All Blog
ทดลองเขียนบล็อกด้วยมือถือ Oppo F11 Pro
วันนี้ทดลองเขียนบล็อกด้วยมือถือ Oppo F11 Pro ผ่านเบราเซ่อร์ Opera ครับ
แม้จะไม่สะดวกเหมือนเขียนบนคอม พีซี แต่ก็พอแก้ขัด (ความอยากจะทำอะไรแปลกๆใหม่ๆ ไม่ซ้ำซากจำเจ ) เขียนยากสักหน่อยเพราะตัวหนังสือบนหน้าจอมือถือมันเล็ก ขณะที่สายตาของผมก็ไม่ค่อยดี คือตามัวและพร่าเพราะจอประสาทตามันเสื่อมตามอายุขัย แต่ก็ไม่วายที่จะเขียนนั่นเขียนนี่ เพราะใจมันชอบนะครับ
ห้องนี้เป็นห้องสะสมสิ่งของต่างๆ ความจริงอยากจะเขียนห้องอื่นิที่มันสอดคล้องกับข้อเขียนนี้ แต่ก็เลือกไม่ได้
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

 



Create Date : 20 ตุลาคม 2566
Last Update : 20 ตุลาคม 2566 11:45:04 น.
Counter : 663 Pageviews.

2 comment
มองอดีตน้อยไปหรือเปล่า

  บล็อก "กระท่อมหนุ่มร้อยปี" ของผมแบ่งเรื่องราวต่างๆเป็นห้องๆแบบพันทิปคาเฟ่ เช่น ห้องรับแขก ห้องมองอดีต ห้องหนังสือ ฯลฯ เป็นต้น
วันนี้มาดูห้องต่างๆว่าเขียนเรื่องอะไร ห้องละกี่เรื่อง พบสถิติว่า "ห้องมองอดีต" ผมเขียนเรื่องต่างๆไว้น้อยที่สุดเพียง 18 เรื่องเท่านั้น ห้องที่เขียนมากที่สุดกลับเป็น "ห้องรับแขก" เขียนไว้ถึง 154 เรื่อง แสดงว่ามาห้องนี้บ่อยที่สุด
ความจริงผมมีเรื่องในอดีตที่อยากจะเล่า(เขียน)มากเหมือนกันนะ แต่แบ่งไปเขียนไว้ที่บล็อก https://www.wordpress.com จำนวนหนึ่ง น่าจะเกือบร้อยเรื่องเหมือนกัน
เคยมีคนพูดว่า "ผลไม้ไม่กินก็เน่า เรื่องเก่าไม่เล่าก็ลืม" ผมจึงพยายามนำเรื่องเก่ามาเล่า แต่ก็ยังไม่เป็นระบบอะไรมากนัก
 
ผมเคยมีความเชื่อว่าความทรงจำในอดีตของใครก็ตาม ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของบุคคลนั้นๆ แล้วแต่ว่าจะนำมาใช้ในรูปแบบไหน หากนำมาเรียบเรียงให้เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ น่าอ่าน ก็จะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่ที่ได้อ่านเรื่องราวเหล่านั้น
ผมจึงยึดถือแนวทางนี้มาตลอดที่จะนำเรื่องราวต่างๆในอดีต มาเขียนเป็นเรื่องราวให้คนรุ่นใหม่อ่าน ซึ่งท่านจะพบได้ในบล็อก "กระท่อมหนุ่มร้อยปี" นี้
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อคราวเสด็จไปทรงเปิดหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี เมื่อเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2510 ทรงทอดพระเนตรเครื่องถ่ายไมโครฟีล์ม โดย ศ.แม้นมาส ชวลิต ถวายคำอธิบาย และหนุ่มร้อยปีเข้าเฝ้าพระองค์ด้วย



Create Date : 24 พฤษภาคม 2561
Last Update : 19 กันยายน 2566 9:38:35 น.
Counter : 8503 Pageviews.

14 comment
ทำไมคนแก่จึงชอบเล่าความหลัง


มีคำพังเพยแบบไทยๆอยู่บทหนึ่งไม่ทราบว่าตั้งใจจะแซวคนแก่ หรือจะอธิบายพฤติกรรมของคนแก่กันแน่ คำพังเพยที่ว่านั้นคือ "ชอบ(กิน)ของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง"

ผมเองมาคิดถึงตัวเองว่าอยู่ในข่ายของคำพังเพยกี่ข้อ ก็พบว่าเกือบจะทุกข้อนะ แต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นข้อ "เล่าความหลัง" นี่แหละ เหตุผลง่ายๆคือคนแก่มักจะมองตนเองว่า มีประสบการณ์เพียงวันวานกับวันนี้เท่านั้น ส่วนวันพรุ่งนี้ไม่คิดว่าจะมี เพราะไม่ทราบว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่...ฮา

ส่วนประสบการณ์วันวานนั้น มันยังฝังอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม ทั้งๆที่บางเรื่องอยากจะลืม แต่มันไม่ยอมลืมซะงั้น เขาว่านี่เป็นความมหัศจรรย์ของสมองมนุษย์เรานะ ถ้ามันลืมหมดก็คงจะเป็นอัลไซเมอร์แน่นอน

พูดถึงประสบการณ์วันวาน ผมนำมาเขียนในบล็อก(หลายแห่ง)เป็นจำนวนน่าจะเป็นร้อยๆเรื่องนะ คิดไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ลงมือทำสักทีคือ จะรวบรวมข้อเขียนทั้งหมดให้มาอยู่ที่เดียวกัน หรือจะพริ้นท์ออกมาเป็นเอกสารหรือรูปแบบใดก็ได้ เคยมีผู้อาสาจะทำให้ แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร

เขียนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า วันนี้จะเขียนเรื่องอะไรกันแน่ เพราะดูแล้วไม่รู้ว่าจะเขียนไปทางไหนดี
งั้นขอจบเพียงเท่านี้ก่อนละกัน...สวัสดี



Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 29 ธันวาคม 2559 10:25:08 น.
Counter : 8892 Pageviews.

31 comment
เทศกาลตรุษจีนสมัยเป็นเด็ก
วันนี้ตรงกับวัน "ชิวอิ๊ด" หรือวันหยุด (เที่ยว) เทศกาลตรุษจีนครับ
เทศกาลตรุษจีนเวียนมาถึงคราใดผมเป็นต้องนึกถึงบรรยากาศตรุษจีน สมัยเป็นเด็กอายุประมาณ 10 ขวบเสมอ เพราะมีบรรยากาศที่ผมประทับใจไม่รู้ลืมหลายอย่าง
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน(แต้จิ๋ว) เกิดที่ บ้านบางม่วง หมู่ 9 ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน นครปฐม ในครอบครัวค่อนข้างใหญ่ ฐานะของครอบครัวค่อนข้างดี(มาก) มีพี่น้องมาก เพราะบิดา(เตี่ย)มีภรรยาสองคน ผมเป็นลูกของภรรยาหลวงของเตี่ย
เตี่ยเป็นชาวจีนที่เกิดในเมืองไทย แต่มีความเชื่อและศรัทธาในประเพณีแบบจีนมาก ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรตามประเพณีของชาวจีน เตี่ยจะจัดพิธีเซ่นไหว้ไม่เคยขาด อาทิ เทศกาลตรุษจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลขนมอี๋ ฯลฯ เป็นต้น เตี่ยจะจัดพิธีรีตองแบบสมบูรณ์ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำเท่านั้น
มาพูดถึงเทศกาลตรุษจีน เตี่ยจะซื้อของไหว้หรือวัตถุดิบมาทำอาหารมากมาย ผมจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ประการสำคัญเตี่ยจะลงมือทำอาหารแบบจีนด้วยตนเอง ซึ่งเตี่ยจะลงมือทำเฉพาะตรุษจีนเท่านั้น คือปีละครั้งเท่านั้น รสชาติอาหารก็อร่อยดีนะ
สำหรับการเซ่นไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าที่เคารพนับถือ เฉพาะที่บ้านเตี่ยก็มีหลายที่ นอกจากนี้เตี่ยยังนำของไปเซ่นไหว้เทพเจ้าตามศาลเจ้าในหมู่บ้านอีกหลายศาล สมัยนั้นการเดินทางจะใช้เรือเป็นหลัก เพราะบ้านอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ผมจะต้องไปกับเตี่ยทำหน้าที่ช่วยเตี่ยพายเรือ ในความรู้สึกสมัยนั้นผมค่อนข้างจะเบื่อหน่ายมาก เพราะต้องพายเรือไปหลายที่ และไม่เข้าใจว่าทำไมเตี่ยจึงต้องทำแบบนี้
ประเพณีตรุษจีนที่ผมชอบมากๆมีอีกสองอย่างคือ เฉพาะวันถือ (วันชิวอิ๊ด) ผมไม่ต้องทำงานบ้าน ทำผิดอะไรไม่ต้องถูกลงโทษ แต่จะถูกคุณแม่ภาคฑัณไว้ว่า หลังจากตรุษจีนแล้วค่อยคิดบัญชีกัน บางปีคุณแม่ลืมไปก็มีถือว่าโชคดีมาก อีกอย่างหนึ่งคือเงินแต๊ะเอี่ย เป็นเงินที่ห่อด้วยกระดาษสีแดง สีแดงชาวจีนถือว่าเป็นมงคล
มีประเพณีอีกอย่างในสมัยนั้นคือ จะมีคนจีนเอาแผ่นป้ายอวยพรเป็นภาษาจีน เขียนบนกระดาษแดง เรียกว่า ตุ้ยเลี้ยน มาให้ สำหรับปิดตรงประตูเข้าบ้าน แล้วเตี่ยจะให้เงินเป็นการตอบแทน นอกจากนี้ก็จะมีคนจีนที่ฐานะค่อนข้างยากจน นำเอาผลส้มสามผลใส่พานมาอวยพร เตี่ยก็จะให้เงินตอบแทนเช่นกัน และจะมีคนลงเรือมาเชิดสิงโตอวยพรที่บ้านด้วย บางปีอาจจะมีสองสามคณะ เชิดเสร็จก็รับเงินแต๊ะเอี่ยจากเตี่ย ซึ่งเด็กๆอย่างผมก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะไม่ค่อยได้เห็นการเชิดสิงโตบ่อยนัก
โดยสรุปแล้วเทศกาลตรุษจีนในสมัยผมเป็นเด็กนั้น มีบรรยากาศที่สนุกสนาน ตื่นเต้น และอิ่มอร่อยกับอาหารคาวหวานที่มีมากมายจนกินไม่ไหวเชียวแหละ



Create Date : 31 มกราคม 2557
Last Update : 31 มกราคม 2557 12:06:23 น.
Counter : 1868 Pageviews.

0 comment
วันนี้ไม่มีชื่อ "วัง" สราญรมย์แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมไปหาก๋วยเตี๋ยวแคะร้านนายอ้วน ซอยสระสรง ถนนตีทอง กิน แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าน่าจะลองไปเยี่ยมวังสราญรมย์ ที่อยู่คนละฝากถนนกับวัดโพธิ์ ซึ่งผมเคยไปฝึกเขียนภาพสเก็ตลายเส้นรูปต้นไม้ สมัยเรียนอยู่ชั้นปีที่สอง โรงเรียนเพาะช่าง เมื่อ พ.ศ. 2500 ก็ผ่านมานาน 52 ปีแล้ว


เมื่อไปถึงประตูทางเข้าด้านกรมการรักษาดินแดน เห็นป้ายชื่อเขียนว่า "สวนสราญรมย์" ก็นึกในใจว่าวันนี้ไม่มี "วังสราญรมย์"แล้วหรือนี่ แล้วก็เดินเข้าประตูไปเพื่อเยี่ยมชมภายใน














ความจริงบริเวณที่เป็นสวนอันร่มรื่นนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระราชวังสราญรมย์ หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆว่า "วังสราญรมย์" ซึ่งจัดสร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) พระองค์มีพระราชดำริที่จะใช้เป็นที่ประทับ เมื่อทรงสละราชสมบัติให้กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว (ร.5)แล้ว


แต่พระองค์เสด็จสวรรคตก่อนที่ยังสร้างไม่เสร็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างต่อมาจนแล้วเสร็จ แล้วพระองค์ก็พระราชทานให้พระเจ้าลูกยาเธอฯทั้งสองพระองค์ใช้เป็นที่ประทับชั่วคราว ก่อนที่พระราชวังที่ประทับถาวรจะสร้างเสร็จ อาคารวังสราญรมย์ต่อมาใช้เป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศอยู่นานหลายปี เรียกชื่อในครั้งแรกๆว่า "ศาลาว่าการต่างประเทศ"


และมีการเปลี่ยนแปลงมาตามลำดับ เมื่อกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ายออกไปที่ทำการใหม่แล้ว กรมศิลปากรจึงเข้ามาดูแลรักษาเพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ ส่วนบริเวณที่เป็นสวนนี้ ก็มอบหมายให้กรุงเทพมหานครรับไปดูแลแทน จึงเป็นที่มาของชื่อว่า "สวนสราญรมย์"


ผมขอนำภาพส่วนที่เป็นพระราชวังสราญรมย์มาให้ชมเพื่อความสมบูรณ์ของข้อเขียนนี้ครับ





บริเวณด้านหน้าวังหันสู่พระบรมมหาราชวัง ยอดจั่วมุขกลางเป็นลักษณะโค้ง มีตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว







ขอขอบคุณภาพประกอบวังสราญรมย์ จากwww.sakulthai.com/webboard/
ภาพประอบที่เป็นบริเวณสวน ถ่ายโดย หนุ่มร้อยปี ด้วยมือถือ NK N81



Create Date : 30 พฤษภาคม 2552
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 21:17:57 น.
Counter : 8056 Pageviews.

11 comment
1  2  3  4  

หนุ่มร้อยปี
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ
ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง