตัวนายกรัฐมนตรีออกมาให้ได้ ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวตอกย้ำว่าระบบรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลขาดประสิทธิภาพอย่างมาก

ตอนบ่ายวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน ข่าวการออกพระราชกำหนดบริหารราชการในสภาวะฉุกเฉินที่ให้อำนาจทหารและตำรวจในการจัดการกับการชุมนุมในขอบเขตที่สมควร สร้างความกังวลให้กับนักวิชาการหลายคนว่าอาจจะเกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงและตามมาด้วยการนองเลือดจะจุดชนวนความวุ่นวายขึ้นในสังคมไทย

....ไม่มีใครคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เช้ามืดวันจันทร์ที่ ๑๓ เมษายนซึ่งควรจะเป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของคนไทย ปรากฏเสียงปืนดังขึ้นในเขตสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อทหารพยายามเคลียร์พื้นที่คืน ทางกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงลือกันว่ามีคนตายและทหารเก็บศพผู้เสียชีวิตไปทิ้ง แต่ข่าวที่ปรากฏในสื่อทั่วโลกและสื่อไทยไม่มีการรายงานของผู้เสียชีวิต กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวอ้างว่ารัฐบาลปิดข่าว บิดเบือนข่าว ทหารฆ่าประชาชนหลายสิบคน แต่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟังข่าวอื่นนอกเหนือจากข่าวของสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นที่รายงานโดยไม่แสดงข้อเท็จจริงแต่เป็นข่าวที่อ้างโดยขาดหลักฐาน

ภาพการยึดรถแก๊สเอาไปจอดบริเวณหน้าแฟลตดินแดงเพื่อต่อรองกับทหารที่คุมกำลัง ไม่ให้รุกคืบเข้าไป สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนที่อาศัยในเขตแฟลตดินแดง ตัวแทนชาวแฟลตดินแดงพยายามเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงแต่ไม่เป็นผล กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงไม่ยอมเคลื่อนย้ายรถแก๊สแต่กลับต้องการเล่นจิตวิทยากดดันทหาร แล้วก็ขู่ว่าถ้าจะตายก็ยอมตาย การเจรจาไม่มีความคืบหน้า...

ความอดทนของคนที่ถูกกระทำโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับรัฐบาลก็มาถึงจุดสิ้นสุด...

ชาวบ้านประชาชนชาวแฟลตดินแดงรวมตัวกันเคลื่อนย้ายรถแก๊สออก และทหารเข้ายึดพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ในหลายๆจุดทหารยิงปืนขึ้นฟ้าหรือใช้กระสุนหัวกระดาษยิงเข้าใส่ฝูงชนที่ชุมนุมเพื่อข่มขวัญให้ถอยร่น ข่าวต่างประเทศหลายแหล่งต่างรายงานทหารผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ถอยร่นไปแต่ไม่มีสื่อไหนรายงานยอดผู้เสียชีวิตในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงอ้างว่ามีผู้เสียชีวิต แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าคนตายไปตายที่โรงพยาบาลไหน ผู้ตายชื่ออะไร ภาพความรุนแรงที่กลุ่มผู้ชุมนุมจุดไฟเผารถเมล์คันแล้วคันเล่า เผายางกีดขวางการจราจร กลุ่มควันของยางที่ถูกเผาส่งกลิ่นรบกวนคนป่วยที่อยู่ในเขตโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี เป็นภาพที่สร้างอารมณ์โกรธแค้นให้กับประชาชนทั่วไปที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและรัฐบาล

ชาวบ้านในเขตซอยกิ่งเพชร ๕ และซอยกิ่งเพชร ๗ รวมตัวกันออกมาต่อสู้กับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ปิดกั้นถนนบริเวณอุรุพงษ์ และจัดกำลังตรวจตราไม่ยอมให้คนเสื้อแดงผ่านเข้าออก

ข่าวตอนดึกรายงานว่าความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงกับชาวบ้านในเขตนางเลิ้งที่ไม่เห็นด้วยที่กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจะจุดไฟเผารถเมล์ใกล้ตลาดนางเลิ้ง จึงทำการต่อต้านแต่ผลลัพธ์คือกลุ่มคนเสื้อแดงยิงประชาชนในเขตวัดโสมนัสและนางเลิ้งตายไปสองศพ

รัฐบาลกดดันกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่เช้าของวันที่ ๑๔ เมษายนตอนสายๆกลุ่มแกนนำของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงพิจารณาสถานกาณ์แล้วเมื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมชุมนุม...ตัดสินใจสลายการชุมนุมตอนสายๆ

เหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ของเดือนเมษายน ปีพ.ศ.๒๕๕๒ปิดฉากลง....

สิ่งหนึ่งที่ได้รับคำชมก็คือ นี่เป็นครั้งแรกที่การจัดการของทหารต่อผู้ชุมนุมไม่มีการพยายามใช้ความรุนแรง ไม่มีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการกวาดล้างผู้ชุมนุมของทหาร ทหารได้รับคำสั่งให้อดทน อดกลั้น ต่อการยั่วยุ เหตุการณ์จึงไม่บานปลายไม่มีการนองเลือดเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาในอดีต

รัฐบาลใช้สื่อเป็นเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส ทำให้ได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วไป ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงบิดเบือนข้อเท็จจริง สิ่งที่คุณทักษิณพยายามใช้สื่อต่างชาติเพื่อเป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องความชอบธรรมในการปลุกเร้าการจลาจล...กลับเป็นผลเสียมากกว่าเพราะคำพูดของคุณทักษิณขัดแย้งกับสิ่งที่พูดเอาไว้กับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ทำให้ความน่าเชื่อถือไม่มีในสายตาของสื่อต่างชาติและคนที่ดูการให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณ

โดยส่วนตัวผมไม่สนับสนุนการยึดทำเนียบและการยึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มเสื้อเหลือง ขณะเดียวกันผมก็ไม่เห็นด้วยกับการปลุกระดมให้ผู้คนมาก่อจลาจลสร้างความเดือดร้อนแก่คนทั่วไปเพื่อเอาชนะของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง

ดินแดนนี้คือประเทศไทยของคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มสีใดสีหนึ่ง แล้วก็คนไทยอีกจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยกับการที่กลุ่มสีใดๆจะเอาประเทศไทยมาเป็นตัวประกัน ทำลายจนพินาศเพียงเพราะมีอุดมการณ์ต่างกัน

จากเหตุการณ์ที่ประชาชนซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการจลาจลของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงรวมตัวกันลุกขึ้นมาต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้สังคมไทยตระหนักว่าคนไทยมีสิทธิที่จะพิทักษ์สิทธิอันชอบธรรมของตัวเอง ไม่ใช่จะยอมให้คนกลุ่มสีใดจะเอากฎหมู่มาบีบบังคับกระทำผิดกฎหมายตามอำเภอใจ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งของคนสองกลุ่ม

ความวุ่นวายในบ้านเมืองสงบลงแล้ว ไม่ควรมาซ้ำเติมกัน ไม่ควรมาอ้างว่าใครแพ้ หรือใครชนะ ไม่ควรมาแบ่งกลุ่มคนไทยว่ากลุ่มสีอะไร ไม่ควรคิดว่าใครขัดแย้งกับเราถือว่าเขาเป็นศัตรูและจ้องอาฆาต หาทางทำร้ายกัน

เมืองไทยบอบช้ำเต็มทีแล้ว หันมาร่วมมือกันพัฒนาประเทศไทยต่อไปดีกว่ามานั่งจ้องจับผิดกัน ดีกว่าหาทางล้างแค้นกัน


บทเรียนจากเหตุการณ์เมษาจลาจล ช่วยสร้างวุฒิภาวะทางการเมืองให้กับเมืองไทย รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงจนถึงขั้นนองเลือดจากการปะทะกันสำเร็จและนี่ควรเป็นบรรทัดฐานใหม่ในการปราบปรามผู้ชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เขาจะรักจะเกลียดรัฐบาล..เขาก็ยังเป็นคนไทย อย่าให้ความเห็นขัดแย้งกันนำมาซึ่งการฆ่าฟันกัน และกลุ่มประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งกล้าที่จะออกมาแสดงสิทธิและคุมบ้านเมืองให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง นี่คือบทเรียนหน้าใหม่ในระบอบการเมืองไทย




 

Create Date : 15 เมษายน 2552    
Last Update : 15 เมษายน 2552 20:23:59 น.
Counter : 811 Pageviews.  

ใกล้เธอ...ยิ่งหวั่นไหว

รายการวิทยุคลับฟรายเดย์คลื่นกรีนเวฟ (๑๐๖.๕ เมกะเฮิรซ)...คืนวันศุกร์ที่ ๑๐ เมษายนเขาตั้งธีมรายการว่า "ใกล้เธอ...ยิ่งหวั่นไหว"

อาการแบบนี้คงเคยเกิดขึ้นกับใครอีกหลายๆคน หรือว่าใครไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย? ช่วยยกมือหน่อย

มีผู้ฟังทางบ้านโทรศัพท์เข้ามาเล่าประสบการณ์หลากหลาย ฟังแล้วพอจะเข้าใจว่า...ตอนผู้คนอยู่ในภาวะหลงใหลได้ปลื้ม เรามักขาดสติ

ตอนเปิดฉากรายการวิทยุนี้มา...พี่ฉอดหยิบอีเมลของนักเรียนนอกระดับปริญญาเอกในอเมริกาไปเจอหนุ่มในสเป็คเป็นอาจารย์สอนในชั้นเรียน หัวเธอมีแต่ปลื้มอาจารย์คนนี้ เรียนไปในหัวไม่มีอะไรนอกจากจ้องอาจารย์หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนั้นด้วยสายตาเยิ้มแบบมีความสุขทุกครั้งที่เรียนชั้นเรียนอาจารย์คนนี้ เขาจะทำอะไรก็ดูดีไปหมด พยายามหาโอกาสได้พูดคุยกับอาจารย์ท่านนี้บ่อยๆ แต่ว่า...เขามีภรรยาแล้ว....ดังนั้นเธอคนนี้ทำได้จึงแค่แอบรักอาจารย์คนนี้ก็มีความสุขแล้ว

ผู้ชายรายหนึ่งที่โทรเข้ามามีความสุขที่ได้รักใครซักคนโดยไม่กล้าแม้จะถามว่าเขามีแฟนแล้วหรือยัง? ที่ไม่กล้าถามเพราะว่าถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้ว...เขาจะรู้สึกแย่ ดังนั้นการที่เขาได้รักใครโดยไม่สนใจว่าเขาจะมีแฟนหรือว่าไม่มีแฟนมันทำให้เขาไม่เป็นทุกข์มากกว่า รักแบบไม่สนใจว่าจะต้องครอบครองเขารึเปล่า

หญิงไทยบางคนที่โทรเข้ามาในรายการ เธอแอบปลื้มชายหนุ่มในสเป็คแม้ว่าเขาจะมีแฟนอยู่แล้ว เธอกล้าถามชายหนุ่มตรงๆว่า "รู้ไหมว่าเธอแอบชอบเขาอยู่?" การที่เธอรีดเอาความจริงจากผู้ชายคนนี้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอแล้วเธอรู้ความจริงว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้คิดอะไรนอกจากความเป็นพี่น้องกัน เขาเริ่มถอยห่างออกเพราะไม่อยากให้เธอคิดมาก ที่สำคัญการที่เขามีแฟนแล้ว มันไม่ถูกต้องที่จะคบใครสองคนในเวลาเดียวกัน การที่เขาเป็นคนดีทำให้หญิงไทยรายนี้ภูมิใจที่ได้รักแม้ว่าจะได้แค่แอบรัก และมีความรู้สึกดีๆหยิบยื่นให้ แต่คุณธรรมมันควรมาก่อน อย่างน้อยหัวอกผู้หญิงเหมือนกันก็ไม่ควรไปก้าวก่ายจนทำให้ความสัมพันธ์ดีๆของเขากับแฟนพังทลายลง การได้ความสุขของตัวเราเองควรจะได้มาโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

หญิงอีกราย...เธอแอบชอบชายหนุ่มคนหนึ่งมาสองปีแต่ไม่มีโอกาสแสดงความรู้สึกดีๆ จนวันนี้เขาเดินทางกลับไปทำงานที่บ้านเกิดในต่างจังหวัด เธอก็ไม่มีโอกาสได้แสดงความรู้สึกในใจออกมา เธอจึงอยากให้เรื่องราวของเธอเป็นตัวอย่างให้คนอื่นอย่ามัวแต่อายไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมา จนเวลาที่อาจจะสานความรู้สึกดีๆระหว่างกันมันหายไป ใครจะรู้ว่าการกล้าที่จะเปิดโอกาสตัวเองให้ได้ใช้เวลาด้วยกันกับคนที่เรารักอาจจะนำมาซึ่งการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างกันก็ได้

จากตัวอย่างหลากหลายที่ผู้ฟังทางบ้านโทรศัพท์เข้ามาแชร์ประสบการณ์ ในรายการคลับฟรายเดย์มันมีประเด็นจุดร่วมที่พอจะสังเกตได้ดังนี้ การได้รักใครสักคนบางครั้งมันมีความสุขเพียงแต่ว่าความรักไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความสมหวังเสมอไป ในชีวิตจริงมันแตกต่างจากละครน้ำเน่าในเมืองไทยที่สุดท้ายแล้วตัวเอกต้องอยู่ด้วยกันเสมอ เป็นเพราะว่าตัวเอกในชีวิตจริงต้องเผชิญกับความจริงที่ทุกคนต้องเผชิญเหมือนกัน ไม่ต่างกัน นั่นคือ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราทุกคนต้องเผชิญกับความไม่สมหวัง คนเราทุกคนต้องเผชิญกับความพลัดพรากจากสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบใจ ถ้าเราเข้าใจความจริงตามธรรมชาติข้อนี้เราจะไม่เป็นทุกข์เลยเพราะเห็นว่าทุกคนต่างเผชิญเรื่องแบบนี้เหมือนกัน มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกรรม ต่างวาระ

การได้รักใครซักคนโดยไม่จำเป็นต้องครอบครองเขา การมีคุณธรรมมากพอที่จะเหนี่ยวรั้งใจไม่ล่วงทำในสิ่งผิด การรู้ว่าเขามีเจ้าของอยู่....ก็ไม่คิดจะไปแย่งมาเพื่อครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ดูเหมือนความรักแบบนี้ช่างเจ็บปวดที่เกิดความรักที่ไม่สมหวังแบบนี้ แต่ถ้าความรักสมหวังโดยการแย่งชิงเอามาจากคนอื่นโดยสร้างความเจ็บปวดให้แก่คนอื่นแบบนั้นก็เป็นความรักที่เห็นแก่ตัวและเป็นการสร้างกรรมให้แก่คนอื่นเช่นกัน ความรักควรจะอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องนอกเหนือจากความถูกใจ

การที่ผู้คนรักใครซักคนย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความคาดหวังเป็นตัวล่อ และความคาดหวังนี่เองทำให้คนเราต่างเจ็บปวดกันไม่มากก็น้อย ใครคาดหวังมากย่อมเจ็บตัวมาก ใครคาดหวังน้อยก็อาจจะเจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวจากความเจ็บปวดได้เร็วกว่า

เป็นไปได้ไหมที่คนเราจะรักใครโดยไม่มีความคาดหวังเลย????

ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริงมนุษย์เราคงไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ ความเสียใจใดๆ ไม่ว่าจะรักผู้คนกี่ครั้งก็ตามที ความรักแบบนั้นไม่ว่าจะเกิดขึ้นมากี่ครั้งก็มีความสุข ขอเพียงได้รักและมีความสุขที่ได้รักและเห็นคนรักมีความสุขโดยไม่คาดหวังว่าสุดท้ายแล้วจะต้องอยู่ด้วยกัน ไม่คาดหวังว่าได้ครอบครองเขา

ความรักจริงๆแล้วมันเป็นความรู้สึกที่มีต่อคนๆหนึ่งต่างหาก มันไม่ใช่ความรู้สึกที่คนอื่นมีต่อเรา ถ้าเพียงคิดแบบนี้จะพบว่าไม่ว่าคนที่เรารักจะไปรักใคร ความรักที่มีต่อคนๆนั้นมันก็ยังเป็นความรักเหมือนเดิม แต่พอเราเอาความคาดหวังเข้าไปจับว่ารักเขาแล้วเขาต้องรักตอบ ถ้าเขาไม่รักตอบหรือว่ารักเราน้อยกว่าที่เรารักเขาเราเองกลายเป็นทุกข์

คนเราส่วนมากจึงเป็นทุกข์เพราะรักก็ด้วยเหตุผลนี้...

ทุกข์มีไว้เห็น ไม่มีไว้ให้เป็น




 

Create Date : 10 เมษายน 2552    
Last Update : 11 เมษายน 2552 20:51:36 น.
Counter : 902 Pageviews.  

อย่าหยุดที่จะฝัน

บางทีเราก็บอกไม่ได้ว่าทำไมเหตุการณ์ต่างๆมันไม่ยอมเกิดอย่างที่เราต้องการในเวลาที่เราต้องการ

บ่อยครั้งที่เหตุการณ์ต่างๆผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้ เคยเสียใจที่ทำไมเวลาเราต้องการอะไรแต่มันกลับไม่มา แต่หลายครั้งในยามที่เราไม่ต้องการมันแล้ว....มันกลับปรากฏออกมาให้เราเห็น โลกนี้มักมัเหตุการณ์ตลกๆแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนอ่านบทความของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี หัวข้อ "คนอดทนคือคนโชคดี" ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เนื้อหาที่คุณบัณฑิตเขียนตรงกับสิ่งที่ผมหยิบขึ้นมาพูดข้างต้น

คุณบัณฑิตเขียนเอาไว้ว่า

"ในการที่จะได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งหนึ่งที่เราลืมตระหนักไปก็คือว่า บางครั้ง เราไม่สามารถได้สิ่งทีเราต้องการในเวลาที่เราอยากจะได้ บางครั้ง สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ในการจะได้สิ่งที่ต้องการคือ รอ!

นั่นคือ รอเวลาที่เหมาะสม

แล้วทำงานอย่างอื่นไปก่อน หรือ ตามความฝันอื่น ที่ทำให้คุณมีความสุขและเกิดแรงบันดาลใจ...

นั่นไม่ได้หมายความว่าเราขี้เกียจ รอปาฏิหาริย์ หรือรอโชค แต่บางครั้งเราสู้สุดฤทธิ์แล้ว พยายามทุกวิถีทางแล้ว มันก็ยังไม่สำเร็จสักที มองไม่เห็น "แสงสว่างปลายอุโมงค์" เลย

หมายความว่ายังไม่ถึงเวลาของมัน เราต้องใช้ ความอดทน มากหน่อย ถ้าเวลาไม่เหมาะสม บางสิ่งที่คุณได้ไปก็ไม่มีประโยชน์

ถ้าคุณได้ตำแหน่งที่สูง ในเวลาที่คุณยังไม่พร้อม หรือมี "กับดัก" ล่ออยู่ แต่คุณไม่ทราบในตอนนั้น มีหลายครั้งที่ผมพลาดตำแหน่งที่ต้องการให้กับคนอื่นไป

ตอนแรกก็รู้สึกเสียใจ แต่พอเห็นเขาต้องออกจากงานนั้นภายในเวลาอันสั้น เพราะสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขา เช่น นักดนตรีสไตร์คเป็นเวลาหลายๆเดือน ออร์เครสต้าล้มละลาย หรือ เขาทะเลาะกับเจ้านายที่ทำงานด้วยกันยาก มันทำให้ผมรู้สึก "โชคดี" ที่ไม่ได้งานนั้น และก็รู้สึกว่า จริงๆแล้ว ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง

คนที่ร้อนรน ไม่มีความอดทน โกรธ หมดหวัง จะดึงดูด "โชคดี" เข้ามาหาไม่ได้ ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ หรืออยากจะช่วย คนที่ทำตัว "สบายๆ" น่าคบ ยิ้มแย้มแจ่มใส อดทน ทำให้คนอื่นสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ หรือทำธุรกิจด้วย สามารถที่จะมีโชคมากกว่า เพราะว่า "โชคของคุณ จะมาจากผู้อื่น"

มีหลายคนที่ไม่เข้าใจดีเรื่อง กฎแห่งแรงดึงดูด ก็จะบ่นว่า ทำตามที่หนังสือบอกแล้วแต่ไม่เห็นได้รับเลย

บางครั้งสิ่งที่เราต้องการ จะไม่เกิดขึ้นในเวลาที่เราต้องการ แต่พอเรา "ไม่สนใจ" มันไปสักพัก ไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจและให้แรงบันดาลใจกับเรามากกว่า ในตอนนั้นสิ่งที่เราต้องการกลับวิ่งเข้ามาหาเราเองโดยเราไม่รู้ตัว"




หลายเรื่องเมื่อเวลาผ่านไป...ผมกลับมาคิดทบทวนใหม่ บางทีมันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจริงๆ ถ้าเหตุการณ์เกิดเร็วกว่าเวลาที่ควรจะเป็น เหตุการณ์ก็จะมีผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่งและชีวิตของเราก็คงจะแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ บางทีการทีเราอดทนรอเป็น....โอกาสแบบนั้นก็กลับมาหาเราอีก คราวนี้จะชื่นชมให้หนำใจอย่างไรก็ได้ บางทีชีวิตมนุษย์อาจจะถูกกำหนดให้ต้องไปเจอผู้คนในช่วงเวลาหนึ่ง....ดังนั้นเมื่อยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม..เขาจึงยังไม่มีโอกาสได้ไปพบปะผู้คนเหล่านั้น การได้เจอกัน..มีกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกันเกิดเป็นกรรมที่เกี่ยวโยงระหว่างกัน...อาจเป็นผลทำให้ได้กลับมาเจอกันอีกต่างกรรมต่างวาระ

เมื่อวันที่ ๒ เมษายนที่ผ่านมา บทความของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ลงเรื่อง "อย่าหยุดฝัน"

อ่านแล้วกลับมานั่งทบทวนเรื่องราวในอดีต....

ดูเหมือนสมัยเด็กๆผมฝันเฟื่องเอาไว้เยอะแยะ แล้วฝันเฟื่องแบบนั้นมักจะโดนผู้ใหญ่กล่าวหาว่าเพ้อเจ้อ หลายๆเรื่องในอดีตผมไม่เคยทิ้งความฝันนั้นเลย แต่พยายามไล่ล่าความฝันนั้นแม้ว่าเส้นทางกว่าจะทำฝันนั้นให้เป็นจริงมันจะลำบากมากๆ ผิดพลาด ล้มเหลว ครั้งแล้วครั้งเล่า พอทำฝันหนึ่งให้เป็นจริงได้....เราก็ท้าทายตัวเราด้วยฝันต่อไปที่ยากขึ้น...พอเราทำฝันนั้นให้กลายเป็นจริงได้...ผมก็ท้าทายตัวเองด้วยฝันอันใหม่

ปริญญาเอกกว่าจะได้มาถ้านับจากตอนที่เราเขียนบนฝาผนังห้องนอนสมัย ๕ ขวบที่จะลิขิตตัวเองให้เป็นด็อกเตอร์ รวมเวลาก็ ๓๕ ปีพอดี เวลาขนาดนี้นานมาก...บางคนไม่มีชีวิตอยู่ถึงที่จะทำฝันนี้ให้เป็นจริง

จบปริญญาเอกแล้ว....ผมก็ยังไม่หยุดที่จะฝันต่อไป ยังมีความฝันที่ท้าทายตัวเองต่อ ความฝันที่ผมคิดจะไปให้ถึง....ยังมีคนรอบข้างบอกว่าผมเพ้อฝัน เพ้อเจ้อ

ผมไม่สนใจหรอกครับว่าใครจะพูดว่าอะไร คนเรามีสิทธิ์ที่จะฝัน แล้วก็อย่าให้ใครมาขโมย มาทำลายฝันของเราเป็นอันขาด

ผมเห็นด้วยกับคำพูดของคุณบัณฑิตที่เขียนเอาไว้ในบทความนั้นว่า

"...เมื่อไหร่ที่คุณหยุดฝัน คุณจะไม่มีแรงสู้
เพราะชีวิตไม่มีความหวังแล้ว
ผมบอกคุณวันนี้..
ฝันไปเหอะ
ฝันให้ใหญ่ๆ
ฝันถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด
สิ่งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
ขอให้ฝันนั้นโดนใจ คุณจริงๆ
ที่หัวใจลึกๆของคุณนั้น
อยากให้มันเกิดเหลือเกิน
เพราะสิ่งที่หัวใจคุณปรารถนาที่สุดนั้น มันมีทางเป็นไปได้
และเป็นสิ่งที่คุณสมควรได้รับ
อย่าฝันอะไรน่าเบื่อๆที่คนอื่นเขาทำกันมาแล้ว
ที่คุณทำเพื่อให้ "เหมือนชาวบ้าน"
จะสนุกกว่ามากถ้าคุณจินตนาการถึงสิ่งใหม่ๆ
ทำอะไรที่โลกนี้ยังไม่เคยมี
แทนที่จะไป ตามก้น เขาตลอดไป..."



เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไปงานสัปดาห์หนังสือฯที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปเจอคุณวินทร์ เลียววารินทร์..ไม่รอช้า ซื้อหนังสือมาแล้วรบกวนให้คุณวินทร์เขียนคีย์เวิร์ดลงบนหนังสือไว้เป็นที่ระลึก





ไม่ฝันมีแต่คนที่ตายแล้วเท่านั้น

ประโยคข้างบนเป็นวลีทองจากหนังเรื่อง Flashdance


อย่าหยุดฝัน...แม้อายุจะเท่าไหร่ก็ตาม คนเราอยู่ได้เพราะยังมีความฝัน ความฝันหล่อเลี้ยงจิตใจของเราให้เดินหน้าต่อไป แม้จะมีอุปสรรคมากขนาดไหน ถ้าเราไม่ทิ้งฝัน...อย่างน้อยเราก็จะเข้าใกล้ฝันขึ้นทุกวันถ้าเรายังไม่ละซึ่งความพยายาม




 

Create Date : 05 เมษายน 2552    
Last Update : 5 เมษายน 2552 18:47:37 น.
Counter : 1053 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.