CandyBee
Group Blog
 
All blogs
 

ซี่โครงแกะย่าง(ที่ดีที่สุด)กับซอสแกงกระหรี่ผัก




แหะๆหายหัวไปนานหลายเดือน
แล้วก็กระเซอะกระเซิงกลับมาอัพบล๊อก
มีเรื่องจะมาโม้ค่ะ แต่ขอยกเอาไว้คราวหน้า(อีกแล้ว)
วันนี้ขอแวะมาย่างซี่โครงแกะแปะโป้งเอาไว้ก่อน
ซี่โครงแกะวันนี้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากออสเตรเลีย
เป็นซี่โครงแกะที่ดีที่สุด....เพราะว่า "ฟรี" ฮา...

ปกติเวลาเราทานอาหารประเภทย่างมักจะย่างแค่พอสุก
แต่ซี่โครงแกะวันนี้ผ่านการแช่แข็ง และไม่ได้สดมากพอที่จะทำแบบนั้นได้
เลยต้องย่างให้สุก และด้วยความกังวลว่ามันจะมีกลิ่นสาบ
เลยจับย่างกับ Seasoning และทานคู่ซอสแกงกระหรี่ผัก แบบหนักเครื่องเทศเข้าไว้
แต่พอทานจริงๆแล้วซี่โครงแกะอันนี้ดีสมคำล่ำลือ คือไม่มีกลิ่นสาบเลย
สำหรับใครที่หาซี่โครงแกะไม่ได้ให้ใช้ซี่โครงแมวแทนไปก่อน
แอร๊ววววววว ไม่ใช่...>3<
ปรับเปลี่ยนเป็นเนื้อวัว หมู ไก่ ตามที่ตลาดใกล้บ้านท่านจะอำนวยค่ะ


ส่วนประกอบ
ซี่โครงแกะ
เกลือ
Seasoning
ส่วนประกอบซอส
น้ำพริกแกงกระหรี่
กระเทียม
โยเกิร์ต
ซูกินี บวบคองหงษ์ มะเขือม่วงหั่นเต๋าเล็ก
พริกสด
น้ำปลา
น้ำตาลปี๊บ

วิธีทำ





หมักซี่โครงแกะกับเกลือ และ Seasoning




แล้วก็เอาไปย่าง พร้อมกระเทียมจนสุก




หันมาทำซอสกันจ้ะ ผักหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ




ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ตามด้วยกระเทียมย่าง และน้ำพริกแกงกระหรี่




ผัดๆๆใส่โยเกิร์ต ตามด้วยผัก พริกสด ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ




เสิร์ฟพร้อมผักสลัด และขนมปัง




จัดซี่โครงให้ตั้งขึ้น เน้นเก๋หรูเข้าไว้ เพื่ออะไรก็ไม่รู้เห็นเขาทำกันเราก็ทำบ้าง


จานนี้ หอมซี่โครงแกะย่างมากๆ พอกินคู่กับซอสแกงกระหรี่ผักแล้วมันเข้ากั๊นเข้ากัน
ขอให้อร่อยกันถ้วนหน้าค่ะ บ๋ายบาย





 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 16:25:22 น.
Counter : 2949 Pageviews.  

French Toast ห้านาที




ช่วงนี้งานราษฎร์ไป งานหลวงมา
ดูดพลังหายไปหลาย Level
บางแว๊บก็รู้สึกดี บางแว๊บก็ท้อ
แต่ลงมือทำแล้วก็ต้องลุยต่อจนถึงที่สุดล่ะเน๊าะ
...
อ่าห์บ่นมาเสียยืดยาว
วันนี้เราเลือกเอาอาหารเรียกพลัง และความสดชื่นในยามเช้า
ทำง่ายๆ เสร็จพร้อมเสิร์ฟใน 5 นาทีค่ะ



ส่วนประกอบ

ขนมปัง 2 แผ่น
ไข่แดง(ไข่ไก่) 1 ฟอง
นมจืด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
เนย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อย
กลิ่นวานิลา
ผลไม้สด






ผสมน้ำตาลทราย เกลือ นมจืด กลิ่นวานิลา และไข่แดง คนให้เข้ากัน




เอานมปังจุ่มแบบซึมซับให้ทัวทั้งแผ่น หน้า-หลัง




หน้าตาจะออกมาประมาณนี้จ้ะ





ตั้งกระทะใส่เนย งานนี้ใช้ไฟอ่อนนะคะ ค่อยๆทอดไปเรื่อยๆ
ในส่วนผสมมีน้ำตาลต้องระวังขนมปังไหม้ด้วย
แล้วตอนท้ายๆจะมีตัวอย่างที่ดี ของการทอดที่แย่ให้ดูค่ะ




เสร็จแล้วก็เอามาหั่น (จะบอกทำไมน๊อ....?)




สลับกับผลหมากรากไม้ กล้วยอ้อยที่ได้ตระเตรียมมา





จัดแต่งจานให้สวยงาม ยองๆผลไม้แหมะเอาไว้รอบๆจานพอเป็นพิธี
ถ้ามีไอซิ่งก็โรยลงไปเพิ่มความหวาน และความงามลงไปนิดๆหน่อยๆจ้ะ




หรือไม่ก็ราดน้ำผึ้งนะจ๊ะ
ภาพสุดท้ายนี้เริ่มเห็นสัจธรรม...ความดำที่ปนเปื้อนอยู่ในความงาม
อร่อยเหาะ....กันถ้วนหน้านะจ๊ะ
...
"bon appétit"




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2553 19:57:52 น.
Counter : 1944 Pageviews.  

กุ้งนุ่งโสร่ง





หลังจากหลงระเริงบันเทิงใจไปกับการนั่งดูคนตีกัน
วันนี้เลยขอปัดฝุ่นบล๊อก อัพอาหารว่างแนวถนัด(แนวมั่ว)
เป็น "กุ้งนุ่งโสร่ง" ถ้าใครเคยกินหมูโสร่ง มันคืออันเดียวกันค่ะ
แต่ใช้กุ้งแทนหมู เท่านั้นเอง
เมนูนี้ทำง่าย จะเสียเวลาตรงม้วนเส้นนี่แหละ
หมายเหตุจั๊กหน่อยแน๊ เวลาพันเส้นไม่ต้องแน่นมากนะเออ
เพราะเวลาทอดแล้วจะแข็งโป๊ก คนกินอาจจะฟันบิ่น เหงือกร่นได้
นอกเสียจากว่าจะเอาอาหารไปเป็นอาวุธ ใช้เขวี้ยวหัวคู่ต่อสู้ได้ค่ะ
รับประกันความเจ็บปวด


ส่วนประกอบ

กุ้งปอกเปลือก
เส้นหมี่ซั่วแช่น้ำ
น้ำมันสำหรับทอด
น้ำจิ้มไก่
* ทำไมวันนี้ใช้ของน้อยจังแว๊....







เส้นหมี่ซั่วเค็มปี๋ ต้องแช่น้ำให้นิ่มล้างๆๆๆ ให้หายเค็ม
แช่น้ำอย่าให้อืดนะคะ เอามาใช้พันกุ้งค่ะไม่ได้เอาไว้ประกอบรูปคดี แช่กันพอประมาณเน้อ




หน้าตาผู้ต้องหา...เอ้ย กุ้งกับหมี่ซั่วค่ะ เอากุ้งไปปอกเปลือกด้วยนะคะ




เอามาพัน ๆ ๆ ที่ตัวกุ้งง๊ายง่าย วันนี้เล่นมุกหน้าด้านค่ะ
ว่าแต่มือใครนิ สวยจัง โฮ๊ะ ๆ ๆ ๆ




เวลาพันเพื่อความสวยงามก็เหลือหางไว้ซะนิดนึงนะจ้ะ ดูเป็นฟิงเกิอร์ฟู๊ดหยิบแทะได้ไม่กระดากอาย




เสร็จแล้วก็ทอดไป ใช้ไฟปานกลางค่ะ
อาจจะมีเส้นหมี่สยายออกมาบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหลุดโพล๊ะออกมา
ทอดจนเป็นสีเหลืองสวยงามอร่ามตา




ทอดแล้วหน้าตาเป็นฉะนี้ จัดใส่ตระกร้า หรือภาชนะตามอัธยาศัย




หน้าตาแบบด่วนสรุป จัดเสริฟพร้อมน้ำจิ้มไก่
วันนี้เป็นน้ำจิ้มไก่ตราคุณป้าบ้าพลัง อิฉันทำเองด้วยความมึนงงค่ะ
จำได้เลาๆว่าหันไปเจอพริกกับกระเทียมดอง แล้วจำอะไรไม่ได้อีก
รู้สึกตัวอีกทีก็ได้น้ำจิ้มไก่มาเป็นของตัวเอง....จ๊าฟมากค่ะ

...เอาไว้ปะเหมาะเคราะห์ร้าย เอ้ย โอกาสอำนวยจะลงวิธีทำน้ำจิ้มไก่นะคะ
แล้วพบกันใหม่นะคะ




 

Create Date : 20 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มกราคม 2553 22:55:10 น.
Counter : 8395 Pageviews.  

มะเขือม่วงราดซอสมิโสะหวาน



วันนี้ได้ฤกษ์เจียดเวลามาอัพบล๊อก
ช่วงนี้งานเข้า (แต่เงินยังไม่เข้า...T_T) หาเวลาว่างยากนิดนึงค่ะ
เมนูนี้ทำไว้นานแล้ว และก็ดองเอาไว้นานแล้วเช่นกัน
เป็นความสามารถพิเศษที่หนูๆไม่ควรเลียนแบบ
...เมนูนี้คือ มะเขือม่วงราดซอสมิโสะหวาน
ได้ทานเป็นครั้งแรกที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งแถวๆสีลม
แบบว่ามันอร่อยมาก
ก็เลยจำหน้าตาและรสชาติเอามามั่วนิ่มทำค่ะ ฮ่าๆๆ
...อย่าเพิ่งทำหน้าเสียว มันกินได้จริงๆนะ แล้วก็อร่อยด้วย
จะบอกว่ารสชาติเหมือนกันเด๊ะ (ขอโม้หน่อย)
วันก่อนลองเปิดสูตรในอินเตอร์เน็ต เขาใช้วิธีย่าง
แต่ของเราใช้แบบทอดค่ะ



ส่วนผสม
มะเขือม่วง
มิโสะ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าเล็กน้อย
งาขาคั่ว






ทำซอสมิโสะหวาน คือเอามิโสะไปผสมน้ำตาล (คิดเอาเองแบบสมการง่อยมากๆ มิโสะ + น้ำตาล = มิโสะหวาน...555)
ผสมมิโสะ น้ำตาลและน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน ให้หนืดๆนิดนึง อย่าให้เหลวนะคะ




ผ่ามะเขือแบ่งครึ่ง กรีดเป็นตารางลึก แต่อย่าให้ขาดจากกัน




ทำได้ 2 แบบนะคะ แบบแรกคือทาซอสมิโสะหวาน แล้วเอาไปทอด




ถ้าทาก่อน เวลาทอดให้เอาด้านเปลือกลงก่อน
ถ้าเอาด้านที่ทาลงก่อนน้ำมันจะไหม้เร็วค่ะ




แต่ถ้าทาหลังทอดก็คว่ำหน้าลงไปก่อน....เพื่อ???
เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แค่อยากให้มันแตกต่าง......ชะเเว้ง!!!




พออีกด้านนึงเหลืองแล้วก็พลิกทอดอีกด้านนึง
เพื่อมนุษยธรรม กรุณาดูให้เป็นนกจุ๊บกันนะจ๊ะ
...ไม่ใช่ลูกนกตกกระทะทอดกล้วยแขกนะเออ
แต่ดูแล้วก็คล้ายๆนกทอดกอดกันตาย...เหมือนกันนิ T_T




ทอดเสร็จแล้วก่อนเสิร์ฟก็โรยงาคั่วพอประมาณ
อันนี้เวอร์ชั่น ทาแล้วทอด




มองอะไร ไม่เคยเห็นมะเขือรึไง?....เมี๊ยว




ส่วนอันนี้เวอร์ชั่นทอดแล้วทา




ขอจบเรื่องมะเขือ มะเขือไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ
.
.
.
มื้อหน้าเจอกันค่ะ




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2552 0:19:37 น.
Counter : 4623 Pageviews.  

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น จากตรอกไดแอกอน




ก่อนที่จะมีใครประณามว่ายัยนี่สวนกระแส เขากินเจกัน ดันมาทะลึ่งทำก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
ก๋วยเตี๋ยวหม้อนี้ทำเอาไว้ก่อนเทศกาลกินเจนะจ๊ะ พอดีได้รอบต้องอัพบล๊อกเลยคว้าเอามาแปะ
ส่วนใครที่กินเจอยู่ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ...

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เป็นอะไรที่ทำง่ายมาก แค่โยนของใส่หม้อ ปิดฝาแล้วรอให้ได้ที่
กรรมวิธีเหมือนแม่มดเคี่ยวยาพิษ
ติดไฟ ตั้งหม้อเทน้ำ โยนๆของใส่แล้ว..."เพี้ยงงงงงงงง" ...จบ
นี่เป็นที่มาของชื่อ "ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น จากตรอกไดแอกอน"


ส่วนประกอบ

หมูส่วนใบพายแก้ว
กระเทียม
พริกไทยเม็ดคั่ว
ลูกกระวาน
โป๊ยกั๊ก
อบเชย
ผงพะโล้
รากผักชี
รากคื่นไช่
อบเชย
เครื่องยาจีน(หม้อนี้ไม่ได้ใส่ค่ะ)
ใบเตย
เกลือ
น้ำตาลปี๊บ
ซีอิ้วดำหวาน
- - - - - - - -
เส้นก๋วยเตี๋ยว
กระเทียมเจียว
พริกไทป่น
ต้นหอม ผักชีซอย

วิธีทำ




นี่คือหน้าตาขอหมูส่วนใบพายแก้ว เราเพิ่งจะรู้จักว่ามันคืออะไรก็วันนี้เอง ปกติไม่เคยซื้อมาทานค่ะ
วันนั้นพ่อต้องการซื้อกระดูกใบพาย(อันใหญ่ๆที่ใช้ทำน้ำซุป เอามาฝากน้องไมโลลูกรัก อยากให้ลูกได้แทะเล่นเพลินๆ)
แต่เหมือนจะไม่มีขาย พ่อบอกว่าเหลือบไปเห็นห่อๆนึง เขียนว่าใบพายอะไรสักอย่างก็เลยคว้าเอามา
พอกลับมาถึงบ้านมันกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้หน้าตาดูท่าจะเอามาทำอาหารประเภทตุ๋นได้เด็ดดวงนัก
เราก็เลยแย่งอาหาร...หะ-หมา มารับประทาน ซะเลย



หน้าตาเครื่องเทศทั้งหลายแหล่ ขอเตือนว่า อบเชยควรใช้แต่น้อย ไม่ควรเกิน 3 แท่งกลาง ต่อหมู 1 กิโลกรัม
เพราะกลิ่นจะแรงมาก ส่วนผงพะโล้ก็เช่นกันค่ะ เบาๆมือหน่อยใส่มากไปนอกจากกลิ่นจะแรงมากแล้ว จะทำให้มีรสขมด้วย
ถ้าขยันหน่อย ก็เอาพวกเครื่องเทศชิ้นเล็กชิ้นน้อย ห่อผ้าขาวบางมัดแล้วค่อยหย่อนลงไป
เราขี้เกียจหา เลยเทลงไปหมดเลย...เอ้า ก็ทำให้มันสมกับเป็นวิถีแห่งแม่มด
สำรับก๋วยเตี๋ยววันนี้ เราไม่ได้บอกอัตราส่วนนะคะ ชอบมากใส่มาก ชอบน้อยใส่น้อย
เราเป็นคนจมูกไว ใส่ของมีกลิ่นแรงๆมากไม่ค่อยได้ค่ะ ส่วนรากผักชี และรากคื่นไช่ก็เอามาทุบๆบุบๆก่อน



ตั้งน้ำไม่ต้องรอเดือด ใส่ทุกอย่างลงไปค่ะ แล้วปิดฝาไปเลย
ปริมาณน้ำที่ใช้คือให้ท่วมเนื้อหมูพอสมควร เพราะเคี่ยวนาน น้ำจะแห้งเกินค่ะเดี๋ยวหม้อจะไหม้
แต่ไม่ถึงกับล้น เผื่อเวลาเดือดเอาไว้ด้วย จะเดี๋ยวจะมีเฮ



ต้มไปเรื่อยๆ จนน้ำเดือด ก็ให้เริ่มช้อนฟองออก



ตอนแรกที่ทำไม่ได้ใส่ใบเตย
พอโยนของลงหม้อ แล้วบริกรรมคาถาหมุบหมิบ 2 วินาทีแล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยรอบๆบ้าน
หันไปป๊ะกับกอใบเตยหน้าบ้าน
เราเคยเห็นแว๊บๆว่าเขาใส่ใบเตยลงในน้ำก๋วยเตี๋ยว
เลยคว้ากรรไกรมาตัด 3 ใบแล้วผูกเข้าด้วยกัน แล้วหย่อนลงหม้อไปโลด



พอเคี่ยวได้ที่ หน้าตาจะออกมาเป็นแบบนี้
ใส่ใบเตยลงไปแล้วกลิ่นเปลี่ยนไปจริงๆค่ะ มันจะหอมลึกๆ
บรรยายไม่ถูก ...เอาเป็นว่าหอมก็แล้วกันเนอะ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไปนะคะ เคี่ยวไฟอ่อนๆ
ไม่ว่าจะใช้ซี่โครง หรือเนื้อส่วนไหนก็ตามแต่
อย่างกไฟ เพราะนอกเนื้อจะเหนียวแล้ว รสชาติมันยังไม่เข้าที่ด้วย



เวลาที่ว่างจากการรอ ก็มาทำพริกน้ำส้มกันดีกว่า
คั่วพริกกับกระเทียม เอาให้ไหม้ ....เน้นให้ดำประหนึ่งว่าจะเอาไปบูชาพระราหู
อ่อ โปรดระวังกระเทียมของท่านด้วย เพราะมันจะระเบิด บรึ่มมมมม
ใส่กระเทียมลงไปให้เยอะหน่อย กว่าจะไหม้ได้ที่ก็ระเบิดกระจายหายไปหลายกลีบ
พอดำได้ที่ จากนั้นก็ตำแล้วใส่น้ำส้มลงไป
พริกและกระเทียมที่ผ่านการคั่วอย่างโชกโชน จะให้กลิ่นที่หอมชวนฝันมาก
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับพริกน้ำส้มแบบบ้านๆ



วิธีลวกก๋วยเตี๋ยวต้องบอกไหมเนี่ย...โธ่เธอก็
เอาเป็นว่า ถ้าท่านผู้ชมเลือกใช้เส้นบะหมี่ ก็มีกระบวนการลับๆดังนี้ค่ะ
เดินวนรอบชามบะหมี่ 3 รอบ หยิบเส้นมาเขย่าๆแล้วโยนขึ้นฟ้า......โอ๋ๆ เค้าล้อเล่ง...อย่าโกรธน๊า

ของจริงอยู่นี่ค่ะ...
เอาไปล้างน้ำ 1 ที แล้วลวกน้ำร้อน แล้วเอาไปล้างน้ำเย็น แล้วลงลวกน้ำร้อนอีกที
เพราะว่าในเส้นบะหมี่มีแป้งเคลือบอยู่เยอะ ถ้าเอาไปลวกเลยเส้นจะเป็นเมือกๆแล้วก็ร่วนๆ
ควรล้างเอาแป้งออกไป แล้วการผ่านร้อนผ่านหนาว(บะหมี่สู้ชีวิต!!!) ก็จะทำให้เส้นมันเหนียวนุ่มขึ้น



อันนี้แบบแห้ง



อันนี้แบบน้ำ
ในครัวมีไข่แช่ซอสอยู่เลยเอามามั่วใส่ลงไปด้วยค่ะ
กะจะต้มให้เป็นยางมะตูม ต้มนานไปหน่อย เลยกลายเป็นไข่ต้มยางมะตอย???
แต่มันก็อร่อยดีนะจ๊ะ



หมูตุ๋น Texture สุดยอส เนื้อแทรกมัน มันแทรกกระดูกอ่อน นุ่มมมมมมั่กๆ



อันนี้แบบจุ๊ยส์ซี่ ชุ่มฉ่ำกรุบกรอบ

..

...

....


ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านผู้ชมทุกท่าน...นะจ๊ะ
รักนะ จุ๊บุ จุ๊บุ




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2552    
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 16:20:18 น.
Counter : 5693 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

CandyBee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





สวัสดีทุกๆคนที่หลงคลิกเข้ามาในนี้นะคะ
ถึงวันนี้คงไม่มีอะไรจะบอกไปมากกว่า
คำว่า "ขอบคุณ" ทุกคนที่คลิกเข้ามาเยี่ยม
ที่มีคอมเม้นต์ไว้ เราก็แวะไปเยี่ยมเยียน
เปิดได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่เน็ตรุ่นเต่า
ขาด้วนของที่บ้านเราจะอำนวย...
ทุกอย่างที่ทำลงบล๊อกนี้ ทำด้วยความตั้งใจ
อยากให้อาคันตุกะที่คลิกเข้ามาได้อ่าน
ได้เห็นแล้วรู้สึกสุขใจ ยิ้มบ้างขำบ้าง
เราคนทำ ก็มีความสุขแล้วค่ะ ขอขอบคุณ
ทุกท่านอีกครั้งที่ติดตามผลงานนะคะ



ภาพและข้อเขียนที่ปรากฏในเวปไซด์แห่งนี้เป็นของ
Candybee แต่ผู้เดียว ผลงานได้รับการคุ้มครองตาม
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ห้ามทำการแอบ
อ้างใช้ หรือดัดแปลง หรือกระทำการใดๆเพื่อก่อให้
เกิดความเสียหายแก่เจ้าของผลงานโดยมิได้รับอนุญาติ
จากเจ้าของที่เป็นลายลักษณ์อักษรโดยเด็ดขาด

Friends' blogs
[Add CandyBee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.