มีเงินน้อยก็ลงทุนได้
มีคนบางคนเห็นว่า การลงทุนเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของคนรวยหรือผู้มีรายได้สูง จริงอยู่ การลงทุนคือการใช้เงินต่อเงิน ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็เนรมิตก้อนหินเป็นทองคำขึ้นมา ฉะนั้นต้องมีเงินจึงลงทุนได้

แต่บางท่านยังไม่รู้ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความร่ำรวยในอนาคต อยู่ที่การลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่สูงหรือต่ำ บวกกับระยะเวลาการลงทุนยาวหรือสั้น หาใช่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินมากน้อยไม่

บนเส้นทางการลงทุน ต่อให้เป็นเงินจำนวนน้อย ขอเพียงลงทุนอย่างถูกต้อง วันข้างหน้าสามารถสร้างความร่ำรวยได้ ดังตัวอย่างที่ว่าปีนึงลงทุนแค่ 14,000 บาท 40 ปีให้หลังได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน (คราวหน้าจะยกบทความนี้มาให้อ่านกันแบบเจาะลึกนะครับ)

บางทีคุณเคยคิดจะลงทุน แต่ติดขัดที่จำนวนเงินน้อยเกินไป จึงเลิกล้มความคิดลงทุน เท่ากับคุณพลาดโอกาสในการเรียนรู้เทคนิคของการลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย

จุดสำคัญของการลงทุน ไม่ใช่ดูที่ “กำไรเงินมากน้อยแค่ไหน” หากแต่ดูที่ “ผลตอบแทนการลงทุน” ยกตัวอย่างเงินลงทุน 100,000 บาท ปีนึงกำไร 5,000 บาท กับเงินลงทุน 10,000 บาท ปีนึงกำไรแค่ 2,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบกัน แบบแรกกำไรมากกว่าแบบหลัง แต่ได้ผลตอบแทนแค่ 5% ส่วนแบบหลังให้ผลตอบแทนถึง 20%

ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป วันข้างหน้าแบบหลังจะทำกำไรมากกว่าแบบแรก เพราะฉะนั้นยิ่งเรียนรู้หลักการลงทุน ยิ่งช่วยให้ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น ทำกำไรจนน่าแปลกใจ

อาจมีคนสงสัยว่า มีเงินไม่กี่พันหรือไม่กี่หมื่น จะลงทุนอย่างไร ? ความจริงตลาดหุ้นมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เงินหลักพันหรือหลักหมื่นก็สามารถซื้อหุ้น หรือซื้อกองทุนหุ้นทั้งแบบเปิดและปิดได้

ถึงแม้เป็นคนที่ไม่มีเงินเหลือติดกระเป๋า หรือผู้ที่ไม่แน่ใจว่า ในอนาคตจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็อย่าได้น้อยใจ หรือเลิกล้มความคิดลงทุน คนรวยหรือผู้มีรายได้สูง แม้ว่าอยู่จุดสตาร์ทซึ่งเอื้อต่อการลงทุน แต่คนที่ทุนไม่หนาหรือรายได้ไม่สู้ดี ยิ่งควรที่จะเรียนรู้หนทางการลงทุนและสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อชดเชยกับความขาดแคลนเงินทอง ช่วยให้ฐานะการเงินของตัวเองดีขึ้น

อีกอย่างหนึ่ง คนที่เกิดมาจน มีรายได้น้อย ถ้าสามารถลงทุนสร้างฐานะจนร่ำรวย ชีวิตนี้ค่อยมีความรู้สึกว่าประสบความสำเร็จ เหมือนกับฝรั่งมีสุภาษิตบทหนึ่งว่า “คนที่ถือไพ่ดีเล่นไพ่ได้ดี ไม่มีอะไรน่าภูมิใจ คนที่ถือไพ่แย่แต่เล่นไพ่ได้ดี จึงควรแก่การเลื่อมใส”

ถ้าหากคุณไม่มีเงินจริง ๆ ก็ต้องหาทางประหยัดค่าใช้จ่าย เก็บออมเงินสำหรับลงทุน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ไม่ใช่นึกแต่เสพสุขอย่างเดียว เพราะแนวความคิดที่ถูกต้องคือ การลงทุนสร้างฐานะเป็นงานของคนหนุ่มสาว ส่วนงานของคนแก่เฒ่าคือจะใช้ทรัพย์สินเงินทองอย่างไร

คนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันมีค่านิยมอย่างหนึ่งนั่นคือ เมื่อยังหนุ่มแน่นขอหาความสุขให้เต็มที่ รอจนแก่ตัวลงค่อยคิดลงทุนสร้างฐานะก็ยังไม่สาย นี่เป็นแนวความคิดการลงทุนที่ผิดพลาด คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่เห็นว่ายังอีกนานกว่าจะเกษียณอายุ เงินเก็บออมมีไม่มาก ไม่นึกถึงการลงทุนสร้างฐานะ เป็นเหตุให้พลาดโอกาสสร้างความร่ำรวยแต่เนิ่น ๆ ในความเป็นจริง ถ้ารอจนแก่ตัวลง ถึงแม้จะมีเงินเหลือเก็บ แต่เวลาที่เหลือของชีวิตก็ไม่เอื้ออำนวยให้แล้ว

โปรดจำไว้ว่ามีเงินเล็กน้อยก็ต้องเริ่มลงทุนสร้างฐานะ ช่วงแรกเงินน้อยหน่อย หนทางสู่ความร่ำรวยค่อนข้างยาวนานและยากลำบาก แต่ผลที่สุดยังบรรลุเป้าหมาย ทั้งยังเป็นระยะเวลาแห่งการต่อสู้ที่มีค่าเป็นพิเศษ

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นเจ้าพ่อตลาดหุ้นวอลสตรีทตัวจริง ความร่ำรวยของเขามาจากการเล่นหุ้นอย่างเดียว เขาเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ใช้เวลากว่าหกสิบปีสร้างฐานะตัวเองเป็นมหาเศรษฐีของโลก

คนหนุ่นสาวมีต้นทุนสำคัญในการลงทุนสร้างฐานะ นั่นคือ “เวลา” คนหนุ่มสาวจึงเหมาะกับการประกอบการที่มีความเสี่ยงสูง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เวลานี้ไม่ต้องรับภาระทางครอบครัวมากนัก จึงควรมีความกล้าพอที่จะเสี่ยง เพราะต้นทุนของความล้มเหลวค่อนข้างต่ำ ต่อให้ล้มลงก็ลุกขึ้นใหม่ได้

อีกอย่างนึงช่วงหนุ่มสาวมีเงินทุนจำกัด ถึงแม้ว่าเสียหาย ก็เสียหายไม่เท่าไหร่ ควรฉวยโอกาสที่ยังหนุ่มแน่น ใช้เงินก้อนเล็กบ่มเพาะสร้างประสบการณ์การลงทุน ประการสำคัญคือคนหนุ่มสาวมีเวลามากพอที่จะใช้ประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

คนเราก่อนที่จะมีอายุถึง 50 ปี เวลาที่ลงทุนไม่ควรยึดหลัก “ตั้งรับ” มากเกินไป จังหวะที่เหมาะกับการฝึกลงทุน ยิ่งหนุ่มแน่นยิ่งดี เพราะการกำหนดแผนลงทุนที่ถูกทางมาจากประสบการณ์ และประสบการณ์ต้องผ่านการคำนวณที่ผิดพลาดเป็นครั้งคราว ทำไมไม่คว้าโอกาสที่ยังหนุ่มแน่นมีเงินลงทุนไม่มาก ผ่านเหตุการณ์ที่คำนวณผิดเสียก่อน

เมื่อรู้ว่าการลงทุนให้ได้ผล ต้องผ่านกรรมวิธีของดอกเบี้ยทบต้นเป็นเวลานาน ประการสำคัญควรเริ่มลงทุนทันที คนหนุ่มสาวอย่าเอาแต่ใช้เงิน หากแต่ความตระหนักถึงความสำคัญของการเก็บออม เมื่อมีเงินเหลือเก็บ ให้เริ่มมองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ถึงแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างก็ตาม

บางคนเห็นว่าตัวเองผ่านวัยหนุ่มสาวมาแล้ว เวลานี้รายได้ก็ไม่มาก ไม่มีเงินเหลือให้ลงทุน จริงอยู่ คนที่อายุมากขึ้น ไม่มีโอกาสหาประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นที่ผ่านระยะเวลาอันยาวนาน แต่ก็ไม่ต้องท้อใจ เงินทองสามารถแทนที่เวลา ถ้าพบว่ายังมีโอกาสก็บริการเงินตามหลักการลงทุน คุณจะได้ผลลัพธ์อย่างคาดไม่ถึง

แต่ถ้าคุณย่างเข้าวัยชรา ก็ลองช่วยเหลือลูกหลานคุณ ให้พวกเขาเรียนรู้แนวความคิดพื้นฐานของการลงทุน จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด การทิ้งเงินทองไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง สู้ให้ความรู้การลงทุนทำกำไรแก่พวกเขาจะดีกว่า

-----------------------------------------------------------

เป็นบทความดี ๆ อีกบทความนึงจากหนังสือขายดีมาก ๆ (พิมพ์ซ้ำกว่า 250 ครั้ง) ที่ไต้หวัน ซึ่งหมีพูได้อ่านมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2540 ที่ช่วยจุดประกายการลงทุนให้หมีพูในเวลาต่อมา

ครั้งต่อไปเราจะมาดูกันว่า ถ้าหากคุณเก็บเงินปีละ 14,000 บาท เป็นเวลา 40 ปีติดต่อกัน ไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% ผ่านไป 40 ปีให้หลัง คุณจะมีทรัพย์สินในวัยหลังเกษียณทั้งสิ้นเท่าไหร่ ?

อย่าแปลกใจว่าลงทุนในอะไร ถึงจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึงปีละ 20% ถ้าติดตามกระทู้ในสินธร จะพบคำตอบอยู่มากมายครับ ลองค้นหาขุมทรัพย์ล้ำค่านี้ดูสิครับ

-----------------------------------------------------------
คุณสามารถติดตามบทความดี ๆ ที่น่าสนใจเหล่านี้ได้ โดยคลิก MyBlog ของหมีพู ซึ่งอยู่หลังอมยิ้มครับ




Create Date : 30 กันยายน 2550
Last Update : 30 กันยายน 2550 17:49:33 น.
Counter : 997 Pageviews.

1 comments
  
อย่าแปลกใจว่าลงทุนในอะไร ถึงจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึงปีละ 20% ถ้าติดตามกระทู้ในสินธร จะพบคำตอบอยู่มากมายครับ ลองค้นหาขุมทรัพย์ล้ำค่านี้ดูสิครับ

.
.

ลงหุ้นหรือกองทุนอะคับ ใช่ไหมคับ บอกหน่อยดิคับ
โดย: nababhat (ณปภัช ) วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:19:47:33 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมีพูหมูพี
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



บริการแผนประกันที่คุ้มค่า

ติดต่อ : CHAIJIT@hotmail.com
โทร. : 086-3914220
Web : http://CHAIJIT.blogspot.com
All Blog