[REVIEW] สุดสายที่ปลายรุ้ง [SPOIL]


สุดสายที่ปลายรุ้ง สำนักพิมพ์ Princess ในเครือสถาพร โดยคิงเพนกวิน


เนื่องจาก entry นี้เป็น entry รีวิวหนังสือ เพราะงั้นเรื่องวีรกรรมวีรเวรใด ๆ ของผู้เขียน ขอให้ยกไว้ อย่าได้ไปกล่าวถึง ยกเว้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ ขออนุโลมพาดพิงนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วกันนะ

ถ้าไม่ใช่มนุษย์โลกสว่าง และไม่ซึน ก็คงจะรู้กันหมดแล้วมั้งว่าคิงเพนกวินเป็นสาววาย (คิดว่านะ) มี behavior ในการเขียนปกติเป็นนิยายวาย (คิดว่านะ) และสุดสายที่ปลายรุ้งเล่มนี้ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มันก็เคยเป็นนิยายวาย (คิดว่านะ!!) ในนาม Smoke&Gun (มีชื่อไทยว่า กลิ่นบุหรี่และควันปืน หรืออะไรเทือก ๆ นี้แหละ เราเรียกมันด้วยชื่อภาษาฝรั่งมังค่าตลอด) วางขายอยู่ใต้ดินในฐานะนิยายวายเต็มภาคภูมิ ก่อนจะถูกนำมาโมใหม่ ให้กลายเป็นนิยายชายหญิงหน้าตาเฉย เพื่อขายให้แก่สำนักพิมพ์บนดิน

สุดสายที่ปลายรุ้ง (ทำไมตอน search ชื่อเรื่องนี้ใน google มันถึงได้เจอละครเกาหลีขึ้นมาฟะ? หรือว่านิยายเรื่องนี้โด่งดังจนกลายเป็นละครเกาหลีไปแล้วโดยเราไม่รู้เนื้อรู้ตัว อะ ล้อเล่น ) เป็นเรื่องราวรักสามเส้าของเราสามคน ระหว่างหลงจิ้ง ทายาทตระกูลหลง มาเฟียฮ่องกง เจ้าพ่อตงฮู่, เยี่ยนจื่ออิง มือขวาและคู่ขาของหลงจิ้ง (ก็แล้วจะเรียกเป็นอะไรอื่นไปได้เล่า!) และอนันต์จิรา สาวน้อยจากเมืองไทย ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยจับพลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในนิยายวาย แต่วันนี้เธอได้รับการอัพเกรดให้มาเป็นนางเอกเพียงหนึ่งเดียวในตองอู

เข้าเรื่องกันเลยละกัน

ขอสปอล์ยหมดเปลือกแบบไม่เกรงใจใครตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไปเลยก็แล้วกัน ใครอยากไปหาอ่านเอง ไม่อยากรู้เรื่องก่อน ก็ขอให้ปิดไปซะ...ความจริง เจ้าของ blog เคยอ่าน smoke&gun มาแล้ว โดยการถูกเพื่อนยัดเยียดให้ยืม (ไม่ได้รังคัดรังแคดอกนะโฉมเอก แต่เจ้าของ blog เป็นสาววายสาย fanfic ด้วยขี้เกียจทำความรู้จักกับตัวละครใหม่ ๆ ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นเองแหละ) ตอนที่อ่านก็เฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากนัก (เพราะถูกยัดเยียดให้ยืมหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน ในเซ็ตเดียวที่ได้ยืมมานั้น เจ้าของ blog ออกจะติดใจโคมแดงของลิงน้อยมากกว่า แต่เรื่องนั้นเราไว้ว่ากันวันหลังก็แล้วกัน ถ้ามีโอกาส ซึ่งก็เชื่อว่าไม่มีหรอก) ก็พอจะจำได้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง แล้วก็จบยังไงเท่านั้นแหละ

มาวันนี้ ได้อ่านสุดสายที่ปลายรุ้ง (ตอนพิมพ์นี่ชะงักมือไปวูบหนึ่งเพราะนึกไม่ออกว่าชื่อเรื่องมันว่าอะไรนะ?) ด้วยความรู้สึกที่อยากจะรู้จักมันให้เป็นจริงเป็นจังกว่าวันนั้น ก็พบว่าสนุกดี...คำว่าสนุกดีของเจ้าของ blog นี้ ไม่ได้มีความหมายส่ง ๆ แค่ตอบให้พ้นตัวไปเวลามีใครถามว่าอ่านแล้วเป็นไงมั่ง แต่เป็นสนุกดี ในความหมายที่ว่า สนุกดี จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผูกเรื่อง ซึ่งถึงจะไม่ซับซ้อนอะไรมากมายนักตามประสาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ (อยากอ่านอะไรซับซ้อนไปอ่านสืบสวนสอบสวนโน่นสิ!) แต่ก็กลมกลืน และกลมกล่อม อ่านแล้วต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกสะดุดกึกกักหรือต้องขมวดคิ้วว่าอะไรวะ มาไงนี่ หรืออารมณ์ไม่ต่อเนื่องอย่างเวลาอ่านนิยายวัยรุ่นบางเล่ม (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดหรอก ฉันทาคติส่วนตัวของเจ้าของ blog บอกว่า สาววายโดยทั่วไปมักมีฝีมือมากกว่าประชาชนบนดินสามส่วนอยู่แล้ว)

หากจะมีอะไรไม่ถูกใจในเรื่องนี้ละก็ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่อยู่ ๆ เรื่องที่ถูกปูอย่างเต็มที่ว่ามันจะต้องจบแบบรักสามเส้าของเราสามคน ดันหักให้จบแบบนายเอกได้กับนางเอกหน้าตาเฉย ไม่ได้คิดแบบนี้เพราะเจ้าของ blog เป็นสาววายหรอกนะ แต่มันหักจริง ๆ คือไงดีล่ะ เหมือนกับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา สองคนนี้ผูกพันกันโดยมีหลงจิ้งเป็นตัวกลาง ถึงหลงจิ้งจะไม่อยู่ แต่ topic ปกติที่สองคนนี้มีร่วมกันก็คือเรื่องหลงจิ้ง อนันต์จิราไม่เคยสนใจตัวตนที่แท้จริงของจื่ออิง ไม่เคยพินิจพิจารณาในแง่อื่นนอกจากศัตรูความรัก และจื่ออิงเองก็ไม่เคยคิดจะดูแลอนันต์จิราในแง่อื่นนอกจากนี่คือผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับหลงจิ้ง คนสองคนที่มานั่งหัวเราะและร้องไห้ด้วยกันเพราะหลงรักผู้ชายคนเดียวกันนั้น วันหนึ่งมันทั้งคู่จะเตะผู้ชายคนนั้นออกจากชีวิตไป แล้วมา Featuring กันเองนั้น เป็นสิ่งที่...ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อยู่หรอกนะ แต่บทบาทในหนังสือเล่มนี้มันยังดำเนินไปไม่ถึงตอนนั้นอย่างแน่นอน ให้หมัดกัดสิเอ้า!

ก็คงจะโทษอะไรไม่ได้ นอกจากความจำเป็นในการขึ้นบนดิน (ซึ่งดูเหมือนว่าตอนแรกคิงเพนกวินจะยังไม่รู้ว่ามันจะไปอยู่ภายใต้แบรนด์ Y) จำนวนหน้าที่จำกัด ไม่เพียงพอต่อการสร้างสถานการณ์ระหว่างนายเอกกับนางเอก และความไม่เนียนในการเกลี่ยเรื่องวายให้กลายเป็นชายหญิง...ละมั้ง

อนึ่ง ในจำนวนตัวละครทั้งหมด เจ้าของ blog ชอบท่านหลงมากที่สุด...ไม่ใช่เพราะเจ้าของ blog เป็นโอจิค่อน เพราะถึงแม้เจ้าของ blog จะเป็น แต่นี่มันก็ไม่ใช่ประเด็นนั้น...แกดูเหมือนตาแก่ใจดี ไม่เหมือนเจ้าพ่อตงฮู่ กร๊าก แต่เอาเถอะ คนเราก็มีหน้าตาแตกต่างกันไปแล้วแต่กำลังหันไปเผชิญหน้ากับใครละนะ

อสอง ได้ยินว่าใคร ๆ ก็เกลียดหลงจิ้ง แต่เจ้าของ blog ไม่ยักกะเกลียดว่ะ สงสัยว่าฉบับปรับปรุงจะทำให้ความเข้มข้นและหน้าด้านของหลงจิ้งลดลงไปเยอะ ดูไปดูมา แทบจะเป็นตัวประกอบอยู่แล้ว

อสาม ถ้าจะชอบใครรองจากท่านหลง ก็คงเป็นยัยพริกขี้หนู เจ้าของ blog ชอบการตายของเธอใน smoke&gun มาก กร๊าก ทำไมต้องรีไรท์ส่วนนี้ด้วยล่ะ มันไม่จำเป็นสักหน่อย

by Carousal
First Published : canine@exteen



Create Date : 09 กันยายน 2554
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:14:07 น.
Counter : 724 Pageviews.

1 comment
[REVIEW] Curses, Inc. snd other stories คำสาปออนไลน์ (เกลียดใครต้องไปเว็บนี้) [SPOIL]
Curses, Inc. (and other stories)
คำสาปออนไลน์ (เกลียดใครต้องไปเว็บนี้)





Curses, Inc. and other story เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 10 เรื่องของ VivianVande Velde (VVV...ชื่อเท่จังค่ะ) ความหนาสิริรวมทั้งสิ้นเพียง 158 หน้า

อันที่จริงเจ้าของ blog เป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องสั้นเท่าไรนัก เพราะมี Bad Impression แปลก ๆ ประเภท เรื่องสั้น (โดยเฉพาะเรื่องชิงรางวัล) มักจะต้องจบเศร้าเพื่อให้เรื่องราวนั้นประทับอยู่ในความทรงจำคนอ่านได้นาน ๆ (อันนี้เป็นอคติส่วนตัวเท่านั้น รู้เหมือนกันว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป แต่ไอ้ที่อ่านส่วนใหญ่มันมักจะเป็นแบบนั้น) แล้วบางทีก็มักจะลักลั่น หลาย ๆ จุดจะคิดว่าถ้าเอามาขยายเป็นเรื่องยาวจะได้รายละเอียดกว่า ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็เลยไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือรวมเรื่องสั้นเท่าไหร่

แต่ที่ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ เพราะสนใจเรื่องเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต ที่เป็นเรื่องเอกนี่แหละค่ะ (คุณไม่คิดหรือคะว่าโลกไซเบอร์เป็นโลกที่ยังมีความลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่อีกมากมาย มีมุมมืดที่คนเรายังตามไปไม่พบ และสาวไปไม่ถึงให้ค้นหาอยู่อีกเยอะ) และเมื่ออ่านแล้ว ก็พบว่า เรื่องที่สนุกน้อยที่สุด (สำหรับเรานะ) ก็คือเรื่องแรก เรื่องเอก ที่ทำให้เราหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมานี่แหละ

(ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่สนุกนะคะ แต่หมายความว่าเรื่องอื่นสนุกกว่าเท่านั้นเอง)

มาดูกันเถอะว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

1. คำสาปออนไลน์ (เกลียดใครต้องไปเว็บนี้)

เรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเกิดเปลี่ยนใจ เบี้ยวนัดที่สัญญากับเพื่อนหญิงนางหนึ่งไว้ว่าจะไปงานพรอมด้วยกัน เพราะเกิดเสียดายเงินขึ้นมากะทันหัน เขาเลยถูกเพื่อนทั้งชั้นรุมกันกลั่นแกล้ง (เพราะใคร ๆ ก็คงเข้าใจหัวอกหญิงสาวที่อุตส่าห์เตรียมชุดสวยไว้แล้วไม่ได้ไปงานพรอมด้วยกันทั้งนั้น) เด็กหนุ่มที่ถูกแกล้งคั่งแค้นหงุดหงิดหัวใจ แต่ไม่รู้จะไปลงที่ไหน เผอิญนั่งเปิดเน็ตเล่นเว็บไปเรื่อย ๆ แล้วก็ดันไปเจอ link ที่เข้าบริษัทรับสาปคนที่คุณไม่ชอบขี้หน้าเข้าพอดี น่าสนใจ และถูกต้องตรงประเด็นเป๊ะ

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : เป็นเรื่องที่เจ้าของ blog พอจะเดาได้เลา ๆ ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะจบแบบไหน เพราะงั้นเลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่แอบมี feel ที่เข้าใจเจ้าหนุ่มตัวเอกนะ โดยเฉพาะเวลาที่สาปแล้วคำสาปแสดงผล แต่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการเนี่ย...สงสัยเจ้าของ blog จะแอบมี moment อยากสาปคนกับเขาเหมือนกัน อิอิ แต่จะว่าไป บริษัทรับสาปแบบนี้ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ทีเดียวนะ คือให้ความรู้สึกว่า ธุรกิจออนไลน์มันจะไม่ค่อยมีพรหมแดนเท่าไหร่น่ะ เพราะงั้น ถ้าวันหนึ่งมันเกิดมีธุรกิจบ้า ๆ พรรค์นี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ ก็อาจจะไม่แปลกใจก็ได้

2. ธาตุแท้

เรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์เกินจะทนมองไหว หากสวรรค์ก็ยังเมตตาเพียงพอที่จะชดเชยความอยุติธรรมนั้นด้วยพรสวรรค์อย่างอื่น...เธอมีอำนาจลึกลับที่เรียกว่าพลังในการอธิษฐาน ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม เมื่อเธออธิษฐาน มันจะเป็นไปตามที่เธอปรารถนา โชคดีเหลือเกินที่เด็กสาวเป็นคนมีจิตใจงดงาม อำนาจอธิษฐานนี้จึงมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คน

และคนผู้หนึ่งที่เข้ามาให้เธอช่วยเหลือ ก็คือเจ้าชายผู้งามสง่า ซึ่งทำให้ความปรารถนาอันเร้นลับตามประสาเด็กสาวของเธอก่อสะเก็ดลุกโพลงขึ้นในอกอย่างเงียบ ๆ

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : ชอบบรรยากาศโบราณ ๆ เหมือนยุคเดียวกับเทพนิยายกริมม์ในเรื่องนี้จังค่ะ แต่ไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นนิยายกริมม์เวอร์ชั่นปรับปรุงแล้วนะ แต่เป็นเวอร์ชั่นเก่ากึ้กส์ สมัยที่หนูน้อยหมวกแดงยังถูกข่มขืนอยู่น่ะ

ตอนจบคงพูดอะไรไม่ได้นอกจากสะใจดี ^^ มันต้องอย่างนี้สิ

3. หลังตะวันตกดิน

ในยามที่พระอาทิตย์สาดแสงจ้าอยู่กลางฟ้า หมู่บ้านแห่งนี้ก็เหมือนหมู่บ้านธรรมดาทั่ว ๆ ไป ที่มีพ่อค้านำข้าวของมาขาย แม่บ้านทำอาหาร ทำงานบ้าน และบรรดาหนุ่ม ๆ หัวหน้าครอบครัวก็ออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงลูกเต้าซึ่งวิ่งเล่นอย่างไม่อนาทรอยู่ในลานของหมู่บ้าน หากทันทีที่ตกค่ำ ทุกบ้านจะรีบต้อนเด็ก ๆ เข้าบ้าน ปิดประตูหน้าต่างทุกบาน ไม่ให้มีช่องร่องรูอะไรที่จะมองลอดออกไปภายนอกได้ เพราะทันทีที่สายหมอกจากแม่น้ำเริ่มก่อตัวปกคลุม หญิงสาวนางหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นบนปลายสุดของหมู่บ้าน ล่องลอยด้วยร่างที่ไร้น้ำหนักไปตามถนน รอคอยให้ใครสักคนหนึ่งเปิดประตูหรือหน้าต่างออกมา เพื่อมองดูเธอ สบตากับเธอ เธอเดินอยู่เช่นนี้ทุกค่ำคืนมานับสิบปีแล้ว เด็ก ๆ ทุกคนในหมู่บ้านล้วนต้องเคยแอบมองดูเธอ และรีบหลับตาปี๋หนีเสียทันควันเมื่อเธอตรงรี่เข้ามาหาดวงตาคู่แรกที่เธอเห็น...

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : ชอบบรรยากาศอีกแล้ว ทำไมไม่รู้ให้ feel เหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ แถวนิวออร์ลีนส์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ้าของ blog ชอบที่สุดค่ะ ทั้งลุ้นระทึกและแสนเศร้า

4. มาคุยกับสัตว์เลี้ยงกันเถอะ

ถ้าที่บ้านของคุณมีสัตว์เลี้ยง เชื่อว่าคุณคงเคยสงสัยเหมือนกันว่าที่มันพยักเพยิดได้ งอนได้ ดื้อได้ ตะแบงได้นั่น มันฟังภาษาของคนเรารู้เรื่องหรือเปล่า และเสียงที่มันเปล่งออกมา มันตั้งใจที่จะบอกอะไรเจ้าของของมันหรือเปล่า...เรื่องนี้เป็นเรื่องนั้นแหละค่ะ

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : บางอย่าง ถ้าไม่รู้ก็คงจะมีความสุขกว่านะ ^^

5. พ่อมดน้อย

เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่มีแม่เป็นแม่มดที่มีชื่อเสียง (โชคดีนะที่ในเรื่องนี้เค้าไม่ล่าแม่มดกัน) คอยทำนายโชคชะตาและใช้คาถาเพื่อให้มนุษยชาติสมหวังแลกกับรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ และแล้วในวันหนึ่ง ขณะที่แม่ของเขาไม่อยู่บ้าน หญิงสาวคนหนึ่งก็มาหาพร้อมกับปัญหาเรื่องร้อน ที่มีเพียงเวทมนต์เท่านั้นที่จะแก้ไขได้...ถ้าคุณเป็นเด็กคนนั้น ในสถานการณ์อย่างนั้น มีคนมาวิงวอนขอร้องแบบนั้น ลับสายตาผู้ใหญ่เช่นนั้น คุณจะทำอะไรหรือ? แน่นอน ก็เปิดหนังสือของแม่ แล้วท่องตามน่ะสิ

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : ไม่ประทับใจเป็นพิเศษค่ะ ก็เป็นเรื่องตลกน่ารัก ๆ เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ก็คงจะน่ารักไม่ออก

6. ภูติลวงวิญญาณ

คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวของสาวงามที่ปรากฏกายท่ามกลางสายธาร ล่อลวงผู้ชายให้หลงใหลกันมาบ้าง (แหม ดูเหมือนมันจะเป็นมุข classic ของมนุษยชาติ...แต่ไม่ยักเจอเรื่องที่สาวงามเหล่านี้ได้เป็นนางเอกเสียที เป็นแต่ตัวร้ายล่อผู้ชายไปจากนางเอกเสียเรื่อย) เรื่องนี้ก็คือเรื่องนั้นแหละค่ะ

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : ชอบบรรยากาศ (อีกแล้ว) อ่านแล้วให้อารมณ์เพลง Haunted ของ Evanescence โดยเฉพาะท่อน I can feel you pull me down...แบบว่าถ้าเป็นเราคงหลอนพิลึก

7. ใครจำข้าได้บ้าง

เรื่องราวของชายผู้หนึ่งซึ่งสูญเสียความทรงจำ มีเพียงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายภูมิฐานกับม้าหนึ่งตัวเท่านั้นที่อยู่ข้างกาย เขาพยายามถามคนทั้งหลายที่พบว่าตนเองคือใคร แต่โชคร้าย ไม่มีใครรู้จักเขาเลยแม้แต่คนเดียว

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : เดาได้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว เลยไม่ประทับใจอะไรเป็นพิเศษ แต่ชอบนัยความหมายของ 'สายตา' ที่ผู้เขียนเล่น แล้วก็เลยอยากรู้ว่า จริง ๆ แล้วก่อนที่ชายคนนั้นจะเสียความทรงจำ เขาเคยเป็นคนแบบไหนกันหนอ

8. นักล่าแม่มด

คุณเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ว่าการล่าแม่มดนั้น บางครั้งแม่มดที่ล่า ก็ไม่ใช่ของจริง อะไรก็ตามที่จริง ๆ แล้วก็ดูปกติธรรมดา ก็สามารถถูกจับมาโยงกับการเป็นแม่มดได้ทั้งนั้น เป็นต้นว่าแมวดำ ยาสมุนไพร หรือหนังสือที่กล่าวถึงเรื่องราวโบราณ ซึ่งไม่ใช่พระคัมภีร์ เรื่องนี้ก็คือเรื่องนั้นแหละค่ะ

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : เป็นเรื่องสั้นที่สะท้อนให้เห็นถึงเงื่อนไขของเวลาว่ามันไม่เคยเปลี่ยนไป ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ค่ะ

9. ยายแก่ข้างบึงสน

เรื่องราวของสาวน้อยผู้หนึ่งซึ่งไม่เคยพอใจกับอะไรสักอย่างที่ตนเองมีอยู่ เฝ้าแต่ริษยาตาร้อนและปรารถนาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองอยู่ร่ำไป ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนาจริง ๆ เลย เมื่อมือของเธอไม่สามารถไขว่คว้ามาด้วยตนเอง เธอก็ต้องอาศัยอำนาจเร้นลับเข้าช่วย โดยผู้ที่สามารถช่วยเธอได้นั้น คือยายแก่คลีโอลข้างดงสน ที่ขอแลกความสมปรารถนาของเธอกับอายุขัยเพียงหนึ่งปีเท่านั้น

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : ชอบเรื่องนี้สุด ๆ ไม่ใช่ด้วยเนื้อเรื่องหรอกนะคะ แต่บรรยากาศมันได้อารมณ์ Interview with the vampire อย่างกับอะไรดี และชอบตอนจบเป็นที่ยิ่ง

10. ลูกชายแม่มด

ไม่มีแม่คนไหนยอมรับการสูญเสียลูกชายไปในวัยอันไม่สมควรได้โดยง่าย หญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งสูญเสียลูกชายไปจากการถูกยิง จึงใช้มนต์ดำจากหนังสือที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษทำพิธีฟื้นคืนชีพให้ลูกชาย เธอเฝ้ารอคอยวันที่เขาตาย ทดลองปีแล้วปีเล่า ประสบความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน และแล้ว ในปีที่ 13 ความพยายามของเธอก็สัมฤทธิ์ผล หากการหวนกลับมาของลูกชายเธอในครั้งนี้ยังไม่สมบูรณ์ เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงวันเดียวเท่านั้น ทางเดียวที่เขาจะกลับมามีชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ คือต้องทำการ 'ชำระคืน' แก่ผู้ที่ทำให้เขาตายเพียงวิธีเดียวเท่านั้น

ความคิดเห็นเจ้าของ blog : ลุ้นดีค่ะ ไม่ใช่แค่สถานการณ์เท่านั้นที่ลุ้น แต่ยังลุ้นเกี่ยวกับความคิดจิตใจของตัวละครด้วยว่าจะเลือกทางไหน คิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับจะเป็นเรื่องสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้

ตอนท้ายหนังสือเล่มนี้มีแรงบันดาลใจอันเป็นที่มาของเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง เขียนโดยผู้เขียนเองอยู่ด้วยค่ะ โดยส่วนตัวเจ้าของ blog ชอบอ่านอะไรอย่างนี้นะ ^^ มันเหมือนกับเราได้เป็นเพื่อนและสนิทสนมกับคนเขียนมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง เรื่องเดียวกัน อ่านมาแล้ว คนสองคนอาจตีความไม่เหมือนกันก็ได้ เราจะได้รู้ด้วยว่า เราคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ เหมือนหรือขัดแย้งกับตัวผู้เขียนเองอย่างไร

(น่าเสียดายนะที่สำนักพิมพ์ไทยไม่ค่อยมีพื้นที่ให้นักเขียนได้เขียนถึงที่มาและแรงบันดาลใจของเรื่องตัวเองไว้ในเล่มกันเท่าไหร่เลย)

จบดื้อ ๆ แบบนี้แหละ ^^

by : Carousal
First Published : canine@exteen



Create Date : 05 กันยายน 2554
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:14:27 น.
Counter : 769 Pageviews.

1 comment
[REVIEW] คำให้การจากศพในห้องใต้ดิน [SPOIL]


คำให้การจากศพในห้องใต้ด้น โดย ภวดี ตู้จินดา (Clear Ice) สำนักพิมพ์แจ่มใส


หนังสือเล่มนี้เตะตาเจ้าของ blog มาตั้งแต่สมัยที่มันวางขายใหม่ ๆ (เพราะเจ้าของ blog เป็นสิ่งมีชีวิตที่บ้าคลั่งเรื่องราวที่เล่าโดยคนตายอย่างแรง นัยว่ามันมีแง่มุมที่คนเป็นมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้) แต่ตอนนั้นเปิด ๆ ดูแล้วเกิดทดท้อ ไม่อยากอ่าน เพราะตัวละครเป็นฝรั่งมังค่า เจ้าของ blog ไม่ชอบนิยายสไตล์นิยายแปลฝรั่ง เลยพาลไม่อยากอ่านเรื่องของคนไทยที่มีตัวละครเป็นฝรั่งไปด้วย เพราะเกิดมิจฉาทิฐิเอาเองว่ามันจะต้องให้อารมณ์ประมาณเดียวกันแหงแซะ

จำเนียรกาลผ่านไปนับปี จนหนังสือขาดตลาดไปนานแล้ว นึกอยากจะหามาอ่าน ก็หาไม่ได้เสียแล้วคราวนี้ จนกระทั่งไปเจอที่ร้านหนังสือมือสอง ดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว แล้วก็เพิ่งจะสังเกตนี่แหละว่ามันเป็นของสำนักพิมพ์แจ่มใส แปลกใจจริงจังว่าแจ่มใสก็พิมพ์อะไรทำนองนี้ด้วยหรือ? เพื่อนให้ความเห็นว่า หากไม่ใช่ผลงานของ Clear Ice นักเขียนคู่บุญ ก็คงยากนักที่จะได้ตีพิมพ์ แล้วเพื่อนก็ไม่เคยเห็นหนังสือแนวนี้จากสำนักพิมพ์นี้อีกเลย

แหม เสียดาย

คำให้การจากศพในห้องใต้ดิน...ดำเนินเรื่องราวตรงไปตรงมาตามชื่อเรื่อง คือเป็นการเล่าเรื่องโดยปากศพ (อันที่จริงควรจะพูดว่า โดยปากผี จะถูกต้องกว่า เพราะศพที่ว่าไม่ได้เห็นเพียงดินที่กลบหน้าศพเธอ แต่เล่าถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องด้วย) ซึ่งประกาศก้องตั้งแต่ประโยคแรกเลยว่าเธอตายไปแล้ว โดยการทารุณกรรมของป้า ผู้เป็นพี่สาวของมารดาผู้ล่วงลับของเธอ ศพของเธอถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินอันเยือกเย็นของบ้านป้าเป็นเวลาเกือบปี แล้ววันหนึ่ง นาโอมิ เด็กสาวผิวสีที่ไม่มีใครต้องการ ก็ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ ส่วนที่เคยเป็นของเธอ เข้ามาแทนที่เธอ ทั้งความรังเกียจเดียดฉันท์ และการทารุณกรรมที่เคยเกิดขึ้นกับเธอด้วย!

บอกตามตรงว่า เจ้าของ blog คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างสูง หนึ่งเพราะนักเขียนไม่ใช่เด็กแล้ว และมีชื่อเสียงในงานเขียนของตนประมาณหนึ่ง ความคาดหวังจึงสูงกว่าที่มีต่อเด็ก ๆ ที่เขียนพวกเลิฟซีรีส์ สองคือนี่เป็นเรื่องซีเรียส ที่คาดหวังผลมากกว่าความเพลิดเพลินอย่างเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และสาม อย่างที่กล่าวไปแล้ว เจ้าของ blog ชอบเรื่องที่เล่าจากปากศพ เพราะงั้น ขออนุญาตจู้จี้กับเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่แล้ว ๆ มาสักหน่อยเถอะนะ

ขอยกไปเป็นประเด็น ๆ นะ

1. Plot

ตรงไปตรงมามาก - -" กล่าวคือ อ่านเรื่องย่อหลังเล่มแล้วคิดแบบ simple ๆ ในเสี้ยววินาทีแรกที่อ่านจบออกมาเป็นเนื้อเรื่องยังไง มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่ขาดไม่เกินเลยแม้แต่น้อย (คือเราแอบหวังเซอร์ไพรส์หรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ไง) ก็เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่โดนมองทะลุตั้งแต่หน้าปกแบบนี้ก็แย่เหมือนกันนะเนี่ย น่าจะมีอะไรที่โอ๊ว ว้าว จริงเหรอ คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย แทรกอยู่บ้าง

2. สำนวนภาษาในเรื่อง

โดยความคิดเห็นส่วนตัว สำนวนภาษาเรื่องนี้ดี สวยงาม บรรยายได้เห็นภาพ อุปมาอุปไมยได้เหมาะสม แต่มันดีเกินไปสำหรับเด็กอายุ 14 ซึ่งเป็นช่วงอายุของแองจี้ ผู้เล่าในเรื่อง นอกจากนี้ ในหลาย ๆ จุด ก็คล้ายกับการเล่าด้วยมุมมองของพระเจ้ามากกว่าจะเป็นมุมมองของบุรุษที่ 1 อย่างที่ตั้งใจ กล่าวคือ มันขาดเสน่ห์อย่างที่เรื่องเล่าในมุมมองของบุรุษที่ 1 ควรมี เช่นอารมณ์, มุมมองที่อาจเน้นส่วนใดส่วนหนึ่งที่ผู้เล่าสนใจ และมองข้ามสิ่งที่ผู้เล่าไม่สนใจ, ภาวะบอดจากสิ่งที่ผู้เล่าไม่รู้ไม่เห็น, สภาวะความไม่เข้าใจ, เรื่องที่ผู้เล่าไม่อยากพูดถึง หรือแม้กระทั่งการโกหก

3. ตัวละคร

โดยความคิดเห็นส่วนตัว (อีกแล้ว) เจ้าของ blog คิดว่าตัวละครส่วนใหญ่แบน - -" การมีตัวตนอยู่ของตัวละครบางตัวก็มีจุดประสงค์ไม่ชัด และอีกบางตัวก็บรรยายลักษณะไว้ขัดกับลักษณะนิสัยที่แสดงออก อาทิ

- นาโอมิ ถูกบรรยายไว้ว่าดวงตามีแววรั้น ถือดี แต่สิ่งที่เธอทำกลับเป็นการหงอให้กับทุกคน ตั้งแต่คนที่บ้านไปจนถึงคนที่มารังแกที่โรงเรียน (ที่บ้านนั้นพอเข้าใจอยู่ ว่าอาจไม่กล้าตอบโต้อะไรเพราะไม่มีที่จะไป แต่การถูกรังแกที่โรงเรียนนี่ คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ถ้าเธอดื้อรั้นถือดีจริง ๆ เธอคงไม่ยอมให้ใครรังแกง่าย ๆ แน่)

- ป้าซาวิน่า ลูก ๆ ของป้า และเด็กเกเรที่โรงเรียนร้ายหัวทิ่มบ่อเกินไป ถึงแม้จะบรรยายให้เข้าใจว่าป้าเคยสูญเสียสามีโดยผู้หญิงผิวสี ทำให้เกลียดแค้นก็เถอะ (เจ้าของ blog เคยมีเพื่อนที่เกลียดเจ๊กรุนแรงโดยไร้เหตุผล เข้าใจดีว่าสภาวะแบบนี้มันมีจริง) เท่า ๆ กับที่ครอบครัวของมิถุนาเป็นคนดีจนฑูตสวรรค์เป่าแตรปู๊นนั่นแหละ

- การปรากฏตัวของมิถุนา ทำให้เจ้าของ blog รู้สึกเรื่องกระโดดดังโครม (ไม่ใช่แค่ดึ๋ง) แถมแมรี่ ซูอีก (ไปหาความหมายของคำว่าแมรี่ ซูเอาเอง) แต่ยังไม่เท่าอีตาเมษที่ราวจะเป็นพระอินทร์เขียว ๆ เหาะลงมานั่นเทียว

- สภาวะการมีตัวตนอยู่ของแองจี้ไม่ชัดเจนเลย ตอนแรก ๆ เจ้าของ blog รู้สึกว่า แองจี้ประพฤติตัวเป็นเพียงผู้เล่า แต่แล้วจู่ ๆ แองจี้ก็เกิดกลายเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ขึ้นมาได้ แป๊บ ๆ ก็กลับไปเป็นผู้เล่าอย่างเดียวเหมือนเดิมอีก ซึ่งเจ้าของ blog คิดว่า ถ้าเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เรื่องจะมีเสน่ห์กว่า และจะทำให้บรรยากาศของเรื่องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งผู้เขียนจะต้องเลือกเองว่าต้องการบรรยากาศแบบไหน ปัจจุบันมันลักลั่นอยู่น่ะ

อนึ่ง ตอนที่แองจี้บอกว่า 'เกลียดนาโอมิ' ทำเอาเจ้าของ blog ตื่นเต้นขึ้นมา 50% เลยทีเดียว และคิดว่าบทที่ 5 จบได้ดีมาก จนแอบคิดว่า ถ้าผู้เขียน เขียนโดยไม่บอกเสียก่อนว่า 'ฉัน' คืออะไร แล้วค่อย ๆ เฉลยเรื่องราวทีละน้อย จนรู้ว่าคืออะไรในตอนท้าย น่าจะสนุกขึ้นกว่านี้

อสอง การแนะนำตัวละครในช่วงแรก (ช่วงที่นาโอมิเข้าไปอยู่ในบ้านป้าซาวิน่า) เร็วไปหน่อย แล้วก็บรรยายมากจนรู้สึกว่าค่อนข้างยัดเยียด คือตรงนี้ถ้าลองเอาตัวเข้าไปแทนที่นาโอมิ แล้วทยอยทำความรู้จักแต่ละคนผ่านสายตาของนาโอมิ น่าจะทำให้จำง่าย และละมุนละม่อมกว่านี้นะ

4. จิปาถะอื่น ๆ ที่อ่านพบแล้วรู้สึกแหม่ง ๆ

- ตอนที่พ่อของนาโอมิส่งตังค์มาช้า แล้วป้าเลยตีนาโอมิ แล้วเอาลงไปขังในห้องใต้ดิน ไม่ให้อะไรกินจนกว่าพ่อจะส่งตังค์มาให้นั้น แอบรู้สึกเกินเหตุไปหน่อย ถ้าเราเป็นป้า เราคงเก็บวิธีนั้นเอาไว้เป็นวิธีสุดท้ายแบบ มั่นใจว่าไม่ส่งมาจริง ๆ แล้ว สละเรือละ ถ้ายังไม่ชัวร์ เราจะไม่ทำเด็ดขาด ต่อให้เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการแล้ว แต่ถ้าพ่อแม่มันรู้เรื่องขึ้นมา แน่เหรอว่าจะไม่ฟ้องเราเอาเรื่อง ทารุณเด็กนี่ท่าจะได้ค่าเสียหายหลายตังค์อยู่นะ ต่อให้ไม่ฟ้อง แต่ถ้าเค้าย้ายเด็กไปที่อื่น เราก็ขาดรายได้นะเออ

ว่าแต่ แล้วทำไมไม่ขอเบอร์ติดต่ออีพ่อเค้าไว้ล่ะยะ? โทรศัพท์มือถือในเรื่องก็มีแล้วนี่นา

- แล้วพอตอนที่พ่อของนาโอมิส่งเงินมาแล้ว ป้ามาเปิดประตู ทำกับข้าวให้กิน ผู้เขียนบรรยายไว้ประมาณว่า บรรยากาศดูอบอุ่น รื่นเริงประหนึ่งเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองนั่นเทียว...พูดตามตรงนะ เราไม่คิดว่าเราจะสามารถเข้าไปร่วมหัวเราะหรือรู้สึกว่าเป็นครอบครัวกับคนที่เพิ่งทารุณกรรมเราเกือบเสียสติไปแหมบ ๆ ได้หรอก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (แต่ไม่รู้ คนเราก็ไม่เหมือนกันละนะ บางทีคนเขียนอาจจะหัวเราะได้กระมัง?)

- ผู้เขียนบรรยายไว้ว่านาโอมิไม่เล่าเรื่องที่ตัวเองถูกทารุณกรรมที่บ้านให้มิถุนาเพื่อนรักฟังเพราะอาย อยากให้เพื่อนมองตนเป็นคนที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เด็กมีปัญหาน่าสงสาร...เออ ก็เข้าใจอยู่นะ แต่เรื่องที่พ่อมีเมียใหม่ (ซึ่งเราแอบคิดเอาเองว่าถ้าเป็นเรา เราจะอายเรื่องนี้มากกว่า) ก็ยังเล่ามาแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วตัวเองถูกทารุณกรรม (ที่ไม่ใช่การข่มขืน) มันน่าอายตรงไหนเนี่ย?

- แอบคิดว่าผู้เขียนลืม moment ของช่วงอายุไปแล้ว ประโยคที่ว่า 'ความจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ความรวยที่ไร้ศีลธรรมน่าอายกว่า' น่ะ ไม่ได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยากประการใด เด็กอายุ 14 เข้าใจแล้วแน่นอน ไม่ต้องให้มิถุนาออกตัวแบบนั้นก็ได้

- ตอนที่แองจี้ 'จับ' ผิวปลากระเบน เธอก็ไม่ควรรู้ว่ามัน 'สากปนลื่น' เพราะเธอไม่เคยจับมาก่อน (และครั้งนี้ก็จับไม่โดน เพราะเป็นปี๋ไปแย้ว)

- ไม่รู้ว่าป้าซาวิน่าคิดว่านาโอมิมาแทนที่แองจี้อย่างเต็มตัวหรืออย่างไร แต่คิดว่าคงไม่ เพราะไม่พูดถึงเอาเลยเหมือนแองจี้ไม่เคยมีตัวตน แต่ถ้าเราเป็นป้าซาวิน่า เราจะระวังนาโอมิมากกว่าแองจี้ เพราะนาโอมิมีเพื่อน ในขณะที่แองจี้ไม่มีใครเลย คนสองคนนี้ไม่ควรถูกปฏิบัติ หรือคาดหวังในการกระทำอย่างเท่าเทียมกัน เหมือนที่ป้าซาวิน่าทำหรอก

- นาโอมิเอาฟันกัดนิ้วเขียนหนังสือได้! ยาวด้วย! คาดว่าผู้เขียนคงไม่เคยกัดนิ้วเอาเลือดเขียนหนังสือดูจริง ๆ เป็นแน่ เลือดมันไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาไหลกันขนาดนั้นดอก อย่าไปเชื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ นั่นมันนิยาย!

- เมื่อกี้ยังถึงขนาดต้องกัดนิ้วรีดเลือดมาจารอักษรกันอยู่เลย อยู่ดี ๆ ตอนถัดมามีปากกาลูกลื่นซะงั้น

etc.

เอาเป็นว่า ปากร้ายมาถึงบรรทัดนี้ ไม่ใช่จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ดี อันที่จริงเป็นเรื่องที่ดีเชียวแหละ แต่ในความเห็นเจ้าของ blog ถ้าคนเขียนเอาเรื่องนี้เก็บลงลิ้นชักไว้หลังจากเขียนเสร็จ แล้วหลังจากนั้นครึ่งปีค่อยเอาออกมาอ่านแล้วรีไรท์อีกรอบ น่าจะได้เรื่องที่คมคาย กระชับ มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน และสนุกกว่านี้มาก ตอนนี้ยังมีหลายจุดที่รู้สึกว่าเป็นติ่ง ๆ ที่น่าจะต่อยอดหรือไม่ก็ตัดทิ้งได้หลายจุดเลย

สู้ต่อไปนะ จีบัน!

By Carousal
First Published : canine@exteen



Create Date : 02 กันยายน 2554
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:14:45 น.
Counter : 1133 Pageviews.

2 comment
เล่มนี้สิโดน - ห้วงรักนิรมิต
มันคงจะสนุกไม่ใช่เล่น ถ้าอยู่ ๆ วันดีคืนดี ตัวละครที่เราสร้างขึ้นในนิยายที่เราเขียนเอง ก็เกิดกระโดดออกจากแผ่นกระดาษหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังพิมพ์ มายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าคนเขียน ด้วยเลือดเนื้อตัวตนที่จับต้องได้แบบครบถ้วนสมบูรณ์

แต่มันคงสนุกไม่ออก ถ้าตัวละครที่ว่าออกมาด้วยเจตนาจะแก้แค้นคนเขียน ที่ดันเขียนตอนจบไม่ถูกใจ แถมยังดึงให้คนเขียนเข้าไปอยู่ในเรื่องเสียด้วยกัน จะได้รู้รสชาติความเจ็บปวดทุกข์ยากของสถานการณ์ที่สักแต่ใส่เข้ามาเอามันส์เสียบ้างว่ามันหืดขึ้นคอขนาดไหน

คงต้องตัวใครตัวมันละงานนี้




‘ห้วงรักนิรมิต’ เป็นทั้งชื่อหนังสือ และชื่อนิยายแฟนตาซีที่ ‘มุกเรียง’ สาวสวยนักฝันนางเอกของเรื่องเขียนขึ้น เธอก็เหมือนนักอยากเขียนส่วนมากที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลงานในระหว่างที่ฝีมือยังไม่ถึงขั้นเป็นที่ต้องตาของสำนักพิมพ์ (โดยมีพลอยแสง เพื่อนรักร่วมห้องเป็น beta-reader คอยวิพากษ์วิจารณ์จิกกัดพอท้วม ๆ) และห้วงรักนิรมิตก็เป็นผลงานเรื่องแรกของเธอ

ห้วงรักนิรมิตเวอร์ชั่นนิยายออนไลน์ที่มุกเรียงเขียนขึ้น เป็นเรื่องของวีรบุรุษผู้กล้าสองพี่น้อง อาเธอร์และปารีส ทั้งคู่เป็นบุตรชายฝาแฝดของราชินีแห่งนาเบีย ซึ่งต้องพลัดบ้านพลัดเมืองไปตั้งแต่ยังเล็กเพราะถูกสังฆราชก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์ ราชินีต้องหอบทารกน้อยรอนแรมหลบหนีภัยการเมืองไปในทะเล และในที่สุดก็สิ้นพระชนม์ลง ทิ้งไว้แต่โอรสฝาแฝดที่พนักงานประจำคอกม้าหลวงในอาณาจักรอันไกลโพ้นแห่งหนึ่งเมตตารับไปเลี้ยงดูเหมือนเป็นลูกของตนเอง

แม้จะเป็นฝาแฝดกัน แต่เจ้าชายทั้งสององค์ก็แตกต่างกัน อาเธอร์มีกำเนิดจากพลอยสีส้มที่พระมารดานำไปบูชาแด่เทพเจ้า ดังนั้นจึงมีดวงตาสีส้มอันมีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้หญิงสาวมากมายรักใคร่ใหลหลง ในขณะที่ปารีสผู้มีกำเนิดจากเพชรสีม่วงไม่สนใจอิสตรีใดเลย เขาใฝ่ใจในการผจญภัย ขี่ม้า และอาวุธ อันเป็นคุณสมบัติของวีรบุรุษเสียมากกว่า

ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ในฐานะบุตรชายของพนักงานคอกม้าหลวงอย่างมีความสุข ตราบจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ และได้ทราบความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเอง ทั้งคู่ก็ตกลงใจที่จะแก้แค้นให้มารดา และแย่งชิงอาณาจักรนาเบียที่บัดนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสังฆราชผู้ชั่วร้ายกลับมาเป็นของตน ดังนั้นการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของสองวีรบุรุษจึงได้เริ่มต้นขึ้น

หลังผ่านความยากลำบากนานัปการ ในที่สุดอาเธอร์และปารีสก็แก้แค้นให้มารดาได้สำเร็จ และสถาปนาตนเองขึ้นครองบัลลังก์เป็นราชาฝาแฝดที่รักใคร่กลมเกลียวกันมาก ทั้งคู่ร่วมกันปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินด้วยปรีชาสามารถ ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข

แต่แล้ว ความสัมพันธ์พี่น้องก็ต้องขาดสะบั้น เมื่อมีเดีย หญิงที่ปารีสหลงรักและกำลังจะแต่งงานด้วยกลับไปรักอาเธอร์ ปารีสเจ็บปวดมากที่พี่ชายทรยศ จึงแก้แค้นพี่ชายอย่างสาสมก่อนจะฆ่าตัวตายโดยการกระโดดหน้าผา แต่ก่อนตาย ปารีสได้สาบานไว้ว่าจะแก้แค้นผู้ที่ลิขิตชีวิตตัวเองให้ต้องมาเป็นเช่นนี้!

ประโยคที่พิมพ์ลงไปโดยไม่ได้คิดอะไรเลยนั่นแหละ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของมุกเรียงไปตลอดกาล!

จากนิยายไร้คนอ่านในโลกไซเบอร์ กลับกลายเป็นเรื่องจริงที่เหลือเชื่อ เมื่อปารีสออกจากนิยายมาพบกับมุกเรียง นักเขียนที่สร้างสรรค์ตัวเขาขึ้นจากจินตนาการ กำหนดเรื่องราวและลิขิตชีวิตอันโหดร้ายของเขาเพื่อความสนุกสนาน ด้วยเจตนาที่จะแก้แค้นเต็มที่ มุกเรียงซึ่งโดนตัวละครของตัวเองไล่ตามรังควานก็พยายามจะแก้ไขเนื้อเรื่องที่เขียนไปแล้ว แต่เมื่อไม่สำเร็จ ก็เหลือเพียงแค่ทางเดียว คือต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง และลงมือแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดด้วยตนเอง!

ส่วนจะแก้ไขได้สำเร็จหรือเปล่า อย่างไร วิธีไหน คงต้องไปหาอ่านกันเองแล้วละ

นอกจากโครงเรื่อง และการนำเสนอที่น่าสนใจในรูปแบบนิยายซ้อนนิยายแล้ว ฉันชอบตัวละครในเรื่องนี้มากเลยค่ะ โดยเฉพาะมุกเรียงผู้เป็นนางเอก เพราะเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ไม่แตกต่างอะไรจากคนอ่าน (ฮา) พอจับพลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในนิยายแฟนตาซีที่ตัวเองเขียน เธอก็แทบจะเอาตัวไม่รอด ถูกปิศาจที่ตัวเองกำหนดขึ้นมาทำร้าย ต้องให้ตัวละครของตัวเองมาช่วย จนในที่สุดจากที่ตั้งใจว่าจะเข้ามาเป็นฮีโร่ช่วยแก้ไขสถานการณ์เลวร้าย กลับกลายเป็นทำให้ยิ่งยุ่งและเป็นภาระให้คุณพระเอกต้องหอบกระเตงหิ้วไปไหนมาไหนด้วย แถมในระหว่างการเดินทาง มุกเรียงยังเจอความโก๊ะจากความไม่สมจริงของเรื่องที่ตัวเองเขียนจนต้องแอบเอาหัวโขกเสาเป็นระยะ ๆ เป็นต้นว่าในห้องอาบน้ำกลางป่าของดินแดนเทพนิยายสุดแสนโรแมนติก ดันมีโอ่งมังกรราชบุรีตั้งอยู่หน้าตาเฉย

พูดง่าย ๆ ว่าข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่มุกเรียงมีในดินแดนแห่งนี้ก็คือ เธอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนตัวละครทั้งหลาย...ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็เธอเป็นคนเขียนเองนี่!

ความตึงเครียดผสมความฮายังขมวดปมหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไป ๆ มา ๆ มุกเรียงดันเผลอใจไปตกหลุมรักตัวละครที่ตัวเองเขียนเข้าเต็มเปา และคุณพระเอกมาดเท่ที่ตอนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ดูมีทีท่าว่าชอบพอคุณคนเขียนดีอยู่ พอกลับมาอยู่ในโลกของตัวเองแล้ว กลับจำผู้หญิงที่ตัวเองเคยชอบไม่ได้ซะเฉย ๆ แถมยังแอบรำคาญว่ายายคนนี้ยุ่งจัง นี่ถ้าไม่ติดว่าการอภิบาลสุภาพสตรีที่พลัดบ้านพลัดเมืองมาเป็นหน้าที่ของวีรบุรุษละก็ อย่าหวังว่าปารีสจะชายตาแลซะให้ยาก!

ส่วนผสมพิลึกพิลั่นขาด ๆ เกิน ๆ ไม่ลงตัวระหว่างโลกแห่งจินตนาการและความเป็นจริงที่มุกเรียงต้องยื่นมือเข้าไปจัดการแก้ไข ทั้งในฐานะคนเขียน และส่วนหนึ่งของเรื่องนี่แหละค่ะที่เป็นเสน่ห์ของห้วงรักนิรมิต ที่จะทำให้คุณได้ลุ้นจนวางไม่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นนักเขียน หรือเคยมีความฝันที่จะเขียนแบบเดียวกับมุกเรียงบ้างสักครั้ง

เชื่อว่านักเขียนทุกคน ไม่ว่าจะมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ต่างก็คงเคยมีความรู้สึกผูกพันกับตัวละคนที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมากันทั้งนั้นใช่ไหมคะ จากความว่างเปล่า จิตนาการกำหนดรูปร่างหน้าตา ลักษณะนิสัย ชื่อเสียงเรียงนาม และเรื่องราวที่พวกเขาจะได้ประสบ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนเขียนจะเป็นคนแรกที่หลงรัก เกลียดชัง หรือสงสารตัวละครเหล่านั้น เพราะพวกเขาเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และถ้าเป็นไปได้ ก็คงอยากให้พวกเขาออกจากโลกแห่งจินตนาการมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงบ้างสักครั้ง ขุนกระบี่เจ้าน้ำตาได้หยิบเอาจินตนาการส่วนนั้นมาต่อยอดเป็นห้วงรักนิรมิต นิยายแฟนตาซีที่อาจทำให้คุณนึกอยากสัมผัสความรู้สึกเดียวกันนั้นด้วยการหยิบปากกา หรือเปิดเวิร์ดโพรเซสเซอร์ และเริ่มต้นสร้างสรรค์ตัวละครของตัวเองขึ้นมาบ้างก็เป็นได้

แต่ระวังจะเขียนดีเกินไปจนตัวละครกระโดดออกมานั่งคุยด้วยในโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนมุกเรียงล่ะ

by Carousal



Create Date : 26 สิงหาคม 2554
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:15:06 น.
Counter : 1177 Pageviews.

2 comment
พันหนึ่งราตรี – นิทานเก่าเล่าใหม่ในศตวรรษที่ 21
ท่ามกลางทะเลดาวที่พร่างพราวอยู่บนฟากฟ้าสีนิล ดวงจันทร์ทอแสงอยู่เหนือยอดโดมบนทะเลทรายที่กว้างไกลสุดสายตา เสียงขับลำนำระลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนอันอยู่ไกลแสนไกล คุณเคยได้ยินเรื่องราวของกษัตริย์ผู้สูญสิ้นความเชื่อมั่นในรัก และหญิงสาวผู้ต่อกรกับความเกรี้ยวกราดด้วยปัญญาตลอดเวลาหนึ่งพันกับอีกหนึ่งราตรีบ้างหรือเปล่าคะ?

พันหนึ่งราตรี หรืออาหรับราตรี (One Thousand and One Nights, Arabian Night) เป็นนิทานโบราณที่เล่าขานกันในหลายประเทศมาตั้งแต่ราวคริสศตวรรษที่สี่ กล่าวกันว่ามีผู้แต่งหลายคน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นตำนานหรือนิทานของแต่ละท้องถิ่น ที่เหล่านางห้ามหรือนางทาสซึ่งถูกเก็บตัวไว้ในฮาเร็มเล่าสู่กันฟังเพื่อบรรเทาความเหงา ความเบื่อหน่าย และเพื่อเป็นการระลึกถึงบ้านเกิดที่ตนเองคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกชั่วชีวิต

หากคุณไม่เคยทราบมาก่อน พันหนึ่งราตรีเป็นเรื่องราวของสุลต่านชาร์ยาร์ (Shahryar) กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์มีมเหสีโฉมงามที่ทรงสนิทเสน่หากว่าสตรีใด ๆ อยู่นางหนึ่ง ทว่านางกลับตอบสนองความรักของพระองค์ด้วยการทรยศหักหลัง เมื่อสุลต่านชาร์ยาร์ทรงจับได้ว่ามเหสีของพระองค์คบชู้กับทาสผิวดำ ก็ทรงเสียพระทัยมาก มีรับสั่งให้ประหารชีวิตนางเสีย และตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะไม่เชื่อถือในความสัตย์ของสตรีที่มีหัวใจเอาแน่เอานอนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

แต่นครจำเป็นต้องมีราชินี สุลต่านชาร์ยาร์จึงจำต้องมีบัญชาให้รับตัวหญิงสาวพรหมจารีเข้าวังเพื่ออภิเษกเป็นเจ้าสาวคนใหม่ แต่เจ้าสาวเหล่านั้นเป็นราชินีเพียงแค่ชั่วคืน เมื่อถึงรุ่งเช้า พวกนางจะถูกนำตัวไปประหาร เพื่อไม่ให้หญิงใดมีโอกาสทรยศต่อองค์สุลต่านได้อีก

บัญชาของสุลต่านชาร์ยาร์ ทำให้พ่อแม่ทั้งหลายที่มีบุตรีอยู่ในวัยอันสมควรมีคู่ต่างหวาดผวากันทั่วไป ด้วยเกรงว่าสักวันจะถึงคราวของครอบครัวตนเอง ในที่สุด เชเฮราซาด (Scheherazade) บุตรีของผู้นำองคมนตรีก็อาสาเข้าวังไปเป็นเจ้าสาว เพื่ออาศัยอุบายแก้ไขพระทัยอันโหดร้ายของสุลต่าน โดยมีชีวิตของนางเองเป็นเดิมพัน

เนื่องจากคืนวันส่งตัวจะเป็นคืนสุดท้ายในชีวิตของนาง เซเฮราซาดจึงได้ทูลขอพระราชานุญาตให้น้องสาวคนเล็กที่รักนางอย่างยิ่งติดตามเข้าไปในห้องหอด้วย เพื่อจะได้เล่านิทานให้ฟังเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งสุลต่านก็ทรงอนุญาต เมื่อจันทร์เคลื่อนคล้อย เซเฮราซาดก็เริ่มต้นเล่านิทานเรื่องยาว แต่เต็มไปด้วยความสนุกสนานตื่นเต้นและปริศนาที่รอคอยผู้ไข เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ ในที่สุดยามเช้าก็มาเยือนโดยที่นิทานยังดำเนินไปไม่ถึงตอนจบ สุลต่านชาร์ยาร์จึงทรงมีบัญชาให้เลื่อนการประหารออกไปอีกหนึ่งวัน เพื่อให้เซเฮราซาดมีโอกาสได้เล่านิทานของนางจนจบ

แต่นิทานของเซเฮราซาดไม่มีตอนจบ นางเล่านิทานเพียงเรื่องเดียวต่อเนื่องกันไปทุกค่ำคืน ไม่เพียงตัวนางเท่านั้นที่เล่านิทาน แต่ตัวละครในนิทานของนางก็เล่านิทานให้ตัวละครอีกตัวฟังต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ขาดตอน เซเฮราซาดเอาตัวรอดมาได้วันต่อวันด้วยนิทานซ้อนนิทานที่นางคิดขึ้น ทุก ๆ เช้า แสงอาทิตย์จะมาเยือนพร้อมกับที่นิทานค้างคาอยู่ในช่วงที่สนุกตื่นเต้นที่สุดเสมอ สุลต่านชาร์ยาร์ซึ่งไม่อาจตัดใจสั่งประหารผู้เล่าได้ จำต้องเลื่อนการประหารออกไปวันแล้ววันเล่า เซเฮราซาดเล่านิทานเรื่องเดียวของนางติดต่อกันกว่าหนึ่งพันวัน และเรื่องราวที่นางแต่งขึ้นก็ถูกนำมาเล่าขานต่อเนื่องยาวนานกว่าหนึ่งพันปี

ความสนุกสนานของพันหนึ่งราตรี ทำให้ไม่เพียงแต่นิทานเรื่องนี้จะถูกบันทึกและแปลเป็นภาษาต่าง ๆ แพร่หลายทั่วไปในโลกเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาสร้างในรูปแบบอื่น ๆ เช่นภาพยนต์ ละคร ละครเวที หรือการ์ตูนอีกหลายต่อหลายเวอร์ชั่น โดยส่วนใหญ่จะจับเพียงส่วนที่สนุกและเป็นที่รู้จัก เช่นอาลีบาบา อาละดิน ซินแบด มานำเสนอ และมีอีกไม่น้อยที่นำเรื่องเหล่านี้มาดัดแปลงและตีความเสียใหม่ให้มีมุมมองที่แปลกออกไปจากเดิม



เช่นเดียวกัน พันหนึ่งราตรีเล่มนี้ เป็นการ์ตูนสัญชาติเกาหลี จากผลงานการเขียนเรื่องของ Han Seung Hee ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบการ์ตูนโดย Cheon Jin Seok ซึ่งได้นำเค้าโครงเรื่องของพันหนึ่งราตรีมาเขียนขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมมิติของเรื่องราวระหว่างสุลต่านชาร์ยาร์และเซเฮราซาด รวมทั้งยังนำเรื่องตำนานเก่า ๆ ของเอเชีย หรือประวัติศาสตร์โลกมาแทนที่นิทานที่เซเฮราซาดเคยเล่าถวายสุลต่านอีกด้วย

ในฉบับของ Han Seung Hee สุลต่านชาร์ยาร์ไม่ใช่เพียงกษัตริย์ที่เจ็บปวดกับความรักที่ถูกทรยศจนออกคำสั่งให้ทำร้ายหญิงสาวไร้ความผิดไม่เลือกหน้า แต่ยังเป็นชายหนุ่มที่มีปมทางจิตเนื่องจากเห็นบิดาสังหารมารดาตนต่อหน้า เซเฮราซาดไม่ใช่บุตรีขุนนางที่เลิศล้ำด้วยปัญญา แต่เป็นเด็กหนุ่มสามัญที่ปลอมแปลงตัวเองเข้าวังเพื่อปกป้องน้องสาวที่กำลังจะถูกทหารนำไปถวายตัว น้องสาวของเซเฮราซาดไม่ใช่เพียงเด็กหญิงไร้เดียงสาที่วิงวอนให้พี่สาวเล่านิทานให้ฟังแม้นั่นจะเป็นเสี้ยววันสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยไฟแค้นจากการที่สุลต่านสังหารเพื่อนรักของเธอ และชาวเมืองทั้งหลายก็ไม่ใช่เพียงประชาชนที่หวาดกลัวจนยอมรับความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้หวังโดยไม่ขัดขืน แต่พวกเขาเหล่านั้นจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับสุลต่านและทหารของพระองค์ ซ่องสุมกองกำลัง และสุดท้ายก็กลายเป็นกบฎ

ผู้อ่านถูกวางมุมมองตามสายตาของเซเฮราซาด เด็กหนุ่มที่กลายเป็นผู้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสุลต่านกับประชาชน เขาพยายามอธิบายถึงตัวตนที่แท้จริงของสุลต่านให้ประชาชนเข้าใจ และในขณะเดียวกันก็พยายามสื่อความรู้สึกของประชาชนให้สุลต่านทรงทราบด้วย ปมทางจิตใจของสุลต่านชาร์ยาร์ค่อย ๆ ถูกคลี่ออกทีละขั้น ๆ ตามร่องรอยที่เซเฮราซาดติดตามไปพบ และเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในจิตวิญญาณของพระองค์ เซเฮราซาดได้เล่านิทานให้พระองค์ฟัง นิทานที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดและปมทางจิตวิทยาของพระองค์ นิทานที่ให้คำตอบ หรือข้อคิดอีกด้านหนึ่ง นอกเหนือจากแง่มุมอันปวดร้าวที่สุลต่านทอดพระเนตรเห็น



ไม่เพียงแต่เรื่องราวหลักเท่านั้นที่ถูกดัดแปลงและเพิ่มเติมมิติเข้าไป แม้แต่เรื่องราวในนิทานที่เซเฮราซาดนำมาเล่า ก็ถูกนำมาตีความและเล่าใหม่ในรูปแบบของตัวเองเช่นกัน เซเฮราซาดในฉบับการ์ตูนไม่ได้เล่าเรื่องซินแบด อาลีบาบา หรืออาละดินอย่างที่เซเฮราซาดในตำนานโบราณเคยเล่า แต่เขาเรื่องราวที่เขาหยิบมาเล่า เป็นเรื่องราวจากวรรณกรรมหรือประวัติศาสตร์ที่เรารู้จักกันดี เช่นเรื่องราวของทูรันดอท เจ้าหญิงโฉมงามผู้ตั้งปริศนาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการอภิเษกสมรส หากชายที่อาสาเข้ามาตอบไม่สามารถแก้ปริศนาของนางได้ จะต้องถูกประหาร, เรื่องราวของเด็กชายผู้ถือกำเนิดจากนางฟ้าที่ถูกคนตัดฟืนขโมยผ้าของนางไปในระหว่างที่อาบน้ำ และต้องแลกเปลี่ยนโดยการยอมเป็นภรรยาของเขา หรือเรื่องราวของคลีโอพัตรา ราชินีองค์สุดท้ายของอียิปต์ ในแง่มุมที่ไม่ใช่หญิงสาวทะเยอทะยานที่มองเห็นแต่เพียงความก้าวหน้า แต่เปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อน้องชาย และยินยอมทำทุกอย่างเพื่อน้องชายผู้นั้น

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบนิทานหรือตำนานเก่า ๆ ชอบคิดค้นตีความเรื่องราวที่ผู้คนอาจอ่านผ่านหลายต่อครั้งจนลืมไปว่ามันมีอีกหลายแง่มุมให้ขบคิด ชอบการ์ตูนลายเส้นสวย ๆ ที่แปลกตากว่าการ์ตูนญี่ปุ่น ฉันอยากแนะนำให้คุณลองอ่านพันหนึ่งราตรีเล่มนี้ รับรองว่าคุณจะได้เพลิดเพลินไปกับนิทานของเซเฮราซาดที่แตกต่างไปจากที่คุณเคยรู้จักมาแล้วอย่างแน่นอนค่ะ

by Carousal
First Publish : คอลัมน์สุดสัปดาห์กับการ์ตูน เวบไซต์ประชาไท



Create Date : 13 สิงหาคม 2554
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:16:03 น.
Counter : 1565 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  

carousal
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 192 คน [?]



สนใจหนังสือ ติดต่อ agcarmine [at] hotmail.com นะคะ
All Blog