A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Biblia Koshodou no Jiken Techou ร้านหนังสือเก่าพร้อมปัดเป่าในทุกปัญหา




หากจะถามว่า ...ซีรีย์ช่วงเวลาใดของค่ายฟูจิทีวี ที่เป็นที่น่าจับตามองที่สุด
แน่นอนว่า .......คงจะหนีไม่พ้น ทุกคืนวันจันทร์เวลาประมาณสามทุ่ม
ซึ่งคนทีวีญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรู้จักกันดีว่าเป็นช่วงเวลาพาร์มไทม์ของละคร
หรือที่เข้าใจกันง่ายๆตามภาษาบ้านๆ (เขา) ว่า getsu9 (月9)
ว่ากันว่า จริงๆแล้วมันไม่ได้เกิดจากอิทธิพลของตัวซีรีย์เท่าไรนัก
ทว่าเกิดจากอานิสงส์ของการที่ไม่มีรายการถ่ายทอดสดกีฬาเบสบอล
ที่เป็นกีฬาสุดฮิตของผู้ชมทีวี ถึงขึ้นประเภทที่ว่าถ้าเกิดแมชต์ไหน
มีการแข่งขันที่เกิดคู่คี่สูสีถึงขึ้นต่อฎีกา ผังรายการต่อจากนั้นก็ต้องทำใจว่า
คงต้องเลื่อนเวลาให้ดึกลงไป หรือไม่ก็บางทีจำต้องยกเลิกฉายไปสัปดาห์ต่อไป




แน่นอนว่า.......เมื่อมันเป็นช่วงเวลาทองอันมีค่าของทางสถานี
ตัวสถานีเอง...จึงต้องระดมสรรพกำลังในโอกาสที่มีอยู่ไม่บ่อยนี้
ด้วยการระดมเหล่าไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์ บทประพันธ์ของนักเขียนชื่อดัง
รวมถึงทีมงานโปรดักชั่นสุดอลังการ เพื่อให้สอดรับกับอำนาจตอ่รอง
ที่จะไปสอดคล้องกับราคาค่าโฆษณาที่แพงกว่าซีรีย์ในช่วงเวลาอื่น อย่างปีที่แล้ว
มีซีรีย์getsu9ด้วยกันทั้งหมดสี่เรื่อง เป็นของสมาชิกของวงบอยแบนด์อาราชิเสียสอง
(Lucky Seven กับKagi no Kakatta Heya) เป็นงานคู่รักคู่ขวัญของซูปต้าร์ทีนเอจเสียหนึ่ง
(Rich Man, Poor Woman-ที่ได้โอกุริ ชุนประกบกับซาโตมิ อิชิฮารา) และสุดท้ายปลายปี
ก็หนีไม่พ้นขาประจำหนึ่งในวงSmap-ทาคุซังมาฟาดฟันเรตติ้งปลายปี (ในpriceless)
จึงไม่แปลก.....ที่ผังสลอทไทม์เวลานี้ จะเป็นที่จับตามองของหลายๆฝ่าย ว่าจะดึงซุปต้าร์
ท่านใดมาแสดง บางทีอาจจะแทบไม่ได้สนใจเลยว่าจะมาเล่นเรื่องอะไร พล็อกแบบไหนเสียด้วยซ้ำ





แต่พอมาปีนี้ ...... ดูเหมือนว่าคราวนี้ทางสถานีฟูจิจะมาแปลกกว่าทุกครั้ง
เพราะซีรีย์คืนวันจันทร์สามทุ่มในฤดูหนาว ดูว่าจะมีการปรับกลยุทธใหม่
ไม่ได้เน้นซูปเปอร์สตาร์ดังอย่างที่แล้วมา ทว่า...อาศัยการปั้นดาราหญิงหน้าใหม่
ซึ่งการปลุกปั้น.อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกนักสำหรับคนทำทีวี โดยเฉพาะดาราวัยรุ่น
ที่มักแจ้งเกิดโผล่ปรากฎหน้าจอในเกือบทุกซีซัน เพียงแต่...มันเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
สำหรับช่วงเวลาที่เรียกว่าgetsu9 หรือเวลาพาร์มไทม์ของทางช่องฟูจิทีวี
แสดงว่า......มันต้องมีอะไรดี สถานีถึงได้กล้าเสี่ยง เปลี่ยนขนบวิธีที่ไม่ได้มีกันบ่อย







Biblia Koshodou no Jiken Techou
เป็นซีรีย์ที่ประเดิมช่วงพาร์มไทม์ต้นปี
พูดถึงเรื่องราวของร้านหนังสือมือสองอันเก่าแก่ในย่านคามาคุระ
ร้านนี้มีชื่อว่าBiblia Koshodou ซึ่งในร้านมีผู้จัดการสาวและเป็นเจ้าของกิจการ
"ชิโนคาวะ ชิโอริโกะ" (แสดงโดยโกริคิ อายาเมะ จากเรื่องIS และBeginners!)
ตัวชิโอริโกะเธอจะมีความรอบรู้ในเรื่องของหนังสือเก่าอย่างแตกฉานทุกซอกทุกมุม
ไม่ว่าจะเป็นประวัติของผู้เขียน รายละเอียดของเนื้อหา ลักษณะพิเศษประจำเล่ม
สถานที่ที่เคยจำหน่าย และทะเบียนประวัติการซื้อของลูกค้า เป็นต้น ซึ่งประโยชน์ในส่วนนี้
จะไปช่วยคลี่คลายในคดีปริศนา และความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของหนังสือเก่า
ของคุณลูกค้าผู้ที่มาเยือน และมีความฝังใจหรือผูกพันเป็นพิเศษต่อหนังสือเก่าเล่มนั้นๆ
โดยอาศัยข้อมูลและองค์ประกอบจากตัวหนังสือ ประกอบกับทักษะพิเศษจากความเป็น
หนอนหนังสือตัวยงของชิโอริโกะ มาช่วยไขปริศนาให้เขาและเธอเหล่านั้น
ให้ได้ค้นพบต่อความจริงที่หลบซ่อนอยู่ภายใน ที่แม้แต่ผู้ครอบครองอยู่ปัจจุบันไม่เคยทราบมาก่อน





l love old book.Not just because of the book

(ฉันรักในตัวหนังสือเก่า มิใช่เพียงเพราะว่า มันเป็นแค่หนังสือ)



But because they are passed.
Many old copies of books have a human story attached to them

(แต่ด้วยเพราะว่ามันได้ถูกส่งผ่าน ผ่าหนังสือเล่มเก่าหลายต่อหลายเล่ม
ที่มีเรื่องราวของความเป็นมนุษย์ ที่ถูกส่งมอบแก่พวกเขา)







แต่ถึงกระนั้น ชิโอริโกะเธอก็มีข้อบกพร่องที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก คือ
เธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครเป็นพิเศษ ถึขั้นเป็นโรคแพ้คนแปลกหน้า
แต่อาการเหล่านั้นจะหายไปทันที.....หากเขาหรือเธอคนนั้น มีโอกาสได้พูดคุยสนทนาเกี่ยวกับ
เรื่องจิปาถะทั่วไปที่วนเวียนอยู่กับบรรดาหนังสือเก่า ไม่ว่าหนังสือเล่มนั้นจะเป็นแนวไหนก็ตาม
ซึ่งความสามารถพิเศษส่วนนี้ เกิดจากการที่เธอได้คลุกคลีอยู่กับกองหนังสือเก่ามาตั้งแต่เล็ก
สืบเนื่องมาจากการที่เธอเป็นทายาทผู้สืบทอดกิจการร้านหนังสือมือสองต่อจากพ่อของเธอ
ทำให้เธอกับน้องชาย ต้องรับภารกิจในการรักษาสมบัติเก่าแก่อันมีค่าของตระกูล
ขณะที่แม่ของพวกเธอ ได้ทอดทิ้ไปตั้งแต่ที่เขาทั้งสองยังเป็นเด็ก...นับแต่จำความได้







แต่สมาชิกในร้านBiblia Koshodou ไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น
(ส่วนน้องชายที่แสดงโดยเจสเซ่ ลูวิส หนึ่งในJohnny's Jrกรุ๊ป รับบทเป็นนักศึกษา
ที่มาช่วยงานที่ร้านในบางครั้งบางคราว) เธอยังได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ "โกระ ไดสุเกะ"
(แสดงโดย อากิระ จากGTO 2012) อดีคคุณลูกค้าที่ผันตัวมาเป็นผู้ช่วย
เริ่มแรกเขาเพียงต้องการที่จะรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือเก่าของนัตซึเมะ โซเซคิ
(เขาเป็นใคร? เขาก็คือคนที่ปรากฎอยู่ในธนบัตรฉบับละพันเยนของญี่ปุ่น) ซึ่งเดิมที
เป็นหนังสือเล่มสุดโปรดของคุณยายของเขา โดยหนังสือเล่มดังกล่าวจะเปิดเผยความลับ
ที่เกี่ยวข้องถึงต้นกำเนิดของตัวไดสุเกะเอง จนเมื่อเขาได้ค้นพบความจริงนั่นเสร็จสิ้น
ชิโอริโกะก็เลยเอ่ยปากชักชวนเขา ให้เข้ามาเป็นสว่นหนึ่งของร้านBiblia Koshodo







นอกจากนี้ ทางร้านเธอยังมีสายส่งเก่าแก่ "ฮาชิเมะ ชินดะ"  (แสดงโดย
ลุงทาคาฮาชิ คาซึมิจากDon Quixote,NegotiatorและNobuta wo produce)
ทำหน้าที่ตระเวนเป็นพ่อค้าคนกลางในการรับซื้อหนังสือเก่าจากนอกสถานที่
ตามออเดอร์ของแต่ละร้านที่จะสั่งซื้อเข้ามา ตุเหรงปั่นจักรยานไปตามบ้าน
จะรู้จักกันดีกับพ่อของชิโอริโกะ และเห็นชิโอริโกะกันมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
มักจะเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยไขปริศนาความลับ แบบที่ไม่ต้องขออาสา
แต่มาด้วยความเต็มใจ แม้ส่วนใหญ่จะพาให้หลงทางมากกว่าจะค้นพบทางออก







ในบรรดาซีรีย์ญี่ปุ่นเชิงMysteryมากมายหลายสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง
Biblia Koshodou no Jiken Techou ถือว่าเป็นซีรีย์ที่มีจุดขายน่าสนใจหลายด้าน
ประการแรก เป็นซีรีย์ที่แหวกคอกไปจากซีรีย์ปริศนาที่มักจะมาในทางสืบสวนคดีฆาตกรรม
ที่หลังๆเป็นตำรวจไม่พอ ยังเจาะจงให้ไปลงในนครบาล แถมต้องสังกัดหน่วยที่หนึ่งอีก
จนเรียกว่า...หน่วยนี้คนซีรีย์แทบจะเหยียบกันตายเพียงแต่ต่างค่ายและต่างเรื่อง เท่านั้นเอง







ประการที่สอง ถ้ามองแง่ตลาดก็ถือได้ว่าBiblia Koshodou...หลีกจากตลาดRed Ocean
ที่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดในทุกช่อง มาล่องทะเลชิ้วๆยังตลาดWhite Ocean
ที่ยังไม่มีคู่แข่งเจ้าไหนกล้าขืนทำ ซีรีย์หันมาเล่นในมุมความลับส่วนบุคคล
ที่มีความผูกพันกับหนังสือเล่มโปรด โดยที่ซีรีย์จะเน้นในฐานะของ "หนังสือเก่า"
ที่เป็น "ตัวแทนของสาสน์" ของอดีตเจ้าของ ที่บอกเล่าตัวตน-ความคิด-ประสบการณ์
ซึ่งอาจจะอยู่ในสาระเนื้อหาภายในของหนังสือ หรือในฐานะวัตถุของรักที่เป็นสิ่งผูกพัน
หรือประเภทคนคอเดียวกันเท่านั้น ที่จะรู้ตำแหน่งแห่งวาง ที่คนไม่ใช่แฟนหนังสือจะรู้กันได้
ผ่านความเชี่ยวชาญอย่างแตกฉานจากหนอนหนังสือชิโอริโกะ ที่จะมาถอดรหัสปริศนา
เพื่อค้นหานัยยะของความจริงในเชิงคุณค่าสากลจากหนังสือ ส่วนที่เหลือจากนั้น
จะเป็นเรื่องการตีความและเทียบเคียงในเชิงประสบการณ์ส่วนตัว ระหว่างผู้ค้นหาที่ต้องการ
สืบรู้ถึงความจริงกับแรงปรารถนาภายในของอดีตผู้ที่เคยครอบครองมัน และเป็นสิ่งที่ตกค้าง
เพื่อรอการสำรวจจากคนที่ตระหนักในคุณค่าของเขาในวันที่สายไป........ผ่านหนังสือ

อย่างที่ฟรองซัวส์ โมริยัค “tell me what  you read and i'll tell you who you are”
(บอกผมสิว่าคุณอ่านอะไร แล้วผมจะบอกได้ว่าตัวตนของคุณเป็นคนยังไง)







ส่วนประการถัดมา ซีรีย์จะได้ความสดจากทีมนักแสดงหน้าใหม่
ที่แม้อาจจะไม่ใหม่มากนัก แต่ถ้ามองในแง่ตำแหน่งตัวละคร เวลาที่ออกฉาย
รวมถึงประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยว นับเอาเฉพาะแค่วงการทีวีทั้งตัวอายาเมะและอากิระ
จะว่าไปสองคนนี้ถือว่าเติบโตในวงการเร็วใช้ได้ อย่างตัวอายาเมะเอง
มาเริ่มแตะงานซีรีย์ทีวีจริงในช่วงปี๒๐๐๗ แต่ก็ได้บทก๊องๆแก๊งๆตามเรื่องตามราว
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซีรีย์ในช่วงรอบดึกที่เปิดให้รปภ.ดู หรือไม่ก็บทเป็นแค่เพื่อนนางเอก
เรตติ้งก็ระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินกันมาทั้งน่าน ไม่ใช่ประเภทดาราที่พอเอามาขายได้
เธอมาดูดีในสายอาชีพการแสดงบ้างก็เมื่อปีที่แล้วนี้เอง แต่ก็ยังไม่ถึงกับดีมากนัก
ได้รับบทเป็นตัวเอกที่ดูมีเนื้อมีหนังหน่อย เพราะได้ประกบกับพระเอกโอกาดะ มาซากิ
จากซีรีย์เรื่องMirai Nikki ANOTHER:WORLD ที่เป็นซีรีย์คืนวันเสาร์ของทางฟูจิทีวี
ในปีเดียวกันนั่นเอง ก็มาได้บทตัวเอกอีกทางช่องTBSเรื่องBeginners! เล่าถึงช่วง
เวลาสิบเดือนของการเป็นนักเรียนตำรวจ โชคเธอมารุ่งเอาตอนที่ทางฟูจิทีวี
มีโปรเจ็คมูฟวีซีรีย์แนวสยองขวัญแบบจบในตอน ที่ออกฉายในช่วงหน้าร้อนเรื่อง
Honto ni Atta Kowai Hanashi ซึ่งเธอได้แสดงในส่วนตอนที่สองจากจำนวนสี่ตอน
ซึ่งในซีรีย์ชุดนั้น มีก็แต่ดาราดังๆอย่าง ยามะพี,มาซากิ โอกาดะ และคารินะ
ดังนั้น.......ดูตามไทม์ไลน์ที่พอเกริ่นมา ก็คงจะไม่เเปลกอะไรกับปรากฎการณ์เจ๊ดัน
ที่จะพยายามปั้นในหนูอายาเมะแจ้งเกิดในเร็ววัน เพียงแต่ว่า.....รู้สึกเกินคาดนิดหน่อย
ที่จับเธอมาวางโพซิชั่นพาร์มไทม์Getsu9 โดยที่เธอจะต้องเป็นคนประคองเรื่องทั้งหมด
ซึ่งอ่านบทสัมภาษณ์ เจ้าตัวยังนึกว่าเป็นการอำกันเล่นและบทก็ดูจะค้านกับนิสัยเธอพอสมควร







ขณะเดียวกัน ......สถานีก็ดูท่าว่าจะไม่ยอมเสี่ยงโดยฝากชีวิตนี้ให้หญิงสาววัยยี่สิบหมาดๆ
จึงต้องเสริมด้วยตัวละครชาย ในฐานะผู้ช่วยและใส่บทโรแมนติกที่ขาดไม่ได้ในซีรีย์Getsu9
ทางสถานีมาได้นายอากิระหนึ่งในสมาชิกวงEXILE ที่เพิ่งรับบทพระเอกเต็มตัวในปีที่แล้วนี้เอง
ซึ่งจะเป็นช่องไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ฟูจิจัดให้ อันเป็นซีรีย์รีเมกครูอันธพาลGreat Teacher Onizuka
ที่สร้างเรตติ้งเฉลี่ยต่อตอนอยู่ที่ร้อยละ๑๓.๒ ซึ่งสำหรับซีรีย์คืนวันอังคารถือว่าเรตติ้งดีที่เดียว
แม้ว่าโดยประวัติการจับงานซีรีย์ทีวี อากิระจะดูช้ากว่าอายาเมะอยู่หนึ่งปี แต่ก็ดูจะเป็นเส้นทาง
ที่สวนทางกันคนละด้าน สำหรับอากิระแล้ว เขาปล่อยไมค์มาลงจอก็มาจับงานทีวี
ที่เน้นตลาดของกลุ่มคนดูวัยกลางคน ในAround 40 ทางช่องทีบีเอส แล้วไปเสริมภาพลักษณ์
ที่ดูแก่ขึ้นแบบหนวดในซีรีย์Tumbling ที่เป็นช่องทีบีเอสอีกเช่นกัน ก่อนจะถูกทางฟูจิทีวีมา
ปรับลดอายุลงในบทครูหนุ่มโอนิสึกะ ในเรื่องGTO แล้วปิ้วหน้าเด็กสุดๆในบทผู้ช่วยเจ้าของร้าน
ในBiblia Koshodou no Jiken Techouนี้แหละ ดูจะฉีกจากเรื่องก่อนๆชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า
ต้องมาปรับลุกส์สวมแว่นทำหน้าเจี๋ยมแบบไม่สู้คน เพื่อให้เห็นข้อขัดแย้งระหว่างเจ้าของร้านที่บ้าอ่าน
กับลูกจ้างที่ไม่ชอบอ่านหนังสือวันละไม่เกินหกบรรทัด ซึ่งบทคนหลัง
......น่าจะเข้ากับบุคลิกนิสัยรักการอ่าน แบบไทยๆมากกว่า





ส่วนประการอื่นๆที่รู้สึกชอบก็จะเป็นเรื่องโทนสีของเรื่อง ที่ทำออกมาเป็นAntique
ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่ากันด้วยเรื่องราวสัพเพเหระที่่เกี่ยวข้องกับร้านหนังสือเก่า
รวมไปถึงบรรยากาศโปรดักชั่นการออกแบบของร้านbiblia koshodou
ที่อัดแน่นไปด้วยหมู่มวลหนังสือและชั้นไม้จนแทบไม่มีพื้นที่ยืน แต่รู้สึกละมุ่นตา
ส่วนเสื้อผ้าหน้าชุดนี้ก็มิดชิดปกปิด ให้สมกับความเป็นซีรีย์หน้าหนาว
ขณะที่บ้านผู้เขียนร้อนจนตับแตก แต่ก็อดรู้สึกคล้อยเย็นโชยอ่อนๆตามซีรีย์ไปไม่ได้
การควบคุมโทนของทีมโปรดักชั่นเรื่อง ค่อนข้างทำการบ้านในสว่นของรายละเอียดมาดี
ไม่พ้นแม้กระทั่ง......การไปขุดเอาชุดหนังสือเก่าฉบับจริง ที่ยอมรับว่าเรื่องนี้
ค่อนข้างที่จะเป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจของตัวเองอยู่พอสมควร
เพราะงานแปลของนักเขียนสว่นมากที่ผู้เขียนได้อ่าน ล้วนแล้วแต่เป็นงานร่วมสมัย
แบบที่เราๆท่านๆสามารถหาอ่านได้ทั่วไปตามร้านหนังสือ แต่ในซีรีย์เป็นคนละเรือ่ง
มันเป็นอะไรที่เก่าบรมมะกึก และส่วนมากล้วนเป็นงานยุคก่อนผู้เขียนจะเกิดเสียด้วยซ้ำ
เอาแค่ครึ่งเรื่องแรกก็เล่นเอาเหงื่อตก อย่างงานของนัตซึเมะ โซเซคิ,มิยาซากวะ เคนจิ
เอ็นโดกาวะ รัมโปะ ,แอนโทนี เบิร์กเกสส์ ,ชาร์ล ดิกกินส์  ก็อาศัยการทำความเข้าใจ
ไปพร้อมๆกับเรื่อง เก็บเล็กผสมน้อยไปกับบท แบบว่าคนที่โตมากับสินสมุทรสุทสาคร
อ่านบทกลอนครูเทพของพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ท่องบทกวีของเปลื้อง วรรณศรี
กระดี๊กระด๊ากับความตลกในพลนิกร กิมหงวน ของป อินทรปาลิต ปลงชีวิตหลังได้อ่าน
เมืองนิมิตรของมรว.นิมิตรมงคร นวรัตน์ ถึงไตรรัตนะเมื่อได้อ่านพระประวัติตรัสเล่า
โดยมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส แม้เหมือนเราจะอยู่กันคนละโยชน์
แต่ขึ้นชื่อว่า "การอ่าน" ก็เหมือนกับที่ Simon Van Booy เคยบอกว่า
"read books because I love them,not because I think I shoud reade them"
(ฉันอ่านหนังสือเพราะว่าฉันรัก ไม่ใช่เพราะว่า ฉันคิดว่าฉันควรต้องอ่าน)
หรือที่ Mark Twainเคยเปรียบไว้แสบว่า "The man who does not read good books
has no advantage over the man who can't read.”

(คนที่ไม่รู้จักอ่านหนังสือดีๆ ก็ไม่ได้เปรียบไปกว่าคนที่อ่านหนังสือไม่ได้ออก)






แต่ใช่ว่า ซีรีย์จะมีด้านบวกไปเสียทุกอย่าง
จุดที่ซีรีย์ข้ามไปไม่พ้นก็พอมีอยู่บ้าง อาทิเช่น เคมีของสองนักแสดงอายาเสะกับอากิระ
ที่ดูจะข้ามรุ่นไปโดยเฉพาะการปรับลุกส์ให้อากิระดูเบบี้เฟซลง (เยอะ)
ความน่าสนใจในแง่ "ปริศนา" ด้วยมันไม่ใช่เหตุคดีฆาตกรรมลึกลับอำพราง
ในแบบซีรีย์นักสืบทั่วไป เป็นแค่เพียงความลับอะไรบางอย่างที่ค้างคาใจ
หรือผูกปมทิ้งไว้ของกลุ่มคนเล็กๆจำนวนหนึ่ง และคนเล็กกๆลุ่มนั้นจะต้องมีความ
ผูกพันกับหนังสือเก่าที่ตัวเองมีหรือใครสักคนหนึ่งเคยมี.........เป็นที่ตั้ง
ซีรีย์จึงพูดถึงเคสต์ปัญหาที่เกิดในแวดวงของกลุ่มคนหนอนหนังสือที่รู้ทันกัน
มันไม่ได้เป็นเรื่องสาธารณะของคนเดินถนนทั่วไป ที่จะสามารถเข้าถึงกับมันได้
ซึ่งจะว่าไป......ซีรีย์ดูจะมีการดึงขยายรายละเอียดปลีกย่อยซะยืดยาว
ทั้งๆที่สามารถรวบให้จบประเด็นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ กว่าจะหงายไพ่
ก็รั้งอารมณ์เฉลยอยู่พอสมควร แอบไปดูต้นฉบับมังงะที่ใช้ชื่อเดียวกันมาตอนหนึ่ง
ที่วาดโดยมิคามิ เอ็น เห็นว่ามีการรวบรวมจำหน่ายมาแล้วสามเล่ม มียอดขาย
กว่าสามล้านสี่แสนเล่ม เมื่อเทียบดูแล้วแทบจะไม่ได้มาในโทนเล่าเรื่องเดียวกัน
ตลอดจนถึงภาพลักษณ์ตัวละครก็แตกต่างจนแทบไม่มีความใกล้เคียงกับซีรีย์เอาเสียเลย
(แต่ความกลัวคนแปลกหน้าในฉบับมังงะดูจะเวอร์กว่า ส่วนไดสุเกะก็ขี้โมโหเหลือหลาย)
แต่ก็ถือเป็นคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ ที่คนเขียนบท "โทโมโกะ ไอซาวะ" บรรจบปรับแต่ง
ให้เหมาะสมกับสภาพเงื่อนไขได้ดี เพราะก่อนหน้านี้Kagi no Kakatta Heyaก็จัดว่า
เป็นซีรีย์สืบสวนที่่สนุกสุดๆเรือ่งนี้ในปีที่แล้ว ประวัติชีวิตเธอก็โลดโผนอยู่ไม่น้อย
เริ่มต้นเข้าวงการจากอาชีพนักร้องตอนอายุ๑๙ ในปี๑๙๙๑ มีโอกาสได้ชิมลางงานแสดง
และเขียนนิยายเพียงช่วงเวลาสั้นๆก่อนผันมาเอาดีทางด้านการเขียนบท แล้วทำออกมาดีซะด้วย







วิธีการเล่าเรื่องก็มาในระนาบเดียวกันเกือบทุกตอน
ความเป็นปริศนาก็ได้อรรถรสประมาณหนึ่ง ไม่ถึงขั้นลุกไปห้องน้ำไม่ได้
เพียงแต่มันจะมีรสเสน่ห์เฉพาะบางอย่างที่คนดูซีรีย์อาจจะไม่ค่อยเคยได้เห็นนัก
อารมณ์ประมาณซีรีย์สัปเหร่อปริศนาSaikou no Jinsei no Owarikata (Ending Planner)
เพียงแต่ว่า......เรื่องนี้ไม่เหนือ่ยเท่า มีสีสันจากตัวรายละเอียดของหนังสือ การผูกโยง
(โดยเฉพาะการคลี่คลายของซีรีย์ที่มักจะมาในแนวที่ว่า "ต้องแฟนพันธ์แท้เท่านั้นจึงจะรู้")
และเสน่ห์ของตัวละครเป็นเครือ่งกลมเกลา ส่วนความเป็นดราม่าจะออกไปในทาง
ที่ไม่ค่อยจะทำงานได้เต็มเม็ดหน่วยนัก ทั้งๆที่ซีรีย์พยายามปูความสัมพันธ์ของแขกตัวละคร
อยู่พอสมควร เพียงแต่เมื่อถึงไคล์แมกซ์แล้วดันไม่จี๊ดแบบเห็นผล แต่มันก็ทำให้เรื่องแต่ละตอน
จบลงอย่างสวยงาม แฮฺปปี้เอนดิ้งยิ้มกลับบ้านได้อย่างสบายใจ
ที่สำคัญ.....ซีรีย์ไม่ได้ปลุกเร้าให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องรักการอ่าน เหมือนประชาสัมพันธ์
สร้างภาพกรุงเทพเมืองหนังสือโลก (World Book Capital 2013) ที่ทำหนังสือเหมือนบูชาพระเครื่อง
ได้แตะได้ถือแล้วเป็นคนมีศีลมีธรรม แถมต้องเอามาห้อยโชว์ออกนอกคอ โดยไม่ได้นำเสนอ
อะไรที่เป็นแก่นสาร หรือกระตุ้นให้เกิดลักษณะนิสัยรักการอ่านโดยมีมาตราการอะไรรองรับ
ผิดกับซีรีย์ ที่ทำให้หนังสือเป็นสมบัติที่น่าห่วงแหน และมีนัยยะผูกพันเฉพาะตน
ที่ข้ามพ้นกาลเวลา ด้วยซีรีย์แทบไม่ได้มาสาธยายคุณสมบัติที่ดีหรือภาพลักษณ์ที่่ดูดีที่ควรจะได้
จากการอ่าน ประโยชน์ของการอ่านเลยกลายเป็นเรื่องที่ตระหนักรู้ได้เฉพาะตน
ผลที่ได้จากาการนำเสนอของซีรีย์จึงเป็นประโยชน์ทางอ้อมในมุมที่คนดูอาจมองข้าม
หรือไม่เคยได้รับรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ไหนๆกรุงเทพก็ได้รับเกียรติ์ให้เป็นเมืองหนังสือโลก
น่าจะนำซีรีย์เรื่องมาฉาย ให้ทันกาลก่อนสิ้นปลายปีนี้ก็คงจะดี ........










อ้างอิงข้อมูล

Tokyohive,Asianwiki,Dramawiki

Youtube@bio3612341ak & tylerraiz.wordpress (For Pictures)











Create Date : 30 มีนาคม 2556
Last Update : 10 กันยายน 2556 18:53:38 น. 7 comments
Counter : 7034 Pageviews.

 
น่าดูมากค่ะ
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูซีรีย์ญี่ปุ่นเท่าไหร่เลย
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ต้องไปหามาดูบ้าง

^^


โดย: lovereason วันที่: 30 มีนาคม 2556 เวลา:23:35:20 น.  

 
อายาเมะ น่ารักดี แต่ตอนเล่นเรื่อง Another world ดูไปแค่ตอนเดียวก็เลิกเพราะรู้สึกว่าทำไมนางเอกน่ารำคาญเสียจริงๆ

ส่วนพระเอก อากิระ ยังคงจำภาพอาจารย์ผมยาวติดหนวดแก่จากเรื่อง Tumbling อยู่เลย

หนังสือที่ใช้ในเรื่องราวคงไร้สามารถที่จะเก็ท เพราะโดยปกตินิสัยเปอร์เซ็นต์การอ่านงานแปลหนังสือสัญชาติญี่ปุ่นแทบเป็นศูนย์

แต่ก็ชอบหนังหรือละครที่มีฉากห้องสมุ ดห้องหนังสือนะคะ การสืบปริศนาแบบจบในตอนมันก็ดีอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องติดหนึบมากนัก จากพลอตแล้วก็น่าจะเป็นซีรีย์ที่ดูได้เรื่อยๆ แบบดูเอาเพลิน


โดย: prysang วันที่: 31 มีนาคม 2556 เวลา:21:16:28 น.  

 
ซีซันหน้าGalileo ภาคสองมาแน่

งานนี้เตรียมอลังการงานสร้าง ดาราคบชุดได้เลยนะครับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 1 เมษายน 2556 เวลา:18:55:22 น.  

 
เพิ่งจะรู้นี่ล่ะค่ะว่าละครต้องหลีกทางให้กับการแข่งขันกีฬาเบสบอล
เชื่อแล้วค่ะว่ากีฬาเบสบอลที่ญี่ปุ่นนี้เค้าแรงจริง
เรื่องนี้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ ชอบบทนางเอก
ที่ให้เป็นผู้รอบรู้ในเรื่องของหนังสือเก่าอย่างแตกฉาน แค่นึกก็เท่แล้วค่ะ
แถมยังให้นางเอกเป็นคนเก็บตัวด้วยทำให้ดูลึกลับดีค่ะ
แล้วดูบรรยากาศของร้านหนังสือกับหน้าตานางเอก เหมือนคนละยุคคนละสมัยเลยนะคะ
นางเอกดูหน้าตาน่ารักแบบเหมือนวัยรุ่นในยุคปัจจุบันที่เหมือนถูกวางผิดที่อย่างนั้นล่ะค่ะ
ส่วนพระเอกดูจากบทแล้ว ถ้าเป็นโอกุริ ชุนก็แจ๋วนะคะ
จะได้ไปด้วยกันได้กับนางเอก แบบไม่ต้องให้พระเอกมาแอ๊บเด็กให้จขบ.ขัดใจ ^_^
แล้วบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์แนวmystery ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเก่า
แต่ไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวนแบบคดีฆาตกรรม
แต่เป็นการสืบค้นและไขปริศนาที่ถูกซ่อนไว้ในหนังสือใช่ไหมคะ
เพื่อให้รู้จักตัวตนของผู้ที่เคยครอบครองหนังสือนั้นมาก่อน (เริ่มเดามั่วอีกแล้ว) ^_^
แล้วที่พูดถึงตลาดRed Ocean-White Ocean นี้มันเป็นยังไงเหรอคะ
พอพูดถึงการอ่านหนังสือ ชอบประโยคที่จขบ.ยกมาของSimon Van Booyค่ะ
ที่ว่า"read books because I love them,not because I think I shoud reade them"
เพราะมันไปกันได้ดีกับประโยคนี้ของMartin Tupper ที่กล่าวไว้เลยค่ะ
"A good book is the best of friends, the same today and forever."
จขบ.ว่าอย่างนั้นไหมคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.205.124 วันที่: 12 เมษายน 2556 เวลา:0:17:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ ไม่ได้มาทักทายกันนานเลย
สบายดีนะคะ

พระจันทร์กำลังดูเรื่องนี้อยู่ค่ะ
แต่เพิ่งตอนเดียว น่าสนใจมากค่ะ
อิจฉานางเอก อยากทำงานในร้านหนังสือแบบนี้บ้างจัง :)


โดย: เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์ IP: 180.180.154.43 วันที่: 22 กันยายน 2556 เวลา:1:59:58 น.  

 
สวัสดีค่าาา ตอนนี้กำลังดู Osozaki no Himawari ธรรมชาติสวยดีจังเลยค่ะ :)


โดย: เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์ วันที่: 7 ตุลาคม 2556 เวลา:15:34:46 น.  

 
เพิ่งจะดูจบ ปกติดูแต่ซีรีย์ US ชักเริ่มเบื่อ พอมาดูเรื่อง Biblia โอ้...ชอบมากเลยคะ โดยเฉพาะอายาเมะ น่ารักเหมาะกับบทนี้มาก นิ่งๆดูมีเสน่ห์ โทนหนังสีน้ำตาลดูสบายๆ เนื้อเรื่องก็ไม่หนักมาก แถมซาวแทร็ค ก็เหมาะกับเรื่องนี้มากทำให้นึกถึงหนังสือ Never ending storyที่อ่านนานนน..มาละ และก็หนังชื่อเดียวกับหนังสือ ที่เคยมาฉายบ้านเรา (ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่)พอได้เพลงนี้อีกครั้ง ก็รู้สึกว่าใช่เลยต้องเพลงแหละ ส่วนตอนที่ 5 พูดถึงหนังของผู้กำกับ สแตนลีย์ คูบิช เรื่องนี้ไม่ได้แต่เคยอ่านบทวิจารณ์ พูดถึงเพลง Singing in the rain. ตอนที่ตัวเอกในเรื่อง (แสดงโดย มัลคอม แมคดาวน์) รุมโทรมผู้หญิงกลางสายฝน ในตอนที่ 5 ก็ใช้เพลงนี้ในการทำร้ายคนเหมือนกัน อืมม..เข้าใจคิดแฮะ


โดย: น้องใหม่ IP: 171.101.172.154 วันที่: 8 มีนาคม 2558 เวลา:13:23:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.