ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 
Peter and Paul Fortress

จาก St.Isaac Cathedral เดินเลียบแม่น้ำ Neva เดินข้ามสะพาน Dvortsovyy ไปยังอีกฝั่งที่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตววิทยา รถติดบนสะพานมาก...เราเดินผ่านรถบัส รถเก๋งที่ติดอยู่บนสะพาน

วันนี้พิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมฟรี มีเด็กและเยาวชนเข้ามาชมกันมาก เขามีสัตว์หลากหลายชนิดสต๊าฟเอาไว้ ทั้งปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื่อยคลาย สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พี่ชายผมอยากเห็นซากแมมมอส ตัวผมเคยเห็นมาแล้วในงาน Aichi Expo 2005 เราเดินหากันว่าเขาเอาซากแมมมอสไปเก็บไว้ที่ไหนของพิพิธภัณฑ์ สอบถามยาม...เขาอธิบายเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่มีเด็กชั้นประถมคนหนึ่งพอได้ยินว่าเราพูดถึงแมมมอส เขาพยายามอธิบายให้เราฟังเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆว่า Up...left...left ขอบคุณเด็กคนนั้น แล้วก็ชื่นชมที่เขากล้าพูดอธิบายให้คนต่างชาติฟังด้วยภาษาอังกฤษ ยามยิ้มที่เห็นเด็กคนนั้นสามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับคนต่างชาติได้


เดินออกจากพิพิธภัณฑ์ข้ามมาอีกฝั่งบริเวณ Birzhbvaya บริเวณนั้นมีสวนหย่อม แล้วก็มองมาอีกฝั่งของแม่น้ำ Neva เห็น The State Hermitage Museum จากรูปที่ถ่ายออกมาบ่งบอกว่าอาคารพิพิธภัณฑ์ The Hermitage ใหญ่โตขนาดไหน





วันนั้นที่ไปถึงมีคู่บ่าวสาวมาถ่ายรูปบริเวณนั้นถึง ๓ คู่ เพื่อนๆช่วยกันเชียร์ให้คู่บ่าวสาวจูบกัน ฟังแล้วเหมือนเขาตะโกนกันว่า "กั๊กโกๆๆๆๆๆ"




เจ้าบ่าวบางคนที่เจอยังดูเด็กมาก...แต่ถ้าเขารู้ว่าเราอายุขนาดนี้ยังเป็นโสด เขาคงสงสัยว่าทำไมยังไม่แต่งงานอีก

คนเราแต่งงานเพื่ออะไร? ควรเป็นคำถามซึ่งคนที่คิดจะแต่งงานน่าจะถามตัวเองจนได้คำตอบชัดเจนก่อนตัดสินใจแต่งงาน เพราะการแต่งงานไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตด้วยกันมีลูกแล้วก็จบ

ถ้าแต่งงานเพราะเหงากลัวอยู่คนเดียว...แล้วถ้าแต่งงานไปแล้วกลับยิ่งเหงากว่าเดิมเพราะคู่สมรสไม่สนใจใยดี แต่งงานแล้วถูกทิ้งๆขว้างๆ แบบนี้แต่งงานก็ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการสินะ

ถ้าแต่งงานเพราะอยากมีลูก แต่งงานแล้วไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถมีลูกได้...แล้วชีวิตแต่งงานอยู่เพื่ออะไร?

ถ้าแต่งงานเพราะอยากมีลูก พอมีลูก ลูกเกิดมาแล้วไม่ได้ดั่งใจ สุขภาพไม่แข็งแรง ร่างกายไม่สมประกอบ หรือสมประกอบแต่ไม่เป็นอย่างที่พ่อแม่ต้องการ แบบนี้การมีลูกได้ตอบสนองความต้องการของการแต่งงานไหม?

ถ้าแต่งงานเพราะอยากร่ำรวย ได้เงินมากมายแต่ไม่มีความสุข ไม่มีอิสระ แบบนี้ก็ได้แต่งงานแล้วเช่นกันแต่ถามจริงๆว่าคนเราต้องการแบบนี้จริงหรือ?

ถ้าแต่งงานเพราะเห็นคนอื่นที่แต่งงานไปแล้วมีความสุข เลยคาดหวังจะมีความสุขแบบคนอื่นบ้าง แต่พอแต่งงานแล้วคู่สมรสอาจจะเป็นคนดีแต่ไม่ได้ดั่งใจ หรือไม่ดีและไม่ได้เรื่องอย่างที่เราอยากให้เป็น แล้วอย่างไงดี? เพราะเราคาดหวังเกินไปไม่ใช่หรือ สามีหรือภรรยาเราไม่ใช่สามีหรือภรรยาชาวบ้านที่จะต้องเป็น หรือว่าเหมือนสามี/ภรรยาชาวบ้าน แล้วมันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องพยายามทำตัวให้เป็น/เหมือนสามีหรือภรรยาชาวบ้าน?

ถ้ามีใครบอกว่า "การแต่งงานคือการซื้อล็อตเตอรี่" ผมว่าถ้าเขาคิดแบบนั้นก็เท่ากับว่าเขาก็ยอมรับว่าชีวิตสมรสโอกาสจะมีความสุขมีน้อยกว่ามีความทุกข์ เพราะว่าโอกาสที่จะถูกล็อตเตอรี่มีน้อยกว่า ๑ ใน ๑๐๐ ถ้าเป็นเลขท้ายสองตัว แต่ถ้าอยากจะถูกรางวัลที่ ๑ โอกาสที่จะถูกก็น้อยกว่า ๑ ในล้านเลย ดังนั้นถ้าเขาเชื่อแบบนั้นจริง....เขาน่าจะเลือกที่อยู่เป็นโสดมากกว่าแต่งงานเพราะโอกาสที่จะมีความสุขจากการแต่งงานจริงๆมีน้อยมาก แต่ทำไมคนชอบเสี่ยงทั้งๆที่รู้ว่าโอกาสจะถูกรางวัลมีน้อยมาก?

อาจจะเป็นเพราะว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั้งด้านดีและด้านร้าย ดังนั้น...คนๆหนึ่งอาจจะเป็นคนไม่ดีได้ถ้ามีเหตุและปัจจัยเปลี่ยน ความคาดหวังก่อนแต่งงานของคู่บ่าวสาวที่คาดว่าคู่สมรสของตนเองจะดีเหมือนก่อนแต่งงาน....แต่หลายๆคนเปลี่ยนไปภายหลังแต่งงานหรือว่าโปรโมชั่นก่อนแต่งมักหมดภายหลังแต่งงานไปแล้ว


งานเลี้ยงฟุ่มเฟือยที่จัดขึ้นเพื่อฉลองงานแต่งงาน...
ภาพหวานซึ้งของคู่บ่าวสาวที่อุตส่าห์ถ่ายในสตูดิโอแสนแพง
แต่พอเลิกรากัน...ภาพหวานซึ้งคงไม่ใช่สิ่งที่คนสองคนอยากจะดูอีกต่อไป งานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานกลายเป็นความสูญเปล่า

ตกลงแล้วคนเราแต่งงานเพื่ออะไร?

ขอโทษที..ผมตั้งคำถามชวนคนอ่านเครียดขึ้นมาเล่นๆ เล่าเรื่องการเดินทางต่อดีกว่า...


ฟ้าเริ่มครึ้มตั้งเค้าฝนจะตก...เห็นฝนเริ่มตกบริเวณที่ไกลออกไป จากมุมนี้มองเห็นวิหาร St. Isaac และแนวอาคาร The State Hermitage Museum




อยู่ๆก็มีลมพัดแรง พัดเอาฝุ่นและเศษผงปลิวมา ก่อนที่ฝนจะเริ่มโปรยปรายลงมา


เดินมาถึงบริเวณทางเข้า Peter and Paul Fortress ฝนตกหนักขึ้น จนต้องหยุดหลบฝนใต้หลังคาร้านขายของ....รอจนฝนซาจึงกางร่มเข้าไปภายใน


บริเวณวิหาร Peter and Paul ตัวหอระฆังสูงมาก...ถ้าไม่ใช่กล้องมุมกว้าง คงเก็บภาพนี้ไม่หมด ตอนนั้นได้ยินเสียงระฆังที่ถูกตีขึ้นเสียงดังกังวาล เสียงระฆังทำให้นึกถึงรายการสารคดี 世界遺産 (The World Heritage) ที่เคยดูในญี่ปุ่น รายการนี้บริษัทโซนี่เป็นสปอนเซอร์ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียว ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ ผมนึกขึ้นมาได้ว่า....เคยได้ยินเสียงระฆังแบบนี้ในรายการตอนที่เขานำเสนอเมืองเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่เราเห็นผ่านจอทีวี...วันนี้จะมาสัมผัสด้วยตาตนเอง






ฝนตกปรอยๆ มือเปื้อนอะไรบางอย่าง ผมลองเอามือล้างด้วยน้ำฝนที่รองจากหลังคา ได้อีกบรรยากาศ ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้นานมากแล้ว


เดินสำรวจรอบๆภายใน Peter and Paul Fortress มีรูปปั้นพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ออกจะตกใจที่เห็นผู้คนขึ้นไปนั่งบนรูปปั้นและถ่ายรูปด้วยท่าทางขบขัน ตำแหน่งที่ผู้คนเอาร่างกายไปถู ไปลูบ บริเวณนั้นสังเกตเห็นว่ามันแผล็บเลย ไม่คิดว่าผู้คนที่มาเที่ยวที่นี่จะทำอะไรแบบนี้ ตอนผมไปวัดพระแก้วเห็นฝรั่งเอามือลูบรูปปั้นผมเตือนว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้ (เพราะการทำแบบนั้นมีส่วนทำลายโบราณวัตถุ)


เดินออกจาก Peter and Paul Fortress แล้วเดินข้ามสะพาน Troitskiy รถตอน ๑ ทุ่มบนสะพานติดเอาเรื่องเหมือนกัน (ลองสังเกตดูว่าเวลาตอน ๑ ทุ่มในเมืองเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก ท้องฟ้าเป็นอย่างไร) พอรถแล่นได้...คนรัสเซียบีบแตรดังๆนานๆ อาจจะเป็นการแสดงถึงการได้ปลดปล่อยความอดทนที่รอมานานกว่ารถจะเคลื่อนได้ ตัวสะพาน Troitskiy เขาออกแบบมามีลวดลายงดงาม






เดินผ่านด้านหลัง The Church on the spilled blood ได้อีกบรรยากาศ บรรยากาศตอนเย็นต่างจากตอนบ่าย




เดินเลียบลำคลอง Moyka มีเรื่อพานักท่องเที่ยวชมความงามของสถาปัตยกรรมที่สวยงามสองฝั่งคลอง





เดินทะลุอาคาร General Staff จนมาเจอ Palace Square ตอนที่มาถึงเป็นเวลา ๑ ทุ่มกว่าซึ่งไม่มีแสงจ้าเหมือนทุกที ทำให้สามารถถ่ายภาพบรรยากาศอย่างที่ต้องการได้

บางทีการถ่ายภาพ...ก็ขึ้นกับความโชคดีด้วยเหมือนกัน เพราะว่าตอนที่เราไปถึงสถานที่ซึ่งอยากถ่ายภาพ...อากาศอาจจะไม่เป็นใจก็ได้ ก็จะไม่ได้ภาพอย่างที่ใจปรารถนา แต่ตอนที่อากาศเป็นใจ....เราจะสามารถถ่ายภาพออกมาได้ภาพสวยงามถูกใจ






เริ่มหิวข้าวเลยไปหาอะไรทาน มื้อนั้นฝากท้องไว้กับร้านอาหารญี่ปุ่น ปกติตอนอยู่เมืองไทยผมไม่ค่อยอยากทานอาหารญี่ปุ่นเท่าไหร่เพราะร้านที่ขายๆกันโดยมากดัดแปลงรสชาติจนหาความอร่อยแบบญี่ปุ่นไม่ได้ จะมีก็ไม่กี่ร้านที่ยังคงรสชาติอร่อยแบบญี่ปุ่นเอาไว้ อย่างเช่น โอโทย่า อันนี้อาจจะเป็นเพราะเป็นแฟรนไชส์เขารักษารสชาติได้อร่อยใกล้เคียงกับที่ทานที่ร้านโอโทย่าในญี่ปุ่น

แต่ในรัสเซียอาหารญี่ปุ่นราคาไม่แพง แม้จะดัดแปลงรสชาติจนรู้สึกว่าอาหารญี่ปุ่นแบบรัสเซียมากกว่าอาหารญี่ปุ่นแท้ๆก็ตาม แต่ก็ทานได้ถูกปากมากกว่าอาหารฝรั่งที่เต็มไปด้วยครีม ทานแล้วเอียน

เท่าที่สังเกต...อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมมาก พบร้านอาหารญี่ปุ่นเกือบทุกที่ในย่านสถานที่ท่องเที่ยว ร้าน Planet Sushi เปิดสาขาหลายที่ ไปที่ไหนก็เจอ เขาเปิดให้บริการ ๒๔ ชั่วโมง แต่ทำช้ามาก กว่าจะได้กินบางทีนั่งหลับไปเลย


ทานเสร็จก็ถ่ายภาพบริเวณย่าน Nevsky Prospekt ก่อนกลับ 





Kazan Cathedral เวลาตอน ๒ ทุ่ม










Create Date : 19 สิงหาคม 2552
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 21:23:06 น. 7 comments
Counter : 1085 Pageviews.

 
อาคารพิพิธภัณฑ์ ใหญ่โตมาก สง่างาม
น่าเข้าไปชมเหลือเกิน

เรื่องการเเต่งงาน ประเพณีไทยยังคำนึงเรื่องสินสอดซี่งคนต่างชาติยากที่จะเข้าใจ
บางคนเรียกร้องจนครอบครัวเจ้าบ่าวหมดตัว

ขอบคุณพี่เงี้ยบพาไปเที่ยวค่ะ อยากไปจัง



โดย: ..ยูกะ.. (YUCCA ) วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:16:11:26 น.  

 
ติดตามไปเที่ยวกับบล็อกนี้ก่อนแล้วกันยูกะ มีโอกาสลองแวะไปรัสเซียดู....ประเทศนี้เขามีอะไรสวยๆเยอะทีเดียว

เรื่องสินสอด...ที่อินเดียที่ได้ยินมาว่าผู้หญิงต้องเอาไปมอบให้ผู้ชายนะ อันนี้คนไทยฟังแล้วตกใจเหมือนกัน เรื่องสินสอดความจริงเป็นค่าตอบแทนการเลี้ยงดูที่พ่อแม่เลี้ยงดูเจ้าสาวมา...แต่ตอนนี้กลายเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงฐานะของเจ้าบ่าวในเมืองไทยไปแล้ว

พิธีแต่งงานความจริงเป็นแค่สัญลักษณ์ เป็นวัฒนธรรม และพิธีการที่ประกาศให้คนทั้งหลายรับทราบว่าคนสองคนจะใช้ชีวิตสมรสด้วยกันเท่านั้น สิ่งสำคัญคือตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะประคับประคองชีวิตสมรสให้ไปทิศทางใด ผ่านสิ่งต่างๆไปได้ราบรื่นหรือสะดุด ทะเลาะกัน ไม่ยอมกันและกัน ไปตลอดทาง อันนี้ขึ้นอยู่กับคนสองคนที่ตัดสินใจแต่งงานกัน


โดย: ชีวประภา วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:20:17:29 น.  

 


โดย: 360D Gallery วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:8:51:55 น.  

 
แม้ไปได้ไปเที่ยวเอง แต่เที่ยวอ่านเองแบบนี้ ก็ได้ความรู้จ๊ะ
ขอบคุณมากค่ะู ^_____^


โดย: chompu YCL IP: 118.172.175.245 วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:18:53:59 น.  

 
ชมพู่..ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาตลอด


โดย: ชีวประภา วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:16:47:51 น.  

 
Your story's had lots of information, even something a bit small but really nice...
Keep writing naka..I'll keep reading for sure.

P/S
for your opinion on marriage, let's wait till you found the love of your life!! You may get more answers. Hope that day will come soon naka..


โดย: Nok IP: 118.172.175.125 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:23:46:23 น.  

 
นก..ความจริงผมหาคำตอบได้นานแล้วว่าคนเราแต่งงานเพื่ออะไร? เพียงแต่ยังไม่เจอใครที่ทำให้เชื่อว่าแต่งงานกับเขาแล้วชีวิตสมรสมีความสุขกว่าอยู่เป็นโสด ถ้าเจอคนที่มีแนวคิดเรื่องชีวิตสมรสเหมือนกัน เสมอกันด้วยเรื่องสมชีวิตาธรรม ตอนนั้นก็จะสละโสด

เมื่อไหร่หรอ?

เมื่อวันที่เหตุและปัจจัยพร้อมซึ่งส่งผลทำให้ผมตัดสินใจว่าควรจะแต่งงานเสียที


โดย: ชีวประภา วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:17:37:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.