| พบกันอีกครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์...ในคอลัมน์พาชิมของหนังสือพิมพ์ “บ้านเมือง” รายวัน และทุกครั้งที่พบกัน “แม่ลิ้นจี่” เจ้าเก่าเป็นต้องพกพาเอาข้อมูลของความอร่อยจากร้านอาหารทั่วทุกสารทิศหลาก หลายบรรยากาศมาแนะนำให้แฟนคอลัมน์ได้พากันไปลิ้มลอง....!
อาหารอร่อยน่าชิมประจำฉบับนี้ “แม่ลิ้นจี่” กำลังจะชักชวนท่านผู้อ่านให้พากันไปอิ่มอร่อยกับเมนูจานเด็ดในสไตล์ อิตาเลียนที่ผสมผสานกับกลิ่นอายของอาหารไทยฟิวชั่นกันดูบ้าง ซึ่งที่ร้านนี้เขาบรรจงเนรมิตรูปลักษณ์ตามจินตนาการแห่งความฝัน จนกลายมาเป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศและสีสันเปรียบประหนึ่งได้เข้าไปนั่ง อยู่ในบ้านหลังใหญ่ในแคว้น “ทัสคานี” ที่ประเทศอิตาลี่ 
คุณ “Peter” ซึ่งเป็นนักธุรกิจค้าขายอัญมณี และเป็นนักบินพลเรือนสังกัดกองบิน 6 อยู่ในฝูงบิน Sunny และลูกชายคือ “คุณณัฐศิษย์ มุณีกานนท์” หรือ “น้องเบียร์” ซึ่งเป็นเจ้าของร้านได้บอกเล่าให้ฟังว่า ที่ร้านนี้เปิดบริการมาได้มาได้กว่า 8 เดือน ต้นตอของเรื่องราวเกิดจากคุณปีเตอร์ที่ได้เคยชมภาพยนตร์เรื่อง UNDER THE TUSCAN SUN ซึ่งได้เคยเข้ามาฉายในเมืองไทยเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จึงเป็นการจุดประกายให้เขาอยากจะได้เห็นบ้านเรือนที่สวยงามของ “TUSCANY” มาตั่งเด่นอยู่ในกรุงเทพฯ และด้วยเหตุที่คุณปีเตอร์ต้องขายส่งอัญมณีให้กับเพื่อนชาวอิตาลี่ (Mr. Max) ซึ่งพำนักอาศัยอยู่ที่แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ที่ต้องเดินทางไปค้าขายอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้คุณปีเตอร์เกิดความชื่นชอบและ หลงใหลในสีสันและบรรยากาศอันแสนจะอบอุ่น ภาพท้องทุ่งที่เขียวขจี ทิวเขาสลับซับซ้อนทอดไกลสุดสายตา สายลมพัดช่อมะกอกพลิ้วไหวนำพาเอากลิ่นหอมของเครื่องเทศลอยไกลมาจากบ้านที่ สร้างด้วยก้อนอิฐสีพีช นี่คือความทรงจำอันประทับใจของ “TUSCANY” ที่คุณปีเตอร์มิอาจจะลืมเลือน 
จวบจนวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 จึงได้ฤกษ์ลงเสาอาคารตามความฝันที่จะยกทัสคานีมาไว้ในกรุงเทพเมืองกรุง ซึ่งคุณปีเตอร์และ “คุณเจษ” เพื่อนรักได้ใช้เวลา 2 วันเพื่อช่วยกันเขียนแบบ จนทุกอย่างลงตัวว่า...นี่แหละคือสิ่งที่ต้องการ จนได้ลงมือก่อสร้างจนเสร็จสิ้นในเวลา 3 เดือน และเปิด Grand Opening ฉลองคริสต์มาสในวันที่ 25 ธันวาคม 2009 ท่ามกลางเพื่อนฝูงและลูกค้ามากมายที่พร้อมใจกันมาร่วมสนับสนุนจนกลายเป็น ลูกค้าขาประจำมาจนทุกวันนี้ ที่ร้าน “TUSCANY” จะเน้น Concept การตกแต่งในสไตล์อิตาลีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง โทนสีทั้งภายในและภายนอก คุณปีเตอร์จะลงลายละเอียดเองทั้งออกแบบประตู หน้าต่าง เหล็กดัด แม้กระทั่งพื้น และผนัง ฯลฯ
“คุณปีเตอร์” เขาจะใช้วิธีครูพักลักจำ เนื่องจากเป็นคนที่ชอบทำอาหารมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัยจึงทำให้เขาสามารถทำ อาหารได้หลากหลายเมนู ซึ่งเขาจะพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องสด ใหม่ ได้คุณภาพ ซึ่งพืชผักบางชนิดจะเป็นผักกางมุ้งปราศจากยาฆ่าแมลงที่ปลูกเองในรีสอร์ทส่วน ตัวที่อำเภอปากช่อง เครื่องปรุงบางชนิดที่สำคัญ เช่น พาเมซาน น้ำมันมะกอก เขาจะสั่งนำเข้าจากอิตาลีเพื่อให้อาหารทุกจานได้รสชาติตามแบบต้นตำรับ โดยนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงของไทยได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นเมนูอาหารอิตาเลียน-ไทยสไตล์ฟิวชั่น ซึ่งอาหารของที่นี่จะมีให้เลือกสั่งกันมากมายกว่า 300 ชนิดในเมนู สนนราคาก็เริ้มต้นกันที่จานละ 90-300 กว่าบาท  
สถานที่ของร้านจะจัดแบ่งบรรยากาศออกเป็นสองโซน ด้านนอกจะเป็นบรรยากาศของสวนดอกไม้เปิดโล่งแบบโอเพ่นแอร์ มองเห็นความสวยงามของบ้านในสไตล์ของทัสคานี ภายในร้านจะเป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำตกแต่งด้วยภาพเขียนรูปทิวทัศน์ท้องทุ่งใน อิตาลี พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องดินเผา พร้อมมีห้องคาราโอเกะไว้บริการอีก 3 ห้อง และทุกค่ำคืนจะมีดนตรีในแนวเพลงหลากหลายคอยขับกล่อม ซึ่งทั้งร้านสามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 240 ที่นั่ง
ส่วนอาหารน่าชิมของที่นี่ก็มีกันอยู่มากมายหลายเมนู ซึ่งคุณปีเตอร์เขาได้ให้คำจำกัดความอาหารของที่นี่ไว้ว่า “Make me Hot” เมื่อได้ยินครั้งแรกอาจจะรู้สึกเสียววาบ แต่ความหมายที่แท้จริงของร้านนี้เขาหมายถึงรสชาติอาหารที่จัดจ้าน...! ซึ่งก็มีกันอยู่มากมายที่น่าลิ้มลอง เช่น
ขาหมูทัสคานี (Italian Style Smoked Pork Shank) ซึ่งเขาจะเลือกสรรเฉพาะหมูขาหน้าสดใหม่จากฟาร์ม ตัดแต่งให้ได้สัดส่วนและน้ำหนักตามแบบบับของทัสคานี จากนั้นจึงนำมาหมักในเครื่องเทศกว่า 10 ชนิดนานกว่า 3 วัน จากนั้นจึงนำมาต้มอีก 6 ชั่วโมงจนปราศจากไขมัน ก่อนนำไปทอดด้วยไฟอ่อนๆ ตักขึ้นปล่อยให้เย็นแล้วนำมาผ่านกรรมวิธี Dry Aging ที่อุณหภูมิความเย็น 10 องศาเซลเซียส เมื่อลูกค้าสั่งจึงนำขาหมูมาทอดอีกครั้งด้วยความร้อนปานกลางนาน 8 นาที ก่อนนำออกเสิร์ฟพร้อมด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด 2 รส 2 แบบ และซาวเคร้าท์ทำเอง ความอร่อยอยู่ที่หนังหมูเคี้ยวกินได้กรอบกรุบสนุกปาก เนื้อในนุ่มเนียนหอมกลิ่นเครื่องเทศ สั่งมาลองชิมกันได้ ในราคาจานละ 280 บาท
 ไส้กรอกทัสคานี (Tuscany Premium Mix Grilled Sausages) จานนี้จะเป็นไส้กรอกระดับพรีเมื่ยม ซึ่งทางร้านตั้งใจปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากถูกลิ้นคนไทย เขาจะใช้เนื้อหมูล้วนๆ ไม่มีมันและแป้งเจือปน คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันก่อนนำไปยัดใส่ในไส้แกะนำเข้าจาก ออสเตรเลีย ทำให้หนังของไส้กรอกกรอบกรุบอร่อยไม่เหมือนใคร ในหนึ่งจานเขาจะใส่ไส้กรอกมาหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอกพริกไทยอ่อนรสหอมฉุน ไส้กริกพริกสดรสจัดจ้าน ไส้กรอกเวียนนา และไส้กรอกเวียนนาชีสรสกรอบมัน ราดด้วยน้ำเกรวี่สูตรเฉพาะของทัสคานี รับประทานเคียงคู่กับมันบดผสมชีสและซาวเคร้าท์อร่อยได้แบบลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน ในราคาจานละ 280 บาท
ทัสคานีคาโบนาร่า ( Tuscany Cabonara) ที่ร้านนี้เขาจะเลือกใช้เส้นเฟตตูชินีเหนียวนุ่มที่ส่งตรงจากอิตาลี นำมาผัดกับน้ำมันมะกอกและน้ำมันเบคอน ซึ่งจะให้ความรู้สึกและราชาติที่หอมมัน คลุกเคล้าด้วยวิปปิ้งครีมและเบคอนทอด ผสมผสานกับเครื่องเทศสูตรอิตาเลียนทานคู่กับพาเมซานชีสรสเค็มมัน และพริกไท ได้สัมผัสกับรสชาติที่เข้มข้นแบบอิตาเลียนขนานแท้ ในราคาแค่จานละ 180 บาท
สลัดอกเป็ด... เมนูจานนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง โดยเขาจะนำเนื้ออกเป็ดเชอรี่ชิ้นใหญ่หมักกับเครื่องเทศจนซึมทราบเข้าเนื้อใน ก่อนนำไปกริลล์จนเนื้อเป็ดสุกกำลังดีกลิ่นหอมยวนยั่วต่อมน้ำลายจนไหลหยด หั่นสไลด์อกเป็ดมาให้เสร็จสรรพ วางใส่จานเคียงคู่ด้วยผักสลัดโรยหน้าด้วยชีสอย่างดี และน้ำสลัดรสเปรี้ยวมันซ่าจากส่วนผสมของมัสตาร์ด น้ำส้มองุ่น น้ำมันมะกอก ฯลฯ ความอร่อยอยู่ที่เนื้อเป็ดเคี้ยวกินได้นุ่มเนียนหอมกลิ่นเครื่องเทศ ผักสลัดกรอบสดรสมันเค็มจากชีส บวกกับน้ำสลัดมันเข้มข้นตามสูตรเฉพาะของทัสคานี สั่งมาอิ่มอร่อยกันได้ ในราคาจานละ 220 บาท
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าลิ้มลอง อาทิเช่น สลัดเซอร์ลอยย่าง สลัดผักย่างไข่ต้ม ริบอายสเต็กพริกไทอ่อน กระทิงคลุกฝุ่น เธอท้องกับใคร ฯลฯ ถูกปากถูกใจอาหารจานไหนเชิญสั่งเพิ่มเติมกันเองได้ และที่นี่เขายังรับบริการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทุกประเภท ร้าน “ทัสคานี ไทย คลูซีน” จะเปิดบริการกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. สถาน ที่ตั้งของร้านจะอยู่กลางซอยพหลโยธิน 23 หรือถ้าสะดวกมาทางถนนวิภาวดีรังสิต ร้านจะอยู่ในซอยวิภาวดี 32 (ขาเข้าเมือง) หรือถ้าเกรงว่าจะหากันไม่เจอก็กริ๊งกร๊างมาสอบถามเส้นทางกันก่อนได้ที่ 08-2324-9555
| 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [
