|
Chapter 33 - Lonely Night to LA
ผมเดินทางออกจากGrand Canyonตอนที่ฟ้ามืดแล้ว โดยที่ผมอาสาที่จะขับรถเองแล้วถ้าไม่ไหวยังไงจะปลุกเพื่อนอีกคนให้มาขับต่อ รวมๆแล้วถึงตอนนี้ผมขับรถมา10ชั่วโมงแล้ว พอรถออกมาได้สักพักเท่านั้นแหละเพื่อนทุกคนหลับกันซะหมดเลย ผมจึงต้องขับไปคนเดียว ระยะทางมันก็ใช่ใกล้ๆซะที่ไหนยาวเป็นหลายร้อยไมล์กว่าจะไปถึงLA นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาขับรถระยะทางไกลๆแบบนี้ แถมยังต้องขับผ่านทะเลทรายตอนกลางคืน ในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของผม ทางข้างหน้าจะมีอะไรบ้างผมก็ไม่รู้ สิ่งที่ผมมองเห็นก็มีแค่ถนนข้างหน้าที่ระยะแสงไฟรถส่องถึงเท่านั้น
ผมขับรถย้อนกลับไปยังเส้นทางที่ผมขับผ่านมาเมื่อตอนกลางวัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด มันมีแต่ความมืด ไม่มีแม้แต่แสงไฟถนน มีแค่แสงไฟที่ส่องไปข้างหน้าจากรถของผมเท่านั้น
เพื่อนๆหลับกันซะหมดผมไม่รู้จะไปคุยกับใครง่วงก็ง่วงแต่ผมยังไม่อยากเปลี่ยนให้เพื่อนมาขับ เพราะผมรู้สึกว่าผมคงจะไม่มีโอกาสขับรถที่นี่บ่อย ผมชอบคืนนั้นมาก มันเหมือนกับว่าโลกนี้มีผมอยู่คนเดียว (เพราะทุคนหลับกันหมด)แล้วยิ่งกว่านั้นทางที่ผมวิ่ง มีรถคันที่ผมขับคันนี้อยู่คันเดียวเกือบตลอดเส้นทางเลย
พอขับไปเรื่อยๆจนเริ่มมีฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้ามีฟ้าร้องฟ้าแล้บตลอดทาง มันเป็นอะไรที่สวยงามมาก ผมบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ ผมกำลังขับรถอยู่ในความมืดมิดบนถนนไฮเวย์กลางทะเลทรายที่ที่ซึ่งผมเคยมาเป็นครั้งแรกไกลจากบ้านคนละซีกโลกท่ามกลางสายฟ้าที่กำลังแล้บออกมาแปล็บๆตลอดเส้นทาง
ในที่สุดผมก็สามารถขับฝ่าความมืดและสายฟ้ามาจนถึงเมืองๆนึง นั่นก็คือเมืองเดิมที่ผมผ่านมาตอนช่วงกลางวัน เมืองKingmanนั่นเอง ผมแวะจอดรถที่ปั้มน้ำมันแห่งนึงเพื่ออัดน้ำมันให้เต็มถังเหมือนเคย แล้วทุกคนก็ลงไปซื้ออาหารกินกันเล็กๆน้อยๆ เมืองKingmanแห่งนี้มันเป็นเมืองที่เรียกว่าSmall townได้อย่างถูกต้องที่สุด เวลาที่ผมไปถึงที่นั่นประมาณ4-5ทุ่มได้ ผมมองไม่เห็นแม้แต่หมาสักตัวบนถนน ทุกอย่างเงียบไปหมด ร้านอาหารขยะก็ปิดหมด บ้านเรือนเงียบไปหมดมองไม่เห็นผู้คนเลย บรรยากาศคล้ายๆกับเมืองร้างในหนัง ซอมบี้ฝรั่ง แต่ยังดีที่มีไฟถนนและไฟจากบ้านเรือนอยู่บ้าง
หลังจากที่ทั้งคนและรถอิ่มท้องแล้ว ผมก็ทำซ่าโดยบอกกับเพื่อนว่าผมยังไหวขับต่อได้สบายมาก เดี๊ยวยิงยาวทีเดียวถึงLAเลย เพื่อนของผมก็ดีใจที่มันจะได้นอนต่อ ผมก็ดีใจเหมือนกันที่จะได้ขับรถต่อ ทั้งๆที่วันนั้นผมขับรถติดต่อกันเป็นเวลาเกือบ15ชัวโมงแล้ว
การขับรถในอเมริกาอย่างที่เคยบอกว่ารถต้องเครื่องใหญ่ ทนและอึดไว้ใจได้ เพราะภูมิประเทศที่นี่มันกว้างใหญ่มาก บางทีเราต้องขับฝ่าทะเลทรายในตอนกลางคืนซึ่งจะมีรถร่วมทางไม่กี่คัน บางทีเราต้องขับอยู่คันเดียว ถ้าเกิดเครื่องยนต์ดันทรยศขึ้นมาละก็ซวยเลย แต่ไอ้แท็กซี่โคโรล่าของผมคันนี้มันดีที่เป็นรถใหม่ถึงเครื่องจะเล็กก็เหอะ มันเลยไม่แสดงอาการทรยศคนขับเลย รถคันนี้มันก็รูปร่างหน้าตาคล้ายๆAltisของบ้านเรา ราคาตีออกมาเป็นเงินบาทอาจจะถูกกว่าเล็กน้อย แต่มันก็มีจุดแตกต่างเล็กน้อยที่ผมสังเกตุได้เช่น ระบบเปิดไฟหน้าเองเมื่อเซ็นเซอร์จับได้ว่าเป็นตอนกลางคืนแล้ว หรือกรณีไม่รัดเข็มขัดนิรภัยรถมันก็จะร้องอยู่นั่นแหละ จนคนขับรำคาญต้องรัดเข็มขัดจนได้ ผมว่าที่อเมริกาเขาเน้นเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่เล็กๆน้อยๆแบบนี้นะ รถรุ่นใหม่ทุกคันต้องมีระบบแบบนี้ถึงจะออกมาขายได้
กลับมาที่การเดินทางกลับแอลเอของผมต่อ หลังจากผมออกมาจากเมืองKingmanทุกคนก็หลับทันทีเหมือนเคย ผมจึงต้องเปิดวิทยุFMในรถเป็นเพื่อนแก้เหงา ฟังไปมันอย่างงั้นแหละไม่ให้หลับคาพวงมาลัย เดี๊ยวจะพาลพาพวกเพื่อนๆได้นอนกลับประเทศไทยแทน เชื่อไหมว่าผมต้องจูนช่องFMบ่อยมาก พอรับคลื่นได้ทีนึงฟังไปได้สัก10นาที มันไม่ชัดแล้วต้องเปลี่ยนไปหาคลื่นช่องใหม่ ผมทำอย่างนี้อยู่เป็นหลายสิบครั้งจนผมเริ่มขับรถส่ายไปส่ายมาแล้ว เรื่มขับเป๋ๆออกนอกทางไปเหยียบอะไรสักอย่างรถมันก็สั่นครืดๆๆๆๆๆทันที ไอ้สิ่งนั้นมันก็คือรอยปะที่ป้องกันไม่ให้คนหลับในขับรถตกถนนนั่นเอง ผมอยากขับต่อไปให้ถึงLAนะ แต่ร่างกายมันไม่ไหวแล้วขับมา16ชั่วโมงได้แล้ว ผมเลยมองหาที่จอดรถข้างหน้าเพื่อจะปลุกให้เพื่อนอีกคนมาขับต่อ(รถคันนี้มีผมและเพื่อนคนนี้เท่านั้นที่มีสิทธ์ขับได้ เพราะเรื่องรายละเอียดในการทำประกันภัย)ผมขับไปจอดยังสถานที่นึงซึ่งมันมีแต่รถบรรทุกจอดอยู่ แล้วปลุกให้เพื่อนมาขับต่อ ผมขอยอมแพ้แล้ววันนี้ไม่ไหวจริงๆ ทันทีที่ผมเปลี่ยนจากคนขับไปเป็นผู้โดยสารเท่านั้นแหละพอรถออกผมก็ปิดสวิทตัวเองทันที แล้วพอตื่นขึ้นมาผมก็มาถึงLAแล้ว
Create Date : 27 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2550 14:03:08 น. |
|
5 comments
|
Counter : 646 Pageviews. |
|
|
|
โดย: MeJayya วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:8:51:49 น. |
|
|
|
โดย: Annenar IP: 158.108.2.8 วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:17:19:12 น. |
|
|
|
โดย: CAsky (CAsky ) วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:14:26:27 น. |
|
|
|
โดย: อ้อม IP: 125.26.200.81 วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:0:56:11 น. |
|
|
|
โดย: ภวดล IP: 124.121.144.148 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:53:00 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
PK worked as a retailler in Totally Toddler store Six Flags Magic Mountain Valencia California by himself (one man standing) Since March 2006 - June 2006
"In Some Situation the funninest place turn to be the borriest place"
"I'm a working man I don't understand why clockout come so slow everytime That's one line I stay right behind"
|
|
|
|
|
|
|
|