All Blog
กุลชาติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา...เพื่อนรัตติกาลตัวจริง

เพื่อนรัตติกาลทั้งหลาย พึงสดับ.....ฯลฯ....................(จาก.............)หลังจากเพลงเซเรเน็ตที่เปิดต้นรายการเฟดจางหายไป เสียงทุ้ม นุ่มชวนฟังของผู้จัดรายการก็กล่าวเปิดรายการ "เพื่อนรัตติกาล" ตามที่ผมพิมพ์ไว้บันทัดแรกนั้น ตามมาด้วยการนำสุภาษิตหรือคำคมอะไรดีๆมากล่าวต่อ จากนั้นก็จะกล่าวทักทายผู้ฟังว่า "สวัสดีครับท่าน เริ่มวันใหม่อีกวันแล้วนะท่าน เชิญพักผ่อนตามสบายครับ"


กุลชาติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (ที่สองจากขวามือ)


วันนี้ผมจะเขียนถึงนักจัดรายการเพลงที่ผมติดตามฟังมานานเกือบยี่สิบปีแล้วครับ

กุลชาติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา



ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าเริ่มฟังคุณกุลชาติจัดรายการที่สถานีไหนในช่วงแรกๆ เพราะฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง แต่มาฟังติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานก็ที่ สถานีวิทยุกรมการพลังงานทหาร คลื่น 90.5 เม็กกะเฮิร์ท เอฟ.เอ็ม.


คุณกุลชาติจัดรายการชื่อ "เพื่อนรัตติกาล" ที่สถานีดังกล่าวเริ่มเวลา 24.00 น.ถึง 01.00 น. เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม รายการของคุณกุลชาติมักจะจัดเพลงเก่า ที่น่าฟังและเป็นเพลงอมตะที่มีคนฟังติดตามฟังกันมาตลอด เพลงเก่าที่ว่านี้ส่วนมากจะขับร้องโดย สมยศ ทัศนพันธ์ ทูล ทองใจ ลฯล

ในบางคืนคุณกุลชาติอาจจะวิพากษ์เพลงรุ่นใหม่ๆที่เขาเรียกว่า "เพลงลิงเมาเหล้า" และบอกว่าเพลงเหล่านี้ไม่มีคุณค่าชวนให้ฟังเลย เพราะเนื้อเพลงก็ไม่ถูกหลักภาษาไทย แถมท่วงทำนองก็วิปริตเข้าไปอีก สรุปแล้วคุณกุลชาติไม่ชอบเพลงประเภทนี้ก็แล้วกัน


เนื่องจากเป็นนักจัดรายการเพลงมาอย่างยาวนาน แฟนเพลงของคุณกุลชาติน่าจะมีอายุ 40 ปีขึ้นจนถึงอายุ 60-70 ปี น่าจะได้ (ถ้าหูยังฟังเพลงได้ดีอย่างผม)


แม้บางครั้งในรายการของคุณกุลชาติจะเปิดเพลงน้อยไปหน่อย แต่ลีลาการพูดคุยของคุณกุลชาติก็ฟังไม่เบื่อ แฟนเพลงจึงรับได้ไม่มีการต่อว่าต่อขานอะไรกัน เพราะเรื่องที่นำมาคุยกับผู้ฟังบางเรื่องก็น่าฟัง บางเรื่องก็มีเนื้อหาสาระดี


พูดถึงน้ำเสียงและลีลาการพูด ผมว่านอกจากคุณอำรุง เกาไศยนันท์ ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็น่าจะเป็นคุณกุลชาตินี่แหละที่น่าฟังอีกท่านหนึ่ง นับว่าเป็นพรสวรรค์โดยแท้ที่มีเสียงน่าฟังเช่นนี้




Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 23 กันยายน 2551 10:35:22 น.
Counter : 8597 Pageviews.

16 comment
จากนักการตลาดและนักขายมาเป็น "คีตา พญาไท"

ถ้าผมจะบอกท่านว่าชีวิตของคนเรานั้นมันมีเรื่องที่น่าแปลกและพิศวงเป็นอันมาก ท่านก็คงจะงงๆว่ามันคืออะไร เอาอย่างนี้ดีกว่าผมมีเรื่องแปลกแต่จริงเรื่องหนึ่งมาเขียนเล่าให้ท่านฟัง(อ่าน)


มีนักธุรกิจท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตที่ผ่านมาประมาณยี่สิบปี ท่านนี้เป็นนักบรรยายเรื่องการขายที่มีผู้ฟังรู้จักกันดีในแวดวงนักขายของเมืองไทย เป็นนักธุรกิจที่เคยบริหารจัดการธุรกิจมาหลากหลายสาขา แต่มาวันนี้ท่านพลิกผันตัวเองเป็นนักเขียนเกี่ยวกับประวัตินักร้องที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย (ก่อนหน้านี้ท่านเป็นนักเขียนและนักแปลหนังสือประเภท How To ที่มีชื่อเสียงของวงการหนังสือในเมืองไทยมาแล้ว)
 

คีตา พญาไท



เป็นนามปากกาหรือนามแฝงของท่านในการเขียนประวัตินักร้องตามที่ผมกล่าวมา วันนี้ท่านกำลังเขียนประวัตินักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยอยู่


ด้วยความที่ท่านเป็นนักอ่านหนังสือตัวยงมาก่อน จึงไม่แปลกที่ท่านจะค้นคว้าประวัติของนักร้องและนักแต่งเพลงเอามาเขียนเรียบเรียงใหม่ ให้อ่านกันสบายๆตามสไตล์ของท่าน


แต่น่าเสียดายที่ข้อเขียนของท่านอาจจะมีคนอ่านไม่มากเท่าที่ควร เพราะท่านเขียนลงหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ รายวัน เฉพาะฉบับวันพุธเท่านั้น และท่านสามารถอ่านได้ในฉบับออนไลน์อีกทางหนึ่ง ตอนนี้ท่านกำลังเขียนถึงประวัตินักแต่งเพลงชื่อ จงรัก จันทร์คณา ลองอ่านเป็นตัวอย่างดูสักนิดนะครับ


"จงรัก จันทร์คณา" ลูกไม้ที่หล่นอยู่ใต้ต้นของครูพรานบูรพ์ (1)

โดย คีตา พญาไท 13 สิงหาคม 2551 14:15 น.


บรรดาครูเพลงทั้งหลายทั้งปวงที่เขียนถึง ในเรื่องราว ประวัติ ความเป็นมาและผลงานเพลงอมตะ ที่ได้สร้างสรรค์ไว้นั้น ส่วนมากจะเป็น ครูเพลงรุ่นพ่อ รุ่นพี่ เสียเป็นส่วนมาก

แต่ครูเพลงรุ่นพ่อ รุ่นพี่ อยู่กลุ่มหนึ่ง เป็นศิษย์เก่าที่เคยเรียนอยู่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตรงเชิงสะพานพุทธ ฝั่งพระนคร ด้วยกันหลายคน เช่น ขุนวิจิตรมาตรา พรานบูรพ์ มงคล อมาตยกุล ฯลฯ

ส่วน ครูเพลงรุ่นเพื่อน (ส.ก.71) นั้น มีเพียงคนเดียว และเป็นทายาท ของครูเพลงรุ่นพ่อ ครูพรานบูรพ์ คือ จงรัก จันทร์คณา ที่เป็น ลูกไม้ที่หล่นอยู่ใต้ต้น นั่นเองไม่ใช่ใครอื่นเป็นต้น
...
ใน หนังสือ อนุสรณ์พรานบูรพ์ บอกเอาไว้ ในประวัติ ว่า





“...ทางด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสกับ นางศรี จันทร์คณา มีบุตรธิดา 4 คน คือ นายจารุ จันทร์คณา, น.ส.จุไร จันทร์คณา, น.ส.จามรี จันทร์คณา, นางจริยา จันทร์คณาและมีบุตรซึ่งเกิดจาก นางเทียมน้อย นวโชติ หนึ่งคน คือ นายจงรัก จันทร์คณา...”


หากสนใจจะอ่านฉบับเต็มๆก็ต้องอ่านใน นสพ.ผู้จัดการ ตามที่ผมกล่าวมา มาอ่านข้อเขียนของท่านกันเถอะครับ อย่างน้อยเพื่อความรอบรู้ของเราแล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ท่านผู้เขียนค้นคว้าเรื่องราวดีๆมาให้เราอ่านกัน เพราะการจะเป็นนักค้นคว้าแล้วนำมาเขียนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามอุตสาหเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะทำได้กันทุกคน


ไม่เชื่อท่านลองทำดูสักเรื่องสิ แล้วจะเห็นว่ามันเป็นยังไง


 



Create Date : 15 กันยายน 2551
Last Update : 9 เมษายน 2566 9:23:27 น.
Counter : 1283 Pageviews.

5 comment
เพลงประสานเสียง


หากเราจะพูดถึงวงดนตรี เรามักจะนึกถึงภาพนักร้องกับเครื่องดนตรีที่บรรเลงประกอบเพลง ซึ่งเป็นภาพที่พวกเราเจนตากันมาช้านาน แต่ถ้าจะพูดถึงการร้องเพลงโดยไม่มีเครื่องดนตรี อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจยากสักนิด ภาพที่ท่านเห็นอยู่ด้านบนนั้นคือ การร้องเพลงโดยไม่มีเครื่องดนตรีสักชิ้น เขาเรียกันว่า การร้องเพลงประสานเสียง




ภาพที่ผมนำมาใ ห้ท่านชมนั้น เ ป็นภาพที่ถ่ายมาจากหน้าจอ ทีวี จากรายการ ดนตรี กวี ศิลป์ ดำเ นินรายการโ ดย อัยย วีรานุกูล ออกอากาศทาง ทีวีไ ทย ทีวีสาธารณะ ทุกคืนวันเ สาร์เ วลาประมาณ 21.00 น.


มหาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กำลังฝึกสอนใ ห้นักศึกษาเ รียนรู้เ กี่ยวกับการร้องเ พลงประสานเ สียง โ ดยไม่ใช้เครื่องดนตรี แต่ใช้เสียงนักร้องคลอเสียงประกอบกันไป ตามท่วงทำนองเพลงอย่างไพเราะ น่าฟัง นับเป็นมิติใหม่ของการเรียนรู้เกี่ยวกับการร้องเพลงอีกแบบหนึ่งในประเทศไทย








Create Date : 08 กันยายน 2551
Last Update : 8 กันยายน 2551 10:38:55 น.
Counter : 1682 Pageviews.

1 comment
เพื่อนรัตติกาล
ท่านที่เป็นนักอ่านบล็อกอาจจะสงสัยนิดๆว่า ทำไมผมจึงไม่เคยเขียนเกี่ยวกับรายการวิทยุเลย ขอแถลงความในใจอย่างง่ายๆว่า ผมยังหาจุดเด่นของรายการวิทยุที่จะนำมาเขียนไม่ได้ ไม่ใช่รายการวิทยุทั้งหมดจะไม่มีดี แต่เป็นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของผมเองครับ...ฮา


ในความเป็นจริงวิทยุเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ให้ข่าวสาร ข้อมูล ความบันเทิง ที่ผมรู้จักมานานตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆที่อยู่บ้านนอก(ต่างจังหวัด) ก่อนจะมารู้จัก ทีวี หลายปี

วิทยุสมัยที่ผมเป็นเด็กๆนั้น ยังคงเป็นแบบโบราณที่ต้องใช้สายอากาศลวดทองแดงเป็นสื่อนำคลื่นเข้าเครื่องรับ(ที่ค่อนข้างมีขนาดใหญ่) สายอากาศที่ว่านี้ต้องใช้เสาไม้รวกสองต้น ตั้งบนหลังคาบ้านและมีลวดทองแดงขึงตรงกลางโยงมายังเครื่องรับ วิทยุสมัยนั้นจำได้ว่ามีสถานีเพียงสถานีเดียวคือ สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ตั้งที่ทำการอยู่ที่ศาลาแดง ใกล้กับมุมถนนสีลมปัจจุบันนี้




จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ประมาณ 60 กว่าปีมาแล้ว วงการวิทยุก็พัฒนามาตลอด ทั้งด้านกายภาพคือเครื่องรับและด้านระบบการส่งคลื่น จาก เอ.เอ็ม มาเป็น เอฟ.เอ็ม จากจำนวนสถานีส่งที่วันนี้มีเป็นร้อยๆสถานีทั่วประเทศ
ผู้บริหารสถานีวิทยุก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล นำหลักการตลาดมาใช้ในการบริหารจัดการคลื่นวิทยุ จนกลายเป็นแหล่งธุรกิจทำเงินมหาศาลให้กับผู้บริหารคลื่นต่างๆ


หากใครไม่ติดตามวงการวิทยุอย่างใกล้ชิดก็จะไม่ทราบว่า เดี๋ยวนี้เขาแบ่งคลื่นวิทยุออกตามกลุ่มผู้ฟังแล้ว ภาษาการตลาดเขาเรียกว่า Segmentation เพื่อสะดวกในการหาโฆษณามาลง และเรียกคลื่นวิทยุเป็นภาษาสโลแกนต่างๆ เช่น ของ อสมท. ก็จะมีลูกทุ่งมหานคร เปิดเพลงลูกทุ่งทั้งใหม่และเก่า คลื่นแห่งความคิด ฯลฯ เป็นต้น


เมื่อคืนนี้ (6 กันยายน) ผมเผอิญไปเปิดฟังวิทยุคลื่นหนึ่งของ อสมท.คือคลื่น เอฟ.เอ็ม 96.5 เม็กกะเฮิร์ท ได้ฟังรายการเพลงจัดโดย อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ปรมาจารย์นักดนตรีด้านขลุ่ยไทย

รายการนี้ท่านใช้ขื่อว่า Music at Night เป็นรายการที่ฟังสบายๆ บรรยายด้วยเสียงใหญ่ ทุ้มนุ่มของท่าน เปรียบเสมือนมีคนมาคุยอยู่ข้างๆเตียงนอนของท่าน (หากท่านนอนฟังแบบผม) อ.ธนิศร์ คุยไปแล้วก็เปิดเพลงบรรเลงที่ท่านเล่นเองด้วยขลุ่ย ด้วยเพลงไทยที่เราๆท่านๆรู้จักกันดีเช่น เพลงแสนแสบ น้ำตาแสงใต้ ขวัญของเรียม ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำเพลงบรรเลงด้วยแซ็กโซโฟนมาเปิดสลับ ที่เล่นโดยคนไทย โก้ มิสเตอร์แซ็กแมน และนักดนตรีต่างชาติที่มีชื่อเสียงคือ เคนนี่ จี.


รายการนี้อาจจะดึกไปหน่อยสำหรับบางท่าน แต่เหมาะสำหรับคนนอนดึกหรือนอนไม่หลับ เพราะรายการจะเริ่มตั้งแต่เวลา 23.00-01.00 น. ทุกคืนวันเสาร์เท่านั้นครับ


ท่านที่ชอบฟังเพลงแนวนี้หรือเป็นแฟนคลับของ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ไม่ควรจะพลาดฟังเป็นอันขาดนะ จะบอกให้





Create Date : 07 กันยายน 2551
Last Update : 7 กันยายน 2551 12:31:47 น.
Counter : 1738 Pageviews.

2 comment
จำรัส เศวตาภรณ์
 

จำรัส เศวตาภรณ์



ชื่อนี้หากเอ่ยออกไปในสังคมวงกว้างอาจจะไม่รู้จักว่าเขาคือใคร แต่ในแวดวงนักฟังเพลงบรรเลงหรือวงการนักสร้างหนังไทย จะรู้จักกันดีว่าเขาคือ นักแต่งเพลงบรรเลงในแนวธรรมชาติ ที่เพลงของเขาแต่ละเพลงจะมีท่วงทำนองอ่อนหวาน พริ้วไหวให้อารมณ์เสมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม


เขาให้ Theme เพลงบรรเลงของเขาว่าเป็น Greenmusic เพราะเพลงทุกเพลงของเขาไม่มีมลพิษแก่จิตใจของผู้ฟัง มาอ่านประวัติความเป็นมาของเขาดีกว่า


จำรัส เศวตาภรณ์ นักดนตรีและนักประพันธ์เพลง เกิดเมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ.2498 (9 Dec 1955) เป็นชาวฝั่งธนโดยกำเนิด บิดา มารดา เป็นชาวจีนอพยพ บิดาชื่อ นายหยิบ แซ่อึ้ง มารดาชื่อ นางไล่ห่าง แซ่ฉั่น เข้ามาตั้งรกราก ก่อนที่นายจำรัสจะเกิด 20-30ปี บิดาเป็นวิศวกรที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับในยุคนั้น แต่เนื่องจากความเป็นช่างที่มีความฝัน ไม่ค่อยชอบทำงานตามแนวตลาด ครอบครัวของเขาจึงไม่ค่อยมีรายได้มากนัก และอุปนิสัยความเป็นคนช่างคิดช่างฝันนี้ได้ติดตัว ดช.จำรัส มาตั้งแต่เกิด บิดาได้พยายามจะสอนให้เขาเป็นช่าง เป็นวิศวกร เหมือนกับพี่ชายอีก 3 คนของเขา แต่ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งเดียวที่ยากยิ่งในการถ่ายทอดสู่ลูกคนนี้

จำรัส เกิดที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ๆวัดประยูรวงศาวาส เป็นแหล่งร้านค้าของชาวจีนที่เป็นญาติๆกันในสมัยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นร้านอาหารของชาวกวางตุ้ง (บิดามารดาเป็นชาวกวางตุ้ง Cantanese) การได้อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาทำให้ดช.จำรัส ได้ซึมซับเอาบรรยากาศความงดงามของชีวิตและปรัชญาแห่งสายน้ำนี้มาตั้งแต่เด็ก เขาเติบโตมากับสายน้ำนี้ ได้เดินข้ามสะพานพุทธที่ทอดข้ามลำน้ำเชื่อมความสันโดษของฝั่งธนบุรีและความ ศิวิไลซ์จากฝั่งพระนคร นอกจากนั้นจากการที่มีแหล่งพำนักอยู่ใกล้กับวัดประยูรฯ เขาได้รับรู้ถึงปรัชญาแห่งชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย จากการที่ได้พบกับความเศร้าโศกเสียใจของผู้คนกับการจากไปของบุคคลอันเป็นที่ รักอยู่แทบทุกวัน จนวันหนึ่งก็มาถึงญาติสนิท และก็มาถึงบิดาของเขาเอง

แม้ ฐานะการเงินของครอบครัวจะไม่ค่อยราบรื่นนักแต่จำรัสก็ได้รับการศึกษาอย่างดี ที่สุดในยุคนั้นจนจบชั้นอุดมศึกษาที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ในขณะที่เรียนอยู่ จำรัสก็ได้ทำงานด้วยการเป็นนักดนตรี ร้องเพลงตามห้องอาหารบ้าง ไนท์คลับบ้างอยู่เกือบ 10 ปี แทบไม่น่าเชื่อที่เขาไม่เคยได้รับการศึกษาทางด้านดนตรีอย่างจริงๆจังๆเลย มุมมองและจินตนาการต่างๆในการสร้างผลงานเพลงของเขาล้วนเกิดมาจากประสพการณ์ ในการเล่นดนตรีและจิดวิญญานที่ได้จากสายน้ำ และการเวียนว่ายของชีวิตที่เขาได้พบเห็นมาตั้งแต่เด็ก

จำรัส เศวตาภรณ์ ได้แต่งเพลงไว้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ มีภาพยนตร์ไทยนับ 100 กว่าเรื่อง เพลงเกือบ 1000 เพลงที่เขาเป็นผู้แต่ง เสียดายที่เพลงจำนวนมากมิได้มีต้นฉบับที่สมบูรณ์เก็บไว้ เขาได้รับรางวัลมากมาย ทั้งรางวัลในประเทศและต่างประเทศ (รางวัลต่างประเทศ Best Music ASIA PACIFIC FILM FESTIVAL 1987 ที่ประเทศไต้หวัน )
" แต่รางวัลและรายได้จากการทำงานก็มิใช่จุดมุ่งหมายของนักดนตรี" จำรัสเคยกล่าวไว้เสมอ เขาอยากทำดนตรีที่จะเป็นสมบัติของโลกและจักรวาล "เมื่อ ผมได้ตายไป และถ้ามีโอกาสได้เกิดใหม่ผมอยากจะกลับมาฟังเพลงของผมอีก" เขาเคยกล่าวเสริม "ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เป็นของเรา แม้แต่ตัวเรา หรือกระทั่งสิ่งที่เราได้สร้างขึ้น ..ทุกคนมีหน้าที่ มันยิ่งกว่าหน้าที่ มันคือภาระ ที่จะทำตัวให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์" จำรัส ได้ประพันธ์เพลงเพื่อศาสนาหลายต่อหลายเพลง ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และเป็นสิ่งที่จุดประกาย สะกิดไฟที่ซ่อนไว้ในจิตของเขามานาน
เขาได้สร้างผลงานเพลง Healing….Meditation … Relaxing หลายต่อหลายชุด
 


 


ถ้าท่านสนใจอยากจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับผลงานเพลงของเขาโดยละเอียด หรือสนใจว่าจะซื้อหาผลงานเพลงของเขาได้ที่ไหน โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์นี้
https://thai.greenmusic.org รับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอน

Music of the Chao Phraya River - จำรัส เศวตาภรณ์



Create Date : 11 สิงหาคม 2551
Last Update : 8 เมษายน 2566 8:08:55 น.
Counter : 1985 Pageviews.

6 comment
1  2  3  4  5  6  

หนุ่มร้อยปี
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ
ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง