|
From Cappadocia to Pamukkale
กลับมาเล่าเรื่องบันทึกเดินทางตุรกีต่อ...หลายคนอาจคิดว่าจบบันทึกการเดินทางตุรกีแล้ว เพราะระยะหลังเขียนเล่าเรื่องเหตุการณ์ต่างๆในไทย
วันสุดท้ายที่พักที่ The Cave's Traveller Hotel ในเขต Cappadocia ใช้เวลาสบายๆตอนเช้าทานอาหาร พูดคุยกับเจ้าของและสต๊าฟของโรงแรม แขกที่มาพัก รอเวลารถมารับไปส่งที่สนามบิน
ในระหว่างที่ทานอาหารเช้าอยู่ เจอสองหมวยที่มาจากจีนแดงที่ไปเดิน Hiking ด้วยกันเมื่อวานก่อน เลยทักทายกัน
ผู้หญิงคนนึงสนใจภาษาตุรกีเธอมาเรียนภาษาตุรกีที่นี่แล้วชักชวนเพื่อนจากเมืองจีนให้มาเที่ยวด้วยกัน เพื่อนคนที่มาเยือนคัปปาโดเกียชอบแมวแล้วไปเล่นแมวของโรงแรม...ปรากฏว่าโดนแมวข่วนเอา
อยู่ดีๆหมวยคนที่โดนแมวข่วนก็เดินเข้ามาถามว่าผมมียาทำแผลไหม? ปกติเดินทางผมจะพกยาฉุกเฉินเอาไว้เพราะเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างเดินทาง ผมบอกให้เธอช่วยรอ...เดี๋ยวผมจะเอายามาทำแผลให้ ทำแผลที่โดนแมวข่วนให้เธอ
เธอถามผมว่า...
"Are you a doctor?"
ผมตอบกลับไปว่า
"No, I am not a doctor of medicine. But my brother is a doctor. "
เธอขอบคุณที่ผมช่วยทำแผลให้
มีคนแอบกระแนะกระแหนว่า ดูแลทำแผลหมวยรายนั้นดีขนาดนี้...อาจจะทำให้เธอปลื้มแล้วเข้าใจผิดได้ง่าย
ผมมองว่าถ้าเราเห็นคนที่เขาสมควรได้รับการช่วยเหลือ และเราก็อยู่ในฐานะช่วยเหลือคนอื่นได้โดยที่เราไม่เดือดร้อน เราก็สมควรช่วย ช่วยเหลือแล้วก็จบ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรตอบแทนกลับมาด้วย
สองหมวยเองก็สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ไม่ดีและผมเองก็พูดภาษาจีนกลางได้ไม่มาก บางทีผมน่าจะพัฒนาภาษาจีนกลางให้มากขึ้นเพราะตอนนี้จีนมีบทบาทมากขึ้นในสังคมโลก
มีโอกาสได้คุยกับคุณ Bekir เจ้าของโรงแรม เท่าที่ทราบเขามี Pension และโรงแรมอีกสองสามแห่งในเขตคัปปาโดเกีย มีบริษัททัวร์ ผมบอกเขาว่าเป็นเกียรติที่ได้เจอคนรวยในเมืองคัปปาโดเกีย เขาถ่อมตัวว่าเขาทำกิจการโรงแรมเป็นงานอดิเรก ถึงจะเป็นงานอดิเรกแต่ทำแล้วมีความสุข ความสุขก่อให้เกิดรายได้ สร้างงานให้ชุมชน งานอดิเรกนั้นก็มีคุณค่า
ขอคุณ Bekir ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเพราะว่าคราวหน้าถ้ามาเจอเขาอีก...คิดว่ากิจการของเขาอาจจะขยายไปไกลกว่านี้ ตอนนี้กิจการเขาไปได้ดี มีแขกเข้ามาพักตลอดทั้งปี เขาเรียกสองหมวยมาถ่ายรูปด้วยกัน เดาได้ไหมว่าหมวยคนไหนโดนแมวข่วน?
แลกเปลี่ยนนามบัตรกันเพราะจะส่งภาพมาให้พวกเขา พอสองหมวยเห็นนามบัตร..สองหมวยประหลาดใจที่รู้ว่าผมเรียนจบหลักสูตรปริญญาเอก Bakir สอบถามว่าผมทำธุรกิจอะไรที่เมืองไทย พอบอกประเภทธุรกิจที่ทางบ้านทำอยู่ เขาไม่เข้าใจคำว่า Domestic คืออะไร?
หมวยที่เรียนภาษาที่ตุรกีอธิบายความหมายของ Domestic ให้เขาฟัง เธอแอบพูดเล่นว่า 我爱你 พูดเป็นภาษาไทยอย่างไร? เธอคงคิดว่าเราไม่เข้าใจความหมาย ผมพูดตอบกลับไปว่า 我听懂了! เธอหัวเราะอายๆที่รู้ว่าเราเข้าใจว่าเธอกำลังพูดว่าอะไร
มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ที่ยังไม่ได้พูดถึง...ขอหยิบมาพูดในตอนนี้แล้วกัน
ที่นี่ออกแบบระบบกุญแจห้องที่ซับซ้อนมาก ถ้าออกจากห้องเพียงปิดประตูระบบกลอนจะปิดเอง แต่ถ้าจะไขกุญแจปิดล็อกต้องหมุนขวาสามรอบ แต่ถ้าจะไขเปิดประตูต้องหมุนซ้ายสามรอบ ไปพักที่พักในที่ต่างๆมาหลายที่พึ่งเห็นระบบกุญแจที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้
ระบบส้วมชักโครกที่ตุรกีเขามีระบบน้ำฉีดก้นที่แตกต่างไปจากระบบน้ำฉีดก้นที่เคยใช้ในญี่ปุ่น หัวฉีดจะซ่อนอยู่ใต้โถแล้วต้องการเปิดน้ำต้องไปหมุนก๊อกน้ำที่อยู่ด้านใต้แท๊งก์น้ำ
สภาพห้องน้ำที่เขาแต่งสภาพเข้ากับบรรยากาศถ้ำในคัปปาโดเกีย
ขึ้นไปนั่งโซฟาบนดาดฟ้า จุดนี้สามารถมองเห็นวิวของเมืองคัปปาโดเกีย ออกจากธนาคารกสิกรไทยแล้วไม่ค่อยอยากใส่เสื้อโปโลของธนาคารเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนเป็นยูนิฟอร์มของธนาคาร ซึ่งตอนนี้เราไม่ได้เป็นพนักงานแล้ว แต่การเดินทางมาท่องเที่ยวต่างแดนแบบนี้...น้อยคนจะรู้ ยกเว้นคนไทย จึงเอาเสื้อโปโลตัวนี้มาใส่ ไม่คิดว่าจะเจอคนไทยแต่ก็ดันมาเจอคนไทยที่นี่จนได้
ที่โรงแรมระหว่างรอรถมารับไปโรงแรม เห็นกุหลาบกำลังบานพอดีเลยเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่เมโมรี่การ์ด 2GB ที่ซื้อมาจากรัสเซียจะเต็ม โอ้โหไม่อยากเชื่อแฮะว่าจะถ่ายรูปไปมากกว่า ๑,๐๐๐ ภาพสำหรับการเดินทางยุโรปมาจนถึงวันนี้ ผมยังไม่เคยถ่ายภาพจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลยสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่ผ่านมา
กุหลาบสีชมพู มีความหมายว่า "ขอบคุณ" เท่านั้น
ออกเดินทางจากโรงแรมไปสนามบินเพื่อเดินทางไปเปลี่ยนเครื่องบินไปอิสตันบูล อากาศวันนั้นแดดแรงที่ Nevsehir ใช้เวลาราวๆหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบินอาร์ตาเติร์ก พอเครื่องจอดที่สนามบิน...ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ราวกับต้อนรับพวกเราที่มาจาก Nevsehir ซึ่งอากาศร้อนมาก บันไดที่ต่อจากเครื่องบินให้ผู้โดยสารลงมาที่รถบัสไม่มีหลังคา เห็นสภาพอากาศแล้วรู้เลยว่าต้องเปียกแน่ๆจะเปียกมากเปียกน้อยเท่านั้นเอง รอจังหวะแล้วรีบวิ่งจากเครื่องลงจากบันไดไปที่รถบัสที่จอดอยู่ใกล้ๆ เปียกแต่ไม่มาก พอรถบัสพาพวกเรามาถึงที่พักผู้โดยสารสนามบินปรากฏว่าฝนหยุดตกพอดี....อากาศช่างแกล้งกันได้อย่างน่าเกลียดอะไรเช่นนี้
รอเครื่องบินเพื่อต่อไปเมือง Izmir หาอะไรทานก่อนภายในสนามบิน อาหารในสนามบินราคาแพง ตั้ง 17 ลีร่าร์แต่...ไม่อร่อยสมกับราคาเลย เสียดายเงินที่เสียไป
ฆ่าเวลาระหว่างรอขึ้นเครื่องบินด้วยการนั่งบันทึกการเดินทางลงไดอารี่เพราะไม่ได้เขียนหลายวันมาก......
นั่งเครื่องตอนราวๆ ๔ โมงเย็น ใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Izmir นั่งรถบัสจากสนามบินไปสู่ตัวเมือง Izmir เป็นเมืองชายทะเลที่เห็นวิวทะเลสวยแม้จะไม่มีชายหาดก็ตาม สอบถามคนตุรกีที่นั่งรถบัสคันเดียวกับเราว่าเราจะไปพักที่โรงแรม Mokul รู้จักไหม? เขาเองก็ไม่ทราบหรอกว่าโรงแรมอยู่ที่ไหน แต่หยิบยื่นความช่วยเหลือโทรศัพท์ถามโรงแรมว่าตำแหน่งของโรงแรมอยู่ที่ไหนให้เรา? แถมยังพาเดินไปยังโรงแรมให้ด้วย ขอบคุณในความช่วยเหลือของเขา
พอมาถึงโรงแรมเปิดดูทีวี รายการทีวีที่มีในห้องพักจำนวนช่องน้อยกว่าที่รับได้ในโรงแรม The Cave's Traveller Hotel มีไม่กี่ช่องที่พอจะฟังแล้วเข้าใจ ช่องสถานีภาษาเยอรมันเขารายงานกรณีไมเคิล แจ๊คสัน...เท่าที่ฟังเหมือนเขาพยายามอธิบายว่าแจ๊คสันตายเพราะทานยาอันตรายบางประเภทเข้าไป
เดินหาอะไรทาน ซึ่งแดดที่นี่ยังพอมีแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาใกล้ทุ่มแล้วก็ตาม แวะหาร้านอาหารที่เขาแนะนำไว้ในหนังสือท่องเที่ยว กว่าจะหาเจอเอาเรื่องเพราะอยู่ในซอยย่อบอีกที พนักงานในร้านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เมนูภาษาอังกฤษ หรือเมนูแบบมีภาพก็ไม่มี สื่อสารกันลำบากเหมือนกัน แต่การที่อยู่ตุรกีมาหลายวันพอจะเดาได้ว่าอาหารตุรกีชื่อแบบนี้หน้าตามันเป็นแบบไหน ผมสั่ง Kofte ที่เหมือนหมูยอบ้านเรา แต่ว่าเขาใช้เนื้อวัวทำ เราไม่ติดเงื่อนไขห้ามกินเนื้อวัวก็เลยสั่งมาทานเพราะอยากรู้ว่ารสชาติ Kofte ที่นี่แตกต่างจากที่เรากินที่โรงแรมในคัปปาโดเกียอย่างไร? รสชาติก็พอทานได้แต่ผักที่เขาเรียกว่า "ร็อกก้า" รสชาติมันฉุนมาก
ปกติผมไม่เกี่ยงเรื่องอาหารเพราะตอนที่บวช...ถูกสอนให้ทานของทุกอย่างที่โยมเขานำมาถวาย ฉันอาหารโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ติดรสชาติ ไม่ติดรูปร่างสวยงาม สมณเพศฉันอาหารเพียงเพื่อให้ได้พลังงานมาดำรงชีพศึกษาธรรมต่อไปได้
แต่ยอมรับว่าผักร็อกก้านี่มันฉุนมากๆจนขยาดไม่อยากกิน
ทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นบริเวณถนน Konak เป็นย่านริมทะเล เห็นผู้คนนั่งดื่มเบียร์ริมทะเล มีร้านอาหารบรรยากาศดีๆริมทะเล มีย่านช็อปปิ้ง แวะดูร้านหนังสืออยากซื้อดิกชันนารีภาษาตุรกี-อังกฤษเป็นของที่ระลึกการเดินทางกลับไป ปกติเวลาเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดนจะซื้อดิกชันนารีเป็นของที่ระลึกการเดินทางกลับ แต่ภายหลังจากเปิดดูแล้วชั่งใจว่าจะไว้ซื้อที่อิสตันบูลดีกว่าจะได้ไม่ต้องแบก ดวงอาทิตย์ตอนตกทะเลที่ Izmir สวยมากๆชวนให้นึกถึงภาพตอนดวงอาทิตย์กำลังตกดินที่อ่าวซูบิกที่ฟิลิปปินส์ ที่อ่าวซูบิกเป็นภาพดวงอาทิตย์ลับฟ้าที่สวยที่สุดในระหว่างเดินทางโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ตอนที่ผมเคยไปร่วมโครงการเมื่อ ๑๕ ปีก่อน
เดินกลับมาที่โรงแรม ที่เมืองอิซเมอร์..ผมเจอผู้หญิงตุรกีหน้าตาดีหลายคน แต่ถ้าให้เปรียบเทียบกับผู้หญิงรัสเซีย ผมคิดว่าผมเจอผู้หญิงรัสเซียหน้าตาและรูปร่างดีจำนวนมากกว่าในตุรกี
วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์ที่เราติดต่อไว้ล่วงหน้าจากเอเย่นต์ทัวร์ที่อิสตันบูลซึ่งเขาประสานงานกับเอเย่นทัวร์ที่อิซเมอร์ รถตู้พาเราไปขึ้นรถไมโครบัสร่วมกับลูกทัวร์คนอื่น ใช้เวลาเดินทางจาก Izmir ไป Hierapolis ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง รถบัสไม่มีห้องน้ำและไม่แวะระหว่างทางด้วย ดูเหมือนมันเป็นสัญญากับปั๊มน้ำมัน PO ที่รถบัสนำเที่ยวจะไม่จอดที่ไหน แต่จะแวะจอดที่นี่เพื่อให้ลูกทัวร์แวะดูของที่ระลึกที่ขายแก่นักท่องเที่ยว เนื่องจากลูกทัวร์ญี่ปุ่นอาจจะแวะมาเที่ยวย่านนี้บ่อย เจ้าของร้านเขาพัฒนาตนเองจนพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แม้แต่ป้ายโฆษณาขายขนมเขายังเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นแถมนโยบายลดแถม ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะไม่ค่อยต่อของเท่าไหร่ เล่นแถมแบบนี้...จึงเรียกลูกค้าญี่ปุ่นได้ไม่ยาก
เราแวะทานข้าวก่อนจะเดินทางไป Pamukkale พอขึ้นรถหลังทานข้าวเสร็จเริ่มตาปรือ ฟังไกด์บรรยายไปเรื่อยๆ...พอตื่นอีกทีเขากำลังเล่าให้พวกเราฟังว่า ในย่านนี้คนเขาแต่งงานกันเร็ว ดังนั้นบ้านไหนที่มีลูกสาวในวัย ๒๐ ที่ยังไม่แต่งงาน เขาจะเอาขวดเปล่าโค้กตั้งไว้บนหลังคาบ้านเป็นสัญลักษณ์ว่าบ้านนี้ลูกสาวเขายังโสดอยู่
ที่ Pamukkale เป็นอาณาบริเวณที่เคยเป็นชุมชนในอดีตของโรมัน มีซากโบราณสถานที่ยังคงเหลือร่องรอยอยู่ แต่ก็เกิดแผ่นดินไหวซึ่งได้ทำลายโบราณสถานเหล่านั้นลง มีการบูรณะขึ้นมาในบริเวณใกล้เคียง อากาศตอนที่ไปร้อนมากๆ นึกถึงหน้าร้อนในเมืองไทย คอแห้ง หิวน้ำ ฝรั่งที่ไปทัวร์เดียวกับเราเขาถอดเสื้อออกแล้วทาครีมกันแดดอย่างเบอร์สูงๆบล็อกผิวลอก
บริเวณนี้เป็น Theater
ไกด์เล่าให้ฟังว่าเกิดแผ่นดินไหวก่อนหน้านี้จนบริเวณที่เป็น Theater เก่าพังทลายลง บริเวณตรงนี้คือบริเวณที่มีการสร้างขึ้นมาใหม่ เขาชี้ให้ดูบริเวณซาก Theater ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ ๔๐๐ เมตร
มีโอกาสได้สนทนากับลูกทัวร์สิงคโปร์ บังเอิญเขาซื้อกล้องแคนนอนรุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชั่นเหมือนกล้องของผมที่ถูกขโมยที่รัสเซียแต่เขาใช้ฟังก์ชั่นไม่เป็น เลยช่วยปรับฟังก์ชั่นให้และถ่ายภาพสามีภรรยาคู่นี้ในองค์ประกอบภาพที่เขาพอใจ เขาไม่ทราบว่าจะปรับตรงไหนให้ถ่ายภาพออกมาโดยไม่ใช้แฟลช กล้องตัวนี้เขาซื้อเพราะว่าเพื่อนเขาแนะนำให้ซื้อ ตอนนี้คุณอึ๊งเขาทำงานให้กับหน่วยลงทุนของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ เขาบอกว่าสถานะการลงทุนตอนนี้ให้ผลตอบแทนไม่ดี (ความจริงผมทราบเรื่องนี้มาก่อนกรณีดูไบเวิร์ลจะเผชิญปัญหาสภาพคล่องเมื่อเดือนนี้) เขาพูดถึงคุณทักษิณที่ไปพำนักที่ดูไบโดยที่ผู้นำของดูไบทราบและไม่มีทีท่าปฏิเสธตราบเท่าที่คุณทักษิณมีเงินจ่ายให้รัฐ
มีโอกาสได้สนทนากับคุณอึ๊งหลายเรื่อง ภรรยาเขาลาออกจากงานเพื่อติดตามมาดูไบเพื่อมาดูแลสามี สามีเขาขายกิจการห้างค้าปลีกในสิงคโปร์แล้วมารับงานบริหารสินทรัพย์และการลงทุนในดูไบ เท่าที่ได้พูดคุยกับเพื่อนเดินทางหลายคน ชีวิตคู่ของหลายๆคนบางครั้งภรรยาก็ยอมเสียสละลาออกจากงานที่มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิต เพื่อความสุขและความหมายของชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ ติดตามสามีที่ต้องไปทำงานในต่างแดน พวกเธอมีหน้าที่ดูแลสามีและลูก
การได้เห็นชีวิตคู่ในรูปแบบต่างๆ....มันก็ทำให้เราเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้น แล้วก็ตอกย้ำความเชื่อว่าชีวิตสมรสคือการเสียสละเพื่อเวลาแห่งความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกันของคนสองคน ถ้าใครคิดแต่ความสุขของตัวเอง เรียกร้องความสุขเพื่อตนเอง หวงแหนความมีอิสระโลกส่วนตัว....เขาน่าจะอยู่เป็นโสดต่อไปมากกว่า
เลยบริเวณ Theater ลงไปข้างล่างมีสระน้ำขนาดใหญ่ มีนักท่องเที่ยวหลายคนลงเล่นน้ำคลายร้อน
จุดเด่นของปามุกคาเล่ย์คือหินปูนสีขาวที่กักเก็บน้ำสะท้อนเป็นสีฟ้าอ่อนที่ไหลลดหลั่นลงสู่ที่ราบด้านล่าง ยูเนสโกตระหนักถึงความสวยงามตามธรรมชาติของ Pamukkale เขาขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่อันตรายของน้ำที่ไหลผ่านถ้าสกปรกมากขึ้นก็จะส่งผลต่อความสวยงามของหินปูนที่ขาวของ Pamukkale ยูเนสโกและกรมธรณีวิทยาของตุรกีมีการเข้มงวดและห้ามนักท่องเที่ยวเดินบริเวณที่อาจทำให้น้ำสกปรกและส่งผลต่อหินปูนของปามุกคาเล่ย์
ลำธารเล็กๆที่ไหลจากแอ่งน้ำหินปูนไหลไปตามช่อง มีนักท่องเที่ยวในชุดว่ายน้ำนั่งให้น้ำในลำธารไหลผ่านคลายความร้อนในหน้าร้อนที่ปามุกคาเล่ย์
เดินเล่นดูบรรยากาศภายในปามุกคาเล่ย์จนพอใจ ก่อนถึงเวลานัดหมายขึ้นรถกลับอิซเมอร์ ยืนถ่ายภาพนี้...แล้วได้เห็นว่าผิวคล้ำมากขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ เอาน้ำเย็นลูบตัวคลายร้อน...ผลลัพธ์ตามมาเป็นแผลร้อนในภายในปาก
พอขึ้นรถแล้วลูกทัวร์ส่วนมากเพลีย...นั่งไม่นานก็หลับ ตื่นอีกทีก็เข้าเขตตัวเมือง ไกด์พูดเรื่องทั่วไปแต่คำพูดของไกด์สะท้อนถึงสิ่งที่รู้มาก่อนหน้านั้นคือ คนตุรกีภูมิใจที่เกิดเป็นคนตุรกี!!!! มันคงดีนะถ้าคนไทยทุกคนรู้สึกเหมือนคนตุรกี...เวลามีคนพูดถึงคนไทยแล้วเรารู้สึกภูมิใจที่เป็นคนไทย
กว่ารถบัสจะมาถึง Izmir ก็ดึกแล้ว หาร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆที่พักทาน เจอร้าน Talip สภาพร้านดูสะอาดสะอ้าน ราคาที่เขาเขียนในเมนูก็ไม่แพงนัก ลองสั่ง Pilic kanat มาลองทานดู
Gute Appetite!!!!
ได้ความอร่อยกลับไป ราตรีสวัสดิ์ Izmir
Create Date : 13 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2552 19:00:44 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1665 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chompu IP: 113.53.208.201 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:20:41:21 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย IP: 61.90.110.82 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:21:37:44 น. |
|
|
|
โดย: YUCCA วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:9:40:37 น. |
|
|
|
| |
|
|
อ่านแล้วเหมือนไปเที่ยวเองค่ะ รูปอาหารก็น่าอร่อย
ขอบคุณหลาย ๆ ค่ะ