เพรงกาล - ย้อนยุคแบบวายสายพันธุ์ไทย


“ผมบอกคุณแล้วว่ามาจากอนาคต ในเมื่อคุณไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ”

สิ่งใดที่เรียกว่าพรหมลิขิตกัน แม้อยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้า พระพรหมก็ยังชักนำให้มาพบ แม้อยู่คนละกาลเวลา หากพระพรหมลิขิตเสียแล้วก็ยังสามารถดลให้มาเจอกัน

“จำไว้นะยอดขวัญ ไม่ว่าหลับหรือตื่นข้าจะอยู่เคียงเจ้าเสมอ จะไม่ปล่อยให้ทุกข์ให้โศก เราจะไม่พรากจากกันอีกนะนบนะ”

นภสินธุ์ยิ้มบาง รับคำในลำคอแผ่วเบา รับรู้ถึงริมฝีปากอุ่นที่แนบประทับหน้าผาก พร้อมได้ยินเสียงเพลงขับกล่อม บทเพลงไทยเดิมคุ้นหูที่คุณใหญ่มักจะร้องให้เขาฟังเสมอยามอยู่ด้วยกันที่เรือนไทยในกาญจนบุรีเมื่ออดีตร้อยกว่าปีที่แล้ว



จากคำโปรยปกหลังข้างต้น คงทำให้คุณพอเดาเนื้อหาของ ‘เพรงกาล’ ได้บ้างแล้ว ถูกแล้วค่ะ เพรงกาลเป็นนวนิยายแนวความรักย้อนยุคระหว่างนภสินธุ์ เด็กชายวัยสิบสี่จากปีพุทธศักราช 2548 กับคุณใหญ่ หรือหลวงวิชิตชัย ข้าราชการหนุ่มในสมัยรัชกาลที่ห้า อ๊ะ ๆ ไม่ต้องขมวดคิ้วหรอกค่ะ ก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ เพรงกาลเป็นนิยาย Boy’s love ที่จัดทำและจำหน่ายโดย Majo Novel ในเครือ Fay Books สำนักพิมพ์ Boy’s love ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นิยมความวายค่ะ

แม้จะฟังเผิน ๆ เพรงกาลจะดูคล้ายทวิภพฉบับวาย แต่เนื้อหาข้างในแตกต่างกันมากมายค่ะ ขอบอก ด้วยความที่น้องนบของเราเป็นเด็กผู้ชายวัยละอ่อน ที่อยู่ ๆ ก็นอนสลบอยู่ในป่าให้ชาวบ้านธรรมดาเก็บได้ ไม่ใช่สาวสะคราญที่ผ่านกระจกส่องหน้าขุนน้ำขุนนางออกมาเหมือนมณีจันทร์ จึงไม่มีใครคิดเหลวไหลเลื่อนเปื้อนเป็นอื่นไปได้นอกเสียจากน้องนบเป็นเด็กหลง ที่ถ้าไม่หนีออกจากบ้านมาก็ต้องถูกพ่อแม่ทิ้ง มิไยที่น้องนบจะกลั้นอกกลั้นใจบอกความจริงกับคุณหลวง นอกจากคุณหลวงจะไม่เชื่อแล้วยังหาว่าน้องนบเป็นเด็กขี้โม้โกหกผู้ใหญ่ อีกทั้งกิริยามารยาทก็ยังกระด้างกระดางลางขัดอกขัดใจคุณลุงคุณป้าสมัยรัชกาลที่ห้าเป็นที่ยิ่ง ก็แหมนะ น้องนบเป็นลูกรัฐมนตรีคาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด อยู่ ๆ มาบังคับจับหมอบคลาน กราบไหว้ใครก็ไม่รู้ก็แย่พอแล้ว ยังมีการเอามาขายเป็นทาสขัดดอกกันหน้าตาเฉย ไม่อาละวาดตอนนี้แล้วจะให้ไปอาละวาดตอนไหน ค้ามนุษย์มันผิดกฎหมายนะคุณหลวง!

กว่าพระเอกนายเอกของเราจะเริ่มพูดจากันรู้เรื่อง คนอ่านก็ลุ้นจนเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน

สำนวนภาษาทั้งการบรรยายและคำพูดคำจาของตัวละครในเรื่องไพเราะลื่นไหลมากค่ะ ยิ่งรวมกับการค้นคว้าหาข้อมูลมาเป็นอย่างดีของคนเขียนด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนได้ร่วมย้อนไปในสยามสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อนกับน้องนบด้วย คุณจะได้เห็นวิถีชีวิตในบ้านขุนนางไทยโบราณ การละเล่นของเด็ก ๆ และสภาพบ้านเมืองในสมัยนั้นราวกับไปขี่ม้าชมสามเสน แวะกินข้าวคลุกกะปิปลาทูริมถนนราชดำเนินที่ปราศจากรถราและฝุ่นควัน โดยมีหลวงวิชิตชัยเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พร้อมกับน้องนบเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากตัวเนื้อเรื่องที่สนุกสนานและซาบซึ้งกินใจจนคนอ่านต้องหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อม ๆ กับตัวละครแล้ว เพรงกาลยังมีภาพประกอบและรูปเล่มที่น่าประทับใจมากค่ะ เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นผลงานที่ผู้จัดทำตั้งใจทำออกมาด้วยความรักจริง ๆ ภาพประกอบในเรื่อง นอกจากปกกับภาพ pin up ที่เป็นสีแล้ว ยังมีภาพขาวดำเกือบสิบภาพแทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ตามการดำเนินของเนื้อเรื่อง ช่วยต่อเติมจินตนาการของคนอ่านให้ชัดเจนราวกับกำลังชมภาพยนตร์ แถมท้ายอีกนิดหน่อยด้วยที่คั่นหนังสือที่ทำเป็นโปสการ์ดขาวดำรูปคุณหลวงคู่น้องนบ ภาพประกอบทั้งหมดนี้พิเศษสุด ๆ เพราะเป็นฝีมือของคุณ walk in dream นักวาดในตำนานของกลุ่ม ACHO ที่หายหน้าหายตาไปนาน

ถึงแม้ว่าเพรงกาลจะเป็นนิยายใต้ดินที่ไม่ได้วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่คุณค่าในฐานะหนังสือของมันไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าหนังสือนิยายที่วางขายบนดินเลย ทั้งความสนุกสนานและความรู้ความคิดที่แทแทรกอยู่ในเนื้อหา ทำให้เพรงกาลเป็นหนังสือเล่มโปรดโดนใจของใครหลาย ๆ คนรวมทั้งเราด้วย หากคุณไม่ขัดข้องเรื่องความวายแล้ว เราขอ Recommended หนังสือเล่มนี้ให้คุณลองอ่านค่ะ ไม่แน่นะว่ามันอาจจะกลายเป็นเล่มโปรดโดนใจของคุณไปด้วยก็ได้



by Carousal
First published : คอลัมน์เล่มนี้สิโดน นิตยสารไอน้ำ



Create Date : 23 ตุลาคม 2553
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:19:58 น.
Counter : 5879 Pageviews.

3 comment
CIPHER : เรื่องราวของความรักและความทรงจำ
11 กันยายน 2001 เมื่อผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสารและบังคับให้พุ่งเข้าชน World Trade Center ตึกแฝดเลื่องชื่อแห่งนิวยอร์ก นอกจากโศกนาฏกรรมและจุดเริ่มต้นแห่งสงคราม ในใจของใครหลายคนได้หวนระลึกถึงการ์ตูนเรื่องนี้



CIPHER

CIPHER เป็นเรื่องราวของเจคกับรอย หรือที่รู้จักกันในนามศิวะกับไซเฟอร์ นายแบบและนักแสดงฝาแฝดชื่อดังที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ครบขวบ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เอนิส เมอร์ฟีย์ เด็กสาวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนของศิวะเกิดจับได้ว่า ‘ศิวะ’ ที่ทุกคนรู้จักนั้น ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่ทั้งเจคและรอยได้สลับกันแสดงบทบาทเป็น ‘ศิวะ’ คนละวัน ผลัดกันทำทุกอย่างตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องเรียน การเข้าสังคมและการคบหาสมาคมกับเพื่อน ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานกว่าสองปี



การท้าทายตามมาเมื่อเอนิสผู้อยากเป็นเพื่อนกับศิวะร้องขอเหตุผล ฝาแฝดรับปากจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังและยอมให้เธอเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ๆ ก็ได้ตามใจ ถ้าเธอสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเขาสองคนได้ภายในสองสัปดาห์ แต่ถ้าทำไม่ได้ เธอต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและห้ามถามเหตุผลอีกเด็ดขาด เอนิสยอมรับคำท้า เธอเก็บข้าวเก็บของย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเมนต์ของสองหนุ่ม ตั้งหน้าตั้งตาหาความแตกต่างระหว่างแฝดทั้งสองไปพร้อม ๆ กับเรียนรู้ความหมายของความเป็นเพื่อน ความทรงจำ และความรักไปในเวลาเดียวกัน

ฉันเริ่มอ่าน CIPHER เป็นครั้งแรกตอนเรียนอยู่ชั้นประถม ความเป็นเด็กทำให้ฉันหยุดอ่านที่เล่มสอง เพราะหลังจากที่ศิวะกับไซเฟอร์แยกกันแล้ว ความหวือหวาของเรื่องก็หมดไป แต่เมื่อกลับมาหยิบมันอ่านอีกครั้งหลังจากนั้นอีกหลายปี ฉันกลับซาบซึ้งกับความหมายที่ถูกซุกซ่อนไว้เบื้องหลังเรื่องราวที่ฉันเคยคิดว่าน่าเบื่อและขาดความหวือหวาในช่วงหลังของเรื่องยิ่งกว่าที่เคยสนุกกับช่วงแรกเมื่อตอนเป็นเด็ก

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเรื่อง CIPHER คือประเด็นเกี่ยวกับความรักและความทรงจำ ในชีวิตของศิวะและไซเฟอร์ ความสูญเสียที่รุนแรงและมีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาทั้งสองมีอยู่สองครั้ง ครั้งแรกคือการสูญเสียพ่อตอนอายุสิบห้า และครั้งที่สองคือการสูญเสียดีน่า แจ็คสัน บาดแผลครั้งแรกกรีดลงที่ไซเฟอร์ และครั้งที่สองที่ศิวะ

พ่อที่จับได้ว่าแม่นอกใจ ได้พาไซเฟอร์ออกจากบ้านไปปีนเขาหลังจากทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง ก่อนจะประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ทั้งสองซึ่งรังเกียจที่จะอยู่ร่วมบ้านกับแม่ผู้ทรยศและเป็นต้นเหตุให้พ่อตาย จึงแยกออกมาอยู่กันตามลำพัง และเป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองเล่นบทบาทเดียวกันในเวลาต่อมา ส่วนดีน่า แจ็คสัน เป็นผู้หญิงที่ศิวะรัก เขาตั้งใจจะบอกความรู้สึกของตัวเองและเล่าความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับการสลับบทบาทของเขากับไซเฟอร์ให้เธอฟังหลังจากงานแสดงที่เธอเล่นร่วมกับไซเฟอร์จบสิ้นลง แต่วันนั้นไม่มีวันมาถึง เพราะเธอได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อนการถ่ายทำจะเสร็จสิ้น ศิวะโทษว่าไซเฟอร์เป็นต้นเหตุ และทั้งสองคนก็แยกทางกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ทั้งศิวะและไซเฟอร์ทนทุกข์ทรมานกับความสูญเสียที่กรีดลึกลงในจิตใจของตนเอง ไซเฟอร์เก็บเหตุการณ์ในคืนที่เขาพยายามห้ามไม่ให้พ่อออกไปจากเชลเตอร์ขณะที่พายุกำลังตั้งเค้ามาฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายปี และศิวะก็เสียใจอยู่ตลอดเวลาที่ไม่มีโอกาสได้บอกความในใจของตนเองให้ดีน่าได้รู้ ทั้งสองคนต่างคิดว่า พวกเขาทำในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย และไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงมันได้อีกแล้ว

แต่ในท้ายที่สุด ทั้งสองคนก็ได้เรียนรู้ ทั้งจากความหวังดีของเพื่อนแท้ที่หยิบยื่นความเข้าใจให้ และจากประสบการณ์ที่เข้ามาในชีวิตว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรหรอกที่จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แน่นอน เหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว

อาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความรู้สึกของคนเราสามารถเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ความสูญเสียเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ความเจ็บปวด ความผิดบาป ความโกรธ และการกล่าวโทษที่เกาะกินหัวใจคนที่ยังอยู่จะค่อย ๆ ถูกกาลเวลาชำระล้างไปทีละน้อย จนในที่สุดก็เหลือเพียงความรักเท่านั้นที่จะคงอยู่ในความทรงจำ

มนุษย์ก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดที่ตนเคยกระทำ แต่ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ความทรงจำก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้นเราจึงควรสร้างความทรงจำดี ๆ กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกโอกาสที่สามารถกระทำได้ และไซเฟอร์กับศิวะก็เริ่มต้นมันด้วยการให้อภัย

อีกหนึ่งแนวความคิดที่ฉันชอบจากการ์ตูนเรื่องนี้คือที่มาของชื่อที่ใช้ในการแสดงของเจคกับรอย ศิวะกับไซเฟอร์เป็นชื่อที่ย่าของทั้งสองคนตั้งให้ ศิวะคือชื่อของเทพแห่งการสร้างสรรค์และทำลายของฮินดู ส่วนไซเฟอร์คือศูนย์ ทั้งสองชื่อมีความหมายเหมือนกัน นั่นคือจุดเริ่มต้น เป็นปรัชญาที่ย่าต้องการปลูกฝังติดตัวเด็กน้อยทั้งสอง ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของชีวิต สูงหรือต่ำเพียงใด หากรำลึกอยู่ตลอดเวลาว่า ณ จุดที่เราอยู่นี้คือจุดเริ่มต้น จะไม่มีคำว่าท้อแท้ หยิ่งผยอง หรือหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ CIPHER ก็คือบรรยากาศของเรื่อง ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดสภาพแวดล้อมที่ตัวละครอยู่อาศัยได้อย่างน่าทึ่งจนผู้อ่านเห็นภาพเหมือนได้ไปเดินอยู่ในสถานที่นั้นด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านสว่างอย่างสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในนิวยอร์กที่ไซเฟอร์พาเอนิสไปเที่ยวในวันอีสเตอร์ หรือด้านมืดอย่างอเวนิว เอ แห่งซ่องสุมโซนอันตรายที่แฝดทั้งสองพักอาศัย แสงแดดแผดกล้าของลอสแอนเจลิสที่ศิวะกับไซเฟอร์ย้ายนิวาสถานไปอยู่ชั่วคราวช่วงปิดเทอมด้วยเรื่องงาน ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าสบายสายตาขึ้นเยอะเมื่อทั้งคู่กลับมาสู่ความมืดทึมของแมนฮัตตันที่คุ้นเคยเหมือนกับเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่มานาน

โบสถ์เซนต์แพทริก เอมไพร์สเตท สวนสาธารณะเซนทรัลพาร์ค เทพีเสรีภาพ ท่าเรือเซาธ์เฟอร์รี่ และเวิลด์เทรดเซนเตอร์ คนเขียนโน้มน้าวให้คนอ่านรู้สึกว่าแฝดทั้งสองมีความผูกพันกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกก่อร่างสร้างขึ้นมาในนิวยอร์กอย่างที่เด็กนิวยอร์กคนหนึ่งพึงเป็นได้โดยไม่มีข้อกังขา นั่นเป็นสาเหตุให้ไซเฟอร์บอกกับเอนิสตอนที่ไปเดทกันในวันอีสเตอร์ว่า ชื่อจริงของเวิลด์เทรดเซนเตอร์คือเจคกับรอย เพราะมันเป็นฝาแฝดแห่งนิวยอร์กที่มีคนรู้จักมากที่สุดเหมือนกับพวกเขา ฉากเล็ก ๆ ฉากนี้เองที่ทำให้เวิลด์เทรดเซนเตอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของการ์ตูนเรื่องนี้ไปในที่สุด

จาก ALIEN STREET สู่ CIPHER ต่อไปยัง ALEXANDRITE และ NATURAL ผลงานทุกเรื่องของอาจารย์ MINAKO NARITA เปี่ยมไปด้วยแนวคิดในทางจิตวิทยาที่สร้างพลังทางบวกให้กับโลก ตัวละครทุกตัวมีชีวิตชีวาและความรู้สึกนึกคิดตามวิถีแห่งปุถุชนที่มีทั้งร้ายและดี มีทั้งเวลาที่หลงผิดและเวลาที่เกลียดชังตัวเองเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนกับตัวละครเหล่านี้เป็นเพื่อน ติดตามสถานการณ์ เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง และได้เรียนรู้ความจริงของชีวิตไปพร้อม ๆ กับพวกเขา หากคุณเริ่มอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ตั้งแต่ลงในนิตยสารครั้งแรกต่อเนื่องกันทุกสัปดาห์ คุณอาจรู้สึกว่าคุณได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับพวกเขาเหมือนที่เคยรู้สึกกับตัวละครในหนังสือเรียนสมัยประถมก็ได้

CIPHER ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในปี 1984 ผ่านมา 23 ปีแล้ว แต่ไซเฟอร์และศิวะไม่เคยแก่ เรื่องราวของพวกเขาไม่เคยล้าสมัย และไม่มีคนอ่านคนไหนที่เคยหลงรักเรื่องนี้สามารถลืมเลือน หากคุณไม่เคยสัมผัสกับ CIPHER มาก่อน เราขอแนะนำให้คุณลองอ่าน และถ้าคุณเคยอ่านแล้ว เราอยากให้คุณหยิบมันมาอ่านอีก เพื่อรำลึกถึงเพื่อนเก่า ถึงความรู้สึกที่คุณอาจจะลืมเลือนไป บางทีเมื่ออ่านจบแล้ว คุณอาจจะอยากมอบช่อดอกไม้ให้แก่โลกทั้งโลกเหมือนกับที่ศิวะเคยรู้สึกก็เป็นได้

by Carousal
First Published : คอลัมน์การ์ตูนเล่มกรี๊ด นิตยสารไอน้ำ



Create Date : 14 ตุลาคม 2553
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:20:15 น.
Counter : 1323 Pageviews.

13 comment
โดราเอมอน : แด่เพื่อน ผู้เดินทางข้ามกาลเวลา


ณ วินาทีนี้ คงไม่มีเด็กคนไหนไม่รู้จักโดราเอมอน ด้วยเจ้าหุ่นยนต์แมวพี่เลี้ยงสีฟ้าจากอนาคตตัวนี้ ไม่ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสู่ศตวรรษที่ 20 เพียงเพื่อดูแลโนบิตะให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเท่านั้น แต่ยังมาเพื่อสร้างความฝัน จินตนาการ และจุดประกายแรงบันดาลใจมากมายแก่เด็ก ๆ นับล้านคนทั่วโลกอีกด้วย

ในบางครั้งบางคราว เมื่อพ่ายแพ้แก่เกมการแก่งแย่งแข่งขันในโลกของผู้ใหญ่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโนบิตะ อ่อนแอ เกียจคร้าน มีพรสวรรค์แต่เฉพาะในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ และอึดอัดกับการแบกรับความหวังจากคนรอบข้าง ในเวลาแบบนั้น ฉันจะนึกถึงโดราเอมอน ไม่ใช่เพราะโดราเอมอนมีของวิเศษมากมายที่จะบันดาลให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงในพริบตา แต่เพราะโดราเอมอนจะอยู่ตรงนั้นเสมอ คุณเองก็คงเห็น เกือบทุกครั้งที่โนบิตะวิ่งตึงตังร้องไห้เข้ามาพร้อมกับปัญหา โดราเอมอนจะอยู่ตรงนั้น วางมือจากอะไรทุกอย่างที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านการ์ตูนหรือกินแป้งทอดของโปรด เพื่อรับฟังปัญหาของโนบิตะ

ไม่ใช่ด้วยหน้าที่ของหุ่นยนต์พี่เลี้ยง แต่ด้วยหน้าที่ของความเป็นเพื่อน

หน้าที่ความรับผิดชอบของโดราเอมอนใหญ่หลวง เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อดูแลโนบิตะไปวัน ๆ แต่มาเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต เขาต้องเปลี่ยนจากโนบิตะที่ล้มเหลวทุกอย่างไม่ว่าชีวิตการงานหรือชีวิตครอบครัว ให้เป็นโนบิตะที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหม ต่อให้คน ๆ นั้นไม่ใช่คนอ่อนแอ ขี้เกียจ ท้อถอยง่าย ไม่มีความพยายามในเรื่องที่ไม่สนใจอย่างโนบิตะก็เถอะ แต่ท่ามกลางความยากลำบากและภาระอันหนักอึ้งนั้น คุณเห็นไหมว่า โดราเอมอนไม่เคยกดดันโนบิตะเลย เขาไม่เคยเคี่ยวเข็ญให้โนบิตะเรียนเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่เคยสั่งให้โนบิตะเล่นกีฬาหรือค้นหาความสามารถพิเศษที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่เคยบังคับบีบคั้นโนบิตะให้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นคนใหม่ที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของตน โดราเอมอนเป็นเพียงเพื่อน และสิ่งที่เขาทำทั้งหมดก็อยู่เพียงในขอบเขตของเพื่อนที่ดีเท่านั้น เตือนให้เพื่อนรู้ถึงหน้าที่ที่ควรทำ รับฟังและช่วยหาทางแก้ไขเมื่อเพื่อนมีปัญหา ไม่เคยปิดกั้นจินตนาการของโนบิตะด้วยคำว่า ‘ไม่เข้าท่า’ ไม่เคยบอกว่าสิ่งที่โนบิตะรักและชอบเป็นเรื่องไร้สาระ โดราเอมอนสนับสนุนและให้โอกาสโนบิตะได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ เรียนรู้และลองผิดลองถูกไปด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน และร่วมเปลี่ยนแปลงอนาคตไปพร้อม ๆ กัน ทีละก้าว ทีละก้าว

โดราเอมอนผลักดันให้โนบิตะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ทำลายจิตใจอันงดงามจากความเป็นเด็กของเขา

ฉันไม่แปลกใจที่โดราเอมอนยังคงความนิยมอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลายแม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้วก็ตาม โดราเอมอนไม่ได้เป็นเพียงตัวการ์ตูนที่จมอยู่ในโลกไร้กาลเวลา แต่เขาเป็นเพื่อนที่พ่อแม่ผู้เติบโตมาพร้อมกับเขายินดีส่งต่อเขาให้กับลูก ๆ ของตน เพื่อถ่ายทอดความฝันและจินตนาการที่ตนเคยได้รับให้เด็กรุ่นหลังได้มีโอกาสสัมผัสเช่นกัน

น่าเสียดายที่ผู้ใหญ่บางกลุ่ม...ซึ่งอาจไม่เคยรู้จักโดราเอมอน หรือเคยรู้จัก แต่ถูกย้อมด้วยสีของสังคมอันแก่งแย่งชิงดีจนลืมความฝันสมัยเป็นเด็กไปหมดแล้ว...คิดว่าการ์ตูนเป็นเพียงของหลอกเด็กไร้สาระที่ไม่มีค่าคู่ควรให้ลูก ๆ ของพวกเขาได้เสพ เขาไม่เชื่อในความรักหรือความฝัน พลังจินตนาการเป็นสิ่งไร้สาระ ในโลกแห่งความเป็นจริงโหดร้ายและบีบคั้น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเริ่มต้นบีบคั้นลูกของตัวเองก่อนเพื่อเตรียมตัวให้เด็ก ๆ พร้อมสำหรับการเข้าสังคมในวันข้างหน้า โยนการ์ตูนไร้สาระนั่นทิ้งไปเสีย หน้าที่ของเด็กคือการเรียนให้เต็มที่เพื่อคะแนนที่โดดเด่นและอนาคตที่สดใส ดนตรี กีฬา และความสามารถพิเศษจะเป็นสิ่งสนับสนุน เด็ก ๆ ต้องพยายามให้เต็มที่เพื่อให้ตนเองเป็นผู้ถูกเลือกเมื่อเวลามาถึง ชีวิตคนนั้นสั้นนัก ไม่มีเวลาสำหรับแวะดูโน่นดูนี่ข้างทางหรอก

ฉันได้แต่หวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะเปลี่ยนใจ ชีวิตสั้นจริงอย่างที่พวกเขาว่า เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ควรจะถูกใช้เปลืองเปล่าไปโดยที่ผู้เป็นเจ้าของชีวิตไม่มีโอกาสได้มองเห็นสิ่งอื่นนอกจากการต่อสู้ฟาดฟัน โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่สวยงาม และจินตนาการสร้างสรรค์นั่นแหละคือสิ่งที่จะขับเคลื่อนโลกนี้ต่อไป การ์ตูนไม่ใช่เพียงสิ่งไร้สาระ แต่ในหลาย ๆ ครั้ง มันจุดประกายความฝันและแรงบันดาลใจ เป็นสื่อที่เข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย และในเรื่องที่ดี มันไม่ได้เหมาะสมแต่เพียงสำหรับเด็กเท่านั้น แต่ให้ข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่างกับผู้ใหญ่ด้วย

ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ คุณก็ควรจะรักษาความเป็นเด็กในหัวใจคุณเอาไว้ไม่ให้สูญสลาย

ศตวรรษที่ 20 ที่เราทั้งหลายคุ้นเคยผ่านไปแล้ว โลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาการเจริญเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ของวิเศษหลาย ๆ อย่างที่โดราเอมอนเคยเอาออกมาจากกระเป๋าแปรเปลี่ยนจากจินตนาการเป็นของจริง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่สามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมบนพื้นโลก, โทรศัพท์ที่สามารถมองเห็นใบหน้าของคู่สนทนาได้, เครื่องมือแปลภาษา ฯลฯ ความมหัศจรรย์ถูกแทนที่ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่อธิบายได้ จินตนาการกำลังเดินทางมาบรรจบกับเทคโนโลยี และอีกประมาณ 100 ปี ก็จะถึงศตวรรษที่ 22 ยุคสมัยที่เราหลายคนคงจำได้และรอคอยใจจดใจจ่อให้มันมาถึง เพราะมันเป็นยุคสมัยที่โดราเอมอนเกิด บางทีจินตนาการจากศตวรรษที่ 20 อาจเป็นจริงอีกสักครั้งถ้ามันยังไม่ถูกลืมเลือน เพื่อนผู้เดินทางข้ามกาลเวลาของเราอาจมีชีวิตขึ้นจริง ๆ ในสักวันหนึ่ง

ไม่ใช่เพียงแค่โนบิตะเท่านั้นที่โดราเอมอนเดินทางข้ามกาลเวลามาพบ แต่เป็นเด็ก ๆ อีกนับล้านคนทั่วโลก ไม่ใช่เพียงในความหมายที่เขามาจากโลกอนาคตที่ห่างไกลออกไปหลายร้อยปี แต่เขาข้ามกาลเวลานับสิบปีนับตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นเพื่อนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยังคงอยู่ที่เดิมกับรูปลักษณ์อย่างเดิม รอยยิ้มอ้ากว้างจริงใจ หัวกลม ๆ ที่เคยคิดอยากอ้าแขนออกให้กว้างที่สุดโอบกอด มือกลม ๆ ที่คุ้ยยุกยิกในกระเป๋ามิติที่สี่ที่หน้าท้อง หยิบมนต์วิเศษออกมาหว่านโปรย ทั้งความสนุกสนาน ความอบอุ่น การเรียนรู้ และมิตรภาพ

แด่เพื่อน ผู้เดินทางข้ามกาลเวลา

ป.ล. คุณอาจเคยเห็นข่าวลือเกี่ยวกับตอนอวสานของโดราเอมอนตามอินเตอร์เนทหลายเรื่อง ที่แพร่หลายที่สุดคือโดราเอมอนไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นเพียงจินตนาการของโนบิตะ เด็กที่ป่วยหนักด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษา ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลตลอดเวลา ความต้องการเพื่อนทำให้เขาจิตนาการถึงหุ่นยนต์แมวที่มาจากโลกอนาคตตัวนี้ขึ้น และอีกแบบคือหลังจากที่แบตเตอรี่ของโดราเอมอนหมดลง และการเปลี่ยนแบตเตอรี่จะทำให้เขาสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ทำให้โนบิตะตัดสินใจไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่ และเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งใจเรียนเพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะทำให้โดราเอมอนกลับมาเป็นปกติ ฉันขอบอกว่าทั้งสองเรื่องเป็นเพียง fan fiction และ doujinshi จากการจินตนาการของแฟน ๆ เท่านั้น ในความเป็นจริง โดราเอมอนไม่มีตอนจบ อาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ผู้ให้กำเนิดโดราเอมอน ยังเขียนตอนใหม่ของโดราเอมอนอยู่ในขณะที่ท่านหมดสติและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาถัดมา และจนบัดนี้ บรรดาผู้ช่วยของอาจารย์ก็ยังคงช่วยกันเขียนโดราเอมอนตอนใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อสานต่อความฝันของท่านไม่ให้สิ้นสุด

by Carousal
First Published : คอลัมน์ตัวละครในดวงใจ นิตยสารไอน้ำ



Create Date : 09 ตุลาคม 2553
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:20:29 น.
Counter : 713 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  

carousal
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 192 คน [?]



สนใจหนังสือ ติดต่อ agcarmine [at] hotmail.com นะคะ
All Blog