A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 

แรงอธิษฐานอันยิ่งใหญ่ในกระทงใบน้อย









แรงอธิษฐานอันยิ่งใหญ่ในกระทงใบน้อย





"เราทุกคนก็แก่ไปอีก ๑ ปีแล้วจากวันเข้าพรรษาปีที่แล้ว ต้อง
ขอบคุณมัจจุมาร (มารคือความตาย - deedi) ยังเปิดเวลาให้เรา
ได้บำเพ็ญบุญบารมีต่อ ความดีก็ควรเข้มข้นขึ้นทุกเวลา เพราะ
ความแก่ชรากินเราอยู่ทุกเวลา เนื้อหนัง หูตา ผมเผ้า

จึงควรเร่งอธิษฐานจิต สร้างอธิษฐานบารมี สัจจะบารมีให้ยิ่งๆ
อธิษฐานสร้างความดี เช่น อธิษฐานตอนตื่นว่า วันนี้จะขอทำดี
คิดดี พูดดี ให้มีความดี ๓ อย่างอยู่ในใจ ก่อนนอนก็อธิษฐานว่า
จะนอนไปกับความดี นอนกับสติ นอนกับศีลธรรม จรรยา
ไม่นอนกับกิเลสตัณหา นอนกับพุทโธ หลับกับบุญ ความดีของ
เรา หลับกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

การที่ กลางคืนฝัน กลางวันคิด นั้น เป็นเจตสิก
ตัวเดียวกัน เป็นเหตุแห่งความเกิดในพระพุทธศาสนา

ดังนั้น ให้เอาปัจจุบันเป็นเครื่องดู หลับก็หลับกับความดี
ตื่นมาก็สร้างอธิษฐานบารมี ใส่บาตรทุกวัน ใส่แล้วอย่าไปห่วง
ว่าพระจริงหรือพระปลอม ให้แล้วก็คือการให้ ทำแล้วก็ให้
สบายใจ ถ้าไม่สบายใจ ก็ยังไม่ใช่ความดี ไม่นั่งเพ่ง
คนนั้นคนนี้ ควบคุมกาย วาจา ใจ ของเราให้อยู่ นั่นคือ
ผู้ปฏิบัติธรรม"



ธรรมจากเรื่อง "อธิษฐานจิต สัจจะบารมี"
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อวิชัย เขมิโย
วัดถ้ำผาจม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ณ ศาลากาญจนาภิเษก






 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 18:26:16 น.
Counter : 589 Pageviews.  

รู้จักเข้าคิว










มีครั้งหนึ่ง ท่านในหลวง (รัชกาลที่๔)
ได้มีราชโองการโปรดเกล้าให้ท่านสมเด็จโตเข้าเฝ้าถวายพระธรรมเทศนาในวัง
เมื่อสมเด็จโตท่านมาถึงนั่งธรรมมาสก์เสร็จก็เอ่ยปากพูดว่า

"ดีพระมหาบพิธก็รู้ ชั่วพระมหาบพิธก็รู้ เพราะฉะนั้นวันนี้อากาศแจ่มใสดี
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ "

เมื่อเจ้าหลวงได้ยินดังนั้น ก็แลเห็นท่านโตลุกจากธรรมมาสก์แล้วมิได้มองเจ้าหลวง
เจ้าหลวงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากเรียกสมเด็จโตว่า

"ท่านโต ท่านโต ทำไมถึงเทศน์จบเร็วจัง"

ท่านโตก็เฉลยว่าที่พูดว่า

"อากาศแจ่มใสดี ดีก็รู้ ชั่วก็รู้ ก็หมายถึงว่าวันนี้
จิตใจของพระมหาบพิธรื่นเริงสดชื่น ปราศจากความหม่นหมองใจ
ก็คือความหมายที่ว่าอากาศแจ่มใสดี อาตมาจึงเทศน์เพียงเท่านี้
เพราะไม่รู้จะพูดอะไร"

เมื่อพระมหาบพิธได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเข้าใจในความหมายเทศน์


มีอยู่ตอนหนึ่ง ขณะที่เจ้าหลวงเชิญสมเด็จโตมาเทศน์
วันนั้นท่านโตเทศน์นานแล้วนานเล่าจนกิริยาอาการของเจ้าหลวงเริ่มเหนื่อย หน่ายหงุดหงิด
พอท่านโตเทศน์เสร็จ เจ้าหลวงถามท่านโตว่า

"ท่านโตวันนี้ทำไมถึงเทศน์นานจัง เราเมื่อย เหนื่อย อยากจะถาม"

ท่านโตได้ยินดังนั้นก็ตรัสตอบไปว่า

"ก็วันนี้จิตใจของมหาบพิธเต็มไปด้วยความทุกข์เร่าร้อนในอารมณ์ตลอดเวลา จึงเทศน์ให้มันเย็นจึงนานไปหน่อย"


ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี





 

Create Date : 08 ตุลาคม 2552    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 18:55:33 น.
Counter : 938 Pageviews.  

สมาธิมิให้จิตวอกแวก














ปกติการปรารถความเพียรก็ต้องอาศัยอริยาบถ ยืน เดิน นั่ง ไม่ใช่นอน
แต่ชีวิตคนเราก็ต้องนอนประมาณ 1 ใน 3 ส่วนในแต่ละวัน
ดังนั้นเพื่อให้เจริญอานาปานสติเป็นไปอย่างติดต่อกันตลอด
สำหรับผู้ที่สามารถปฏิบัติได้ก็ควรทำทั้ง 4 อริยาบถ หรืออย่างน้อยเวลานอน
ก่อนที่จะหลับไปก็ให้พยายามกำหนดอานาปานสติเพื่อที่จะได้หลับอย่างมีสติ
ไม่มีความกังวล ไม่ฝันร้าย หลับสบาย
สำหรับคนนอนหลับยากก็ช่วยให้ไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ
การเจริญอานาปานสติในอริยาบถนอน
สามารถทำได้ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติรู้สึกปวดเมื่อยมากๆ
ไม่มีกำลังสำหรับการ ยืน เดิน นั่ง
แต่ต้องการพักผ่อนอริยาบถ ก็ให้นอนกำหนดอานาปานสติ
เป็นการเจริญสติและรักษาสุขภาพใจดีไว้อย่างต่อเนื่อง
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษแต่อย่างใด
การเจริญอานาปานสติในอริยาบถนอน
จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่ต้องนอนเกือบตลอดเวลา
เพราะจะช่วยบรรเทาทุกขเวทนาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ โรคเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเรามากกว่า 1 ใน 3
ก็เกิดจากอุปาทานยึดมั่นถือมั่น
ดังนั้นการทำจิตใจให้สงบในอริยาบถนอนแทนที่จะคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ
ก็จะเป็นประโยชน์ในการรักษาสุขภาพทั้งกายและใจ



จากเรื่อง "นอนสมาธิได้ไหม" โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก





 

Create Date : 04 ตุลาคม 2552    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 18:59:32 น.
Counter : 1284 Pageviews.  

สงบได้ใจนั้นก็เป็นสุข

















เรามีโรคภัยไข้เจ็บทางกาย เราก็ต้องหาหมอ เพื่อกินยา
ยิ่งมีอายุยืนมากขึ้น ก็เจอโรคมากขึ้นหลายอย่างหลายประการ
ถ้าจะมีใครมาถามว่าสบายดีหรือ? ก็ต้องตอบว่าพอทนอยู่ได้
ถ้าถึงคราวที่ทนไม่ได้ ก็คือตาย
เราก็ยังมีโรคอีกทางหนึ่งก็คือโรคทางใจ
เราจะไปใช้ยาตามโรง พยาบาลก็ช่วยไม่ได้ ต้องใช้ธรรมะเป็นยาใจ
ที่จะแก้ไข้โรคภัยไข้เจ็บทางจิตใจ ลองเช็คตรวจสอบตัวเอง จิตเรามีโรคอะไรบ้าง?
แล้วก็ยังมีโรคความโกรธมีไม๊? (มี) ความโกรธ ความเกลียด

ถ้าเรามีโรคโกรธอยู่ ใจก็เป็นทุกข์ ใจก็จะเศร้าหมอง เร่าร้อน

โรคโมหะมีไม๊? (มี).................. ยังลุ่มหลงอยู่

โรคมานะ ความถือตัวมีไม๊? (มี) .......เย่อหยิ่งถือตัว

โรคเห็นผิด ยังมีความเห็นผิดอยู่ไม๊? (มี) สิ่งไม่เที่ยง ก็เห็นว่าเที่ยง สิ่งเป็นทุกข์



เรามีธรรมะในระดับของการมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา
ก็เพื่อให้เรารู้เท่าทันในจิตใจตนเอง เราก็กำหนดดูไป ดูที่ใจ ดูอาการ
ดูปฏิกริยาของกิเลสที่เกิดขึ้น สติสัมปชัญญะที่เข้าไปรู้ ก็จะเป็นยารักษาใจ
จะกำจัดโรคใจคือกิเลสเหล่านี้ให้ลดลง ให้น้อยลง ให้หมดสิ้นไปจากใจได้
แต่ว่าเราต้องเจริญสติเข้าไประลึกรู้อย่างถูกต้องด้วย ถ้าเจริญไม่ถูกต้อง
ดีไม่ดีเดี๋ยวก็ไปเพิ่มโรค แล้วโรคก็จะกำเริบหนักเข้าไปอีก ..........



ตัดตอนมาจาก ...............
ธรรมะยาใจ : ธรรมะที่พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรังสี) วัดมเหยงคณ์
แสดงที่เรือนธรรม ประจำวันที่ ๑ ต.ค. ๕๑






 

Create Date : 30 กันยายน 2552    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2553 13:32:37 น.
Counter : 701 Pageviews.  

ยันต์อยู่ยงคงกระพัน











เล่ากันว่า ครั้งหนึ่ง จมื่นพิทักษ์ฯ มานิมนต์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จเข้าไปเทศน์ในวังหลวง
แสดงธรรมกถาเรื่อง ความไม่ดีของสุรา เมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็คิดได้ว่า
"ขรัวโตนี้บวชเป็นเณรตั้งแต่ ๗ ขวบ จนอายุ ๗๖ เข้ามานี้ไม่เคยรู้รสเหล้าเป็นอย่างไร
เมาแล้วเป็นอย่างไร เราในฐานะลูกตถาคตต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน
ไม่เช่นนั้นไปเทศน์สั่งสอนคนอื่นจะเป็นเรื่องมุสาไป"



ท่านเจ้าประคุณสมเด็จจึงเรียกเด็กรับใช้ในกุฏิไปซื้อเหล้าที่ชาวบ้านทำมา หนึ่งขวด
แล้วตีระฆังประกาศฉุกเฉินประชุมพระเณรฆราวาสมาพร้อมหน้าในโบสถ์วัดระฆังฯ
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จชูเหล้าขึ้น พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้ สมเด็จโตจะกินเหล้า
ขอให้ท่านรับทราบไว้ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าเมาเป็นอย่างไร วันนี้สมเด็จของงดรับแขก


แล้วท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็เข้ากุฏิปิดประตู ดื่มเหล้าจนหมดขวด
สติสัมปชัญญะต่าง ๆ ถูกฤทธิ์เหล้าบั่นทอนจนหลับไป
รุ่งเช้าเห็นจีวรอยู่ที่หนึ่ง ขรัวโตนุ่งชุดวันเกิดอยู่อีกที่หนึ่ง ก็เข้าใจว่า
ความเป็นมาของสุราเมระยะมันเริ่มมาเป็นอย่างไร
และแล้ววันรุ่งขึ้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จไปแสดงธรรมหน้าที่นั่ง
ซึ่งรัชกาลที่ ๔ ทรงเป็นประธาน เสนาบดีอำมาตย์น้อยใหญ่ห้อมล้อมอยู่มาก
บอกว่าวันนี้ก่อนที่อาตมภาพจะมาแสดงธรรมข้อสุราเมระยะนี้
เมื่อคืนนี้สมเด็จโตได้กินเหล้าเข้าไปแล้วหนึ่งขวด เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะมาโกหกขรัวโตไม่ได้ว่า
กินเหล้าแล้วเมาอย่างไร
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็ได้แสดงให้ฟังอย่างถ่องแท้ถึงข้อเสียหายและโทษประการใดบ้าง



ทีนี้เถรสมาคมประชุมกันใหญ่ พระกินเหล้าอาบัติละ เพราะฉะนั้นให้ไปนิมนต์สมเด็จโตมาแถลงในเถรสมาคม
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็บอกว่า เจริญพรท่านผู้เจริญทั้งหลายที่เป็นทั้งสมเด็จราชาคณะ
ที่เป็นทั้งสังฆมนตรีแห่งการปกครอง อาตมภาพนี้ไม่ผิดศีลเด็ดขาด เพระอาตมภาพถือหลักสัจธรรม
เขานิมนต์อาตมภาพไปแสดงธรรมเรื่องสุรานี้เมาอย่างไร อาตมภาพยังไม่เคยกินสุรา
ไม่รู้ว่ารสเมาเป็นอย่างไร แล้วจะไปสอนให้เขารู้ได้อย่างไร พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
เราจะสอนธรรมะ เราอย่ามุสา เพราะฉะนั้นอาตมภาพไม่กินสุรา
อาตมภาพแสดงธรรมเรื่องสุรา อาตมภาพก็จะไม่พ้นศีลข้อมุสา สังฆมนตรีนั่งสั่นหัว นิมนต์สมเด็จโตกลับวัดได้



จาก เรื่องเล่าเบาสมอง..สมเด็จโตฯวัดระฆัง..ชุดที่2 โดยคุณ Vacharapol




 

Create Date : 24 กันยายน 2552    
Last Update : 22 สิงหาคม 2553 2:31:41 น.
Counter : 2285 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  


Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.